สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 928 กลับบ้านเดิม
บทที่ 928 กลับบ้านเดิม
……….
นางแต่งเข้ามาสามวันแล้ว เขาก็ป่วยมาสามวันเช่นกัน กระทั่งบัดนี้ นางยังบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่เลย
กู้จิ่นอวี๋ปรับอารมณ์ให้สงบ กำชับกับชุนหลิ่ว “เจ้าไปบอกนายท่านสาม ว่าข้าแข็งแรงดีมาก ไม่กลัวจะติดโรค เชิญเขามานอนในห้อง”
สตรีนางหนึ่งเอ่ยถึงขนาดนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าลดศักดิ์ศรีและหน้าตาทั้งหมดลงแล้ว
หากเขายังไม่มาอีก…
นางเติบโตในจวนใหญ่โต ไม่มีผู้ใดรู้ดีไปกว่านางว่าสตรีที่ไม่ถูกรัก จะมีชีวิตลำบากเพียงใด
นางไม่อาจเหยียบซ้ำรอยของสตรีเหล่านั้น
“เจ้าค่ะ” ชุนหลิ่วกัดฟันฝืนไปที่ห้องหนังสืออีกหน
ทว่าผลลัพธ์สองหนไร้ความแตกต่างกันแต่อย่างใด นายท่านสามเฉวียนยังคงยืนกรานจะนอนที่ห้องหนังสือ
ชุนหลิ่วเอ่ย “แต่นายท่านสามบอกว่า คืนนี้เขาจะพักรักษาตัวให้ดี พรุ่งนี้เช้าจะกลับบ้านเดิมเป็นเพื่อนคุณหนูเจ้าค่ะ”
ได้ยินมาถึงตรงนี้ กู้จิ่นอวี๋ก็สีหน้าคลายลงเล็กน้อย “นายท่านสามป่วยจริงๆ ไม่อยากให้ข้าติดไปด้วย นี่เขากำลังรักเอ็นดูข้า”
ชุนหลิ่วรีบพยักหน้าทันที “ถูกต้องเจ้าค่ะ นายท่านสามรักคุณหนู! ไม่เช่นนั้นจะปาดนิ้วตัวเอง ให้คนเอา ‘เลือดพรหมจรรย์’ ไปให้โหวฮูหยินดูได้อย่างไรเจ้าคะ”
กู้จิ่นอวี๋ทอดถอนใจ “เจ้าพูดถูก นายท่านสามเป็นคนเอาใจใส่ ข้าไม่ควรคิดเหลวไหล”
ชุนหลิ่วแย้มยิ้ม “ต้องอย่างนี้สิเจ้าคะ! บ่าวเตรียมส่งคุณหนูเข้านอนดีหรือไม่”
“อืม” กู้จิ่นอวี๋ไม่ได้ปฏิเสธ
ชุนหลิ่วปล่อยผมนางลงมา
กู้จิ่นอวี๋ถาม “เจ้าว่า ทางพี่สาวข้าจะเป็นอย่างไร แต่งให้คนคนเดียวถึงสองครา นางก็ช่างคิดได้”
ชุนหลิ่วแค่นเสียงเอ่ย “ข้าว่านะเจ้าคะ ท่านโหวน้อยเบื่อหน่ายนางไปนานแล้ว ผู้ใดเห็นใบหน้าดวงนั้นตั้งสี่ปีก็ต้องเบื่อหน่ายกันทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้นนางยังหน้าตาอัปลักษณ์เพียงนั้นอีก ท่านโหวน้อยแต่งกับนางเพราะหมดหนทาง นางเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตไทเฮากับฝ่าบาทเอาไว้ ซ้ำยังอาศัยฝีมือการแพทย์อันเก่งกาจของตัวเองรักษาอันกั๋วกงของแคว้นเยี่ยนให้หาย นอกจากเรื่องนี้แล้ว นางก็ไม่มีความสามารถใดแล้ว ข้าว่านะเจ้าคะ ท่านโหวน้อยแต่งนางกลับมาก็เป็นเพียงของประดับเท่านั้น นานวันเข้า นางได้ลำบากแน่”
กู้จิ่นอวี๋หลบตาลง จัดมุมอาภรณ์ของตัวเอง “นางกับท่านโหวน้อยแต่งงานกันมาสี่ปีก็ไม่มีทายาท เจ้าว่า…นี่เพราะเหตุใด”
ชุนหลิ่วหยิบหวีมาหวีผมให้นาง เอ่ยอย่างไม่แย่แส “แน่นอนว่านางคลอดไม่ได้อยู่แล้วเจ้าค่ะ! ที่แท้ก็เป็นแม่ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้นี่เอง! คุณหนู ท่านวางใจเถิด นางไม่ได้ใช้ชีวิตที่ดีอยู่ในจวนโหวหรอกเจ้าค่ะ!”
กู้จิ่นอวี๋ถอนหายใจเบาๆ “อย่างไรเสียนางก็เป็นพี่สาวข้า ใจข้าก็ยังหวังให้นางมีชีวิตที่ดีอยู่ดี”
…
วันรุ่งขึ้น กู้เจียวตื่นสายอีกแล้ว
นางนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เมื่อถูกอวี้หยาเอ๋อร์กดตัวนั่นลงให้นางหวีผม เซียวเหิงวุ่นงานอยู่ชั่วยามกว่าๆ ได้ เขาตระเตรียมของขวัญกลับบ้านทั้งหมดให้เรียบร้อย
นอกจากนี้ ก็ยังไปคารวะองค์หญิงซิ่นหยางกับเซวียนผิงโหวแล้วด้วย
ท่านพ่อท่านแม่เขาหยอกเย้าเขามาทีหนึ่ง บอกว่าอีอีใกล้จะมีหลันแล้ว
เซียวเหิงยิ้มแย้มไม่ได้เอ่ยอะไร ไม่ได้บอกท่านพ่อท่านแม่ว่าพวกเขาป้องกัน ยกเว้นครั้งแรกที่ประสบการณ์ไม่ค่อยจะดีนัก
ทว่าครานั้นน่าจะไม่ถึงขั้นตั้งครรภ์ได้ เพราะสถิติน้อยเกินไป
มื้อเช้าเป็นโจ๊กข้าวฟ่างถั่วแดง และพวกเครื่องเคียงที่ชั้นเลิศแสนอร่อยอย่างซาลาเปาไส้เนื้อแพะแครอท แป้งม้วนต้นหอม ขนมอบกรอบ
ทั้งสองเจริญอาหารมากทีเดียว กินทุกอย่างอย่างละนิดอย่างละหน่อย
กู้เจียวยังนั่งอยู่กับทางองค์หญิงซิ่นหยาง เซวียนผิงโหวเองก็อยู่ด้วย
อันที่จริงปกติตอนเช้าเซวียนผิงโหวจะไม่มา ทว่าตั้งแต่วันที่คารวะน้ำชา ก็ทำให้อีอีน้อยรู้แล้วว่าท่านพ่อรูปงามมาในตอนเช้าได้ ทุกวันพอตื่นลืมตาจึงเริ่มมองหาท่านพ่อ
“คุ้นชินกับการอยู่ที่นี่หรือยัง” องค์หญิงซิ่นหยางถามกู้เจียว
กู้เจียวเอ่ย “ชินแล้วเพคะ ดีมากทีเดียว!”
เครื่องเรือนของเรือนหลันถิงเป็นไปตามแบบที่กู้เจียวชื่นชอบ รายละเอียดบางอย่างกู้เจียวเองไม่ได้สังเกต ถูกองค์หญิงซิ่นหยางสังเกตเห็นมาจากตรอกปี้สุ่ย
“อันที่จริง ท่านแม่ไม่ต้องอยู่ทางนี้ตลอดก็ได้นะเพคะ” กู้เจียวหมายถึงจวนองค์หญิง
องค์หญิงซิ่นหยางเข้าใจเจตนาของนางก่อนจะตรัส “ไม่มีอะไรหรอก เมื่อก่อนย้ายจากที่นี่ออกไป เพราะอาเหิงตายแล้ว มาที่จวนองค์หญิงก็จะคิดถึงอาเหิง ยามนี้อาเหิงกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว ชิ่งเอ๋อร์ก็กลับมาแล้ว ที่นี่นอกจาก…”
อยู่ใกล้คนบางคนเกินไป ก็ไม่มีข้อเสียอื่นแล้ว
นางปรายตามองเซวียนผิงโหวอย่างไม่กระโตกกระตาก
ช่างเถิด หมู่นี้คนผู้นี้เหมือนจะไม่ได้น่ากระทืบเพียงนั้นแล้ว
เซวียนผิงโหวกำลังอุ้มลูกสาวตากลมอยู่ล่างระเบียงทางเดิน เขาหันหน้ามาโดยบังเอิญ สบสายตากับองค์หญิงซิ่นหยางพอดี
เขาเลิกคิ้วขึ้น “ฉินเฟิงหว่าน เจ้าแอบมองข้าอีกแล้ว!”
องค์หญิงซิ่นหยางกำหมัดแน่น นางขอถอนคำพูดเมื่อครู่คืน
คนผู้นี้มันน่ากระทืบยิ่งนัก!
องค์หญิงซิ่นหยางไม่อยากเห็นหน้าเขาอีก จึงตรัสอย่างเย็นชา “เจ้าไม่ต้องไปประชุมเช้ารึ”
เซวียนผิงโหวยิ้มเอ่ย “ข้าลางาน”
องค์หญิงซิ่นหยางแค่นเสียงตรัส “เจ้าลางานอะไร อาเหิงแต่งงาน ไม่ใช่เจ้าแต่งเสียหน่อย!”
เซวียนผิงโหวมองลูกสาวตัวน้อยในอ้อมอก ก่อนเอ่ยอย่างหน้าด้านๆ ไร้ยางอาย “ลาคลอด!”
องค์หญิงซิ่นหยาง “…!!”
…
กู้เจียวกับเซียวเหิงออกมาจากจวนองค์หญิง ขึ้นนั่งรถม้าไปยังจวนกั๋วกง
วันนี้ก็เป็นวันกลับบ้านเดิมของกู้จิ่นอวี๋เช่นกัน
นางไม่เอาแต่ใจตัวเองเหมือนกู้เจียว อยากจะตื่นเวลาใดก็ตื่น นางไปทำตามธรรมเนียมกับทางแม่สามีตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ปรนนิบัติแม่สามีทานมื้อเช้าแล้วก็กลับเรือนตัวเองมานับของขวัญกลับบ้านเดิม
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เสร็จเรียบร้อยเหมาะสม คุณชายสามเฉวียนเพิ่งจะตื่น
ยามนี้ พวกเขาคารวะกู้เหล่าฮูหยินกับนายท่านอาวุโสกู้เรียบร้อยแล้ว กำลังจะกลับจวน
รถม้าเพิ่งจะเคลื่อนได้ไม่ทันไร กู้จิ่นอวี๋ก็ได้ยินเสียงเกือกม้าควบมา
จะว่าไปก็แปลก นางกับกู้เจียวไม่ได้สนิทกัน แต่ทุกคราขอแค่เป็นม้าของอีกฝ่าย นางก็จะแยกออกเสมอ
นั่นเป็นม้าเฮยเฟิงที่ลงสมรภูมิเข่นฆ่ามาก่อน แผ่กลิ่นอายสังหารรุนแรง อยู่ตั้งไกลแท้ๆ แต่ม้าของจวนชางผิงโหวก็ยังได้รับความตกใจอยู่ดี
กู้จิ่นอวี๋เลิกม่านขึ้นมอง บังเอิญเห็นขบวนรถม้าจอดอยู่หน้าจวนกั๋วกงพอดี
เซียวเหิงในอาภรณ์ไหมสีขาวจันทราเสี้ยวจูงมือกู้เจียวในอาภรณ์เขียวลงจากรถม้า
กู้จิ่นอวี๋แค่นเสียงเหน็บแนม
สตรีนางนั้นเป็นวรยุทธ์ ยังต้องให้คนประคองอีกรึ
ระมัดระวังปานนี้ เห็นแม่นั่นเป็นของล้ำค่าหรือไร
“หยุดรถ!” กู้จิ่นอวี๋เอ่ย
คุณชายสามเฉวียนที่หลับตาพักผ่อนพลันลืมตาขึ้น ถามอย่างไม่เข้าใจ “เกิดอะไรขึ้น”
กู้จิ่นอวี๋ยิ้มอ่อนโยน เอ่ย “ข้าเห็นพี่สาวกับพี่เขยข้า ข้าอยากไปทักทายพวกเขาสักหน่อยเจ้าค่ะ”
คุณชายสามเฉวียนถาม “ท่านโหวน้อยน่ะหรือ”
จวนชางผิงโหวอยู่เขตตะวันออก นับว่าไปมาหาหาสู่กับตระกูลเซียวอยู่บ้าง แต่งงานครานี้เนื่องจากเป็นวันเดียวกัน จึงไม่อาจไปร่วมงานมงคลของกันและกันได้ แต่ได้ยินคนในบ้านบอกว่าส่งของขวัญแสดงความยินดีไปแล้ว
คุณชายสามเฉวียนเอ่ย “ก็ได้”
ทั้งสองลงรถม้า
คุณชายสามเฉวียนลงมาก่อน ลงเสร็จก็เดินไปเลย ไม่สนใจกู้จิ่นอวี๋สักนิด
ไม่เปรียบเทียบก็ไม่ปวดใจ
ตอนไปจวนโหวก็ลงรถเช่นนี้ กู้จิ่นอวี๋ไม่ได้รู้สึกว่ามีที่ใดผิดแผก ทว่ามาเห็นเซียวเหิงปฏิบัติต่อกู้เจียวแล้ว นางก็พลันจิตใจรู้สึกไม่เป็นธรรม
นางกัดฟันมองกู้เจียวแวบหนึ่ง วันนี้กู้เจียวสวมผ้าคลุมหน้า ปิดบังใบหน้ากว่าครึ่งของตัวเอง เผยแค่เพียงหน้าผากเกลี้ยงกลมและคิ้วตาอันประณีต
“พี่สาว พี่เขย บังเอิญจริง”
นางจับมือคุณชายสามเฉวียนเดินไปหาทั้งสอง
คุณชายสามเฉวียนขมวดคิ้วชักมือกลับ
กู้จิ่นอวี๋กระอักกระอ่วนขึ้นมาในใจ แต่สีหน้ากลับไม่แสดงชัด ยังคงยิ้มแย้มต่อไปพลางเอ่ย “วันนี้พี่สาวก็กลับบ้านหรือ เหตุใดจึงสายเพียงนี้ คงไม่ได้นอนจนตะวันโด่งค่อยตื่นหรอกกระมัง พี่สาวยังนึกว่าตัวเองเป็นสตรีที่ไม่ได้ออกเรือนอยู่อีกหรือ”
คุณชายสามเฉวียนทักทายเซียวเหิงด้วยสายตากระตือรือร้น “ท่านโหวน้อย”
เซียวเหิงผงกศีรษะน้อยๆ
ทั้งสองตระกูลไม่ค่อยสนิทกัน แต่ความสัมพันธ์ก็ไม่ได้ย่ำแย่
เพียงแต่ถ้อยคำของกู้จิ่นอวี๋ ฟังแล้วเขาชักจะทนไม่ได้
กู้เจียวย้อนถาม “แต่งงานแล้วยังต้องตื่นเช้ากว่าไก่อีกหรือ”
กู้จิ่นอวี๋สะอึก
กู้เจียวถามเซียวเหิงเสียงเบา “แต่ข้าตื่นสายเพียงนี้มันไม่ค่อยดีหรือไม่”
เซียวเหิงลูบศีรษะนางอย่างรักใคร่ก่อนจะเอ่ย “ได้อย่างไรเล่า แม่ข้าไม่ต้องการให้เจ้าทำตามธรรมเนียมเสียหน่อย นางเป็นคนกำชับข้าว่าไม่ต้องปลุกเจ้า ให้เจ้านอนให้มากๆ หน่อย”
ในถ้อยคำนี้มีสองนัยยะ หนึ่ง องค์หญิงซิ่นหยางเอ็นดูกู้เจียว สอง เซียวเหิงตื่นเช้ากว่ากู้เจียว
นางไม่ต้องปรนนิบัติแม่สามีกับสามีตัวเองรึ!
กู้จิ่นอวี๋ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง!
ต่อให้ตอนนั้นแม่นางเหยาได้รับความรักเอ็นดูจากท่านโหวกู้มากเพียงนั้น แต่อยู่ในจวนก็ยังต้องดูสีหน้าของกู้เหล่าฮูหยินอยู่ดี!
เซียวเหิงเอ่ยเสียงนิ่งกับคุณชายสามเฉวียน “ไม่มีธุระใดแล้ว พวกเราขอเข้าไปก่อน คุณชายเฉวียน ไว้พบกัน”
ฐานะของคุณชายสามเฉวียนสูงส่งไม่เท่าเซียวเหิง เขารีบประสานมือคำนับให้ “พี่เขยค่อยๆ เดิน พี่สาวค่อยๆ เดิน”
กู้เจียวคร้านจะปะทะฝีปากกับกู้จิ่นอวี๋ จึงหันหลังเดินขึ้นบันไดไปกับเซียวเหิง
“ระวัง” เซียวเหิงจูงมือนาง เตือนนางว่าบนบันไดมีหีบอยู่
สี่ปีแล้ว…
ไม่ควรเบื่อหน่ายไปนานแล้วหรอกหรือ
เหตุใดพวกเขาสองคนจึงหวานชื่นกันกว่าแต่ก่อนที่นางเห็นอีกเล่า
กู้จิ่นอวี๋เกิดความริษยาอันเข้มข้นขึ้นในใจ!
ถือดีอย่างไรเรื่องดีๆ ในโลกนี้จึงเป็นของกู้เจียวหมด
ตนสู้นางไม่ได้ที่ตรงไหน!
“พี่สาว!”
นางเรียกกู้เจียวไว้
“มีอะไรอีก” กู้เจียวถาม
กู้จิ่นอวี๋เอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง “ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากบอกว่าผ้าคลุมหน้าของพี่สาวสวยดี เดิมทีพี่สาวไม่ใส่ผ้าคลุมหน้านี่นา คิดไม่ถึงว่าเพื่อเจอหน้าข้าสองครานี้ จะใส่ผ้าคลุมมา อันที่จริงพี่สาวไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เลยนะเจ้าคะ อยู่ต่อหน้าข้ามีอะไรให้รู้สึกอับอายที่เทียบไม่ได้กันเล่า”
กู้เจียวเอ่ย “ข้ารู้สึกอับอายที่เทียบไม่ได้อย่างนั้นรึ”
คุณชายสามเฉวียนก็ได้ยินมาเช่นกัน ว่าภรรยาคนนี้ที่ท่านโหวน้อยแต่งด้วยเป็นสตรีอัปลักษณ์โดยแท้
ต้องทราบก่อนว่า ท่านโหวน้อยเซียวเป็นถึงหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งแคว้นเจา มีภรรยาอัปลักษณ์ ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก!
ขณะนั้นเอง ชาวบ้านรอบๆ ก็มามุงดูบรรยากาศคึกคักไม่น้อย แม้แต่รถม้าที่ผ่านทางมาก็พากันจอด
พวกเขาต่างอยากรู้ว่าภรรยาอัปลักษณ์ที่ท่านโหวน้อยแต่งงานด้วยจะมีหน้าตาเช่นไร จะอัปลักษณ์จนถึงขั้นมนุษย์โกรธเทพเจ้าเคืองหรือไม่
……….