สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 897 หลงอีออกโรง
บทที่ 897 หลงอีออกโรง
……….
เซวียนผิงโหวคาดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอหลงอีที่นี่ เขายังคงสวมหน้ากากอันเดิมกับที่เคยสวมตอนเข้าไปอยู่ในจวนองค์หญิงใหม่ๆ ราวกับว่าไม่เคยถอดมันเลย
บางทีเขาอาจจะเคยเปลี่ยนมัน เพียงแต่ลักษณะของมันยังเหมือนเดิม
แปลกจัง ไม่ใช่ว่าเขาเดินทางไปกับอาเหิงเพื่อเจรจากับแคว้นเฉินหรอกรึ
เพราะตอนที่เซวียนผิงโหวออกมาจากเมืองฉวี่หยาง เซียวเหิงยังไม่กลับมา จึงไม่รู้เรื่องที่หลงอีแยกกับเซียวเหิงแล้ว
เขามองด้านหลังหลงอีว่ามีใครมาอีกหรือไม่
แต่ก็ไม่เห็นใคร
แบบนี้ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ ไยหลงอีถึงปรากฏตัวที่นี่ลำพัง
นอกจากนี้ มีบางอย่างในตัวหลงอีที่เปลี่ยนไป
ความคิดของเขาหยุดลงเพียงเท่านี้ด้วยพลังงานร่างกายที่จำกัด
จากนั้นเขาก็นึกเรื่องสำคัญได้
เขาพยายามรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีเพื่อเปล่งเสียงอันแหบแห้งของเขา ทว่ามันเบาเกินและถูกกลบด้วยเสียงลมไปโดยปริยาย
เขาไม่แน่ใจว่าหลงอีจะจำเขาได้หรือไม่ ด้วยความที่เนื้อตัวของเขาถูกหิมะกัดกร่อนจนดูไม่ได้
หลงอียืนอยู่บนพื้นน้ำแข็งแผ่นใหญ่ ไม่ได้มีท่าทีจะรีบเข้ามาแต่อย่างใด
และดูเหมือนว่าหมาป่าที่มาด้วยกันกับหลงอีเองก็ไม่อยากก้าวเท้าออกมา พลางใช้จมูกดมกลิ่นที่อยู่เบื้องหน้ามัน
อันตราย ขยับไม่ได้เด็ดขาด
แม้แต่ก้าวเดียว
เปรี๊ยะ!
เซวียนผิงโหวเองก็ได้ยินเสียงพื้นน้ำแข็งทีกำลังแตก ดูเหมือนมันใกล้จะรับน้ำหนักของธารน้ำแข็งไว้ไม่ไหวแล้ว เกรงว่าอีกไม่นานร่างของเขาจะร่วงหล่นลงไปในน้ำพร้อมกันกับธารน้ำแข็งเหล่านี้
ท่อนล่างของเขาตั้งแต่ช่วงเอวลงไปถูกธารน้ำแข็งกดไว้จนไร้ความรู้สึก เขาเงยหน้าขึ้น พยายามหายใจลึกๆ เพื่อเรียกพลังกลับมา
เขาไม่ตะเกียกตะกายต่อ เพื่อไม่ให้แผ่นน้ำแข็งเปราะแตกไปมากกว่านี้
“หลงอี” ในที่สุดเขาก็มีแรงเอ่ยปากเรียกชื่ออีกฝ่าย “เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร มาคนเดียวรึ”
“อื้อ” หลงอีตอบเขา เท่ากับว่าเขาตอบคำถามข้อหลังที่เซวียนผิงโหวถามไปแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงของเซวียนผิงโหว หลงอีจึงเดินไปตามเสียง
แววตาของเซวียนผิงโหวเบิกกว้างทันที
เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อครู่นี้หลงอี…ตอบเขาอย่างนั้นรึ
หลงอีพูดได้แล้วหรือ
เซวียนผิงโหวพอจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับหลงอีจากปากของจวงไทเฮาและกู้เจียวมาบ้าง เขารู้ว่าที่จริงแล้วหลงอีไม่ใช่ทหารองครักษ์หลงอิ่งที่จักรพรรดิองค์ก่อนมอบหมายให้ดูแลฉินเฟิงหว่าน
แต่หลงอีความจำเสื่อม และได้จับพลัดจับผลูมาเป็นทหารหลงอิ่ง
แล้วเขาก็ทำตัวเป็นทหารหลงอิ่งจริงๆ และเปลี่ยนให้ตัวเองเป็นคนใบ้
หลงอีจ้องมองไปที่ธารน้ำแข็งที่กำลังกดทับร่างของเซวียนผิงโหว ราวกับกำลังใช้ความคิดว่าจะช่วยเขาออกมาอย่างไรดี
เขาถอดถุงมือข้างขวาออก แล้วคว้าด้ามดาบ
เซวียนผิงโหวเห็นดังนั้นก็รู้ทันทีว่าหลงอีต้องการใช้ดาบฟันเข้าไปทีธารน้ำแข็ง แล้วเหาะตัวเข้ามานำร่างเขาออกไป
ด้วยความสามารถของหลงอีแล้ว เขาทำได้แน่นอน
แต่หากแรงดาบนั้นมากเกิน อาจทำให้กระแสน้ำใต้น้ำแข็งรุนแรงขึ้นกว่าเดิมจนกล่องนั้นถูกพัดหายไป
เขาไม่มีเวลากลับไปที่เกาะอั้นเย่อีกรอบแล้ว
“หลงอี…เจ้าไม่ต้องสนใจข้า…รีบตามหากล่องนั้นให้เจอเร็วเข้า…”
หลงอีจึงกวาดตามองไปรอบๆ
ในที่สุดก็เจอกับกล่องที่ลอยอยู่เหนือผืนน้ำ ด้วยความที่กล่องนั้นถูกเคลือบด้วยขี้ผึ้งสีแดง
หากจะเก็บมันขึ้นมาก็ต้องกะเทาะพื้นน้ำแข็ง ซึ่งถ้าทำเช่นนั้น ร่างของเซวียนผิงโหวอาจจมลงไปพร้อมกันกับธารน้ำแข็ง
สายตาของเซวียนผิงโหวไร้ซึ่งความกลัว ยังคงยิ้มและเอ่ยกับหลงอี “เอากล่องนั้น…ให้เจียวเจียว…นางรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรกับของในนั้น…”
เขาไม่ได้เป็นนาย ไม่ได้เป็นคู่หูของหลงอี
หลงอีจะปฏิเสธเขาก็ย่อมได้
“หลงอี” เซวียนผิงโหวจ้องหน้าหลงอี
ชีวิตนี้เขาไม่เคยต้องอ้อนวอนขอร้องใคร
และน้ำเสียงของเขาก็หาใช่คำสั่งไม่
“อย่างไรเสีย นายของเจ้าคงไม่อยากเจอข้าอยู่แล้ว ข้าจะอยู่หรือไปคงไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญกว่าคือของในกล่องนั้นต่างหาก มันคือยาที่สามารถช่วยชีวิตลูกชายของนายเจ้าได้ หากสูญเสียลูกชายไป…นายเจ้าต้องเศร้าโศกมาแน่ๆ ”
…
เมืองฉวี่หยางในช่วงเดือนสิบเอ็ดถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว
เวลาผ่านล่วงเลยไปหลายวัน นับตั้งแต่ตอนที่เซียวเหิงและซ่างกวานชิ่งออกเดินทาง
“นี่ก็กลางเดือนแล้วสินะ” กู้เจียวเอ่ย
เซวียนผิงโหวออกเดินทางไปตั้งแต่วันที่สิบหกของเดือนสิบ นี่ก็ใกล้จะเดือนนึงแล้ว ไม่รู้ว่าเขาตามหาหญ้านั้นเจอหรือยัง
แม้ซ่างกวานชิ่งจะตัดใจยอมแพ้ไปแล้ว แต่กู้เจียวไม่คิดเช่นนั้น นางยังคงตั้งตารอความหวังสุดท้าย
“ถ้าคืนนี้เขาไม่กลับมา เกรงว่าคงจะตามพวกเขาไปไม่ทัน” กู้เจียวเอ่ยพร้อมกับมองไปยังแผนที่
ทว่าคืนนั้น เซวียนผิงโหวก็ไม่ได้กลับมา
เช้าวันรุ่งขึ้น กู้เจียวตื่นตามปกติ ระหว่างที่กำลังจะไปให้อาหารเจ้าเฮยเฟิง พอลงจากเตียงปุ๊บ ก็รู้สึกเหมือนเหยียบอะไรบางอย่างเข้า
กู้เจียวก้มลงมอง ก็เห็นกล่องกล่องหนึ่งที่ถูกเคลือบไว้ด้วยขี้ผึ้งสีแดง
อีกทั้งมีเศษน้ำแข็งติดอยู่ประปราย
“ใครเอามาวางไว้ตรงนี้นะ เมื่อคืนก็ไม่เห็นจะมีนี่นา ใครแอบเอามาวางไว้นะ”
ในหัวกู้เจียวเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถถาม
พอกู้เจียวหยิบกล่องขึ้น ก็พบกับดินสอที่คุ้นเคย
“หลงอีนี่นา…”
หลงอีมาที่นี่
แสดงว่ากล่องนี้หลงอีเป็นคนเอามาวางสินะ!
กู้เจียวคว้ากล่องออกมาข้างนอก แล้วก็บังเอิญเจอกับที่ปรึกษาหูที่กำลังเดินเอาน้ำร้อนมาส่งพอดี
“ไอ้หยา!”
ที่ปรึกษาหูพยายามถอยหลัง แต่ก็ไม่ทันการ
เดชะบุญที่กู้เจียวหลบไปด้านข้างได้ทัน ส่วนที่ปรึกษาหูก็เกิดเซเล็กน้อย แต่โชคดีที่ไม่ล้ม
เขาหันไปถามกู้เจียวด้วยสีหน้าตกใจ “ใต้เท้าจะรีบไปไหนรึ”
“เจ้าเห็นคนผ่านมาทางนี้ไหม”
“ที่นี่…ก็มีแต่คนไม่ใช่หรือ…”
“เขาสูงประมาณนี้” กู้เจียวเอ่ยพร้อมกับทำมือ “สวมหน้ากาก พกดาบยาว”
ที่ปรึกษาหูส่ายหน้า “ไม่เห็นขอรับ ใต้เท้าหมายถึงผู้บุกรุกหรือขอรับ”
ทั้งสวมหน้ากากทั้งพกดาบ แถมยังตัวสูง ไม่กลัวสิแปลก
“ช่างเถอะ ขนาดข้าเขายังไม่กล้าปลุกเลย คงไม่อยากให้ใครรู้ตัว” กู้เจียวเบือนหน้าลง แล้วกลับเข้าไปในห้องตามเดิม
ที่ปรึกษาหูยกมือเกาหัว “ไยข้าถึงรู้สึกว่าใต้เท้าดูหม่นหมองชอบกลนะ”
กู้เจียวนั่งลง จากนั้นวางดินสอและกล่องไว้บนโต๊ะ แล้วก็เพิ่งจะเห็นว่าบนกล่องนั้นมีกระดาษแนบไว้อยู่แผ่นนึง
กู้เจียวกะเทาะน้ำแข็งที่เกาะอยู่บนกล่องออกทั้งหมด จากนั้นหยิบกระดาษขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง แล้วคลี่มันไว้บนโต๊ะ
เป็นรูปวาดที่ร่างด้วยดินสอ
หลังจากที่เซียวเหิงตัดสินใจช่วยเหลือหลงอีฟื้นความจำ เขาจึงสอนให้หลงอีเอ่ยได้และเขียนออก แต่ดูเหมือนหลงอีจะชอบการวาดภาพเป็นพิเศษ
บนกระดาษนั้นเป็นภาพชายคนหนึ่งถูกธารน้ำแข็งกดร่างไว้ท่ามกลางพายุหิมะ พื้นน้ำแข็งที่อยู่ใต้ร่างชายคนนั้นมีรอยแตก และมีกล่องสีแดงลอยอยู่ไกลจากจุดที่ชายคนนั้นอยู่
บริเวณรอบๆ นั้นเต็มไปด้วยเทือกเขาที่ไม่สิ้นสุด
ซึ่งคือชายแดนตอนเหนือของแคว้นเยี่ยน
และแล้วกู้เจียวก็เข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่าง
ชายที่ถูกธารน้ำแข็งกดทับก็คือเซวียนผิงโหว เขาเดินเท้าเปล่าฝ่าสภาพอากาศอันเลวร้ายของทุ่งน้ำแข็ง ขณะที่เขากำลังจะเข้าใกล้ชายแดนแคว้นเยียน จู่ๆ ก็เจอกับธารน้ำแข็งถล่ม
เขาอาจจะไม่รู้ตัว แต่เขาเดินทางมาถึงจุดที่ใกล้เขตชายแดนแล้ว
ระยะห่างเพียงแค่ลี้เดียวเท่านั้น
เขาคือบุรุษคนแรกที่ทำแบบนั้นได้ เขาได้สร้างปาฏิหารย์ที่ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะคิด
น่าเสียดายที่เขาสละชีวิตทั้งหมดเพื่อลูกชาย
หลงอีคงจะบังเอิญผ่านไปแถวนั้นพอดี และเซวียนผิงโหวก็เลือกที่จะสละชีวิตของตนเอง
ร่างของเขาจมลงไปพร้อมกับธารน้ำแข็ง และไม่อาจนำศพขึ้นมาได้
สิ่งที่อยู่ในกล่องนั้น จึงกลายเป็นยาที่มีมูลค่ามหาศาล หรือเรียกได้ว่าหาค่าไม่ได้ไปโดยทันที
ถ้าอาเหิงรู้เรื่องนี้จะเสียใจแค่ไหน
คราวก่อนก็โคลนดูดไปที คราวนี้เป็นธารน้ำแข็ง แต่ครั้งก่อนนางยังมีนิมิต แต่ครั้งนี้ไยถึงไม่มีเลยล่ะ
กู้เจียวคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไร นางไม่ควรจมอยู่กับความรู้สึกเป็นเวลานานเกิน เจ้ากล่องนี้ เซวียนผิงโหวแลกมันมาด้วยชีวิตของเขา นางจะไม่ยอมให้เขาตายเปล่าโดยเด็ดขาด
กู้เจียวลอกขี้ผึ้งออก เปิดกล่อง และได้เห็นว่าในกล่องนั้นนอกจากจะมีจื่อเฉ่าแล้ว ยังมีดอกสีม่วง รวมถึงผลสีขาวที่มีขนาดเท่ากับลูกแก้วอีกกล่อง
อีกทั้งมีจดหมายเล็กๆ แนบไว้ที่ฝากล่อง
จดหมายฉบับนี้เขียนโดยเซวียนผิงโหว เป็นข้อมูลเกี่ยวกับจื่อเฉ่าตามความเข้าใจของเขา
ตัวก้านของจื่อเฉ่ามีพิษรุนรแง ตัวดอกก็เช่นกัน เพียงแต่พิษของมันน้อยกว่าส่วนก้าน ขณะที่ตัวผลมีฤทธิ์ถอนพิษได้
แต่เขาไม่รู้ว่าผลของมันจะมีฤทธิ์ถอนพิษชนิดอื่นนอกจากพิษของจื่อเฉ่าได้หรือไม่
นอกจากนี้ ตัวผลของมันไม่มีพิษผสม ไม่มีผลข้างเคียง ต่างกันกับจื่อเฉ่าโดยสิ้นเชิง
“คงจะดีถ้ามันช่วยถอนพิษให้ช่างกวานชิ่งได้ หากไม่ได้ผล คงต้องลองใช้จื่อเฉ่าดู” กู้เจียวเอ่ย
ไม่อาจละทิ้งทุกความเป็นไปได้
กู้เจียวรีบไปที่ห้องปรุงยา หยิบจื่อเฉ่าขึ้นมาหนึ่งกำ สกัดพิษออกมา แล้วนำมาทำเป็นยาเม็ด
กู้เจียวห่อตัวยาอย่างมิดชิด จากนั้นเรียกเหวินเหรินชงให้เข้ามา “ข้าจะออกไปข้างนอก”
เหวินเหรินชงได้กลิ่นยาทันทีที่เข้ามาข้างใน เขาเข้าใจสถานการณ์ได้ทันที “ท่านจะออกไปหาพระนัดดาใช่หรือไม่ เกรงว่าจะทำเช่นนั้นไม่ได้แล้วขอรับ คนของเงาทมิฬเพิ่งส่งข่าวมาบอกว่าเส้นทางที่พระราชนัดดาเดินทางนั้นได้จับตัวเป็นน้ำแข็งไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วขอรับ”