สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 896 รักของพ่อดั่งภูผา
บทที่ 896 รักของพ่อดั่งภูผา
……….
เซวียนผิงโหวกระตุกมุมปาก “อะไรจะโชคร้ายขนาดนั้น หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ ”
เจ้าหลิงหวังเริ่มจะถึงขีดจำกัดของมันแล้ว ทว่ามันจำเป็นต้องทะลุขีดจำกัดของมันอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นพวกมันจะต้องจบชีวิตลงที่นี่แน่
เจ้าหลิงหวังกัดฟันแน่นพร้อมกับพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง
พื้นน้ำแข็งทั้งสองฝั่งที่ขนาบข้างเริ่มเกิดรอยแตก มันไม่อาจเลี้ยวเพื่อขึ้นฝั่งได้ ทำได้เพียงวิ่งไปข้างหน้าเรื่อยๆ
เปรี๊ยะ
พื้นน้ำแข็งที่อยู่ใต้รถเลื่อนเริ่มรับแรงไม่ไหวและเกิดรอยแตก เจ้าหลิงหวังเร่งความเร็วให้มากกว่าเดิมเพราะไม่อย่างนั้นรถเลื่อนอาจตกลงไปได้
และแล้วก็รอดมาได้อย่างหวุดหวิด!
หลิงหวังวิ่งนำฝูงหมาป่าไปด้วยความเร็วสุดขีด และแล้วพื้นน้ำแข็งที่อยู่ด้านหลังรถเลื่อนก็เกิดรอยแตกและแยกออกจากกัน!
การเดินทางครั้งนี้ยากและอันตรายกว่าทำสงครามหลายเท่า เพราะการทำสงครามคือการสู้รบระหว่างคน ยังพอควบคุมได้ แต่ครั้งนี้เขาต้องสู้กับภัยธรรมชาติที่เลวร้าย หากพลาดแค่นิดเดียวก็อาจถึงแก่ความตายได้
หัวใจของเซวียนผิงโหวแทบจะทะลุออกมา ตั้งแต่เกิดมาจนป่านนี้ยังไม่เคยเจอเรื่องหวาดเสียวขนาดนี้มาก่อน ถ้ายังเป็นแบบนี้อีกสักสองรอบ มีหวังเขาได้หัวใจวายตายก่อนแน่
โชคดีที่พวกเขาขึ้นฝั่งมาได้แล้ว
ทั้งคนและหมาป่าทั้งฝูงต่างพากันนอนหอบบนพื้น
ตามปกติแล้ว หมาป่าจะเชื่อฟังคำสั่งคน เว้นเสียแต่ในกรณีที่มันสัมผัสได้ถึงอันตราย มันจะขัดคำสั่งและหาเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด
เซวียนผิงโหวยิ้มอย่างพอใจ “ดีนะที่พวกเจ้าไม่ใช่หนูน้อย แต่เป็นหมาป่าที่ฉลาดและมีประสบการณ์”
เอ่ยจบก็หยิบเนื้อแห้งขึ้นมาป้อนพวกมันทุกตัว จากนั้นก็เตรียมตัวออกเดินทางต่อ
ทว่าคราวนี้ เจ้าหลิงหวังกลับไม่ยอมขยับตัวเลย
เซวียนผิงโหวลงจากรถแล้วเดินมายังด้านหน้าสุดของขบวนเพื่อตรวจสายจูงและสายบังเหียนว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่
ทว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
“หลิงหวัง ต้องออกเดินทางแล้ว” เขาเอ่ยพลางเอามือตบเบาๆ ที่หลังของมัน
ทว่าหลิงหวังยังคงเหมือนเดิม ไม่ขยับไปไหน
สักพัก มันก็เดินวนอยู่ที่เดิมหลายรอบ และพยายามส่งสายตาที่แสดงให้เห็นถึงความกังวลให้เขา
เซวียนผิงโหวจึงเริ่มเข้าใจว่าเบื้องหน้ามีพายุหิมะ ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาเจอพายุหิมะ เจ้าหลิงหวังเลือกที่จะวิ่งอ้อม ทว่าสายตาของมันไม่ได้เผยให้เห็นความกังวลแบบตอนนี้
เกรงว่าพายุหิมะครั้งนี้จะรุนแรงกว่ารอบก่อน
หลิงอ๋องส่งเสียงครางหงิงๆ ก่อนจะเดินถอยหลังสองสามก้าว
จากนั้นหมาป่าทั้งฝูงก็รับรู้ได้ถึงสัญญาณที่จ่าฝูงส่งให้ แล้วก็ทยอยพากันทำท่ากังวล
สุดท้าย เจ้าหลิงหวังตัดสินใจเลี้ยวกลับ
ธารน้ำแข็งมีรอยร้าวแล้ว พวกมันไม่สามารถเดินบนนั้นได้ จึงทำได้แค่เดินทางอ้อมไปทางทิศตะวันออก
พวกมันไม่สามารถใช้เส้นทางที่มุ่งหน้าไปทางแคว้นเยี่ยนได้อีก
กว่าจะมาถึงจุดนี้นั้นไม่ง่ายเลย พวกมันเดินทางมากันได้ครึ่งทางแล้ว หากจะเดินทางกลับไปที่เกาะอั้นเย่อีก ก็เท่ากับว่าความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดนั้นสูญเปล่า!
สัญชาติญาณของเซวียนผิงโหวบอกว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่พวกเขาจะได้ข้ามทุ่งน้ำแข็งนี้ หากไม่ใช่ครั้งนี้ พวกเขาจะไม่โอกาสออกไปได้อีก
“ท่านจำไว้นะ หากเจ้าหลิงหวังไม่ยอมนำทางท่าน แสดงว่าเกินความสามารถของมันแล้ว ท่านห้ามฝืนมันโดยเด็ดขาด!”
เสียงเตือนของฉังอิงแวบเข้ามาในหัว แววตาของเขานิ่งลงทันที
ชิ่งเอ๋อร์กำลังรอหญ้าสีม่วงจากเขาอยู่ ต่อให้ฟ้าถล่มภูเขาทลาย เขาต้องฝ่าไปให้ได้!
เขามองไปทางฝูงหมาป่าที่กำลังวิ่งไปข้างหน้า จากนั้น เขาก็คว้าดาบขึ้นมา
เจ้าหมาป่าเอ๋ย กลับบ้านของเจ้าไปเถิด งานของเจ้าเสร็จแล้ว
จากนี้ ข้าจะไปต่อเองคนเดียว
เขายกดาบขึ้น จากนั้นตัดเชือกทั้งหมดที่ผูกติดกับตัวพวกมัน
เมื่อไม่มีน้ำหนักถ่วงด้านหลัง ฝูงหมาป่าก็วิ่งไปได้ไกลกว่าเดิม
จู่ๆ เจ้าหลิงหวังก็ชะงักแล้วหันมาทางเซวียนผิงโหว
มันคิดในใจ พายุหิมะกำลังเข้ามาใกล้ มนุษย์คนนี้จะต้องตาย
มันสัมผัสได้ถึงจิตใจที่ดีงามของมนุษย์คนนี้ ทว่ามันจำเป็นต้องพาเพื่อนของมันกลับไปอย่างปลอดภัย
เซวียนผิงโหวหยิบตะกร้าที่อยู่บนรถเลื่อนออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปปะทะกับพายุหิมะที่กำลังมาทางนี้
…
เซวียนผิงโหวจำไม่ได้ว่าเขาเดินฝ่าพายุหิมะนี้มากี่วันกี่คืนแล้ว ใบหน้าของเขาไร้ความรู้สึก ริมฝีปากบนล่างไม่สามารถประกบได้ มือและเท้าของเขาก็ชาไปหมด
สภาพของเขาตอนนี้ไม่ต่างอะไรกันกับศพที่เดินได้
ขาของเขาทั้งสองข้างเริ่มอ่อนแรง จนเข่าข้างหนึ่งของเขาเริ่มทรุดลงพื้น
เขาใช้ดาบยันร่างของเขาไว้
เขาหยุดไม่ได้
ชิ่งเอ๋อร์กำลังรอเขาอยู่
เขาต้องกลับไป
ผิวบนฝ่ามือของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ และใช้ฝ่ามือนั้นยันที่พื้นหิมะจนเกิดเป็นรอยเลือดรูปฝ่ามือ
อุณหภูมิร่างกายของเขาเริ่มลดลง ไม่มีที่กำบังให้เขาเลย
ยิ่งไปกว่านั้น เขาเริ่มรู้สึกหลงทางเรื่อยๆ จนไม่แน่ใจว่าต้องเดินอีกไกลแค่ไหนจึงจะถึงฝั่ง
จนกระทั่งร่างกายของเขาเริ่มแบกรับไม่ไหว และล้มลงไปบนพื้นหิมะอันเย็นเยือกในที่สุด
…
เซวียนผิงโหวตื่นขึ้นและพบว่ารอยแผลบนหน้าผากของเขาได้แห้งไปแล้ว
เขาพยายามขยับร่างของเขาที่แข็งจนจะกลายเป็นหินไปแล้ว พยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาด้วยความยากลำบาก จากนั้นหยิบดาบที่ตกอยู่ด้านข้างขึ้นมาใช้มันเป็นไม้เท้า
เรี่ยวแรงของเขาใกล้หมดลงทุกที และในตอนนั้นเอง ภูเขาน้ำแข็งที่อยู่ด้านหน้าเขาก็เกิดถล่มลงมากะทันหัน เขาไม่มีแรงแม้แต่จะหนี
ความคิดแรกที่เข้ามาในหัว หาใช่เอาตัวรอดไม่ แต่เขาเลือกที่จะโยนตะกร้าออกไปให้พ้นตัว
สิ้นเสียงครืนของภูเขาหิมะ ร่างของเขาก็ถูกจมอยู่ในหิมะที่ถล่มลงมา
ตะกร้าของเขาโดนแรงอัดจนฉีดขาด ข้าวของที่อยู่ข้างในกระจัดกระจายออกมา รวมถึงกล่องที่ถูกห่อหุ้มด้วยหนังสัตว์ก็ถูกน้ำแข็งบาดจนขาดวิ่น
ทันใดนั้น ลมขนาดใหญ่ก็พัดเข้ามา
สีหน้าของเซวียนผิงโหวเปลี่ยนทันที ก่อนตะโกนร้องด้วยเสียงอันแหบแห้ง “ไม่นะ…”
ปัง!
หนังที่ห่อกล่องไว้ถูกลมพัดจนปลิว ส่วนกล่องนั้นถูกพัดจนร่วงเข้าไปในช่องระหว่างพื้นน้ำแข็งที่แยกออก
แล้วมันก็ไหลไปตามกระแสน้ำใต้พื้นน้ำแข็ง
ภาพที่เห็นทำให้หัวใจของเขาเจ็บแปลบทันที เขาพยายามตะกุยร่างขึ้นมาให้พ้นจากธารน้ำแข็งที่ทับอยู่บนตัวของเขา
ลมปราณของเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก และไม่สามารถใช้กำลังภายในได้เลย
มือและนิ้วของเขาถูกน้ำแข็งกัดจนเต็มไปด้วยคราบเลือด แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจหลุดพ้นจากธารน้ำแข็งนี้ได้เลย
“อย่าเพิ่งไป… กลับมาก่อน…”
เขาได้แต่มองเหม่อไปยังกล่องที่ลอยออกไปไกลเรื่อยๆ
มันไม่ใช่แค่กล่องธรรมดา แต่มันคือชีวิตของลูกชายของเขา!
“อ๊ากกก…”
เซวียนผิงโหวร้องโหยหวนด้วยความรู้สึกเจ็บทั้งกายและใจ รวบรวมแรงทั้งหมดที่มีเพื่อทำลายธารน้ำแข็ง
เปรี๊ยะ!
จังหวะที่เขาทลายมันได้ แรงของมันได้กระจายไปถึงอีกฝั่งของธารน้ำแข็งด้วยเช่นกัน และทำให้ธารน้ำแข็งบนทะเลสาบเกิดรอยแตกทันที!
แรงที่ต่อเนื่องทำให้เศษน้ำแข็งจำนวนมากร่วงลงและไหลไปตามกระแสน้ำและถูกเข้ากับกล่องนั้น และนั่นยิ่งทำให้มันไหลไปไกลกว่าเดิม
หากเป็นแบบนี้ต่อไป เขาจะต้องสูญเสียมันไปแน่ๆ
เซวียนผิงโหวแหงนหน้ามองไปยังขอบฟ้าอย่างหมดหวัง
เขาไม่กลัวตายหรอก
แต่เขากลัวว่าจะไม่มีใครนำหญ้าสีม่วงกลับไปเสียมากกว่า…
ไยถึงทำกับเขาแบบนี้
เขาไม่เคยมีโอกาสได้ช่วยเหลือชิ่งเอ่อร์เลยในช่วงเวลายี่สิบปีที่ผ่านมา ทุกอย่างจะต้องจบลงเพียงเท่านี้จริงหรือ
เขาพยายามหันซ้ายขวาเพื่อตามหากล่องนั้น แต่ทันใดนั้น มีเงาดำของใครบางคนปรากฏขึ้นพร้อมกับลมที่พัดแรง
นี่เขาตาฝาดไปหรือเปล่านะ
ที่นี่… จะมีคนอยู่ได้อย่างไร
อีกฝ่ายย่างเท้าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
เขาสวมชุดคลุมหนาที่ทำจากขนหมาป่า พร้อมกับสวมหมวกที่ปิดบังใบหน้าของเขา
ที่เอวของเขามีดาบยาวอันน่าสะพรึงแขวนไว้ ช่างเข้ากันกับรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านออกมาเป็นอย่างดี
และมาพร้อมกับหมาป่าใหญ่ตัวหนึ่งที่คล้ายคลึงกันกับเจ้าหลิงหวัง
พออีกฝ่ายเข้าใกล้มากขึ้น เซวียนผิงโหวจำเขาได้ทันที
“หลงอีรึ”