สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 893 ยาถอนพิษ
บทที่ 893 ยาถอนพิษ
……….
ฉังจิ่งผู้ซึ่งในที่สุดก็ยิ้มออกหลังจากต่อรองจนได้ลูกแก้วเจ็ดกล่องมาครอบครอง
เพราะที่เกาะนี้ไม่มีลูกแก้วให้เขาเล่น
อันที่จริงต้องบอกว่าเมื่อก่อนที่เกาะนี้เคยมีลูกแก้ว ทว่าตอนที่ฉังจิ่งอายุได้สามขวบ เขาเผลอกลืนลูกแก้วอย่างไม่ระวังจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ทำให้บิดาและพี่สาวของเขาตัดสินใจว่าจะไม่ให้เขาแตะต้องลูกแก้วอีก
แม้ฉังจิ่งจะเติบโตแล้ว แต่หลายคนยังไม่อาจลืมความทรงจำอันเลวร้ายในอดีตไปได้
ฉังคุนบันดาลโทสะทันที “พวกสวะเจี้ยนหลู ข้ารู้สึกไม่ถูกชะตากับพวกมันแต่แรกแล้ว! บังอาจมากลั่นแกล้งลูกข้า! รอให้หิมะละลายก่อนเถอะ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!”
“ข้าหิวแล้ว” ฉังจิ่งเอ่ย
ฉังคุนรีบผ่อนอารมณ์โกรธของตัวเองลง ก่อนจะหันมาทำหน้ายิ้มแย้มให้ลูกชาย “ได้สิลูก กลับสำนักแล้วไปกินข้าวกัน!” จากนั้นเขาก็หันไปหาเซวียนผิงโหวและเย่ชิง “ทั้งสองท่าน เชิญทางนี้ได้เลย”
คนที่ช่วยชีวิตลูกชายของเขา คือผู้มีพระคุณของอั้นเย่ และจะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างดี!
แล้วพวกเขาก็เดินทางไปที่สำนัก
ผู้คนที่อาศัยอยู่บนเกาะหาใช่ศิษย์สำนักกันทุกคน ยังมีชาวบ้านที่เคยทำประมงรวมถึงคนที่ไปได้ภรรยาจากข้างนอกมาด้วย
ฉังคุนเป็นทั้งเจ้าสำนัก และผู้นำเกาะ
ส่วนฉังจิ่งผู้ซึ่งเป็นบุตรชายเพียงคนเดียว ย่อมต้องสืบทอดอำนาจของบิดาตามเจตนารมย์
แต่ฉังจิ่งไม่อยากเป็นผู้นำเกาะเลยสักนิด
เขามองไปยังพี่สาวทั้งเจ็ดคนที่ยืนล้อมรอบเขา พลางคิดในใจ อะไรกัน นี่ก็ผ่านมาสามปีแล้ว ไม่มีใครได้เป็นผู้นำเกาะบ้างเลยหรือ
เซวียนผิงโหวและเย่ชิงได้นอนที่จวนของฉังจิ่ง
พวกบ่าวจึงช่วยกันไปทำความสะอาดที่จวนและเตรียมอาหารเย็นในห้องครัว ฉังคุนและเซวียนผิงโหวกำลังสนทนากันอยู่ในห้องโถง เย่ชิงตัดสินใจขอออกไปเดินชมรอบๆ
ฉังคุนบอกให้พวกเขาวางตัวให้สบายเสมือนเป็นบ้านของตัวเอง
ส่วนฉังจิ่งถูกพี่สาวเจ็ดคนลากไปประลองยุทธ์ด้วยกัน
เย่ชิงได้ยินดังนั้น ก็เลยตามไปดูด้วย
เขาได้ยินชื่อเสียงของฉังจิ่งมานาน ทว่าไม่เคยเห็นกับตาเลยสักครั้ง
“น้องชาย พี่เจ็ดขอใช้มีดประลองกับเจ้านะ!”
ฉังจิ่งถอนหายใจ “ก็ได้”
แล้วสองพี่น้องก็เริ่มประชันฝีมือกันในลานที่มีพื้นที่กว้างขวาง
สามปีที่ผ่านมา ฉังจิ่งได้เรียนรู้กระบวนท่าจากเซวียนผิงโหวมาไม่น้อย พลังของเขาจึงพัฒนาและแข็งแกร่งขึ้นกว่าเมื่อตอนก่อนออกจากเกาะ
สายตาของพี่สาวคนที่เจ็ดเต็มไปด้วยความตะลึง หลังจากผ่านไปสิบกระบวนท่า มีดของนางถูกดาบของน้องชายสะบัดออกอยู่ร่ำไป
“พี่หกมาแล้ว ขอท้าประลองกับเจ้า!”
จากนั้นพี่สาวคนที่หกก็เข้ามาพร้อมกับดาบยาว หลังจากสู้กันไปราวสิบห้ากระบวนท่า สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับน้องชาย
ส่วนพี่สาวคนอื่นๆ ก็ทยอยกันเข้ามาประลองกับฉังจิ่ง การต่อสู้ระหว่างพี่น้องไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น คนที่อาวุธหลุดมือก่อนจะถูกตัดสินว่าแพ้
ฉังจิ่งชนะเจ็ดครั้งรวด พี่สาวคนโตเดินเข้ามาตบหัวไหล่ของเขาด้วยความภาคภูมิใจ “ไม่เลวนี่ สามปีที่เจ้าหายไปไม่ได้เปล่าประโยชน์เลยสินะ เหงื่อออกเยอะน่าดู รีบกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ”
“อ้อ” ฉังจิ่งเก็บดาบลง ก่อนเดินกลับไปที่ห้อง
หลังจากที่เขาเดินออกไป พี่สาวทั้งหลายก็ถอนหายใจพร้อมๆ กัน
พี่เจ็ด “เมื่อครู่นี้ข้าต่อให้เขาสองกระบวนท่า”
พี่หก “ของข้าต่อให้สามกระบวนท่า”
พี่ห้า “ข้าใช้พลังของข้าแค่ร้อยละสามสิบเท่านั้น ส่วนเขาน่าจะใช้ร้อยละห้าสิบนะ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”
พี่สี่ “น้องชายของพวกเรามีพัฒนาการไม่น้อยเลย ก่อนที่เขาออกจากเกาะ ขนาดข้าต่อให้เขาตั้งเยอะ เขายังสู้ไม่ไหวเลย กลับมาคราวนี้เขาสู้ข้าได้ตั้งห้ากระบวนท่า”
…
หลังได้ฟังบทสนทนาของเหล่าพี่สาวทั้งเจ็ดของเขา เย่ชิงก็อดสงสัยการมีอยู่ของตัวเองไม่ได้
มีคนที่เก่งกว่าฉังจิ่งอีกหรือนี่!
พวกเจ้าคนที่นี่เป็นเผ่าพันธุ์ประหลาดหรือไง!
เย่ชิงไม่เพียงแค่เดินไปรอบๆ อย่างไร้จุดหมาย แต่เขาต้องทำภารกิจด้วย
ขณะที่เซวียนผิงโหวมีหน้าที่รับผิดชอบในการสร้างความสัมพันธ์กับเจ้าสำนักและผู้นำเกาะ เขามีหน้าที่รับผิดชอบในการตามหาจื่อเฉ่า
แม้ว่าจื่อเฉ่าจะเป็นเพียงวัชพืชบนหลังเขา แต่หากอีกฝ่ายรู้ว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อสิ่งนี้ก็ไม่ต่างอะไรกันกับปล่อยให้ความแตก
จะว่าไปแล้ว หลังเขาอยู่ตรงไหนนะ
ในขณะที่เย่ชิงกำลังคิดที่จะขอถามทางจากใครสักคน พี่สาวของฉังจิ่งก็เดินเข้ามาทางนี้พอดี
ฉังอิง พี่สาวคนโตสุดประสานมือให้เขา “ท่านจอมยุทธ์เย่”
คนอื่นๆ เองก็ทยอยประสานมือให้เขาเช่นกัน
ในยุทธภพ ชายและหญิงมีสถานะเท่าเทียมกัน
เย่ชิงประสานมือพร้อมกับตอบกลับ “คุณหญิงใหญ่”
ฉังอิงเป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลฉัง ยังไม่ออกเรือน พวกบ่าวจึงยังคงเรียกนางว่าคุณหญิงใหญ่
ส่วนน้องสาวคนอื่นๆ บ้างก็ยังไม่ออกเรือน บ้างก็ออกเรือนแล้ว แต่หากอยู่ในสำนัก ก็ยังถูกเรียกว่าคุณหนูอยู่ดี
เย่ชิงเป็นคนรู้จักเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เห็นคนอื่นเรียกว่าอย่างไร เขาก็เรียกตามนั้น ไม่สนถึงความสมเหตุสมผล
ฉังอิงถามเขา “ท่านจอมยุทธ์คงจะเบื่อที่อยู่แต่ในห้อง สนใจประลองกับพวกเราหรือไม่”
เย่ชิงยิ้มเจื่อน พลางเอ่ยในใจ ลืมไปเสียเถอะ
จากนั้นตอบกลับไปด้วยความเกรงใจ “ข้าไม่อยากปล่อยไก่ต่อหน้าคุณผู้หญิงทุกคน ข้าเพียงแต่ออกมาเดินเล่นเท่านั้น”
“ไปนั่งที่ศาลากันก่อนสิ” ฉังอิงเอ่ยชวน “น้องสอง เจ้าไปต้มชาที ฝีมือชงชาของน้องสองเรียกได้ว่าชั้นหนึ่งเชียวล่ะ”
จากนั้นเย่ชิงและเหล่าคุณหนูตระกูลฉังก็มานั่งพักกันที่ในศาลา ด้วยความที่กั๋วจื่อเจียนแทบไม่มีลูกศิษย์ผู้หญิงเลย ต้องบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกรายล้อมด้วยผู้หญิงที่จำนวนเยอะขนาดนี้
โชคดีที่พวกนางมีความห้าวหาญและเป็นกันเองมาก จนทำให้ลืมความแตกต่างในสถานะไปได้ชั่วคราว
ที่ศาลามีที่นั่งเพียงสี่ที่เท่านั้น คุณหนูสี่ไปจนถึงคุณหนูเจ็ดจึงรับหน้าที่ยืน
ฉังหลิง คุณหนูรองของตระกูลฉังเดินเข้ามาพร้อมกับชุดน้ำชา ก่อนจะนั่งลงข้างๆ พี่ใหญ่ แล้วรินน้ำชาให้เย่ชิง
เย่ชิงหยิบถ้วยชาขึ้นมาแล้วจิบเบาๆ
ทันใดนั้น ฉังอิงถามขึ้น “ท่านจอมยุทธ์ น้องเจ็ดของข้ายังไม่ออกเรือน ไม่รู้ว่าท่านมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับนางบ้าง”
“แค่ก!” เย่ชิงสำลักทันที
ถะ ถามกันตรงๆ แบบนี้เลยรึ
ไม่กะทันหันไปหน่อยหรือ
ฉังอวี้ คุณหนูเจ็ดรีบแย้งขึ้นทันที “พี่ใหญ่ ข้าไม่ชอบแบบเขานี่นา”
ฉังอิงจึงถามกลับ “แล้วเจ้าชอบแบบไหนล่ะ ท่านจอมยุทธ์เซียวรึ”
เย่ชิงรีบเอ่ยทันที “แต่ท่านเซียวมีภรรยาแล้วขอรับ”
ฉังอวี้เบ้ปากทันที “เช่นนั้นข้าไม่สนใจแล้วก็ได้!”
เย่ชิงคาดไม่ถึงว่าจะต้องมาเจอกับเหตุการณ์นัดบอดกะทันหันแบบนี้ทั้งๆ ที่แค่ออกมาเดินเล่น เขาเขินจนตอนนี้นิ้วเท้าของเขาแทบจะขุดหลุมขนาดใหญ่ที่ขนาดเท่ากับตำหนักราชครูได้อยู่แล้ว
“เพราะเจ้ามัวแต่เรื่องมากอยู่นี่ไง ถึงยังไม่ออกเรือนเสียที!” ฉังอิงถลึงตาใส่น้องสาว
ฉังอวี้จึงเถียงกลับ “ยังไงข้าก็ไม่อยากแต่งงานอยู่ดี!”
เย่ชิงผู้อยู่ในเหตุการณ์ได้แต่หัวเราะเบาๆ พร้อมกับจิบชา
โชคดีที่ฉังอิงไม่เอ่ยเรื่องนี้ต่อ นางเห็นมาทางเย่ชิงพร้อมกับถาม “ท่านจอมยุทธ์ ชาถ้วยนี้ถูกปากท่านหรือไม่”
เย่ชิงนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบ “รสชาติ…ก็แปลกดีนะ ข้าไม้เคยดื่มชาดอกไม้แบบนี้มาก่อน ขอถามได้ไหมว่าท่านใช้ดอกไม้อะไร”
หลังจากคุณหนูเจ็ดไม่พอใจที่ตัวเองถูกเร่งเร้าให้หาคู่ ก็เลยเอาความแค้นไปลงที่พี่รองแทน “จริงๆ แล้ว มันเป็นแค่ดอกไม้ป่าที่อยู่ตรงหลังเขา พี่รองใช้มันเพื่อหลอกผู้คนบนเกาะด้านนอกโดยเฉพาะ!”
ทันใดนั้น พี่รองก็ลุกขึ้นพรวดพร้อมกับเตรียมต่อยหน้าน้องสาวของตัวเอง!
ฉังอิงเห็นดังนั้นจึงขมวดคิ้วทันที “น้องรอง เจ้านี่เล่นไม่เข้าเรื่องอีกแล้วนะ! ไปใช้ของพรรค์นั้นมารับแขกได้อย่างไร ท่านจอมยุทธ์เย่เป็นสหายของท่านจอมยุทธ์เซียวนะ ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตน้องชายของพวกเราไว้ พวกเขาเป็นแขกคนสำคัญของสำนักของเรา!”
แม้ฉังหลิงจะอายุไม่น้อย แต่นิสัยชอบแกล้งคนยังไม่เคยเปลี่ยน
นางเบ้ปาก พร้อมกับเอ่ยแก้ตัว “อ้อ เช่นนั้น ข้าคงหยิบผิดเอง ข้าไม่ได้ตั้งใจจะใช้ดอกไม้ป่ามาต้อนรับแขกแบบนี้”
คุณหนูเจ็ดรีบโต้ทันที “ปากว่าตาขยิบ”
ทว่าพอเย่ชิงได้ยินคำว่าหลังเขาก็หูผึ่งทันที “ไม่เลยๆ ชาดอกไม้ป่านี้รสชาติอร่อยมาก ว่าแต่ ดอกไม้ชนิดนั้นมีลักษณะอย่างไร ข้าขอดูได้หรือไม่”
ที่นั่นน่าจะมีจื่อเฉ่าที่ตามหาอยู่นะ
ถ้าเจอแล้ว เด็ดไปสักนิดสักหน่อยดีกว่า
“ยังไม่รีบไปเด็ดมาอีกหรือพี่รอง” ฉังอิงจงใจจะลงโทษนางจริงๆ จึงเลือกที่จะไม่ใช้งานน้องเล็กสุด
ฉังหลิงจึงจำใจออกไปเด็ดดอกไม้ป่า ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับตะกร้าหนึ่งใบ
เมื่อเห็นดอกไม้ในตะกร้า ดวงตาของเย่ชิงเป็นประกายทันที
นี่มันจื่อเฉ่าที่ตามหามาตั้งนานมิใช่รึ
แต่ต่างตรงที่ จื่อเฉ่าเหล่านี้ออกดอกด้วย
ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าหญ้าพวกนี้จะออกดอกได้ด้วย
“มีอะไรหรือ ท่านจอมยุทธ์เย่” ฉังอิงสังเกตท่าทีของอีกฝ่าย
เย่ชิงตระหนักได้ในทันใดว่าชาที่ตัวเองดื่มก็คือต้มจากจื่อเฉ่า แล้วนี่เขาจะโดนยาพิษหรือไม่
เย่ชิงพยายามตั้งสติและรวบรวมคำเอ่ย “ข้าขอเอ่ยตามความจริง ข้าเคยเห็นข้อมูลเกี่ยวกับจื่อเฉ่านี้ในหนังสือ และรู้มาว่าก้านของมันมีพิษ แต่ไม่ออกดอก”
ฉังหลิงสะดุ้งทันที “ท่านหมายความเช่นไร นี่ท่านกำลังสงสัยว่าข้าวางยาท่านรึ”
“แค่ออกฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ เท่านั้น มาบอกว่ามันคือยาพิษได้เยี่ยงไร” คุณหนูสามเอ่ย
เป็นประโยคที่มีมูลไม่น้อยทีเดียว
พวกเจ้ากินหญ้าพวกนี้ แต่ออกฤทธิ์แค่ระบายท้องเองรึ
ฉังอิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย “หญ้าพวกนี้ก็มีพิษอ่อนๆ จริงๆ อย่างที่ท่านว่า…ผู้คนมักเก็บมันมากินโดยไม่รู้ตัว”
ก็แค่ท้องเสียนิดหน่อยเอง โดนพงโดนพิษอะไรกัน ไร้สาระ!
แม้ฉังอิงจะบ่นในใจ แต่ใบหน้ายังคงยิ้มแย้ม “แต่ถ้ากินผลของมันก็จะถอนพิษได้”
เย่ชิงทำหน้าอึ้งอีกรอบ พลางนึก ว่าอย่างไรนะ เจ้าจื่อเฉ่านี่ไม่เพียงแต่ออกดอกได้ แต่ยังออกผลได้ด้วยรึ
เมื่อเห็นสีหน้ามึนงงของอีกฝ่าย ฉังอิงจึงอธิบาย “หญ้าชนิดนี้จะผลิดอกตอนต้นฤดูหนาว และจะออกผลในช่วงที่อากาศหนาวเย็นที่สุด หากสภาพอากาศเย็นไม่พอ มันก็จะไม่ออกผล และจะเหลือแค่ต้นหญ้าเท่านั้น”
เมื่อเย่ชิงได้ฟังก็เข้าใจยิ่งขึ้น
เจ้าจื่อเฉ่านี้ชอบและเติบโตได้ดีในอากาศเย็น ทว่าสภาพอากาศของทั้งหกแคว้นไม่ได้มีความเย็นมากพอ มันจึงไม่สามารถเติบโตและออกผลได้
อ้างอิงจากที่ฉังอิงเอ่ย ก้านของมันมีพิษก็จริง แต่ผลของมันสามารถแก้พิษได้
“ก้านของมันมีพิษที่รุนแรงมาก ขนาดมือสังหารบางคนกินแล้วก็อาจถึงแก่ความตายได้ แต่พวกท่าน…แค่ท้องเสียรึ” เย่ชิงมองพวกนางด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
ฉังอิงทำหน้าตกใจ “ถึงตายได้ด้วยหรือนี่ ข้าไม่รู้ว่ามันกินแล้วตาย ไม่เคยตายมาก่อนเสียด้วยสิ”
เย่ชิง “…”
ฉังอิงทำหน้าครุ่นคิด “อาจเป็นเพราะพวกเรากินผลของมันเข้าไปเยอะก็เป็นได้”
ฉังอวี้พยักหน้า “อื้อ ใช่แล้ว ผลของมันอร่อยมากเลยนะ!”
เช่นนั้น พวกท่านแบ่งมาให้ข้าบ้างได้หรือไม่
เย่ชิงไม่ได้เอ่ยสิ่งที่เขาคิดออกไป ทว่าสักพัก ลูกตาดำของเขาก็ลอยขึ้น จากนั้นร่างของเขาก็ร่วงลงพื้นทันที!
ฉังอวี้ตกใจ “เอ๋ พี่ใหญ่ เขาเป็นอะไรไปหรือ”
ฉังอิงถอนหายใจอย่างรุนแรง ตวาดใส่น้องคนรอง “ข้าบอกกี่ครั้งว่าของที่เก็บมาจากหลังเขาต้องล้างให้สะอาด เจ้าต้องล้างมันให้เยอะกว่านี้!”
สภาพของเย่ชิงตอนนี้คือกำลังนอนกระอักเลือดอยู่บนพื้น
ปัญหาอยู่ที่การล้างรึ
นี่มันยาพิษนะ
พวกเจ้าใช่คนจริงๆ หรือเปล่า กินยาพิษเข้าไปก็ไม่เป็นอะไรเลย
“ข้าว่าข้าก็ล้างสะอาดดีแล้วนี่นา” คุณหนูรองทำหน้าสำนึกผิด