สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 891 ความรักอันลึกซึ้งระหว่างแม่ลูก
บทที่ 891 ความรักอันลึกซึ้งระหว่างแม่ลูก
……….
“ใกล้จะคลอดแล้วกระมัง” เซียวเหิงถาม
องค์หญิงซิ่นหยางก้มหน้ามองท้องตัวเอง ถอนใจตรัส “ควรคลอดตั้งนานแล้ว แต่ไม่ยอมออกมาเสียที”
ล่าช้ากว่ากำหนดคลอดที่แม่นมคำนวณไว้สิบวันแล้ว หมอจะมาจับชีพจรทุกวัน สัญญาณชีพจรนับว่าปกติดี
เซียวเหิงพอจะกระจ่างแล้วว่าเหตุใดท่านย่าจึงไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องพี่ชายเขาให้ท่านแม่ฟัง ท่านแม่เขาตั้งครรภ์นี้ลำบากทีเดียว เกิดอารมณ์ร้อนใจมาตามหาซ่างกวานชิ่ง เดินทางโคลงเคลงเกิดอะไรขึ้นอาจจะเสียชีวิตกันทั้งแม่ทั้งลูกก็ได้
ผู้คนในโลกนี้มักจะใช้เวลานานในการยอมรับเรื่องร้าย แต่กับข่าวดีกลับปรับตัวได้รวดเร็วนัก
สำหรับเซียวเหิงกับซ่างกวานชิ่งแล้ว น้องคนเล็กที่กำลังจะออกมาคนนี้เป็นข่าวดี สำหรับองค์หญิงซิ่นหยางแล้ว บุตรชายที่สูญเสียไปแล้วได้กลับมาคืนก็เป็นข่าวดีเช่นกัน
เซียวเหิงรู้แจ้งแก่ใจว่าทั้งสองมีเรื่องคุยกันมากมาย จึงลุกขึ้นเอ่ยกับอวี้จิ่น “ท่านป้าอวี้จิ่น บนรถม้ายังมีสัมภาระอีกจำนวนหนึ่ง”
อวี้จิ่นกระจ่าง ยิ้มเอ่ย “เจ้าค่ะ ข้าจะเรียกคนไปยกเดี๋ยวนี้”
“ข้าไปด้วย” เซียวเหิงกับอวี้จิ่นออกไปด้วยกัน
ประตูห้องแง้มเอาไว้ เกล็ดหิมะใหญ่เท่าขนห่านโปรยปรายลงมา ทั่วทั้งเรือนขาวโพลนไปหมด
องค์หญิงซิ่นหยางไม่ชินที่เข้าใกล้บุรุษมากเกินไป แต่ซ่างกวานชิ่งเป็นเลือดเนื้อไขของตัวเอง นี่คือคนที่นางอยากเข้าใกล้แม้จะมีอุปสรรคทางจิตใจก็ตาม
ตอนที่เซียวเหิงอยู่ในห้องด้วย นางข่มไว้ไม่กล้าแสดงออกมากเกินไปนัก ไม่เช่นนั้นจะทำให้เซียวเหิงรู้สึกว่าตนลำเอียง นางไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น
อันที่จริงนางกังวลใจจึงได้ว้าวุ่น ซ่างกวานชิ่งลำบากลำบนมามากแล้ว ไม่ว่าผู้ใดรักเอ็นดูเขา เซียวเหิงก็ล้วนรู้สึกว่าสมควรแล้ว
องค์หญิงซิ่นหยางหันไปมองซ่างกวานชิ่ง ลังเลครู่หนึ่ง เอ่ย “แม่ นั่งตรงนี้ได้หรือไม่”
นางชี้ที่นั่งที่เซียวเหิงนั่งเมื่อครู่ ตรงนี้ใกล้กับซ่างกวานชิ่งมากกว่า
“อ่า ได้” ซ่างกวานชิ่งขานรับอย่างทึ่มทื่อ มองร่างกายนางที่ขยับเขยื้อนไม่สะดวกแวบหนึ่ง ก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ข้าไปนั่งด้วยดีกว่า!”
องค์หญิงซิ่นหยางแย้มยิ้ม
องค์หญิงซิ่นหยางเป็นสาวงามที่อันเป็นที่รักของกาลเวลา องค์หญิงงามล้ำทว่าสดใส ราวกับดอกบัวเขียวบนเขาเทียนซาน
สง่า สงบนิ่ง เหนือโลกีย์
ซ่างกวานชิ่งคิดแปลกๆ ขึ้นมา วันหน้าเขาหาภรรยา ก็จะหาแบบท่านแม่ของเขานี่ล่ะ
แต่ว่า เหมือนจะไม่มีโอกาสนั้นแล้ว
องค์หญิงซิ่นหยางมองบุตรชายนิ่งๆ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็มองไม่พอ
นางมีถ้อยคำมากมายอยากจะคุยกับเขา แต่มาถึงปลายลิ้นก็ไม่รู้ว่าจะเอื้อนเอ่ยอย่างไร
คนที่ตื่นเต้นมีแค่เขาคนเดียวที่ไหนกัน
เขากลัวว่าองค์หญิงซิ่นหยางจะไม่ชอบบุตรชายเช่นเขา องค์หญิงซิ่นหยางก็กลัวว่าเขาจะไม่ชอบมารดาที่ไม่ได้เลี้ยงเขาเช่นนาง
“เจ้า…” องค์หญิงซิ่นหยางแย้มโอษฐ์ หาเรื่องคุย “จริงสิ เจียวเจียวไยไม่มาด้วยกันกับพวกเจ้าเล่า”
ซ่างกวานชิ่งเอ่ย “ทางแคว้นจิ้นยังคงมีสงคราม นางยังกลับมาไม่ได้ แต่ท่านวางใจได้ ช่วงที่อันตรายที่สุดผ่านพ้นไปแล้ว ยามนี้กองทัพของราชสำนักกุมชัยชนะไว้แล้ว นางไม่มีทางเป็นอะไรหรอก”
นอกจากนี้ ตั้งแต่กองทัพตระกูลกู้มา ผู้ที่นามว่ากู้ฉังชิงนั่นก็ไม่ให้เด็กคนนั้นขึ้นแนวหน้าเท่าใดแล้วด้วย
หน้าที่หลักของนางคือรั้งอยู่เฝ้ารักษาการณ์เมืองฉวี่หยาง และรักษาทหารบาดเจ็บ
แน่นอนว่านี่ก็เป็นหน้าที่ที่ยากลำบากมากเช่นกัน อย่างไรเสียชีวิตคนก็สำคัญเท่าฟ้า หนึ่งชีวิตล้วนมีค่า
องค์หญิงซิ่นหยางเบาใจลง “เช่นนั้น พวกเจ้าเจอหลงอีบ้างหรือไม่”
ซ่างกวานชิ่งเอ่ย “ข้าไม่ได้เจอ อาเหิงบอกว่าเขาไปแล้ว พาอาเหิงที่อยู่ชายแดนไปส่งที่แคว้นเยี่ยนก็จากไป”
ดูท่าหลงอีจะได้เจอกับอาเหิง
ก็จริง
คบหากันมาหลายปีเพียงนั้น คนที่หลงอีห่วงที่สุดก็คืออาเหิงกระมัง
ก่อนที่เขาจะไปตามหาคำตอบของตัวเอง ต้องบอกลากับอาเหิงก่อน
แต่ว่า นางเคยคิดว่าคำตอบของหลงอีอยู่ที่แคว้นเยี่ยน
ยามนี้เห็นทีจะอยู่ที่อื่นเสียแล้ว
ซ่างกวานชิ่งรู้จักหลงอีไม่มากนัก รู้เพียงว่าเขาเป็นองครักษ์ลับข้างกายองค์หญิง เฝ้ามองเซียวเหิงเติบโต เหมือนจะมีที่มาที่ไป ยามนี้ไปตามหาอดีตของตัวเองแล้ว
องค์หญิงซิ่นหยางตรัสอีก “เจ้า แต่งงานหรือยัง”
นี่เป็นหัวข้อสนทนาที่พ่อแม่หนีไม่พ้น
ไม่ใช่สิ ท่านถามถึงทุกคนหมดแล้ว ไยไม่ถามถึงพ่อข้าบ้างเล่า
ซ่างกวานชิ่งตอบตามตรง “ข้ายังไม่ได้แต่งงาน”
องค์หญิงซิ่นหยางนึกกถึงที่เขามีพิษติดตัวมาตลอดในหลายปีมานี้ คงไม่มีกระจิตกระใจคิดแต่งงาน นางไม่คุยเรื่องนี้ต่ออีก แต่ถาม “เจ้าถอนพิษหรือยัง”
นี่คือประเด็นสำคัญที่สุด เมื่อครู่ก็แค่มัวแต่มองบุตรชาย ลืมเรื่องสำคัญไปเสียหมด
“ถอนแล้ว” ซ่างกวานชิ่งยิ้มเอ่ย
องค์หญิงซิ่นหยางถามด้วยความสงสัย “ถอนตั้งแต่เมื่อใดหรือ ตำหนักกั๋วซือหมดหนทางแล้วมิใช่หรือ”
จำต้องกล่าวว่า ลางสังกรณ์ของมารดานั้นแรงมาก
ซ่างกวานชิ่งคาดไว้แต่แรกแล้วว่านางจะสงสัยเช่นนี้ จึงตอบไปตามบทที่เตรียมไว้ “มีพืชชนิดหนึ่ง เหง้าของมันสามารถสกัดยาพิษร้ายชนิดหนึ่งออกมาได้ ในจำนวนคนหนึ่งร้อยคน มีเพียงคนเดียวที่ทนได้ คนไร้วรยุทธ์เยี่ยงข้า มีความเป็นไปได้ที่จะรอดต่ำที่สุด แต่ขอแค่ฝืนทนไปได้ ความเจ็บปวดและพิษทั้งหมดจะหายไปโดยไม่ต้องกินยา”
เอ่ยถึงวิธีเหี้ยมโหดเพียงนี้ องค์หญิงซิ่นหยางก็กังวลขึ้นมา
“หญ้าจื่อเฉ่าหายากมาก เคราะห์ดีที่ตระกูลหันของแคว้นเยี่ยนปลูกสวนจื่อเฉ่าไว้ที่ชายแดน กองทัพใหญ่ของราชสำนักจัดการรตระกูลหันได้ สวนหญ้าจื่อเฉ่าของพวกเขาก็โดนยึดเช่นกัน ข้าคิดว่าอย่างไรก็ตายเหมือนกัน ไม่สู้ลองดูดีกว่า ข้าเกือบจะไม่รอดกลับมาพบท่านแล้ว”
เขาเล่าพลางคว้าข้อมือองค์หญิงซิ่นหยางไปจับอย่างน้อยอกน้อยใจ “ฤทธิ์ยาของพิษจื่อเฉ่าแรงยิ่งนัก หลายวันนั้นข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว…”
เมื่อรายละเอียดของเรื่องราวมากขึ้น ย่อมทำให้คนฟังเชื่อได้มากตาม
ทั้งจริงทั้งเท็จผสมปนเปกัน กอปรกับเขาโกหกเช่นนี้ กลับทำให้คนเชื่อจริง
บุตรชายเข้ามาใกล้กะทันหันทำให้องค์หญิงซิ่นหยางมีความสุขจนมึนงง
‘ท่านได้คิดไว้บ้างหรือไม่ เกิดแม่ไม่เชื่อจะทำเช่นไร แม่ไม่ใช่คนที่จะหลอกกันได้ง่ายๆ นะ นางฉลาดมาก’
‘ข้ามีวิธีของข้าน่า’
ดูท่าจะได้ผล
มารดาเขากำลังจมอยู่ในความปรีดาที่ได้พบลูกชาย จึงลืมเลือนข้อสงสัยที่ควรมีไป
แต่ความจริงแล้ว แม้แต่เขาเองก็ยังอธิบายไม่ได้ ที่เข้าไปใกล้มารดาเขาเพราะจะให้บรรลุจุดประสงค์ หรือเดิมทีใจเขาก็อยากจะเข้าใกล้นางอยู่แล้วกันแน่
องค์หญิงซิ่นหยางยกมืออีกข้างกุมมือบุตรชายไว้แน่น อารมณ์อุตส่าห์สงบลงได้ พลันปวดใจขึ้นมาอีกหนยามได้พบเขา
“เจ้าลำบากยิ่งนัก”
นางสะอื้นเอ่ย “ต่อไปนี้ แม่จะไม่มีทางให้เจ้าลำบากอีกแล้ว”
“อื้อ” เขาพยักหน้า แนบหน้าผากกับหลังมือองค์หญิงซิ่นหยางเบาๆ “ยังคงเป็นท่านแม่ที่รักข้าที่สุด มากกว่าน้องชายหน้าเหม็นนั่นเยอะเลย! น้องชายหน้าเหม็นเอาแต่ทำให้ข้าโมโห!”
องค์หญิงซิ่นหยางพลันน้ำตาคลอ
…
หลังราตรีมาเยือน สามคนแม่ลูกก็ทานมื้อเย็นกันที่ห้องโถงด้านข้าง
องค์หญิงซิ่นหยางยิ้มมองซ่างกวานชิ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพลางตรัส “อาเหิงบอกว่าเจ้าไม่ชอบยี่หร่าฝรั่ง ข้าให้ห้องครัวงดใส่เครื่องเทศ เจ้าลองชิมดูสิ ถูกปากเจ้าหรือไม่”
ซ่างกวานชิ่งไม่อยากอาหารมานานแล้ว หลายวันมานี้เอาแต่บังคับตัวเองกิน ไม่เช่นนั้นก็ต้องให้หมอที่ติดตามมาให้น้ำเกลือเขา
แต่เห็นอาหารประณีตน่ารับประทานเต็มโต๊ะ เขาก็ยังคงขยับตะเกียบ ลองชิมทุกอย่างดู
“อร่อยหรือไม่” องค์หญิงซิ่นหยางยิ้มถาม แสร้งมองไม่ออกว่าเขาฝืนกิน
องค์หญิงซิ่นหยางยิ้มอ่อนโยน “อร่อยก็ห้ามกินมากล่ะ ตกดึกกินมากท้องจะอืดเอา”
ซ่างกวานชิ่งชะงักตะเกียบ ปลายจมูกคัดขึ้นมา บางอย่างพลุ่งพล่านขึ้นในใจ แต่สีหน้ากลับไม่กระโตกกระตาก แค่นเสียงเอ่ย “ก็ได้ กินน้อยก็กินน้อย”
กินไม่ลงตั้งนานแล้ว
แต่ละคำล้วนยากลำบาก
เซียวเหิงมองเขา แล้วหันมององค์หญิงซิ่นหยาง เอ่ยกับซ่างกวานชิ่ง “เมื่อครู่นี้ท่านกินถังหูลู่ไปเยอะเพียงนั้น จะยังเหลือท้องอีกหรือ อย่าให้จุกล่ะ”
องค์หญิงซิ่นหยางรีบตรัส “เจ้ากินถังหูลู่ไปแล้วไยไม่บอกแต่แรกเล่า เช่นนั้นก็อย่ากินเลย”
“อ้อ” ซ่างกวานชิ่งมองนางอย่างลุ่มลึกแวบหนึ่ง ก่อนหลุบตาลง วางตะเกียบ
เซียวเหิงเอ่ย “พี่ชาย…ยังต้องกลับแคว้นเยี่ยน”
มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกว้างขององค์หญิงซิ่นหยางกำแน่น ใช้ความพยายามมหาศาลจึงข่มความพลุ่งพล่านที่อยากร้องไห้ระบายออกมาเอาไว้ นางหันไปมองสองพี่น้อง สีหน้าตกใจเล็กน้อย “อย่างนั้นหรือ ชิ่งเอ๋อร์ไม่รั้งอยู่แคว้นเจาหรือ”
เซียวเหิงแอบถอนหายใจ แสดงละครเป็นเพื่อนพวกเขาสองคนต่อ “ข้ากับพี่ชายหารือกันแล้ว ตัวตนของพวกเราไม่ต้องแลกเปลี่ยนกัน”
องค์หญิงซิ่นหยางก้อนสะอื้นจุกลำคอ แย้มยิ้มเอ่ย “ออกเดินทางเมื่อใดเล่า”
เซียวเหิงเอ่ย “ชายแดนกำลังมีสงคราม กษัตริย์แคว้นเยี่ยนเพิ่งประชวร ราชสำนักไร้คนคุมสถานการณ์ใหญ่ พี่ชายต้องรีบกลับไป อาจจะอีกสองวันกระมัง”
มือขวาขององค์หญิงซิ่นหยางคีบอาหาร มือซ้ายเล็บจิกลงฝ่ามือแน่น
นางมองซ่างกวานชิ่งอย่างอาลัยอาวรณ์ ขอบตาแดงก่ำขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “เช่นนั้นเจ้ายังจะกลับมาเยี่ยมแม่หรือไม่”
ซ่างกวานชิ่งยิ้มเอ่ย “แน่นอนอยู่แล้ว ใช่หรือไม่ น้องชาย”
เซียวเหิง “อืม”
ข้าจะปลอมตัวเป็นท่าน กลับมาเยี่ยมท่านแม่เอง
องค์หญิงซิ่นหยางน้ำตาร่วงผล็อย
ซ่างกวานชิ่งมองนาง อยากจะเอื้อนเอ่ยแต่ไม่ได้เอ่ยออกมา
องค์หญิงซิ่นหยางปาดน้ำตา ดวงตาแดงก่ำเอ่ย “คิดไม่ถึงว่าเจ้าเพิ่งจะกลับมาก็จะไปแล้ว แม่จะเก็บข้าวของให้เจ้า อวี้จิ่น!”
“เพคะ”
อวี้จิ่นเลิกม่านเข้ามาด้านใน พยุงองค์หญิงซิ่นหยางลุกขึ้นจากเก้าอี้
องค์หญิงซิ่นหยางออกจากห้องโถงด้านข้างไป เดินผ่านระเบียงทางเดินทอดยาว
หลังจากเลี้ยวไปแล้ว ในที่สุดนางก็ทนไม่ไหว สองมือปิดหน้า ตัวสั่นระริกร้องไห้ออกมา ท่ามกลางลมหิมะโปรยปราย
…
ภายในห้อง เซียวเหิงมองซ่างกวานชิ่งด้วยความจนใจ “ท่านแม่ดูออก”
ซ่างกวานชิ่งเอ่ยเสียงเบา “ข้ารู้”
เซียวเหิงถาม “เช่นนั้นท่านยังจะไปอีกหรือ”
ซ่างกวานชิ่งสีหน้าราบเรียบยิ่ง ทุกย่างก้าวที่เขาทำล้วนไม่ได้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ตัดสินใจไว้แต่แรกแล้ว “ข้าจะมาตายต่อหน้านางไม่ได้ ข้าอยากให้นางจดจำข้า…ตอนที่ข้ายังมีชีวิตอยู่เอาไว้”
“เป็นลูกชายที่สดใสและมีชีวิตชีวา”
“ไม่ใช่ศพร่างหนึ่งในอ้อมกอดนางที่ไม่อาจเรียกหาได้อีกต่อไป”
“นั่นคงเป็นฝันร้ายที่นางไม่อาจลืม”