สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 884 สามีภรรยาพบพาน
บทที่ 884 สามีภรรยาพบพาน
……….
“เจ้าแน่ใจนะว่าหลังเขาบ้านเจ้ามีสมุนไพรชนิดนี้”
เซวียนผิงโหวเอ่ยถาม
น้ำเสียงของเขาจริงจังกว่าที่เคยเป็นมา
“ไม่” ฉังจิ่งโกหก
เซวียนผิงโหวพยักหน้า “ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะกลับไปเองหรือให้ข้าพาเจ้าไป”
ฉังจิ่ง “ข้าบอกแล้วไงว่าไม่มี”
เซวียนผิงโหวเดินหน้าตามแผนต่อไป “หรือจะเขียนจดหมายบอกพ่อเจ้าว่าข้าจับเจ้าไว้แล้ว ให้เขาเอาจื่อเฉ่ามาแลก”
ฉังจิ่ง “หลังเขาบ้านข้าไม่มี… ข้าเอ่ยผิดไปเมื่อกี้…”
เซวียนผิงโหวส่ายหน้า “ลืมมันไปเถอะ ดินแดนหมู่เกาะอั้นเย่อยู่ห่างไกล นักเดินทางทั่วไปคงหาทางเข้าไม่ได้ ข้าจะไปเองดีกว่า”
ฉังจิ่ง “…”
ตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผยง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ เสียยาพิษให้จูจางขวงไปอย่างสูญเปล่าตั้งเม็ดหนึ่งเลยนะ
เซวียนผิงโหวเอ่ย “ไปเก็บข้าวของเตรียมตัวไว้ พรุ่งนี้เช้าจะออกเดินทาง”
ฉังจิ่งเดินจากไปด้วยความไม่พอใจ
กู้เจียวถามเซวียนผิงโหว “ว่าแต่ว่า ฉังจิ่งเป็นอะไรไป เจ้ารู้ไหมว่าเขาเป็นบุตรชายคนเล็กของสำนักอั้นเย่”
เซวียนผิงโหวเอ่ยด้วยท่าทางปวดศีรษะ “เพิ่งรู้เหมือนกัน ได้ยินจากเหล่าขุนนางข้างกายกงซุนอวี่ ตอนแรกที่เจอเขาข้างทาง เขาดูสกปรกโสโครก อดอยากจนซี่โครงโผล่ ข้าถามเขาว่าบ้านอยู่ที่ไหน เขาก็ไม่ยอมบอก ข้าชวนเขาไปด้วย เขาก็ไม่ยอม ตอนแรก… แต่ข้าชนะเขามาหลายรอบ”
ฉังจิ่งมีวิทยายุทธ์ เซวียนผิงโหวจึงไม่คิดว่าเขาจะเป็นเด็กจากครอบครัวธรรมดา แต่ฉังจิ่งปิดปากไม่เอ่ยถึงเรื่องภูมิหลังของตัวเอง เซวียนผิงโหวจึงคิดว่าเขาคงถูกศัตรูตามล่า
เซวียนผิงโหวถามกู้เจียว “ดูเหมือนเจ้าจะรู้เรื่องมาก่อนนะ” ฟังถึงเกาะอั้นเย่แล้วไม่มีท่าทีแปลกใจเลย
กู้เจียวตอบตามตรง “ข้าเพิ่งมาถึงแคว้นเยี่ยนก็ตามหนานกงลี่ไปที่โรงรับจำนำ ได้ยินบทสนทนาระหว่างเขากับคนสนิท จึงรู้ถึงตัวตนของฉังจิ่ง”
เซวียนผิงโหวหันไปมองเย่ชิงที่ยืนอยู่ข้างๆ “ดูเหมือนคนบนเกาะอั้นเย่จะมีความสัมพันธ์กับตำหนักกั๋วซีอแคว้นเยี่ยนบ้าง”
ประมุขสำนักอั้นเย่เคยมาเยือนตำหนักกั๋วซีอด้วยตัวเอง และได้เข้าพบฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนด้วย
เย่ชิงบอก “อาจารย์ของข้าความสัมพันธ์กับประมุขเกาะอั้นเย่อยู่บ้างจริง หากท่านแม่ทัพไม่รังเกียจ ข้าจะขอเดินทางไปเกาะอั้นเย่กับพวกท่านด้วย”
เซวียนผิงโหวล่อลวงลูกชายของผู้อื่นจน ‘เสียผู้เสียคน’ ตอนนี้เขามาขอยาจากพวกเขา แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ยอมง่ายๆ แต่ด้วยความช่วยเหลือจากศิษย์ของกั๋วซือ ความขัดแย้งจึวคลี่คลายลงไปมาก
ฉังจิ่งเก็บของด้วยความโมโห
เซวียนผิงโหวเดินเข้ามา มองเขาแล้วถามอย่างเย็นชา “ไม่อยากกลับบ้านขนาดนั้นเลยรึ”
ฉังจิ่งรู้สึกอึดอัด
เขาหนีออกจากบ้านมาได้ยากเย็น ถ้ากลับไปคงถูกพ่อขังไว้
เซวียนผิงโหวเอ่ย “ถ้าพ่อเจ้ากลั่นแกล้งเจ้า ข้าจะต่อยเขาแทน”
ฉังจิ่งตอบโดยไม่ต้องคิด “ไม่ได้!”
พ่อเขาอาจจะน่ารำคาญ แต่เขาไม่สามารถปล่อยให้ใครมารังแกพ่อเขาได้
เซวียนผิงโหวเข้าใจทันทีว่าฉังจิ่งไม่ได้มีปัญหากับครอบครัว เพียงแต่เป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ดื้อรั้น
“เอาเถอะ ท่านอยากต่อก็ตามใจ” ฉังจิ่งถอนหายใจ “ถึงอย่างไรก็สู้ไม่ได้หรอก”
เซวียนผิงโหว “…”
เรื่องการเดินทางไปเกาะอั้นเย่จึงตกลงกันไปโดยปริยาย เซวียนผิงโหวตัดสินใจซื้อลูกแก้วที่ฉังจิ่งอยากได้มานาน เพื่อให้เขาเต็มใจนำทางไป
การเดินทางไปเกาะอั้นเย่นั้นไม่ง่าย โดยเฉพาะเมื่อใกล้เข้าสู่ฤดูหนาว การข้ามทุ่งน้ำแข็งอาจต้องเผชิญกับพายุหิมะรุนแรง
ฉังจิ่งบอก “หลังเดือนสิบ พ่อของข้าไม่อนุญาตให้ใครออกจากเกาะ”
“พวกเราต้องรีบข้ามทุ่งน้ำแข็งทางตอนเหนือของแคว้นเยี่ยน ก่อนพายุหิมะจะมาถึง ถ้าหากพาลูกชายของท่านไปด้วย คงจะไม่ทันการ”
ดังนั้น ซ่างกวานชิ่งจึงไม่สามารถไปด้วยได้
เซวียนผิงโหวรับคำ “ได้”
ฉังจิ่งเตือนสติ “แต่ขากลับก็อันตรายมากเช่นกัน แม้ว่าพ่อข้าจะยอมมอบสมุนไพรป่าเหล่านั้นให้ท่าน แต่ท่านดันไปช่วงเดือนสิบเอ็ดสิบสอง ซึ่งเป็นช่วงที่พายุหิมะโหมกระหน่ำทุ่งน้ำแข็งพอดี”
“ข้ารู้” เซวียนผิงโหวตอบโดยไม่ลังเล “เจ้ากับเย่ชิงอยู่ที่เกาะอั้นเย่ ข้าจะรีบกลับมา”
ฉังจิ่งตกตะลึง “ท่านจะข้ามทุ่งน้ำแข็งภายในหนึ่งเดือนหรือ ท่านไม่มีทางทำได้หรอก!”
แม้จะรวมพลังยอดฝีมือมากมาย แต่พวกเขาก็ยังไม่อาจต้านทานสภาพอากาศอันโหดร้ายบนทุ่งน้ำแข็ง
เซวียนผิงโหวต่างจากปกติ เขาเอ่ยอย่างแน่วแน่ “ข้ามียาแก้พิษอยู่ในมือ ข้าจะไปเอง”
ยี่สิบปีก่อน เขาไม่สามารถช่วยเซียวชิ่งได้
ในครั้งนี้ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต เขาก็จะนำยาแก้พิษไปให้ลูกชาย
ฉังจิ่งทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เขาเหลือบมองเซวียนผิงโหวพลางเอ่ย “ไม่ใช่ว่าบอกว่าอาจไม่ใช่ยาแก้พิษหรือไม่ มันอาจจะทำให้เขาตายก็ได้”
เพื่อผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอน คุ้มหรือไม่
เซวียนผิงโหวไปลา กู้เจียว “…ดูแลชิ่งเอ๋อร์ให้ดี”
เป็นน้ำเสียงของการขอร้อง
“ข้ารับปาก” กู้เจียวเอ่ย “ท่านแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะไป”
เซวียนผิงโหวเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ออกเดินทางเช้าวันรุ่งขึ้น”
เมื่อเขาตัดสินใจแล้ว กู้เจียวจึงไม่ห้ามอีกต่อไป “เช่นนั้นข้าจะเตรียมยาสามัญประจำบ้านไว้ให้พวกท่าน”
เซวียนผิงโหวไม่ได้ปฏิเสธ
กู้เจียวเปิดกล่องยาเล็กๆ หยิบครีมรักษาอาการแผลเรื้อรัง ยาแก้อักเสบ ยาทาแผล ผ้าพันแผล และอุปกรณ์ทางการแพทย์ฉุกเฉินอื่นๆ ใส่ผ้าห่อส่งให้เย่ชิง
“หลังครบสามวันอย่าลืมช่วยเขาถอดไหมออก” กู้เจียวเอ่ย
เย่ชิงตกใจเล็กน้อย “ท่านแม่ทัพเซียวบาดเจ็บหรือ”
กู้เจียวพยักหน้า “ถูกกงซุนอวี่แทง บาดแผลลึกพอสมควร เย็บไปสี่เข็ม”
ยังจะไปเกาะยามค่ำมืดอีกอย่างนั้นหรือ ช่างไม่กลัวตายเสียจริงๆ
เย่ชิงถอนหายใจรับห่อผ้าไว้ “ข้าจะจำเอาไว้”
กู้เจียวสั่ง “ดูแลเขาให้ดี เขาคือพ่อของสามีข้า”
“ขอรับ” เย่ชิงตอบรับโดยไม่ทันได้คิด
พอตอบจบ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้!
พ่อของสามีท่าน
ท่านไม่ใช่ผู้ชายหรือ เหตุใดถึงมีสามีได้
นี่มันเรื่องอะไรอีกละเนี่ย!
…
ก่อนฟ้าสาว เซวียนผิงโหวและพวกอีกสองคนก็ออกเดินทาง มุ่งหน้าสู่เกาะอั้นเย่ บนเส้นทางนั้น พวกเขาจะต้องผ่านเมืองผู่ไปก่อน
เซวียนผิงโหวจึงแวะไปลาซ่างกวานเยี่ยนและซ่างกวานชิ่ง
ท่านซ่างกวานชิ่งกำลังหลับอยู่ เซวียนผิงโหวจึงไม่ได้ปลุก แต่อยู่คุยกับท่านซ่างกวานเยี่ยนเพียงสั้นๆ
ทั้งสองยืนคุยกันในสวนของจวนเจ้าเมือง เสียงเอ่ยของพวกเขาเบามาก
ซ่างกวานเยี่ยนถาม “เจ้าจะไปตามหาจื่อเฉ่าเพื่อชิ่งเอ๋อร์หรือ”
เซวียนผิงโหวตอบ “พิษจื่อเฉ่าเป็นทางเดียวที่เราพอมีหวัง แม้จะไม่แน่ใจว่าจะสำเร็จหรือไม่ แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย”
ซ่างกวานเยี่ยนเห็นด้วยกับเซวียนผิงโหวในเรื่องนี้ หากยังมีความหวังอยู่แม้เพียงหนึ่งในหมื่น ก็ควรลองดู
ซ่างกวานเยี่ยนจ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา “เจ้าจะไปตามหาที่ไหน มันจะอันตรายหรือไม่”
เซวียนผิงโหวตอบอย่างสบายๆ “ทางเหนือ ไม่ได้อันตรายอะไร แค่ไกลหน่อย พาชิ่งเอ๋อร์ไปด้วยคงไม่สะดวก”
ซ่างกวานเยี่ยนไม่ใช่คนโง่
ซ่างกวานชิ่งกำลังตกอยู่ในอันตราย ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย ไม่รู้ว่าจะล้มป่วยหนักเมื่อไหร่ การพาเขาไปหาหมอยาเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
แต่เสี่ยวจี่ไม่ยอมพาเขาไป แปลว่าอันตรายบนท้องถนนนั้นร้ายแรงถึงชีวิต
เซวียนผิงโหวเห็นนางนิ่งเฉย ยิ้มแล้วเอ่ย “ถ้าเร็วที่สุด ข้าจะกลับมาในเดือนหน้า บอกชิ่งเอ๋อร์ให้ไม่ต้องกังวลนะ”
ซ่างกวานเยี่ยนมองเขาอย่างลึกซึ้ง ริมฝีปากขยับ พยายามจะเอ่ย แต่สุดท้ายก็กลายเป็นเพียงประโยคสั้นๆ “เดินทางปลอดภัยนะ”
เซวียนผิงโหวขึ้นม้าอย่างคล่องแคล่ว
ซ่างกวานเยี่ยนหันหลังให้เขา
“ซ่างกวานเยี่ยน” เซวียนผิงโหวเอ่ยขึ้นทันใด
ซ่างกวานเยี่ยนหยุดชะงัก
ทั้งสองคนไม่มีใครหันกลับมา
ท่ามกลางสายลมหนาว นางได้ยินเขาถอนหายใจเบาๆ แล้วเอ่ย “ไม่ควรเสียน้ำตาให้กับผู้ชายแบบข้า”
…
หลังจากสูญเสียเมืองหลวงไปสองแห่ง องค์ชายสี่ได้ว่าราชการแทนฮ่องเต้ ปลุกขวัญกำลังใจทหารของราชวงศ์จิ้น และในอีกครั้งหนึ่งที่เข้าปะทะกัน กองทัพราชวงศ์จิ้นกลับมาพลิกสถานการณ์ ชนะการรบและรักษาเมืองชายแดนแห่งที่สามไว้ได้
หวังหม่านถูกธนูของกองทัพจิ้นยิงที่ไหล่ บาดเจ็บสาหัส
เหลี่ยวเฉินพักฟื้นเพียงวันเดียวก็สวมเกราะออกรบอีกครั้ง
เขาเข้ารับตำแหน่งแทนหวังหม่าน นำทัพหลวงของราชสำนักต่อสู้กับกองทัพจิ้นต่อไป
นักบวชชิงเฟิงปรากฏตัวบนแนวหน้า
ก่อนเริ่มการโจมตี เหลี่ยวเฉินโยนชุดเกราะให้เขา
“ใส่ซะ” เหลี่ยวเฉินเอ่ยอย่างเรียบๆ “ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการฆ่าข้าหรือไง งั้นเจ้าก็ไม่ควรบาดเจ็บ”
นักบวชชิงเฟิงขมวดคิ้ว “ข้าไม่ใส่ชุดเกราะของคนอื่น”
เหลี่ยวเฉินวางมือไขว้หลัง ดวงตาสีท้อชมพูของเขาจ้องมองอย่างเฉยชา “มันเป็นของใหม่ ไม่มีใครเคยใส่มาก่อน”
ชุดเกราะเก่าอยู่บนตัวเหลี่ยวเฉิน
ชุดเกราะของเหลี่ยวเฉินชำรุด เขาตัวสูงใหญ่กว่าทหารทั่วไป ชุดเกราะในค่ายที่พอเหมาะกับเขามีสองชุด ชุดเก่าหนึ่งชุดและชุดใหม่หนึ่งชุด
กลางเดือนสิบ
กองทัพห้าหมื่นคนจากแคว้นเจาเดินทางผ่านแคว้นเยียน มุ่งหน้าสู่ชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือ มุ่งตรงไปยังด่านชิวหยางของแคว้นจิ้น
ทหารม้าเหล็กของตระกูลมาถึง ช่วยบรรเทาความกดดันให้กับททหารม้าเฮยเฟิงที่มักจะอยู่แนวหน้าเสมอ
กู้ฉังชิงเรียกร้องอย่างหนักแน่นให้พี่สาวของเขาถอยกลับไปยังเมืองฉวี่หยาง และมอบหมายหน้าที่บุกเมืองและยึดครองดินแดนให้กับเขา
กู้เจียวนำพากองทัพททหารม้าเฮยเฟิงที่รบติดต่อกันมาหนึ่งเดือน กลับมายังค่ายทหารที่เมืองฉวี่หยาง ซ่างกวานชิ่งก็ถูกนางพามาด้วย
ปลายเดือนสิบ กองทัพพันธมิตรระหว่างเมืองจ้าวกับแคว้นเฉิน มาถึงด่านเว่ยสุ่ยของแคว้นจิ้น
ในขณะเดียวกัน ชาวทูเจวี๋ยทางตอนเหนือของแคว้นจิ้นก็เริ่มเคลื่อนไหว
แคว้นจิ้นถูกโจมตีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ขวัญกำลังใจที่องค์ชายสี่สั่งสมมาจากการออกราชการแทนฮ่องเต้นั้นทลายลงเกือบหมดสิ้น
ข่าวดีส่งมาจากแนวหน้า กองทัพของหลายแคว้นบุกเข้าสู่ดินแดนของแคว้นจิ้น ยึดครองเมืองฉางโจวและเมืองอวิ๋นโจว และจะบุกยึดเมืองจี้โจวในเร็วๆ นี้
เดือนสิบเอ็ด เมืองฉวี่หยางต้อนรับฤดูหนาวที่โหดร้าย หิมะปกคลุมค่ายทหารสูบทึบ
กู้เจียวใช้ถือถังไม้ไปตักน้ำที่บ่อน้ำ
กำลังพลทั้งหมดถูกส่งออกไปแล้ว ขาดแคลนคนในค่าย งานเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ นางจึงมักจะทำเอง
ที่ปรึกษาลูกหูอยากช่วยนาง แต่แรงของเขายังสู้กู้เจียวไม่ได้
กู้เจียวโยนถังลงไปในบ่อ ตักน้ำขึ้นมาแล้วกำลังจะหมุนล้อขึ้น
ก็พบว่าแกนล้อถูกน้ำแข็งจับ
เสียงฝีเท้าเหยียบหิมะดังมาจากด้านหลัง เวลานี้มีเพียงที่ปรึกษาลูกหูเท่านั้นที่จะตามมา
กู้เจียวยื่นมือออกไป “มีดสั้นให้ข้าหน่อย”
อีกฝ่ายส่งมีดสั้นอันประณีตให้นาง
สมองของกู้เจียวแข็งตัวจากความหนาวเย็น ชั่วครู่หนึ่งนางไม่ได้ใส่ใจกับปลอกมีด
บนด้ามมีดสั้นยังคงมีไออุ่นเจือจาง
ช่างอบอุ่นจริงๆ
นางกระแทกน้ำแข็งบนแกนหมุน
“เอาไป” นางส่งมีดสั้นกลับคืนให้กับที่ปรึกษาหู
นางหมุนถังน้ำขึ้นมา กำลังจะเอื้อมมือไปยก แต่กลับมีมือเรียวบางยาวดั่งหยกยื่นมา คว้าด้ามถังไม้ไว้ก่อนนาง
ท่าทางนี้ทำให้นางอยู่ใกล้ชิดกับเขาอย่างกะทันหัน
สันหลังของนางเกือบจะแนบไปกับอกร้อนระอุของเขา กลิ่นหอมคุ้นเคยและลมหายใจของเขาปกคลุมรอบตัวนาง นางหันขวับมาด้วยความงุนงง บังเอิญปะทะเข้ากับดวงตาที่อ่อนโยน
เขาขยับยกมุมปากอย่างแผ่วเบา เสียงทุ้มต่ำที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูด “กู้เจียวเจียว ไม่เจอกันเสียนาน”
……….