สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 879-2 คราวตายของกงซุนอวี่ (2)
บทที่ 879 คราวตายของกงซุนอวี่ (2)
……….
หลังจากกงซุนอวี่ออกมาจากป่า ก็ได้ยินเสียงให้สัญญาณดังมาจากทางประตูทิศตะวันตก พวกแคว้นเยี่ยน…ยึดคืนไปได้แล้วรึ!
เมืองผู่กำลังถูกยึดคืนแล้ว…
กงซุนอวี่จึงจุดพลุส่งเพื่อส่งสัญญาณให้ถอยทัพ ก่อนจะทำร้ายทหารแคว้นเยี่ยนที่กำลังออกลาดตระเวนนายหนึ่ง แล้วขโมยม้ามาใช้
ตอนแรกเขาจะมุ่งหน้าไปที่ประตูเมืองตะวันตก แต่พอเห็นว่าเหลี่ยวเฉินกำลังไล่ตามมา จึงต้องเปลี่ยนใจไปทางประตูทิศใต้แทน
เหลี่ยวเฉินไปขอม้าจากทหารที่ถังเยว่ซานพามาที่ภูเขาผี
ถังเยว่ซานที่เพิ่งไปยิงกระต่ายหลังต้นไม้เสร็จ พอออกมาก็พบว่ามีม้าหายไปสองตัว หายไป…ได้อย่างไร
เหลี่ยวเฉินควบม้าตามไปอย่างรวดเร็ว
กงซุนอวี่พยายามสลัดอีกฝ่ายออก แต่ก็ไม่เป็นผล
พลังของเด็กคนนี้เหนือกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก…
กว่าสิบปีผ่านไป แทนที่จะหายไปเลย แต่ตระกูลเซวียนหยวนดันกลับมามีอำนาจมากโดยรักษาความลับไว้อย่างดีและรอเวลาขึ้นผงาดอีกครั้งอย่างนั้นรึ
ถ้าไม่ใช่เพราะถูกเจ้าหมิงอ๋องแทงเข้าชุดเกราะละก็ ไม่มีทางที่เจ้าเด็กนี่จะสู้เขาได้หรอก…
น่าโมโหจริงๆ !
หลายปีก่อน กงซุนหลิงก็เคยพ่ายแพ้ให้มัน!
พอวันนี้ ก็ดันมาเจ็บตัวเพราะมันอีก!
ถ้ากำจัดเจ้าเด็กนี่เสร็จเมื่อไหร่ หมิงอ๋องจะเป็นรายต่อไป!
ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ขณะที่เขาปล่อยความคิดไหลไปเรื่อยๆ พอนึกขึ้นได้ ก็หันกลับไปดู และพบว่าเหลี่ยวเฉินไม่ได้ตามมาแล้ว แต่วิ่งไปอีกทางแทน
กงวุนอวี๋ขมวดคิ้วและเร่งม้าให้เร็วขึ้น
แต่ไม่นาน เหลี่ยวเฉินโผล่ออกมาจากตรอกข้างๆ และกำลังประจัญหน้ากับเขา!
เหลี่ยวเฉินรวบรวมพลังทั้งหมดโจมตีกงซุนอวี่อย่างไม่ยั้งมือ
กงซุนอวี่คิดในใจ เจ้าเด็กนี่คิดจะทำอะไร กะจะเอาให้ตายไปพร้อมๆ กันเลยหรือไง!
เหลี่ยวเฉินเข้าใจดี แม้ว่ากงซุนอวี่จะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะฆ่าเขา
แต่วันนี้กงซุนอวี่ต้องตาย!
หากกงซุนอวี่ยังอยู่ เท่ากับเป็นการเพิ่มโอกาสให้กองทัพแคว้นจิ้นได้พลิกสถานการณ์!
ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร ต้องกำจัดคนๆ นี้ให้ได้!
กงซุนอวี่ตะโกนร้องด้วยความโมโห “เจ้าบ้าไปแล้ว! เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก!”
เหลี่ยวเฉินโต้กลับด้วยสายตาที่ไร้ซึ่งความเกรงกลัวใดๆ “อย่างน้อยข้าก็ทำให้เจ้าบาดเจ็บได้ ต่อให้ข้าฆ่าเจ้าไม่สำเร็จ ทหารแคว้นเยี่ยนคนอื่นก็มาฆ่าเจ้าอยู่ดี!”
คราวนี้กงซุนอวี่เริ่มเข้าใจถึงจิตวิญญาณของเซวียนหยวนแล้ว
ไม่ใช่ความแข็งแกร่งของคนๆ เดียว
แต่เป็นพลังที่รวมกันของทุกคน!
กงซุนอวี่กำดาบในมือแน่น และเค้นแรงทั้งหมดที่มีเพื่อจะโจมตี
และในตอนนั้นเอง เรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
จู่ๆ ประตูร้านค้าข้างถนนที่ปิดกิจการแล้วกลับถูกเปิดออก
ปรากฏบุรุษที่อยู่ในเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มกำลังเดินจูงมือเด็กอายุสี่ขวบออกมาจากในร้าน
การโจมตีของพวกเขารุนแรงและเร็วเกินไป และนั่นจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของคนที่อยู่บริเวณรอบๆ
กงซุนอวี่ไม่ใส่ใจเรื่องนี้อยู่แล้ว พวกเขาไม่ใช่ราษฎรของแคว้นจิ้นเสียหน่อย
ขณะที่สีหน้าของเหลี่ยวเฉินเริ่มไม่สู้ดี
เรียกคืนพลังที่ปล่อยออกไปกลับมาไม่ได้แล้ว
เหลี่ยวเฉินไม่มีทางเลือกอื่น
นักบวชชิงเฟิงเงยหน้าขึ้น และเห็นว่าเหลี่ยวเฉินกำลังมาทางนี้ เขาขมวดคิ้วทันที “นี่ เจ้า…”
ขณะที่กำลังเอ่ยอยู่นั้น ร่างของเหลี่ยวเฉินก็ถูกกำลังภายในอันมหาศาลโจมตีอย่างรุนแรงจนกระอักเลือด
แววตาของนักบวชชิงเฟิงนิ่งลงทันที และในตอนนั้นเอง กงซุนอวี่ได้ใช้โอกาสนี้ควบม้าหนีไปเป็นที่เรียบร้อย!
“ไม่เห็นจะต้องมาช่วยข้าเลย ข้าสกัดได้” นักบวชชิงเฟิงเอ่ย
“ข้าไม่ได้ช่วยเจ้า ข้าช่วยเขาต่างหาง” เหลี่ยวเฉินเอ่ยพร้อมกับมองไปที่เด็กน้อย
เจ้าตัวเล็กที่ไม่รู้อะไรก็เงยหน้าขึ้นมามองนักบวชชิงเฟิง
นักบวชชิงเฟิง “อ้อ”
ร่างของเหลี่ยวเฉินที่พิงกำแพงค่อยๆ ไหลลงกับพื้น เขาพยายามหัวเราะแม้จะรู้สึกอ่อนแรง “พ่อคนเก่ง ข้าเกรงว่าความปรารถนาของเจ้าจะเป็นจริงแล้วล่ะ สัญญากับข้าได้ไหม ว่าเจ้าจะฆ่ากงซุนอวี่”
“ได้สิ” นักบวชชิงเฟิงเอ่ย
จากนั้นนักบวชชิงเฟิงก็หันไปเอ่ยกับเด็กน้อย “ช่วยดูเขาที เดี๋ยวข้ากลับมา”
เด็กน้อยพยักหน้า
นักบวชชิงเฟิงใช้วิชาตัวเบาเหาะตามกงซุนอวี่ไป
ประตูเมืองทางใต้ถูกยึดคืนมาได้อย่างสมบูรณ์ ทหารค่ายเงาทมิฬกับเฮยเฟิงกำลังง่วนกับการตั้งแถวตรงบริเวณด้านบนและด้านล่างหอคอย
กงซุนอวี่ถอดหมวกเกราะออก
มีวิธีเดียวที่จะออกไปได้ คือต้องพุ่งออกไป
เขากระชับสายบังเหียนในมือ ดึงเข็มยาวออกมา และแทงเข้าที่สะโพกของม้า
เจ้าม้ารู้สึกเจ็บปวดจึงรีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง!
“ใครน่ะ! หยุดนะ!”
ทหารยามชักดาบขึ้น
กงซุนอวี่ไม่เอ่ยพร่ำทำเพลง ง้างดาบแล้วฟันทิ้งทันทีอย่างเลือดเย็น!
สมกับเป็นนายพลที่มีอำนาจมากที่สุดในแคว้นจิ้น เขาฝ่าด่านทหารคุ้มกันชุดใหญ่ไปได้อย่างง่ายดาย!
“เกิดอะไรขึ้น” กู้เจียวเดินลงมาที่ด้านล่างหอคอย
“มีคนบุกไปที่ประตูขอรับ!” ทหารรายงาน
“เห็นชัดไหมว่าเป็นใคร” กู้เจียวถาม
ทหารส่ายศีรษะ “เห็นไม่ชัดขอรับ รู้แค่ว่าคนคนนั้นใส่ชุดเกราะของทหารแคว้นจิ้นขอรับ!”
“ทหารแคว้นจิ้น…” กู้เจียวมองดูแผ่นหลังของคนคนนั้นที่วิ่งห่างออกไป “อย่าบอกนะว่า กงซุนอวี่ ลูกพี่!”
เจ้าเฮยเฟิงยืนสองขาโห่ร้องแล้วรีบวิ่งเข้ามาหากู้เจียว
กู้เจียวกระโดดขึ้นหลังม้า ให้คนช่วยยื่นทวนพู่แดงให้ แล้วรีบวิ่งตามออกไปอย่างไม่ลังเล!
ถ้าเจ้านั่นเป็นกงซุนอวี่จริงๆ …จะให้เจ้านั่นรอดกลับไปที่แคว้นจิ้นไม่ได้อย่างเด็ดขาด!
กำลังภายในของกงซุนอวี่เสียหายหนักมาก เขาไม่มีแรงแม้แต่จะต่อสู้กับกู้เจียว
หนึ่งชั่วยามผ่านไป สองชั่วยามผ่านไป…
ผืนฟ้าเริ่มมืดลง พระจันทร์เริ่มโผล่ขึ้นมาเหนือเส้นขอบฟ้า
กู้เจียวยังคงไม่รามือ!
แม้ว่าเขาจะนำไปไกลมาก แต่ม้าของเขาก็ไม่เร็วเท่าเฮยเฟิง
ขณะที่พวกเขาเข้าใกล้เมืองชายแดน ในที่สุดเจ้าเฮยเฟิงก็ไล่ตามทัน
กงซุนอวี่ข้ามสะพานไม้เสร็จ ก็ลงมือตัดสะพานออกด้วยดาบของเขา!
ทว่าเฮยเฟิงสามารถกระโดดข้ามไปราวกับได้รับความช่วยเหลือจากสวรรค์!
เริ่มเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
“เปิดประตูเมือง” กงซุนอวี่ตะโกน
ทหารแคว้นจิ้นที่สังเกตการณ์อยู่บนยอดหอคอยเมืองก็เอ่ยอย่างตื่นเต้น “ท่านผู้บัญชาการมาแล้ว! ท่านผู้บัญชาการกลับมาแล้ว!”
“พวกเจ้าดูนั่น!”
ทว่าที่บริเวณตีนเขาซึ่งห่างจากจุดนี้ราวสามลี้ พวกเขาก็เห็นทหารของแคว้นเยี่ยน…กำลังมาทางนี้!
เปิดประตูเมืองไม่ได้!
กองกำลังที่เหลือดันถูกส่งไปโจมตีที่แคว้นเยี่ยนกันหมด หากเปิดประตูเมือง เกรงว่าพวกเขาจะต้านไม่ไหว!
“โยนเชือกลงไป!” นายพลที่รับหน้าที่คุ้มกันเมืองตะโกนสั่ง
พวกเขาจึงปล่อยเชือกยาวลงไป
กงซุนอวี่กัดฟันทนบาดแผลทั้งภายในและภายนอกร่างกาย ก่อนจะเหาะขึ้นไปแล้วคว้าปลายเชือก
“รีบดึงท่านผู้บัญชาการขึ้นมาเร็วเข้า!”
ทหารทุกคนมาช่วยกันดึง
นายพลที่อยู่บนหอคอยมองดูทหารม้าแคว้นเยี่ยนที่เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นตะโกนว่า“มือธนู เตรียมตัว ปล่อยลูกธนู!”
สิ้นเสียงคำสั่ง ลูกธนูจำนวนนับไม่ถ้วนก็ตกลงมาจากฟ้าจนเกิดเสียงหวือดังระงมไปทั่ว!
แก๊ง!
ลูกธนูกระทบไหล่ของกู้เจียวที่อยู่ในชุดเกราะ
กู้เจียวยังคงควบเจ้าเฮยเฟิงไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละความพยายาม
พอมาถึงจุดที่ห่างจากหอคอยเพียงไม่กี่ก้าว ก็เห็นว่ากงซุนอวี่ถูกดึงขึ้นไปมากกว่าครึ่งทางแล้ว เพราะไม่มีวิชาตัวเบา จึงหมดหนทางที่กู้เจียวจะดึงกงซุนอวี่ให้ลงมาได้
กงซุนอวี่ก้มหน้าลงมามองกู้เจียวพร้อมกับแสยะยิ้ม หึ ผู้บัญชาการคนใหม่ของเฮยเฟิงอย่างนั้นรึ ก็ทำอะไรข้าไม่ได้อยู่ดี!
กู้เจียวเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นแก้มใสและดวงตาที่สงบราวกับน้ำลึก
กงซุนอวี่ขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้เห็นแววตาของอีกฝ่าย
ไม่รู้เพราะเหตุใด ดวงตาคู่นั้นทำเขารู้สึกถึงลางร้ายขึ้นมาทันที
เดาซิว่าเหตุใดข้าถึงยอมให้เจ้ากลับมา
เจ้าเฮยเฟิงยังคงวิ่งฝ่าฝนธนูอย่างไม่ลังเล
เป็นไปไม่ได้ จับข้าไม่ได้หรอก!
ข้าไม่กลัวหรอก!
ผู้บัญชาการตัวน้อยยกทวนพู่แดงขึ้นสูง
หัวใจกงซุนอวี่หล่นวูบ!
“อย่านะ…”
“ลาก่อน กงซุนอวี่”
ทวนพู่สีแดงพุ่งเข้ามาทางกงซุนอวี่ราวกับสายลมที่กระโชกแรง พัดพาความโกรธเกรี้ยวของตระกูลเซวียนหยวนที่สั่งสมมานานกว่าสิบปี ด้วยพลังของภูเขาและแม่น้ำ ปลายของทวนพู่แดงแทงทะลุเข้าไปตรงหัวใจด้วยความบังเอิญ ร่างของเขาถูกเสียบปักคาหอคอยแห่งแคว้นจิ้น!
แค่ก้าวเดียว…
เหลือแค่ก้าวเดียวเท่านั้น…
ห่างแค่เพียงนิดเดียว…
แต่ก็สายไปแล้ว…
ลูกตาของกงซุนอวี่จับจ้องไปยังผู้บัญชาการหนุ่มที่ดูสงบและน่าสะพรึงกลัวภายใต้สายฝนลูกธนู
เจ้าไม่ใช่ผู้บัญชาการเฮยเฟิง
ไม่ใช่
“เจ้า…เป็นใคร…กันแน่”
……….