สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 870 ชักธงรบประกาศชัย!
บทที่ 870 ชักธงรบประกาศชัย!
เหลี่ยวเฉินสีหน้าสุดจะบรรยาย
คนผู้นี้หลงทางอีกแล้วรึ
ไม่ทราบว่าเจ้ามาจากตะวันออกเฉียงเหนือถึงตะวันตกเฉียงเหนือได้อย่างไรหรือ
เหลี่ยวเฉินข่มความพลุ่งพล่านตรงมุมปากไม่ให้กระตุกยิกๆ เอาไว้ เอ่ยอย่างนับว่าสงบนิ่ง “ที่นี่ไม่ใช่ด่านชางเสวี่ย… จะว่าไปแล้ว พวกเจ้าตระกูลเฟิงแลกเปลี่ยนภารกิจกับหวังซวี่ คุ้มกันส่งพระนัดดาไปเจรจาสงบศึกที่แคว้นเฉินหรือยัง”
นักบวชชิงเฟิงเอ่ย “เฟิงอู๋ซิวอยากกินซาลาเปาเนื้อแพะ ข้าไปซื้อมาให้เขา ข้าบอกให้เขาอย่าวิ่งมั่วซั่ว ติดตามพระนัดดาไว้…เขากับพระนัดดาคงจะ…เดินหลงอยู่ด้วยกันน่ะ”
เหลี่ยวเฉินมองซาลาเปาสามลูกที่แข็งเป็นหินในห่อใบไผ่ ในที่สุดก็ทนไม่ไหว มุมปากกระตุกอย่างแรง
คนที่เดินหลงน่ะมันเจ้าต่างหากโว้ย
นี่เดินหลงมากี่วันแล้วล่ะ!
เจ้าถามทางไม่เป็นเลยหรือไร
ก็จริง คนผู้นี้ไม่เคยถามทาง เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองเดินผิดทางด้วยซ้ำ
…ตราบใดที่ข้าไม่ถาม ข้าก็ไม่ได้เดินหลง
เป็นจอมหลงทางไม่น่ากลัว แต่เป็นจอมหลงทางแท้ๆ กลับหลงคิดว่าตัวเองเป็นจอมชำนาญทางต่างหากที่น่ากลัว
เหลี่ยวเฉินจิ๊ปากพลางส่ายหน้า ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “มีผู้ใดเขาเหมือนเจ้าบ้าง…เจ้าใช้ชีวิตอยู่บนสวรรค์หรือไร”
นักบวชชิงเฟิงได้ยินไม่ชัด จึงมองเขาอย่างประหลาดใจ “เจ้าว่าอย่างไรนะ”
ดวงตาดอกท้อของเหลี่ยวเฉินหรี่ลงเล็กน้อย ไอสังหารบนร่างหายไปอย่างหาได้ยาก มีรอยยิ้มเสน่ห์ร้ายของพระปีศาจเพิ่มขึ้นมาด้วย “ข้าบอกว่าเจ้าเป็นเทพเซียนแห่งสรวงสวรรค์ ลงมาโลกมนุษย์ลำบากแล้ว”
นักบวชชิงเฟิงไม่เข้าใจ แต่เขาก็คร้านจะไปเข้าใจ เขามองห้าคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ถาม “ไยคนพวกนี้จึงฆ่าเจ้าเล่า แล้วเหตุใดเจ้าจึงแต่งตัวเช่นนี้”
เหลี่ยวเฉินส่งเสียงอ้อ เอ่ยเสียงนิ่ง “สองแคว้นทำสงครามกัน ข้ามาทำศึก พวกเขาเป็นกองทัพจิ้น”
“กองทัพจิ้น” นักบวชชิงเฟิงชะงัก หน้าเคร่งเอ่ย “ดี ข้าจะสังหารพวกเขาก่อน จากนั้นชีวิตของเจ้า ข้าจะปลิดด้วยตัวเอง!”
เหลี่ยวเฉินหยักยกมุมปาก “เอาสิ”
ทั้งคู่ดูเหมือนจะคุยกันไม่น้อย แต่ความจริงนั้นผ่านไปพริบตาเดียวเท่านั้น พลกระบี่ห้านายสังเกตกลิ่นอายและกำลังภายในของพวกเขามาโดยตลอด เพื่อตัดสินวรยุทธ์และจุดอ่อนของพวกเขา
น่าเสียดาย ที่ไม่ได้อะไรเลย
“รุกพร้อมกัน!” หัวหน้าพลกระบี่เอ่ย
ทั้งห้าคนมือถือกระบี่ยาว พุ่งเข้าสังหารนักบวชชิงเฟิงกับเหลี่ยวเฉิน
นักบวชชิงเฟิงวางซาลาเปาแห้งลงบนสิงโตหินที่อยู่ข้างๆ เขาไม่ถนัดใช้อาวุธ จึงประมือกับทั้งห้าด้วยมือเปล่า
เหลี่ยวเฉินก็ไม่ได้ใช้อาวุธเช่นกัน
เหล่าพลกระบี่เดิมคิดว่าเหลี่ยวเฉินเสียอาวุธไปแล้ว ซ้ำยังได้รับบาดเจ็บภายใน ฝีมือต้องเสียหายไปเป็นครึ่งแน่ ใครจะคิดว่าพอเหลี่ยวเฉินลงมือ ก็ทำให้พลกระบี่สัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาล
เหลี่ยวเฉินเอ่ยเสียงเย็น “เมื่อครู่แค่ลอบโจมตีเท่านั้นหรอก พวกเจ้าคิดจริงๆ หรือว่าจะเอาชนะข้าได้อย่างสง่าผ่าเผย”
เอ่ยจบ เขาก็ซัดฝ่ามือใส่พลกระบี่สองนายกระเด็นลอยพร้อมกัน!
นักบวชชิงเฟิงขมวดคิ้ว “ที่แท้วรยุทธ์ของคนผู้นี้ก็เก่งกาจเพียงนี้เชียวหรือ”
อีกสามคนที่เหลือเห็นเหลี่ยวเฉินจัดการยาก ก็จ้องนักบวชชิงเฟิง นึกว่าคนผู้นี้จะจัดการง่ายหน่อย
นักบวชชิงเฟิงทะยานกายขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะร่วงลงอย่างแรง ซัดฝ่ามือลงพื้น “คาถาหลุมบ่อ!”
กำลังภายในรุนแรงสายหนึ่งมีเขาเป็นศูนย์กลาง พุ่งเข้าใส่พลกระบี่ซ้ายขวาอย่างแรง!
หลุมอยู่ตะวันออก บ่ออยู่ตะวันตก ทั้งสองบังเอิญเดินเข้าไปในกระบวนค่ายของเขาโดยไม่รู้ตัว สถานการณ์นี้แทบจะเหมือนกันกับนายท่านห้าหันกับกู้ฉังชิงในตอนนั้น
ที่ต่างไปก็คือ การคัดเลือกผู้บัญชาการทหารม้าเฮยเฟิงเป็นการแข่งขัน เขาไม่ได้ลงมือให้ถึงตาย
ครานี้เขาแสดงฝีมือที่แท้จริงของตัวเองออกมา
พลกระบี่สองนายโดนสั่นสะเทือนกระแทกใส่เสาสองข้างอย่างแรง เสาโดนกระแทกพังลงมา ทั้งสองร่วงลงพื้นอย่างแรง แม้แต่อาวุธก็กระเด็นลอยไปข้างๆ
นักบวชไม่สังหารสิ่งมีชีวิต
แต่เขาเป็นประชาชนของต้าเยี่ยน ก่อนจะมาเป็นนักบวชแห่งไป๋อวิ๋นกวน!
บ้านเมืองรุ่งเรืองหรือล่มสลาย ทุกคนล้วนต้องรับผิดชอบ!
“คาถาประสานแยก!”
นักบวชชิงเฟิงซัดฝ่ามือลงไปอีกหน เหลี่ยวเฉินสีหน้าพลันเปลี่ยน ทะยานตัวขึ้นไปบนหลังคา
สองคนนั้นไม่ได้โชคดีเพียงนั้น พวกเขาโดนนักบวชชิงเฟิงอีกกระบวน ตันเถียนแตกซ่าน เสียชีวิตทันที!
เหลี่ยวเฉินทะยานตัวขึ้นเบาๆ โปรยตัวลงฝั่งตรงข้ามเขาอย่างมั่นคง คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มเอ่ย “หนิวปีจื่อ ฝีมือของเจ้าช่างน่าตื่นตะลึงจริงๆ ”
นักบวชชิงเฟิงสีหน้าไร้อามณ์เอ่ย “ตอนฆ่าเจ้าจะยิ่งน่าตื่นตะลึงกว่านี้อีก”
เอ่ยจบ เขาก็ซัดฝ่ามือไปทางเหลี่ยวเฉิน!
เหลี่ยวเฉินแววตาววูบไหว ยกกำปั้นขึ้นซัดไปทางนักบวชชิงเฟิง!
ฝ่ามือทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ ในขณะเดียวกันก็ซัดคนลอบโจมตีด้านหลังทั้งสองได้พอดี!
สองคนนี้เป็นพลกระบี่ที่โดนเหลี่ยวเฉินซัดกระเด็นเมื่อครู่ ยามนี้โดนอีกกระบวน ต่อให้แข็งแกร่งกว่านี้ก็ทนไม่ไหว สองขาเหยียดตรง สิ้นลมไป
นักบวชชิงเฟิงมองเหลี่ยวเฉินอย่างเย็นชา “ต่อไปก็ถึงคราวของ…”
ยังไม่ทันเอ่ยจบ เหลี่ยวเฉินก็ก้าวขึ้นหน้าก้าวหนึ่ง แขนซ้ายแตะบั้นเอวเขา พลิกมือปกป้องเขาไว้ด้านหลัง ซ้ำอีกฝ่ามือใส่หน้าอกพลกระบี่คนสุดท้าย!
จนบัดนี้ พลกระบี่ทั้งห้าตายไปหมดแล้ว
เย่ว์หลิ่วอีที่อยู่บนกำแพงเมืองกระทืบเท้าด้วยความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “พวกไร้ประโยชน์! แม้แต่นักบวชคนหนึ่งกับบุตรเซวียนหยวนคนเดียวก็จัดการไม่ได้! จะเก็บพวกเจ้าไว้ทำไมอีก! ก็บอกให้เอาผู้คุมกฎของสำพลกระบี่ของพวกเจ้ามา! ลูกศิษย์จะไปทำอะไรได้!”
คนเหล่านี้หาใช่ศิษย์ธรมดาๆ ไม่ แต่เป็นพลกระบี่ที่มีพรสวรรค์ที่สุดในสำพลกระบี่แล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางโดนผู้อาวุโสลู่เรียกมาเมืองผู่หรอก
จะโทษก็คงต้องโทษเหลี่ยวเฉินกับนักบวชชิงเฟิงที่แข็งแกร่งเกินไป
หลังจากเหลี่ยวเฉินสังหารคนสุดท้ายแล้ว ก็รีบปล่อยบั้นเอวของคนบางคนทันที ก่อนจะใช้วิชาตัวเบาทะยานขึ้นไปบนหลังคา
นักบวชชิงเฟิงขมวดคิ้วมุ่น “คิดหนีรึ”
เหลี่ยวเฉินหยักยกมุมปาก เอ่ยอย่างเอ้อระเหย “ข้าไปสังหารคนผู้หนึ่งก่อน สังหารเสร็จจะมาคิดบัญชีระหว่างเจ้ากับข้า จริงสิ เด็กคนนั้นยกให้เจ้านะ”
เอ่ยจบ เขาก็ชี้ไปที่ตรอก แล้วเร้นกายหายวับไปเลย!
นักบวชชิงเฟิงมองเด็กน้อยในตรอกที่เสียขวัญจนร้องไห้ยังไม่กล้า เขาขมวดคิ้ว สุดท้ายก็ไม่ได้ไล่ตามไปสังหารเหลี่ยวเฉิน
เขาเดินไปหา จูงมือน้อยๆ ของเด็กขึ้นมา
หน้าประตูเมือง ทหารม้าเฮยเฟิงและหน่วยเงาทมิฬกำลังสู้รบดุเดือดกับทหารเฮยเซียวของตระกูลหัน
นายท่านห้าหันโดนคนรับใช้พยุงไปด้านข้าง
เขาพิงกำแพงเมืองนั่งอยู่บนพื้นเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง มองทหารม้าเฮยเซียวของตระกูลหันล้มลงคนแล้วคนเล่า จู่ๆ ในใจก็เกิดความรู้สึกหมดแรงขึ้นมา
หรือที่เขายืนหยัดมาหลายปีเพียงนี้ล้วนผิดพลาดหมดเลยหรือ
กายใจของเขาล้วนเสียเปล่าหรือ
ทั้งๆ ที่แข็งแกร่งกว่าแท้ๆ เหตุใดกลับยังเอาชนะทหารม้าเฮยเฟิงไม่ได้
คุณสมบัติของร่างกายม้าศึกตระกูลหันแข็งแกร่งกว่าม้าเฮยเฟิง พวกมันมีความอดทนต่อความเจ็บปวดได้ดีกว่าม้าเฮยเฟิงลิบลับ แต่จิตวิญญาณของม้าเฮยเฟิงมีปณิธานที่ไม่เคยยอมแพ้อยู่
เจ็บได้ ตายได้ แต่จะถอยไม่ได้เด็ดขาด!
เขานึกว่ามีม้าศึกที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วจะสามารถฝึกทหารม้าเหล็กไร้เทียมทานขึ้นมาได้
แต่บัดนี้เขาเพิ่งจะรู้ แข็งแกร่งไม่ได้หมายความว่าทรงพลัง ม้าเฮยเซียวของตระกูลหัน…อาจจะต้องแพ้แล้วจริงๆ
ไม่สิ ยังมีม้าปีศาจดำอยู่!
ยังมีโอกาส!
ม้าปีศาจดำเป็นหนึ่งในม้าเฮยเซียวเพียงน้อยนิดที่ไม่ได้รับผลกระทบในสนามรบ มันกำลังอยู่ในช่วงวัยฉกรรจ์ หนุ่มแน่นกำยำ ไม่อนุญาตให้ตัวเองพ่ายแพ้ให้กับม้าแก่ตัวหนึ่งเป็นแน่
มันจะช่วงชิงตำแหน่งราชาม้าของตัวเองกลับคืนมา
มันพุ่งโจมตีราชาม้าเฮยเฟิงอย่างรุนแรงที่สุด!
จากความเร็วและพลังระเบิดของมัน จะต้องกระแทกราชาม้าเฮยเฟิงบาดเจ็บสาหัสได้แน่
ผู้คนรอบด้านพากันปาดเหงื่อเย็น น่าเสียดายที่พวกเขากำลังต่อสู้กัน ไม่มีเวลาไปช่วยราชาม้าเฮยเฟิง…
ราชาม้าเฮยเฟิงหอบน้อยๆ มันมองม้าศึกที่ควบทะยานมาหาตน มันดูเหมือนไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแล้วรอคอยการปะทะชน
ร่างกายมันสั่นระริก ล้มลงไปอย่างหมดแรง
หลี่เซินสีหน้าพลันเปลี่ยน “ราชาม้าเฮยเฟิง…”
ราชาปีศาจดำกระโดดข้ามตัวราชาม้าเฮยเฟิงไป มันกลับมาถึงที่เดิมอย่างเย่อหยิ่งระคนตื่นเต้น มันเอาชนะม้าแก่ตัวนี้ได้แล้ว!
มันเป็นราชาม้าศึกที่แท้จริง!
มันยกกีบขาหน้าขึ้น ป่าวประกาศศักดาอันเด็ดขาดของตัวเอง!
ในขณะนั้นเอง จู่ๆ ราชาม้าเฮยเฟิงที่เดิมทีล้มลงกับพื้นก็ลุกพรวดขึ้น กัดลำคอม้าปีศาจดำ!
ม้าปีศาจดำเจ็บจนแหงนหน้าร้องลั่น มันเริ่มดิ้นอย่างเอาเป็นเอาตาย พยายามเต็มที่ในการสลัดราชาม้าเฮยเฟิง!
น่าเสียดายที่ราชาม้าเฮยเฟิงกัดมันไม่ปล่อย!
หากไม่ยอมศิโรราบก็ต้องตาย!
ในที่สุดม้าปีศาจดำก็หมดแรงเฮือกสุดท้าย ร้องครางขึ้นคำหนึ่ง คุกเข่าตัวเองให้ราชาม้าเฮยเฟิง
นายท่านห้าหันหลับตาลงอย่างเจ็บปวด
ตระกูลหัน
แพ้แล้ว
หันเย่ไม่สนใจกู้เจียว เรียกหน่วยกล้าตายตระกูลหันมาล้อมโจมตี
กู้เจียวแทงทวนทีละคน ไม่ลังเลยืดยาดเลยแม้แต่น้อย!
หันเย่ได้รับบาดเจ็บ องครักษ์ตระกูลหันคุ้มกันส่งเขาจากไป
กู้เจียวตวาดกร้าว “คิดหนีรึ ไม่ง่ายปานนั้นหรอก!”
นายท่านห้าหันอนุญาตพวกเจ้าพาไป เป็นเพราะเหลี่ยวเฉินไว้ชีวิตเขา แต่หันเย่นับเป็นอะไรได้!
เมื่อครู่ยังคิดจะสังหารราชาม้าเฮยเฟิงของนางทิ้งอยู่เลย!
กู้เจียวถือทวนพู่แดงขึ้นพลางพลิกตัวขึ้นหลังม้า “พี่ใหญ่! ตามมันไป!”
ในขณะนั้นเอง เย่ว์หลิ่วอีก็ทะยานกายลงมา ยิงอาวุธลับบุปผาบินใส่กู้เจียว!
กู้เจียวแค่นเสียงเหอะ “เจ้ามีอาวุธลับแล้วข้าไม่มีหรือไร”
นางล้วงกล่องกลไกออกมา โยนอาวุธลับแน่นขนัดออกไป!
อาจารย์หลู่ทำกล่องกลไกปกป้องชีวิตให้กู้เหยี่ยนกับกู้เสี่ยวซุ่นคนละใบ พวกเขาสองคนล้วนให้นางมาหมด
นางยังไม่ได้ลองพลานุภาพกล่องกลไกสองใบนี้เลย
นางได้ยินเสียงกังวานใสดังขึ้นแผ่วเบา ราวกับเข็มเงินเล่มหนึ่งยิงโดนกล่องกลไก จากนั้นก็เป็นเสียงฟันเฟืองหมุน
ครู่ต่อมา กล่องกลไกก็แตกซ่าน อาวุธลับยิงออกมาดุจธิดาสวรรค์โปรยดอกไม้!
ไม่เพียงต้านเข็มเงินกับลูกดอกแบบเป่าทั้งหมดของเย่ว์หลิ่วอีไว้เท่านั้น ยังยิงกำลังทหารตระกูลหันข้างกายเย่ว์หลิ่วอีล้มลงไปเป็นแถวด้วย
แม้แต่เย่ว์หลิ่วอีเองยังโดนเข็มเงินที่แทบมองไม่เห็นยิงเข้า!
“โอ๊ย” เย่ว์หลิ่วอีส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด
เข็มเงินมีพิษ ไหล่ซ้ายที่เย่ว์หลิ่วอีโดนพลันไร้ความรู้สึกไปทั้งแขน
นางกุมแขนซ้ายตัวเองไว้ หันไปมองกู้เจียวอย่างมาดร้าย “จะ…เจ้ากล้าทำร้ายข้า!”
กู้เจียวเอ่ยอย่างอวดดี “ทำร้ายเจ้าแล้วอย่างไร ข้ายังจะฆ่าเจ้าด้วย!”
ขุนพลใหญ่ทั้งสี่ของกงซุนอวี่ เย่ว์หลิ่วอีเป็นคนที่จิตใจอำมหิตที่สุด เก้าปีต่อมานางจะเป็นศัตรูที่จัดการได้ยากมาก กู้เจียวไม่มีทางปล่อยโอกาสให้นางได้แข็งแกร่งหรอก
กู้เจียวแทงทวนใส่เย่ว์หลิ่วอี!
นี่เป็นหนึ่งในสองกระบวนสุดท้ายที่โดนเซวียนหยวนฉีบีบคั้นออกมาตอนอยู่ภูเขาผี แม้แต่เซวียนหยวนฉียังบีบให้ถอยได้ นับประสาอะไรกับเย่ว์หลิ่วอี
บริเวณท้องของเย่ว์หลิ่วอีโดนฟันบาดเจ็บ ดวงหน้างามของนางเดือดดาลยกใหญ่ “เจ้าเป็นใครกันแน่!”
กู้เจียวเอ่ยเสียงนิ่ง “เจ้าจะสนใจไปไยว่าข้าคือใคร!”
เย่ว์หลิ่วอีไม่อยากสละชีวิตในสนามรบของตระกูลหัน นางกัดฟันกรอด โยนลูกระเบิดดำออกมาลูกหนึ่ง ระเบิดเป็นควันก้อนใหญ่ อาศัยจังหวะหลบหนี!
กู้เจียวทอดมองแผ่นหลังจากไปของนาง ไม่ได้ไล่ตามไป “เกรงว่าเจ้าจะยังไม่รู้ว่าเมืองผู่ถูกล้อมไว้หมดแล้วกระมัง หนีเข้าเมืองก็เป็นตะพาบในไหอยู่ดี”
ขวัญกำลังใจของตระกูลหันหายวับไปแล้ว กู้เจียวอาศัยจังหวะนี้พาคนของหน่วยเงาทมิฬไล่สังหารขึ้นไปบนกำแพงเมือง!
นางฟันทวนตัดธงแคว้นจิ้นสะบั้น แล้วปักธงต้าเยี่ยนไปบนกำแพงเมืองสูงตระหง่านอย่างองอาจ!