สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 865-2 โทสะของเซวียนหยวน! (2)
บทที่ 865-2 โทสะของเซวียนหยวน! (2)
“ตั้งกระบวน!” แม่ทัพตี๋ตะโกนกร้าว
กองทัพใหญ่แคว้นจิ้นที่ผ่านการฝึกมาอย่างดีมือถือโล่ ตั้งกระบวนเป็นกำแพงเหล็กแน่นขนัดอย่างรวดเร็ว
“ยิงธนู!”
เสียงตะโกนดุดันของแม่ทัพตี๋มาพร้อมกับพลธนูด้านหลังโล่ลุกขึ้นยืน ยิงห่าธนูเย็นเฉียบปลิดชีวิตเข้าใส่ทั้งสามฟิ้วๆ
เซวียนหยวนฉีดึงบังเหียนเปลี่ยนทิศทาง วิ่งจากแนวทแยงข้างหน้านางเบี่ยงมาข้างหน้านางตรงๆ
เขาใช้กระบี่ยาวฟันลูกธนูที่ยิงทะยานมาทั้งหมด สร้างเป็นกำแพงที่ไม่ว่าอาวุธใดก็ไม่อาจทะลุได้ให้กับกู้เจียว
ถังเย่ว์ซานก็ชักกระบี่ยาวออกมาเช่นกัน เรียกบุปผากระบี่อย่างรวดเร็ว
เซวียนหยวนฉีไอสังหารดุจสายฟ้า มายังแนวหน้ากลุ่มแรก ท่าไม้ตายอันดุดันพร้อมกำลังภายในอันแข็งแกร่ง ฟันกระบี่ใส่โล่ของทหารจิ้น ทหารจิ้นล้มระนาวลงกับพื้น
เซวียนหยวนฉีทะยานขึ้นพร้อมกับม้า ข้ามหัวทหารจิ้นทั้งหมดไปสูงลิ่ว
ม้าศึกแข็งแกร่งตัวหนึ่งสามารถทำให้เจ้านายดุจพยัคฆ์ติดปีกได้ เช่นเดียวกัน เจ้านายที่แข็งแกร่งคนหนึ่งก็ทำให้ม้าศึกแสดงกำลังรบเหนือจินตนาการออกมาได้!
มันยืนตระหง่านองอาจ ราวกับสัตว์ร้ายในเหวลึก พาหนะของเซวียนหยวนฉีเหยียบย่ำกองทัพจิ้น
บรรดาทหารจิ้นราวกับเห็นเทพสังหารบรรพกาล แค่ได้ยินก็หัวหดแล้ว!
มีเพียงเทพสังหารผู้ยิ่งใหญ่อย่างเดียวยังไม่พอ ด้านหลังยังมีเทพสงครามน้อยตามมาด้วย แหวกโค่นดงหนามตลอดทาง ทุกหนแห่งที่ควบผ่าน ทหารจิ้นคนหงายม้าพลิกทุกราย โลหิตสาดกระเซ็นสามฉื่อ!
ถังเย่ว์ซานก็สังหารจนถึงอกถึงใจเช่นกัน!
“สะใจนัก! ฮ่าๆๆ ! มาฆ่าปู่เจ้าสิ! มากันให้หมดเลย! มาสิ!”
เขาร้องตะโกนดึงดูดกำลังทหารมากมายให้มาโจมตีเขามากขึ้น กู้เจียวกับเซวียนหยวนฉีจะได้ลดแรงกดดันลงบ้าง
“แม่ทัพอย่างข้าจะประมือกับเจ้าเอง!” แม่ทัพตี๋ชักกระบี่ใหญ่ออกจากบั้นเอว ควบม้าพุ่งเข้าใส่ถังเย่ว์ซาน!
แม่ทัพตี๋เป็นแม่ทัพแกร่งคนหนึ่งแห่งแคว้นจิ้น วรยุทธ์สูงส่ง ถังเย่ว์ซานตอนแรกค่อนข้างดูถูกเขาอยู่บ้าง แต่ผ่านไปสองสามกระบวนก็พบว่าอีกฝ่ายเป็นตอแกร่งทีเดียว
ถังเย่ว์ซานถูกบีบให้เอาจริงขึ้นมา
อีกด้านหนึ่ง เซวียนหยวนฉีกับกู้เจียวก็โดนทหารจิ้นล้อมไว้ทุกด้านเช่นกัน
พวกเขาเรียนรู้จากความพ่ายแพ้ครั้งก่อน ทิ้งกระบวนทัพป้องกัน เปลี่ยนเป็นกระบวนทัพโจมตี สถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นอย่างกะทันหัน
กำลังของแต่ละคนกำลังจะหมดลง ที่ต่างก็คือ ทางฝั่งทหารจิ้นมีเลือดใหม่เติมเข้ามาไม่ขาดสาย แต่กู้เจียวกับเซวียนหยวนฉีหมดไปนิดหนึ่ง ก็หายไปนิดหน่อย
กู้เจียวสังหารจนตาแดง
ใกล้แล้ว
ใกล้จะฝ่าออกไปได้แล้ว…
“โธ่เว้ย!” ถังเย่ว์ซานเกือบโดนกระบี่ฟันที่หลัง เขาพลิกมือแทงกระบี่ไปด้านหลัง โดนท้องของแม่ทัพตี๋
เขาหงายหลังอยู่บนหลังม้า ม้วนท้องยกขาขึ้น สองขาหนีบหัวแม่ทัพตี๋ไว้ แล้วบิดเขาอย่างแรง
ได้ยินเสียงกร๊อบดังขึ้น แม่ทัพตี๋ร้องโหยหวนล้มลง!
ทหารจิ้นนายหนึ่งสีหน้าพลันเปลี่ยน “ท่านแม่ทัพตี๋…ท่านแม่ทัพตี๋…”
ถังเย่ว์ซานกัดฟันนั่งกลับไปบนหลังม้า เมื่อครู่นี้ใครมันลอบโจมตีข้า โดนลูกดอกปักต้นขาดอกหนึ่ง!
เขาดึงลูกดอกโยนทิ้ง ไล่ฟาดฟันไปตลอดทั้งทาง ตามกู้เจียวกับเซวียนหยวนฉีทัน ก่อนที่ทั้งสามจะควบม้าไปเบื้องหน้า
กู้เจียวสังเกตเห็นคราบเลือดบนขาเขา “เจ้าได้รับบาดเจ็บแล้ว”
ถังเย่ว์ซานเอ่ย “แผลเล็กน่า ไม่เป็นไรหรอก!”
แม่ทัพตี๋ล้มลงทำให้ขวัญกำลังใจทหารจิ้นลดต่ำลง นี่เป็นโอกาสทองที่พวกนางจะฝ่าวงล้อมแน่นขนัดออกไป
ทว่าในขณะนั้นเอง จู่ๆ ด้านหลังก็มีไอสังหารน่ากลัวลอยมา!
กู้เจียวพลันใจสั่นสะท้าน!
เคร้ง!
เป็นเซวียนหยวนฉีง้างกระบี่ฟันธนูคมดอกนั้น!
นี่ไม่ใช่ลูกธนูคมธรรมดา ชั่วขณะที่มันขาดสะบั้น จู่ๆ ก็ระเบิดเข็มพิษออกมานับไม่ถ้วน จะว่าช้าก็ช้า จะว่าเร็วก็เร็ว เซวียนหยวนฉีโบกกระบี่ยาวใช้กระบี่เป็นโล่ ต้านเข็มพิษนับไม่ถ้วนเอาไว้
ด้านหลังมีเสียงหัวเราะดุจกระดิ่งเงินของสตรีนางหนึ่งดังขึ้น “หึๆๆ … เก่งกาจ… เก่งกาจจริงๆ …”
เสียงนี้…
แม่ทัพหญิงเพียงหนึ่งเดียวของกงซุนอวี่ ถนัดอาวุธลับและค่ายกล เย่ว์หลิ่วอี จันทราไหลบุปผาโบยบิน
นางรุ่นเดียวกันกับกู้เจียว ปีนี้สิบหก
ใครจะคิดว่านางจะสวามิภักดิ์ต่อกงซุนอวี่ไวปานนี้
นางเป็นชาวทูเจวี๋ย มีดวงตางดงามสีน้ำตาลอ่อน รูปโฉมสะสวย และไม่ขาดความปราดเปรื่องบริสุทธิ์ของเด็กสาว
นางสวมอาภรณ์สีชมพูอ่อนช้อยงดงาม องเอวคอดกิ่ว รูปร่างบอบบาง ทำให้นึกถึงภูตผีเสื้อท่ามกลางมวลบุปผาในพงไพรม่านหมอก
นางขี่ม้าขาวสวยตัวหนึ่ง ม้าสวยคนงาม เจริญหูเจริญตายิ่ง ไม่เข้ากับสงครามที่โลหิตนองเป็นน้ำเลยสักนิด
“แม่นางเย่ว์!” ทหารจิ้นคนหนึ่งจำนางได้
เย่ว์หลิ่วอีในยามนี้ยังไม่ใช่แม่ทัพของราชสำนัก เป็นเพียงยอดฝีมือในจวนที่กงซุนอวี่เชิญมา
แต่นางไม่ใช่ ไม่ได้หมายความว่าอีกคนก็ไม่ใช่
ชายชาตรีขี่ม้าพันธุ์ดีตัวสูงใหญ่ไล่ตามมา น้ำเสียงหยาบกระด้างเอ่ย “เสี่ยวหลิ่วเอ๋อร์ นี่เป็นสถานที่ที่พวกชายชาตรีเขารบทัพจับศึกกัน เจ้าหลีกไปจะดีกว่า จะได้ไม่บาดเจ็บเอา นายท่านลงโทษลงมา ข้ารับไม่ไหว!”
เย่ว์หลิ่วอีเอ่ยอย่างไม่แยแส “เหอะ นายท่านลงโทษเขา ไม่ใช่ข้าเสียหน่อย ข้าไม่สน!”
ทหารจิ้นนายหนึ่งเอ่ยอย่างดีใจ “แม่ทัพจู! เป็นแม่ทัพใหญ่จูมาแล้ว!”
ถูกต้อง คนผู้นี้หาใช่ใครอื่น เป็นแม่ทัพแกร่งอีกคนภายใต้บัญชาของกงซุนอวี่ ถูกขนานนามว่าจูจางขวง!
ตำแหน่งในกองทัพของเขาสูงกว่าแม่ทัพตี๋ การมาถึงของเขาช่วยฟื้นขวัญกำลังใจให้กองทัพจิ้นได้อย่างไม่ต้องสงสัย
เย่ว์หลิ่วอีแย้มยิ้มตาหยีมองหนึ่งในสามคนนั้นพลางเอ่ย “เจ้าอ้วนนั่น! ใช่! เจ้านั่นแหละ! เจ้าโดนลูกดอกพิษของข้า หากไม่มียาถอนละก็ ไม่เกินครึ่งชั่วยามจะตาย!”
ถังเย่ว์ซานโมโหจะตายแล้ว “ข้าอ้วนกับปู่เจ้าน่ะสิ!”
เขาเรียกกำยำ! กำยำดุจจามรี!
การมาถึงของจูจางขวงกับเย่ว์หลิ่วอีทำให้ทหารจิ้นเลือดร้อนระอุขึ้นมาอีกครา พุ่งเข้าล้อมพวกกู้เจียวสามคนแน่นหนาไร้ช่องโหว่
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ทั้งสามคนได้หมดแรงตายแน่…
เซวียนหยวนฉีมองเบื้องหน้า สุดปลายถนนหลวงเป็นปากทางคับแคบของภูเขา ผ่านปากทางไปก็จะเห็นกำแพงเมืองของเมืองฉวี่หยางแล้ว
“ไม่ต้องสู้ แล้ว เร่งความเร็ว เต็มที่ หนี” เขาเอ่ย
“อื้อ!” กู้เจียวพยักหน้า “ลูกพี่!”
ราชาม้าเฮยเฟิงวิ่งด้วยความเร็วที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่รู้กระบี่กระบี่เท่าใดฟาดฟันมาบนร่าง แต่มันก็ยังไร้การลังเลแม้แต่น้อย พากู้เจียวมุ่งไปยังปากทางนั้น
จูจางขวางนำทหารไล่ล่า เย่ว์หลิ่วอีช่วยด้วยอาวุธลับ
ม้าศึกของเซวียนหยวนฉีโดนลูกดอกอาบยาพิษ พิษเข้าสู่อวัยวะทั้งห้า มันวิ่งไม่ไหวแล้ว
กู้เจียวยื่นมือไปหาเซวียนฉยวนฉี “ขึ้นม้า!”
เซวียนหยวนฉียื่นมือไปหากู้เจียว กลับไม่ได้จะดึงมือนาง แต่ซัดฝ่ามือตบราชาม้าเฮยเฟิง กำลังภายในมหาศาลส่งราชาม้าเฮยเฟิงกับกู้เจียวออกไป!
กู้เจียวขมวดคิ้วมุ่น หันกลับไปมองเขา “เซวียนหยวนฉี!”
เซวียนหยวนฉีซัดฝ่ามือตบม้าศึกของถังเย่ว์ซานกับเขาส่งออกไปเช่นกัน
ไม่ใช่เพราะเขาสูญเสียพาหนะจึงได้ทำเช่นนี้ ชั่วขณะที่เขาออกคำสั่งให้มุ่งไปปากทาง ก็ได้ตัดสินใจเช่นนี้แล้ว
ชีวิตของเขาใกล้จะสิ้นสุดลง แต่ไม่รู้มาตลอดว่าภารกิจอันหนักอึ้งของตัวเองคืออะไร
เขามักจะคิดว่าเขาอาจจะรอไม่ถึงแล้ว
เย่ว์หลิ่วอีเอ่ยอย่างไม่แยแส “เหอะ! คิดจะขวางกองทัพใหญ่แคว้นจิ้นหนึ่งหมื่นของข้าด้วยกำลังของเจ้าเองรึ! ฝันไปเถิด!”
นางทะยานตัวขึ้น มือถือพัดที่เป็นอาวุธ ฟาดเข้าใส่เซวียนหยวนฉีอย่างแรง!
เข็มเงินดุจบุปผาพลิวยิงไปหาเซวียนหยวนฉี เซวียนหยวนฉีเร้นกายหายไปต่อหน้าต่อตาเย่ว์หลิ่วอี
“ว่องไวนัก!” เย่ว์หลิ่วอีสีหน้าพลันเปลี่ยน ความเจ็บแปลบแล่นวาบขึ้นสันหลัง นางรีบหันหลังกลับไปป้องกัน กลับสายไปก้าวหนึ่ง เซวียนหยวนฉีแทงกระบี่ใส่ข้อมือขวานางแล้ว!
“อ้ากกก” ความเจ็บแปลบแล่นวาบขึ้นข้อมือ โลหิตกระเซ็น อาวุธพัดร่วงลงพื้น ดวงหน้างามนางถอดสี
“รังแกสตรีนับว่ามีความสามารถอะไรได้! มีปัญญาก็มาสู้กับข้านี่!” จูจางขวงซัดฝ่ามือเซวียนหยวนฉี!
ฝ่ามือนี้ของเขานึกไม่ถึงว่าจะบีบให้เซวียนหยวนฉีถอยไปตั้งหลายก้าว
จูจางขวงแค่นเสียงอย่างลำพอง “แม่ทัพเยี่ยงข้าไม่สังหารคนไร้นาม! เจ้าคือใคร! บอกนามมา!”
เซวียนหยวนฉีสายตาเย็นเยียบเอ่ย “พวกเจ้า ชาติมุสิก ไม่คู่ควร!”
เขาดูเหมือนโดนบีบให้ถอย แต่ความจริงนั้นเป็นกระบวนลวง ระยะห่างนี้เหมาะสมกับการฟันปราณกระบี่ภูเขาผียิ่งกว่า
จูจางขวงโดนเขาฟันกระเด็น ร่วงกระแทกพื้นอย่างหนัก กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่งทันที!
เย่ว์หลิ่วอีเอ่ยอย่างเหี้ยมโหด “ สู้ด้วยกัน!”
จูจางขวงออกคำสั่ง “พวกเจ้าอย่ามัวแต่เหม่ออยู่! สังหารสิ! วันนี้ผู้ใดพุ่งไปได้! จะให้รางวัลพันตำลึง!”
ภายใต้รางวัลหนักๆ นี้ย่อมมีผู้กล้า เหล่าทหารจิ้นพุ่งไปยังปากทางแคบอย่างบ้าคลั่ง
เซวียนหยวนฉีมือถือกระบี่ชิงเฟิงสามฉื่อ เฝ้าอยู่ปากทางแคบอย่างองอาจ หนึ่งคนเฝ้าด่าน ทหารหมื่นนายมิอาจกรายผ่าน!
ถังเย่ว์ซานพิษแพร่กระจายในร่างกาย เขากระอักเลือดออกมาอย่างบ้าคลั่งก่อนจะฟุบลงบนหลังม้า สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปแล้ว
ด้านหลังเป็นเสียงเข่นฆ่าลอยมา
ราชาม้าเฮยเฟิงไม่ได้หันหัวกลับ มันใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดแล้ว ฮ่อตะบึงอย่างไม่คิดชีวิต
กู้เจียวดึงบังเหียนแน่น “เซวียนหยวนฉี…เจ้าอดทนไว้…ม้าเฮยเฟิงใกล้มาแล้ว…”
“มีกองทัพจิ้นมาแล้ว!” บนหอสังเกตการณ์ของกำแพงเมือง ทหารรักษาการณ์นายหนึ่งพบเงาวิ่งมาทางประตูเมือง “ข้าก่อน! เหมือนจะไม่ใช่….”
“เปิดประตูเมือง!” กู้เจียวตะโกน
วันนี้ทหารรักษาการณ์ประตูเมืองฝั่งตะวันออกคือแม่ทัพจี้ เขาจำเสียงของกู้เจียวได้ “ผู้บัญชาการเซียว! เป็นผู้บัญชาการเซียวกลับมาแล้ว! รีบเปิดประตูเมือง!”
“ทหารม้าเฮยเฟิง…” กู้เจียวตะโกนขึ้นอีกครั้ง
เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ
เหตุใดจู่ ๆ ต้องเรียกม้าเฮยเฟิง
หรือว่า…