สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 863 ผู้พิทักษ์ของเซวียนหยวน
บทที่ 863 ผู้พิทักษ์ของเซวียนหยวน
อย่าว่าแต่กู้เจียวที่งง ถังเย่ว์ซานเองก็ไม่ต่างกัน
เห็นๆ กันอยู่ว่าสองคนนี้เป็นพวกเดียวกัน คนหนึ่งเคยเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพเซวียนหยวน อีกคนเป็นแม่ทัพใหม่ของกองทัพอัศวินดำเซวียนหยวน
อ้อ ยังมีอีก เขาเกือบลืมไปเลยว่าเซียวเหิงเป็นลูกแท้ๆ ขององค์หญิง แสดงว่าที่จริงแล้วแม่หนูนี่จะต้องเป็นญาติของเซวียนหยวนฉีสิ!
“เฮ้ๆๆ หยุดตีกันได้แล้ว!”
ถังเย่ว์ซานพยายามห้ามพวกขา แต่การโจมตีครั้งที่สองนั้นรุนแรงเกินไป อีกทั้งการเคลื่อนไหวของเขาก็ช้าเกินไป กู้เจียวรับแรงโจมตีของเซวียนหยวนฉีเข้าไปเต็มๆ !
กู้เจียวยกหอกเงินขึ้นมาต้าน
อาวุธของพวกเขาปะทะกันจนแทบจะเกิดประกายไฟขึ้น!
ถังเย่ว์ซานรู้สึกพะวงไปเสียทุกอย่าง เขาไม่รู้ว่าควรจะเป็นห่วงความปลอดภัยของแม่หนูนี่ดี หรือควรกังวลว่าพวกทหารแคว้นจิ้นจะได้ยินความเคลื่อนไหวของพวกเขาตรงนี้หรือไม่ดี
“แม่หนู อดทนไว้นะ ข้าออกไปดูข้างนอกประเดี๋ยวเดียว!”
ถังเย่ว์ซานอุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างเงอะงะและวิ่งไปจนถึงนอกถ้ำ จากนั้นเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวด้านนอก
ดูเหมือนว่าพวกทหารลาดตระเวนของแคว้นจิ้นออกไปหมดแล้ว เป็นไปได้ว่าอาจถูกเกณฑ์ไปช่วยขุดดินในหมู่บ้าน
“ค่อยยังชั่ว พวกเจ้าสู้กันต่อได้เลย”
เอ๋ ไม่สิ!
มาสู้อะไรกันตอนนี้
พวกเดียวกันไม่ใช่รึ!
ถังเย่ว์ซานรีบกลับเข้าถ้ำเพื่อเกลี้ยกล่อมพวกเขา
ระหว่างที่ถังเย่ว์ซานเดินไปกลับ กู้เจียวกับเซวียนหยวนฉีสู้กันไปราวเจ็ดแปดกระบวนท่าแล้ว และแน่นอนว่าส่วนใหญ่นางสู้เขาไม่ได้
ถังเย่ว์ซานเห็นดังนั้นก็ถึงกับขนลุกซู่ เขาไม่เคยเห็นแม่หนูในสภาพสาหัสขนาดนี้มาก่อน!
เซวียนหยวนฉีกะจะเอานางถึงตายเลยรึ
นี่เขาจงใจใช่ไหม
เป็นบ้าไปแล้วรึไง!
ถังเย่ว์ซานกระโดดขึ้นแล้วยกฝ่ามือเตรียมโจมตีเซวียนหยวนฉี!
ทว่าเซวียนหยวนฉีเห็นทันจึงหันไปใช้ฝ่ามือโต้กลับทันที
พลังที่น่าสะพรึงกลัวราวกับลูกระเบิดอย่างบ้าคลั่งภายในร่างกายของถังเย่ว์ซาน ทารกน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาเริ่มร้องไห้ ดวงตาของเขาวูบไหว จากนั้นใช้กำลังภายในครึ่งหนึ่งเพื่อปกป้องทารกน้อย
เซวียนหยวนฉีไม่รอช้า ใช้ฝ่ามือโจมตีเข้าไปที่จุดตันเถียนของถังเย่ว์ซานทันที
ถังเย่ว์ซานร่วงลงพื้น เอามือกุมหน้าอกพร้อมทั้งกระอักเลือดออกมา
“ไม่ต้องเข้ามา” กู้เจียวใช้หอกเงินยันตัวขึ้น เช็ดเลือดที่กบปากอยู่ แล้วชี้ปลายหอกไปทางเซวียนหยวนฉี “ข้าจะจัดการเขาเอง”
นี่คงเป็นคำพูดที่เย่อหยิ่งที่สุดที่ถังเย่ว์ซานเคยได้ยิน
เอาชนะเซวียนหยวนฉีเนี่ยนะ เพี้ยนไปแล้วรึแม่หนู
แต่ละคนมีความถนัดของตัวเอง ถังเย่ว์ซานถนัดยิงธนู หากสู้กันด้วยธนู ต่อให้มีเซวียนหยวนฉีสิบคนก็ไม่อาจสู้ถังเย่ว์ซานคนเดียวได้ แต่พอเป็นด้านการต่อสู้แบบตัวต่อตัว แน่นอนว่าถังเย่ว์ซานยังไม่อาจสู้เซวียนหยวนฉีได้
ไม่ใช่เพราะถังเย่ว์ซานฝีมือไม่ถึง แต่เป็นเพราะพลังของเซวียนหยวนฉีนั้นอันตรายอย่างมาก
ช่วงเวลาที่เซวียนหยวนฉีอาศัยอยู่ที่ภูเขาผีแห่งนี้ ฝีมือของเขาพัฒนาขึ้นไปมาก แม้แต่ระดับหลงอีก็ยากที่จะชนะเขาได้
กู้เจียวอ้าปากค้างและมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาที่ไม่ยอมใครราวกับหมาป่าล่าเนื้อ “อย่างน้อยข้าก็สามารถรับมือได้สองกระบวนท่า จากที่ก่อนหน้า…ข้าสู้ไม่ได้เลย เอาละ ต่อไปนี้ข้าจะเอาจริงแล้วนะ เจ้าต้อง…”
เปรี้ยะ!
เอ่ยจบ ก็ถูกลำดาบของเซวียนหยวนฉีกระแทกลงไปอีก
กู้เจียว “…”
กู้เจียวที่รู้ตัวว่าร่างของตัวเองกำลังจะกระแทกกำแพง ก็รีบใช้เท้าเตะไปที่กำแพงหินและกระโดดพุ่งตัวไปทางเซวียนหยวนฉีพร้อมกับหอกเงินที่อยู่ในมือ!
กู้เจียวตัดสินใจไม่ป้องกันอีกต่อไป
นางจะบุกโจมตีอย่างเดียวแล้ว!
กู้เจียวใส่กระบวนท่าทั้งเจ็ดของเซวียนหยวนอย่างไม่ยั้งมือ
ถังเย่ว์ซานได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตะลึง ฝีมือของแม่หนูก้าวกระโดดขึ้นมากเลย
จะว่าไปแล้ว นี่มันกระบวนท่าอะไรกัน พลังทำลายล้างสูงมาก! ดูสิ เซวียนหยวนฉีเริ่มก้าวถอยแล้ว!
เซวียนหยวนฉีถอยหลังเพื่อที่จะเตรียมโจมตีกู้เจียวด้วยกระบวนท่าที่รุนแรงและดุเดือดกว่าเก่า
กู้เจียวไม่มีทางอื่น หากรับดาบจากอีกฝ่ายไม่ได้ ก็ต้องตายสถานเดียว!
แต่กู้เจียวใช้กระบวนท่าทั้งหมดไปแล้ว ไม่เหลืออะไรให้ใช้ต่อแล้ว
เซวียนหยวนฉีอยากฆ่านางทิ้งขนาดนั้นเลยหรือ
หรือแค่อยากจะลองเชิงกันเฉยๆ
ถ้าเป็นอย่างหลัง เขาก็น่าจะเห็นว่านางถึงขีดจำกัดแล้ว กู้เจียวต้านไม่ไหวแล้ว
เซวียนหยวนฉียังคงโจมตีอย่างไม่หยุดหย่อน ก่อนจะเล็งไปที่ศีรษะของกู้เจียว!
กู้เจียวเริ่มสัมผัสได้ว่าตัวเองกำลังจะใกล้จะหมดลมอยู่แล้ว และยังเห็นภาพตัวเองถูกฟันหัวแบะนอนจมกองเลือดบนพื้นอย่างน่าอนาถ
“กู้เจียวเจียว ถ้าเจ้ากลับมาเมื่อไหร่ เราจะแต่งงานกัน”
“เจียวเจียวจะออกศึกอีกแล้วหรือ”
“ข้าไม่อยากให้เจียวเจียวต้องลำบากอีก!”
“กินได้แค่วันละสามลูกเท่านั้น ข้าจะกลับมาต่อเมื่อเจ้ากินมันจนหมด”
…
นางต้องกลับไปให้ได้…
นางจะมาตายอยู่ที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด!
ดวงตาของกู้เจียววูบไหวทันที แล้วยกหอกเงินขึ้นเหนือศีรษะ จากนั้นหมุนไปรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง แล้วเฉือนเข้าไปที่ดาบของเซวียนหยวนฉีทันที!
ถังเย่ว์ซานแทบจะหยุดหายใจ
หอกของกู้เจียวตวัดผ่านดาบของเซวียนหยวนฉีขึ้นไป จากนั้นกู้เจียวเหยียบบนกำแพงหินด้านหลังแล้วพลิกตัวขึ้นไปในอากาศ ทว่ามันกลับเฉือนได้เพียงแค่คิ้วของเซวียนหยวนฉีเท่านั้น!
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก แม้แต่ถังเย่ว์ซานเองก็มองแทบไม่ทัน
เช้ง!
เซวียนหยวนฉีสกัดหอกของกู้เจียวไว้และรัดคอของนางด้วยมือเปล่า “เจ้าแพ้แล้ว”
กู้เจียว “เปล่าเสียหน่อย”
เซวียนหยวนฉีขมวดคิ้ว ก้มหน้าลง และเห็นว่าเด็กสาวกำลังถือกริชจ่อมาที่จุดตันเถียนของเขา
“ไม่เลวนี่ ทำได้ขนาดนี้” เซวียนหยวนฉีเอ่ย
กู้เจียวเอาหอกยันร่างตัวเองด้วยความเหนื่อยล้า
ในความเป็นจริง กู้เจียวยังคงแพ้เขาอยู่ดี เขาแค่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกแทงที่จุดตันเถียน ขณะที่กู้เจียวเองก็สามารถตายคาที่ได้ทันทีหากเขาหักคอนาง
ถังเย่ว์ซานทำหน้าเหวอและหันไปทางเซวียนหยวนฉี “อะไรกัน สู้กันแทบตาย ที่แท้ก็แค่ต้องการลองเชิงแม่หนูนี่หรอกรึ นี่นางเกือบตายเพราะเจ้าเลยนะ”
เซวียนหยวนฉีไม่ได้เอ่ยอะไร แต่หันกลับมาแล้วเดินไปยังส่วนลึกของถ้ำ “กลไกทั้งหมดในเส้นทางถูกเปิดแล้ว พวกเจ้าออกไปได้แล้ว”
เจ้าเฮยเฟิงเดินเข้ามาคลอเคลียกู้เจียวอย่างปลอบโยน
กู้เจียวถอนหายใจยาว ความรู้สึกประหลาดบางอย่างเกิดขึ้นภายในใจของนาง
เซวียนหยวนฉีโจมตีเข้ามาอย่างไม่ยั้งมือราวกับว่า… กำลังรอดูสองกระบวนท่าสุดท้ายของนาง
กระบวนท่าเซวียนหยวนมีเพียงเจ็ดท่าเท่านั้น ส่วนที่เพิ่มเข้ามาสองท่าหลังนั่นคือกู้เจียวคิดขึ้นมาเอง
ตาแก่นี่อยากดึงศักยภาพที่แท้จริงของนางออกมาอย่างนั่นรึ
ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้ ก็คงไม่มีเหตุผลอื่นแล้ว
หลังจากที่กู้เจียวฟื้นพลังแล้ว ก็หันกลับมาเก็บข้าวของที่ทำหล่น
“เอ๋ หายไปไหนแล้วล่ะ”
กู้เจียวเดินหาจนทั่ว
“หาอะไรอยู่รึ” ถังเย่ว์ซานถาม
“สมุดน่ะ”
เป็นบันทึกที่กู้เจียวได้มาจากห้องหนังสือของกงซุนอวี่ กู้เจียวนำมันมาจดเล่นกันลืมระหว่างที่รอให้เซวียนหยวนฉีตื่น
มันเป็นสมุดบันทึกที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะกู้เจียวได้บันทึกรายละเอียดชัยชนะทั้งหมดของสงครามนี้ รวมถึงยังมีความสำคัญต่อชีวิตของชาวเมืองผู่นับแสนด้วย
“เจอแล้ว อยู่นี่เอง!” กู้เจียวเก็บมันขึ้นมา หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีหน้าไหนขาดหายไป จึงเก็บมันเข้ากระเป๋า จากนั้นก็จูงเจ้าเฮยเฟิงแล้วตามถังเย่ว์ซานไป
แม้ทางลับที่ว่าจะดูเหมือนสูงใหญ่ แต่มันก็แคบเกินกว่าที่คนสองคนจะเข้าไปพร้อมกัน
เจ้าเฮยเฟิงต้องก้มหัวเพื่อเดินผ่านทางนี้ออกไป
พวกมันไม่เคยถูกฝึกให้ผ่านช่องแคบมาก่อน ม้าศึกอายุแปดขวบที่เข้าไปด้านในก่อนเริ่มออกอาการกังวล เฮยเฟิงเองก็เช่นกัน
กู้เจียวหันมาลูบหัวปลอบเจ้าเฮยเฟิง “ไม่เป็นไรนะลูกพี่”
เฮยเฟิงพยายามควบคุมสติของมันเอง ถังเย่ว์ซานเองก็ต้องคอยปลอบโยนม้าของเขาตลอดทาง ขนาดลูกชายเขาเองเขายังไม่เคยโอ๋ขนาดนี้เลย
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่ในที่สุด พวกเขาก็เดินทางมาถึงทางออก
เซวียนหยวนฉีปิดกลไกลง แสงจันทร์สลัวที่ลอดเข้ามา อีกทั้งสายลมยามค่ำคืนอันเย็นสบาย ทุกคนต่างพากันสูดอากาศบริสุทธิ์ที่พวกเขาไม่ได้พบเจอมานาน
ด้วยความที่อุโมงค์เป็นทางปิด มีอากาศน้อย ทำให้ทุกคนหายใจไม่สะดวก
ม้าสองตัวและคนสามคนออกจากอุโมงค์อย่างปลอดภัย
จุดนี้เป็นหมู่บ้านร้าง ล้อมรอบด้วยภูเขาทั้งสามทิศ และมีถนนราชการที่มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ
ถนนนั้นมีระยะห่างจากพวกเขาไม่ถึงร้อยเมตร
“คงต้องอำลากันแล้วล่ะ” กู้เจียวหันไปพูดกับเซวียนหยวนฉี
เซวียนหยวนฉีเดินไปข้างๆ เจ้าเฮยเฟิงโดยไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำ เหยียบอานม้า วาดขาออก แล้วขึ้นไปนั่งทันที!
กู้เจียวกะพริบตาปริบๆ
เซวียนหยวนฉียื่นมือไปหากู้เจียวด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
“ไหนว่าจะอยู่เฝ้าภูเขาผีไงท่าน” กู้เจียวถามเขาพร้อมกับยื่นมือให้ด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง
“เปลี่ยน ใจแล้ว” สีหน้าเซวียนหยวนฉีเหมือนเดิม จากนั้นก็ช่วยเหวี่ยงร่างของกู้เจียวขึ้นมาบนม้า
กู้เจียวขึ้นไปซ้อนท้ายเขา
ทุกอย่างช่างเกิดขึ้นกะทันหันเหลือเกิน