สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 860-3 ศึกครั้งสุดท้าย! (3)
บทที่ 860-3 ศึกครั้งสุดท้าย! (3)
ถังเย่ว์ซานรีบเดินเข้าไปจูงแขนกู้เจียวออกมา “เจ้ามาก็ดีเลย! มีแม่นางคนหนึ่งกำลังจะคลอดลูก! เจ้ารีบเข้าไปช่วยที!”
“นางเพิ่งคลอดครั้งแรกหรือว่าเคยคลอดมาก่อน” กู้เจียวถามเสร็จก็พบว่าพวกเขาฟังไม่เข้าใจที่นางเอ่ย จึงพยายามเปลี่ยนคำถาม “นางเคยคลอดลูกไหม”
“นางมีบุตรสองคน” ซ่างกวานชิ่งตอบ
“เริ่มมีอาการตั้งแต่เมื่อไหร่” กู้เจียวถามต่อ
“ไม่ค่อยแน่ใจนัก นางเอาแต่เก็บอาการมาตลอด”
“เอาละ เข้าใจแล้ว” จากนั้นกู้เจียวจึงเข้าไปในถ้ำ
แม่นางจางกำลังใช้ฟันกัดกริชไม้จนแน่นด้วยใบหน้าซีดผาด
ร่างของนางเปียกชุ่มไปทั่ว แม้แต่เปลก็ด้วย
“รู้สึกเหมือนเด็กกำลังจะออกมาใช่ไหม” กู้เจียวถาม
แม่นางจางพยักหน้าด้วยความยากลำบาก
หลังตรวจร่างกาย ก็พบว่าปากมดลูกขยายเต็มที่ แต่ตำแหน่งของทารกในครรภ์ไม่ถูกต้อง
ตอนนี้ไม่เหมาะที่จะผ่าคลอดเสียด้วย
โชคดีที่น้ำคร่ำยังไม่แตกจนหมด และทารกในครรภ์ยังสามารถว่ายน้ำในครรภ์ได้ ถึงเวลาที่ต้องนำวิชาที่กู้เจียวขโมยมาจากหมอแพทย์แผนจีนเมื่อชาติก่อนมาใช้แล้วสินะ
“หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะ”
…
เวลาผ่านไปนาทีต่อนาที
ซ่างกวานชิ่งและถังเย่ว์ซานได้แต่เฝ้าอยู่นอกถ้ำ แม้พวกเขาดูสงบ แต่จริงๆ แล้วฝ่ามือของพวกเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
ถังเย่ว์ซานไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าวันหนึ่งเขาจะต้องมาดูแลผู้หญิงที่กำลังคลอดบุตร
นี่…นี่มันเรื่องอะไรกันนี่
เขาเดินไปมาพร้อมกับบ่นกับตัวเอง
“นานเกินไปแล้วนะ หรือว่าจะไม่สำเร็จกันนะ”
“ไม่หรอก ไม่หรอก แม่เด็กนั่นเก่งจะตาย…”
“ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการคลอดลูกจะอันตรายขนาดนี้”
“พี่สะใภ้ข้าลำบากน่าดู กลับไปต้องชดเชยให้นางดีๆ หน่อย”
สิ้นเสียงร้องคร่ำครวญสุดท้ายของแม่นางจาง ในทารกน้อยที่เนื้อตัวเขียวม่วงก็ค่อยๆ ออกมา
เป็นเด็กผู้ชาย
แม้จะอายุไม่ครบกำหนด ทว่าขนาดทารกกลับใหญ่กว่าที่คิด
“ไยถึง…ไม่มี…เสียงร้องล่ะ” แม่นางจางหันไปถามกู้เจียวอย่างหมดแรง
กู้เจียวจึงเอามือตบที่ก้นของทารกเบาๆ
ในที่สุด ทารกน้อยก็ขยับตัว กำหมัดแน่น อ้าปากแล้วร้องออกมา…
เสียงร้องนั้นดังมากจนขนของซ่างกวานชิ่งและถังเย่ว์ซานลุกซู่!
ไหนว่าเด็กคลอดก่อนกำหนดจะไม่ร้องเสียงดังไม่ใช่รึ
นี่ร้องดังกว่าเด็กที่คลอดตามกำหนดเสียอีก
ขณะเดียวกัน ณ ค่ายพักแรมของทหารแคว้นจิ้น เซี่ยสิงโจวและผู้อาวุโสลู่ลืมตาพร้อมกันทันที
ทั้งสองคนมีโสตประสาทดีกว่าคนทั่วไป เพียงแต่พวกเขากำลังไม่แน่ใจอยู่เท่านั้น
แล้วพวกเขาก็ออกมาจากค่ายของตัวเอง
พอเซี่ยสิงโจวเจอกับผู้อาวุโส ก็เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น “อย่าบอกนะว่า…”
ผู้อาวุโสลู่พยักหน้า “ตอนแรกข้าก็คิดว่าตัวเองหูฝาดเสียอีก ดูเหมือนท่านแม่ทัพจะได้ยินเสียงเหมือนกันกับที่ข้าได้ยิน”
“คงไม่ใช่ผีหรอกกระมัง” เซี่ยสิงโจวหัวเราะแห้งๆ
“หากท่านแม่ทัพเชื่อเรื่องผีสาง ข้าก็จะไม่เอ่ยอะไรอีก” ผู้อาวุโสเอ่ย
“เหอะ ต่อให้เป็นผี ข้าก็จะตามหาผีเด็กร้องไห้นั่นจนเจอ!” เซี่ยสิงโจวประชด
“ดูเหมือนเสียงนั้นจะดังมาจากใต้ดิน” ผู้อาวุโสลู่เอ่ย
จากนั้นพวกเขาจึงนอนลงแล้วเอาหูแนบพื้น
และในตอนนั้นเอง เสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้น
“อุแว้”
เสียงร้องของทารกถูกกลบด้วยเสียงฟ้าร้องอย่างพอดี
ทั้งสองคนลุกขึ้นยืน
“ผู้อาวุโสว่าอย่างไร” เซี่ยสิงโจวถาม
“ท่านแม่ทัพเป็นคนออกคำสั่ง ข้ามีหน้าที่ทำตามคำสั่งของท่าน” ผู้อาวุโสลู่เอ่ยพร้อมกับทำหน้ายิ้มกริ่ม
เซี่ยสิงโจวมองขึ้นไปบนผืนฟ้าที่มีแสงวาบจากสายฟ้าแลบ พร้อมกับหัวเราะออกมา “พวกมันโชคดีจริงๆ ไม่สิ พวกเราต่างหาก ที่โชคดีจริงๆ ”
“แม้ว่าเสียงฟ้าร้องจะกลบเสียงร้องไห้ของทารก แต่ข้ามั่นใจได้ว่ามีคนอยู่ใต้ดินแน่ๆ เราต้องขุดดินลงไปราวสามฉื่อ ไม่นานจะต้องเจอพวกมันอย่างแน่นอน!”
…
ณ ถ้ำใต้ดิน
แม่นางจางเหนื่อยล้าจนหมดสติไปแล้ว
กู้เจียวอุ้มทารกที่กำลังร้องไห้และยัดนิ้วหัวแม่มือของเขาเข้าไปในปากเพื่อไม่ให้เขาร้องเสียงดัง
ไม่นาน ทารกน้อยก็ผล็อยหลับไป
ทุกคนต่างพากันถอนหายใจ
ถังเย่ว์ซานถามขึ้นอย่างมีความหวัง “ตอนที่เจ้าตัวเล็กร้องครั้งแรก ไม่มีเสียงฟ้าร้องกลบเลย คิดว่าพวกมันจะได้ยินไหม”
ซ่างกวานชิ่งจึงส่งทหารไปตรวจสอบสถานการณ์ และพบว่ากองกำลังแคว้นจิ้นทั้งหมดถูกเซี่ยสิงโจวปลุกจนตื่น
“ดูเหมือนว่า…พวกมันจะได้ยินแล้วขอรับ และกำลังจะเตรียมการขุดพื้นดิน เพียงแต่พวกมันไม่แน่ใจตำแหน่งที่ซ่อนของพวกเรา พวกมันจึงวางแผนเริ่มขุดจากตรงหมู่บ้านก่อนขอรับ”
นี่คือคำรายงานของทหาร
อันที่จริงถังเย่ว์ซานรู้ตั้งแต่เห็นสีหน้าของเขาแล้ว พลางคิดในใจ นั่นสินะ สนามรบมีสิ่งที่เรียกว่าโชคที่ไหนกันละ
ความประมาทเพียงเล็กน้อย อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
ซ่างกวานชิ่งกำหมัดแน่น
ถังเย่ว์ซานเข้าใจหัวอกของซ่างกวานชิ่ง จึงเข้าไปตบไหล่และเอ่ยปลอบโยน “ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก พวกเราอยู่ลึกมากแล้ว เสียงร้องไม่น่าไกลไปถึงข้างบนหรอก”
นี่ไม่ใช่เวลามาปลอบใจกันด้วยซ้ำ ถังเย่ว์ซานจำได้ว่าตอนที่ถังหมิงเกิด ยังร้องไม่ดังเท่าเด็กทารกคนนี้เลย
พลังเสียงของทารกน้อยคนนี้คนเดียวเท่ากับทารกคนอื่นสามคนรวมกันด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นว่าซ่างกวานชิ่งไม่เอ่ยอะไร เขาจึงถามต่อ “เจ้าคงไม่ได้คิดอยากกำจัดเด็กคนนี้หรอกใช่ไหม”
ซ่างกวานชิ่งเหลือบมองเด็กในอ้อมแขนของกู้เจียว ค่อยๆ คลายหมัดที่กำแน่นแล้วถอนหายใจ “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ฆ่าไปก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก”
“พวกเจ้ายื้อไหวได้นานแค่ไหน” กู้เจียวถาม
“เจ้าคิดจะทำอะไร” ซ่างกวานชิ่งถามกลับ
กู้เจียวก้มลงมองทารกน้อย ก่อนจะเอานิ้วโป้งของเขาออกมาพร้อมเอ่ย “ถ้าเจ้าหนูนี่ตื่นขึ้น เขาจะต้องร้องไห้หนักกว่าเดิมแน่ๆ ถึงเวลานั้น พวกทหารแคว้นจิ้นก็จะยิ่งรู้ที่ซ่อนได้แม่นยำกว่าเดิม ข้าเลยกะว่าจะพาเขาหนีออกไป”
“เจ้าจะไปที่ไหน ถ้ำของราชาผีรึ ไม่นานก็คงถูกจับได้เหมือนกันนั่นแหละ” ซ่างกวานชิ่งเอ่ย
กู้เจียวตอบเขาไป “ไม่ใช่ ข้าจะไปเมืองฉวี่หยางต่างหาก”
ซ่างกวานชิ่งทำหน้าตะลึง “เจ้า…”
“ข้าจะไปตามคนมาช่วย ขอเวลาข้าสองวัน ทหารม้าเฮยเฟิงและกองทัพราชสำนักจะมาถึงอย่างแน่นอน”
นี่จะเป็นสงครามครั้งสุดท้าย!
“เปล่าประโยชน์น่า” ซ่างกวานชิ่งหันไปอีกทาง “ต่อให้เจ้าออกจากเขาภูเขาผีได้ แต่ไปไม่พ้นเมืองผู่หรอก”
เมืองผู้เข้าง่ายแต่ออกยาก โดยเฉพาะสถานการณ์แบบนี้
ต่อให้เขาออกไปเอง ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าเขาจะออกจากเมืองผู่ไปได้
“ก็ต้องลองกันสักตั้งถึงจะรู้ว่าออกไปได้หรือไม่ได้ เจ้าคอยคุ้มกันอยู่ที่นี่ เดี๋ยวข้าหาวิธีออกไปเอง ขอแค่เจ้าบอกข้าว่าต้องเดินเส้นทางไหนที่จะออกจากเขาภูเขาผีแห่งนี้ได้ก็พอ”
ในพจนานุกรมของกู้เจียว ไม่มีคำว่าถอย
ซ่างกวานชิ่งถามต่อ “เจ้าแน่ใจนะ มันอันตรายมาก”
นางไม่กลัวอันตรายหรอก เพียงแต่
นางกังวลเรื่องเซวียนหยวนฉีต่างหาก
กู้เจียวค่อนข้างมั่นใจว่าหากนางออกไปจากที่นี่ นางอาจไม่ได้เจอเขาอีกเลย
และความลับเหล่านั้นก็จะหายไปพร้อมกับเขา
กู้เจียวต้องเลือกระหว่างหนึ่งพันกว่าชีวิต กับความจริงที่นางต้องการค้นหามานาน
กู้เจียวตัดสินใจในใจโดยไม่ลังเล