สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 855 พี่ชิ่งผู้มีไหวพริบ
บทที่ 855 พี่ชิ่งผู้มีไหวพริบ
“ราชาผีตัวจริง…” กู้เจียวหันไปมองซ่างกวานชิ่งด้วยสีหน้ามึนงง ไม่ตกใจแม้แต่น้อย
นางรู้ว่าราชาผีอย่างเขาเป็นตัวปลอม แต่นางไม่คิดว่าในภูเขาผีแห่งนี้จะมีตัวจริงอยู่จริงๆ
ช้าก่อน เป็นราชาผีตัวจริงที่เขาให้คำจำกัดความ ในความเป็นจริงแล้วไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนี้ก็ได้นี่นา
ทุกอย่างยังต้องรอพิสูจน์
กู้เจียวถาม “ราชาผีตัวจริงเป็นผู้ใดรึ”
ซ่างกวานชิ่งเชิดหน้าขึ้นเอ่ย “ไม่รู้ มิตรภาพระหว่างสุภาพบุรุษนั้นเบาบางดุจสายน้ำ คนอย่างข้าไม่สืบถามเรื่องส่วนตัวของสหาย!”
ไม่เสแสร้งสักนาทีมันจะตายหรือไร
หากราชาผีเป็นสหายของเจ้าจริง เมื่อครู่ไยไม่ออกมาช่วยเล่า
วางด้วยล่าเถียว[1]ห่อหนึ่งเลย ราชาผีไม่สนใจเจ้า
กู้เจียวยกสองมือกอดอก มองเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ซ่างกวานชิ่งกับกู้เจียวจ้องตากัน ทันใดนั้น ก็เกิดภาพลวงตาว่าแม้แต่ขนาดของกางเกงในยังโดนมองทะลุปรุโปร่ง
เขาสะดุ้งโหยง กระแอมขึ้นเบาๆ ตีหน้าจริงจังเอ่ย “ก็ได้ ก็ได้ คนอย่างข้าก็ใช่ว่าจะคบหากับผู้ใดไปทั่วเช่นกัน สหายเฒ่าคนนั้นยังไม่มีสิทธิ์พอจะมาเป็นสหายกับข้า!”
กู้เจียวสูดหายใจลึก พี่ชายแท้ๆ ของเซียวเหิง จะต่อยไม่ได้ จะต่อยไม่ได้…
เมื่อตัดส่วนที่เป็นน้ำในถ้อยคำของซ่างกวานชิ่งทิ้งไป เหลือเนื้อๆ ได้ใจความว่า ‘ข้ากับเขาเจอหน้ากันแค่คราสองครา ข้าไม่มีคุณสมบัติมากพอ เขาจึงไม่เป็นสหายกับข้า!’
“ลองเล่าทีว่าเขาเป็นคนเช่นไร” จู่ๆ กู้เจียวก็สนใจราชาผีผู้นี้ขึ้นมา
“คนรึ” ซ่างกวานชิ่งแค่นเสียงเหอะ นั่งลงบนก้อนหินริมลำธาร เด็ดหญ้าหางสุนัขมากำหนึ่ง
เสียงหัวเราะและเจี๊ยวจ๊าวด้านหลังทำให้รู้สึกถึงความสงบและสวยงามท่ามกลางโลกอันวุ่นวาย
กู้เจียวมาด่านชายแดนหลายวัน ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มานานแล้ว
ทั้งสองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกัน ไม่ล่วงเกินทว่าก็ไม่ได้ห่างไกลเกิน
ซ่างกวานชิ่งยู่ปาก ราวกับอยากเอ่ยบางอย่าง แต่สุดท้ายก็แค่นเสียงเหอะขึ้นคำหนึ่ง
“เล่าต่อสิ” กู้เจียวเอ่ย
“คือว่า…” ซ่างกวานชิ่งขมวดคิ้ว ราวกับกำลังใคร่ครวญถ้อยคำอยู่ “ข้ารู้สึกว่าเขาไม่ใช่คน เขาตายไปแล้ว อย่างน้อยๆ เขาก็ให้ความรู้สึกกับข้าเช่นนี้ รอบตัวเขามีแต่กลิ่นอายมรณะ แววตาก็ไม่เหมือนคนเป็น”
กู้เจียวถาม “ขยับได้หรือไม่ พูดได้หรือไม่ มีเสียงหัวใจเต้นกับลมหายใจหรือไม่”
“ได้ มี” ซ่างกวานชิ่งตอบสั้นกระชับ
เช่นนั้นก็ไม่ใช่คนตาย เป็นคนเป็นตัวเป็นๆ เลย
กู้เจียวเอ่ย “ฟังดูเหมือนจะเป็นคนที่แปลกมาก”
ซ่างกวานชิ่งเล่นหญ้าหางสุนัขก่อนจะเอ่ย “แปลกก็แปลกอยู่นิดหน่อย แต่เขาไม่ฆ่าคนที่ไร้อาวุธ เคยมีชาวบ้านพลาดเข้าไปในบรรพตหลัง เขาก็ไม่ได้ทำร้ายพวกเขา แต่พอโจรภูเขาวิ่งไปยังอาณาเขตของเขา เกือบจะตายอยู่ในมือเขาทั้งหมด เคราะห์ดีที่คุณชายอย่างข้าออกหน้าให้!”
ประเสริฐ ยามนี้กลายเป็นคุณชายแล้ว เจ้าเรียกตัวเองไปทั่วจริงๆ
กู้เจียวเอ่ยอีก “โจรภูเขาพวกนั้นถูกเจ้ากำราบให้มาเป็นทหารผีได้เพราะเหตุนี้หรือ”
ซ่างกวานชิ่งยืดตัวขึ้นตรง “ทำนองนั้นกระมัง ข้าช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากเงื้อมมือคนผู้นั้น พวกเขาซาบซึ้งในบุญคุณช่วยเหลือของข้า…”
กู้เจียวปรายตามองเขา “มีการสยบด้วยอำนาจและขู่เข็ญด้วยกระมัง อย่างเช่น ราชาผีเป็นที่พึ่งของเจ้า พวกเขากล้าไม่เชื่อฟัง เจ้าก็จะให้ราชาผีสังหารพวกเขารึ”
ซ่างกวานชิ่งแววตาเหมือนเห็นปีศาจ มองกู้เจียวอย่างเหลือเชื่อ “ไม่กระมัง เจ้ารู้ทุกอย่างได้อย่างไร’
เพราะข้าเป็นยอดอัจฉริยะน้อยไขคดีปริศนาที่ธรรมดาๆ น่ะสิ!
กู้เจียวเอ่ย “ดังนั้นบรรพตหลังมีราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าเป็นราชาผีน้อย ล้วนเป็นเจ้าแต่งตั้งเองกระมัง”
ซ่างกวานชิ่งไม่ได้ปฏิเสธ ทำเพียงเอนตัวนอนบนก้อนหินยาว แขนข้างหนึ่งรองต่างหมอน ปากคาบหญ้าหางสุนัขไว้ก้านหนึ่งทอดมองท้องนภาดาราพราวพร่าง
“เป็นราชาผีเฒ่าต่างหาก เขาอายุไม่ใช่น้อยๆ แล้ว”
เขาเอ่ย
“ราชาผีเฒ่า” กู้เจียวลูบคาง คล้ายคิดอะไรบางอย่างอยู่
“นี่” ซ่างกวานชิ่งใช้นิ้วเรียวยาวดุจหยกจิ้มสะกิดกู้เจียว “ในที่สุดข้าก็นึกขึ้นได้แล้วว่าเจ้าแปลกตรงที่ใด”
“อะไรนะ” กู้เจียวหันไปมองคนบางคนที่นอนราบไปบนก้อนหิน เขายังคงสวมหน้ากากครึ่งใบเอาไว้ ไม่เผยรูปโฉมที่แท้จริงของตัวเองออกมา แต่แววตาเขางดงาม ราวกับดวงตาเมล็ดซิ่งขององค์หญิงซิ่นหยางยิ่งนัก
ริมฝีปากได้เซวียนผิงโหวมา ยามไม่ยิ้มก็จะหยักยกขึ้นน้อยๆ
ซ่างกวานชิ่งเอ่ย “ระหว่างทางมานี้ข้ารู้สึกว่าเจ้าแปลกๆ พิกล แต่จนกระทั่งเมื่อครู่นี้ข้าถึงได้ตระหนักรู้ ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าเป็นพระนัดดาองค์โต เหตุใดยังกล้าเรียกนามข้าตรงๆ อีก ทหารม้าเฮยเฟิงสมัยนี้โอหังปานนี้แล้วรึ”
กู้เจียวเอ่ย “นี่ไม่เรียกโอหังนะ”
ต่อยเจ้าถึงจะเรียกว่าโอหัง
กู้เจียวจับข้อมือเขาไว้
ซ่างกวานชิ่งขมวดคิ้วตามสัญชาตญาณ “ทำอะไรน่ะ แม้ข้าจะเป็นบุรุษ แต่ข้าไม่ชอบบุรุษหรอกนะ”
เขาไม่ชอบการแตะเนื้อต้องตัวกับคนอื่น และไม่ชินกับการเข้าใกล้คนอื่นเกินไป ข้อนี้สองพี่น้องล้วนเหมือนซิ่นหยาง
กู้เจียวจับชีพจรให้เขา ก่อนวางมือเขากลับคืนไป
ซ่างกวานชิ่งมองนางอย่างแปลกใจ “เจ้ารู้วิชาแพทย์ด้วยรึ”
“รู้นิดหน่อย” กู้เจียวเอ่ย “เสียดายที่รักษาพิษในร่างกายเจ้าไม่ได้”
ซ่างกวานชิ่งได้ยินคำตอบนี้ ก็ไร้สีหน้าหดหู่แม้แต่น้อย อย่างไรเสียเขาก็โดนพิษที่ไม่อาจถอนได้ แม้แต่กั๋วซือยังรักษาเขาไม่หาย ไม่มีปาฏิหาริย์กับเขานานแล้ว
ชีวิตเขายังเหลือสามเดือนสุดท้าย
อาจจะสั้นกว่านั้น
“ทรมานหรือไม่” กู้เจียวมองเขาพลางถาม
ซ่างกวานชิ่งชะงักไปเล็กน้อยในสมองนึกถึงปฏิกิริยาไม่น้อยที่กู้เจียวอาจจะแสดงออกมา บางทีอาจเห็นใจเขา บางทีอาจปลอบใจเขา และอาจจะวาดฝันลมๆ แล้งๆ ให้เขา
แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นประโยคเรียบง่ายอย่าง ‘ทรมานหรือไม่’
ราวกับเป็นความห่วงใยจากคนในครอบครัว
จู่ๆ จมูกซ่างกวานชิ่งก็ร้อนผ่าว เขาไม่อยากให้กู้เจียวเห็น จึงหันหลังให้ ซ่อนขอบตาแดงๆ ไว้ในรัตติกาล “ไม่นับว่าทรมานเกินไป ยาของกั๋วซือควบคุมพิษไว้ได้ ทุกเดือนจะกำเริบสามถึงห้าวัน ทนผ่านไปได้ก็จะเหมือนอย่างตอนนี้”
“ซ่างกวานชิ่ง” กู้เจียวเรียกเขาเสียงเบา
“อะไรอีกเล่า” เขาเช็ดขอบตาแดงเรื่ออย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงฟังดูเหมือนไร้ระลอกคลื่น
กู้เจียวแสร้งไม่รู้ถึงความผิดปกติของเขาก่อนจะเอ่ยอย่างจริงจัง “อาจารย์แม่ที่ข้ารู้จักเป็นยอดฝีมือใช้พิษของสำนักถัง เดิมทีนางจะกลับแคว้นเจา บังเอิญรั้งอยู่ที่เซิ่งตูด้วยเรื่องส่วนตัว รอให้สงครามสิ้นสุดลงแล้วข้าจะพาเจ้าไปพบนาง บางทีนางอาจจะถอนพิษในตัวเจ้าได้”
“อ้อ”
เขาไม่หอบความหวังใดๆ ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่เขาก็คร้านบอกปฏิเสธ ไม่เช่นนั้นจะโดนเกลี้ยกล่อมอย่างหวังดีไม่ให้เขาปฏิเสธ
เขาขานรับไปก็จบแล้ว อย่างไรเสียเขาอาจจะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงวันที่กลับเซิ่งตูก็ได้
กู้เจียวถามเขา “พรุ่งนี้เจ้าจะกลับฉวี่หยางกับข้าหรือไม่”
ซ่างกวานชิ่งเอ่ยนิ่งๆ “เจ้ากลับไปก่อน”
กู้เจียวมองย้อนกลับไปที่ดินแดนอันบริสุทธิ์เพียงแห่งเดียวในเมืองผู่ที่เพลิงสงครามยังไม่ลุกลามไปถึง มองเหล่าเด็กๆ หัวเราะยิ้มแย้มวิ่งไปวิ่งมา ชาวบ้านทำงานกันพลางหัวเราะพูดคุยกัน ทหารผีฝึกการต่อสู้อยู่ในลานกว้างหน้าประตู
จากที่นี่ไปไม่ได้กระมัง
ซ่างกวานชิ่งเก็บอารมณ์ตัวเองแล้ว ความแดงเรื่อในขอบตาก็มลายหายไปแล้ว
เขาหันมานอนราบอีกครา กัดหญ้าหางสุนัขเอ่ยอย่างเอ้อระเหยลอยชายเป็นพ่อพวงมาลัย “เจ้าอย่าบอกแม่ข้านะ…เรื่องที่ข้าอยู่ที่ภูเขาผี อีกไม่กี่วันข้าจะไปพบนางเอง”
“ได้” กู้เจียวรับปาก
ข้าไม่บอกแม่เจ้า ข้าบอกแค่บอกพ่อเจ้า
[1] ล่าเถียว เป็นขนมยอดนิยมของจีน ทำจากแป้งสาลีและพริก โดยผสมแป้งเข้ากับพริก เกลือ น้ำตาล น้ำ อัดรีดด้วยอุณหภูมิสูง ก่อนผสมพริกและเครื่องปรุงอย่างอื่น ซึ่งรวมถึงสารกันบูด