สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 849 หักหน้าเซวียนผิงโหว (1)
บทที่ 849 หักหน้าเซวียนผิงโหว (1)
ซ่างกวานเยี่ยนกะพริบตาปริบๆ ปฏิกิริยาแรกคือคิดว่าตัวเองนั้นตาฝาดไป
ปฏิกิริยาที่สองถึงมั่นใจว่าภาพตรงหน้าเป็นความจริง
นางไม่คิดไม่ฝันเลยว่าตัวเองจะได้พบบุรุษคนนี้ที่ค่ายทหารม้าเฮยเฟิง
ลูกชายกลายเป็นพ่อของลูกชายไปเสียได้ ประเด็นนี้น่าตกใจนี้มาก
ปฏิกิริยาของเซวียนผิงโหวไม่ได้ดีไปกว่าซ่างกวานเยี่ยนเท่าใดนัก เขาก็ไม่คิดไม่ฝันเช่นกันว่าระยะเวลาผ่านไปยี่สิบปี ตนจะยังได้พบสตรีที่ถูกเขา ‘ฝัง’ เองกับมือ
…หลักๆ คือก่อนจะมาถึง จวงไทเฮาก็ไม่ได้ตรัสอะไร
ไร้เสียงทะเลาะลั่นฟ้าสะเทือนดิน ไร้การวิวาทระกาบินสุนัขกระโดด การพบกันอีกคราของทั้งคู่สงบนิ่งอย่างเหนือคาด ซ่างกวานเยี่ยนมองเขาอย่างนิ่งอึ้ง พลันลืมพูดจาไปเลย
เซวียนผิงโหวบีบแผนผังการวางกำลังทหารในมือแน่น ริมฝีปากบางเม้มแน่น คล้ายยังคิดไม่ออกว่าประโยคแรกควรเอ่ยเช่นไรดี
หากบอกว่าจำอีกฝ่ายไม่ได้นั้นเป็นไปไม่ได้ ดีร้ายอย่างไรก็คบหากันมานานเพียงนั้น ซ้ำดีร้ายอย่างไร…ก็เคยมีลูกชายด้วยกันคนหนึ่ง
เพียงแต่ว่าเวลาเปลี่ยนผัน พวกเขาต่างมิได้ไม่ประสีประสาเหมือนตอนหนุ่มสาวกันแล้ว เขาไม่อาจย้อนกลับไปเป็นหนุ่มได้อีก แต่ความขี้เล่นยังอยู่ เพียงแต่สุดท้ายก็ยังมีความสุขุมและเงียบสงบอย่างบุรุษวัยผู้ใหญ่เพิ่มขึ้นมาหลายส่วน
นางก็หาใช่ทาสสาวตัวน้อยผู้นั้นที่ถูกกักขังในกรง ดิ้นรนต่อต้านราวกับสัตว์เล็กอีกต่อไป
นางผลัดมาสวมชุดคลุมพญางูของเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์
ถูกต้องแล้ว นางเป็นมารดาบังเกิดเกล้าของอาเหิง
อาเหิงเป็นพระนัดดาองค์โตของต้าเยี่ยน นางจะมิใช่พระพันปีแห่งต้าเยี่ยนหรือ
หากไม่ได้พบเจอด้วยตัวเอง ผู้ใดจะจินตนาการได้ว่าทาสสาวที่เขาจับพลัดจับผลูไถ่ตัวกลับมาจากโรงบู๊ใต้ดินจะเป็นนกเพลิงที่ตกทุกข์ได้ยากตัวหนึ่ง
จู่ๆ เซวียนผิงโหวก็อารมณ์ซับซ้อนขึ้นมาเล็กน้อย
จวงไทเฮาต้องจงใจแน่ๆ จงใจไม่บอกว่าซ่างกวานเยี่ยนจะมาที่นี่ จงใจให้เขาทำอะไรไม่ถูก
ช่างเป็นไทเฮาที่โหดเหี้ยมนัก คงคิดเอาคืนตอนปล้นกลางทะเลเมื่อครานั้น!
แต่ไหนแต่ไรมาเซวียนผิงโหวเป็นพวกหน้าไม่อาย แต่นึกไม่ถึงว่า ณ ขณะนี้เขาจะเริ่ม…
ช่างเถิด มาแล้วก็ดี เขากำลังอยากถามพอดีว่าตอนนั้นเหตุใดนางจึงต้องแกล้งตายแล้วหลบหนีไปด้วย และเหตุใดจึงพาลูกชายเขาไปด้วย!
“คือว่า…”
ซ่างกวานเยี่ยนเอ่ยขึ้นก่อน จนด้วยเกล้าที่ยังไม่ทันเอ่ยจบ ถังเย่ว์ซานก็เดินกระหืดกระหอบเข้ามา
เขาเลิกม่านขึ้น หัวเราะฮ่าๆ ขึ้นยกใหญ่ “เหล่าเซียว! ออกไปทำงานกันเถอะ! อยู่ในค่ายทหารมาตั้งนานแล้ว รากจะงอกออกก้นแล้ว! เสร็จแล้วก็ไปหอเฟิงเย่ว์อะไรนั่นดื่มกันสักจอก! คราก่อนเจ้าบอกว่าแม่นางที่นั่นสะสวยมิใช่หรือ”
เซวียนผิงโหวคิดในใจ เจ้าช่วยหุบปากจะได้หรือไม่!
นึกบางอย่างขึ้นมาได้ ถังเย่ว์ซานก็พาดดาบใหญ่ไว้บนบ่า เอ่ยอย่างเคร่งขรึมสุดจะเปรียบ “แต่ข้าเพิ่งได้ยินมาเรื่องหนึ่ง ภรรยาเจ้ากำลังจะมาแล้ว เจ้าอย่าให้นางรู้ล่ะว่าเจ้าไปดื่มสุรามา สตรีหึงหวงขึ้นมาน่ากลัวนัก! วางใจได้ข้าไม่มีทางพูดหรอก!”
เซวียนผิงโหวคิดในใจ นี่เจ้ายังมีอะไรอีกที่ไม่ได้พูด
“ที่สำคัญก็คือ” ถังเย่ว์ซานกดเสียงเบาเอ่ย “เจ้าต้องซ่อนฉู่เฟยเผิงไว้ให้ดีๆ นะ อย่าให้ภรรยาเจ้าพบเชียว คนอื่นต้องการเจ้าไม่ให้ก็ได้ แต่หากนางต้องการละก็ ข้าเกรงว่าเจ้าจะรับไม่ไหว”
เซวียนผิงโหวที่แต่ไหนแต่ไรมามีเพียงตนที่ขายคนอื่น ถูกถังเย่ว์ซานขายเสียหมดจด แม้แต่กางเกงในก็ไม่เหลือ
เวรกรรมมีจริง สวรรค์เคยละเว้นผู้ใดบ้าง
ถังเย่ว์ซานเอ่ยจบ ก็เริ่มจะรู้เนื้อรู้ตัวขึ้นว่าบรรยากาศในกระโจมนี้เริ่มจะแปลกๆ เขาทอดมองไปด้านหลังม่าน สุดท้ายเห็นองค์หญิงในชุดคลุมพญางูสีคราม
ถังเย่ว์ซานเบื้อใบ้อยู่กับที่สามวินาที “เหมือนจะมีคนเรียกข้านะ ข้าขอตัวก่อนล่ะ!”
เอ่ยจบ ผู้บัญชาการใหญ่ถังที่แหย่รังแตนแล้วก็เผ่นหนีออกจากลานประหารขนาดใหญ่ทันที!
บรรยากาศภายในกระโจมยิ่งแปลกพิกลกว่าเดิม
ซ่างกวานเยี่ยนเดิมทียังอยากจะขออภัยที่ตอนนั้นตนจากไปไม่ลา จู่ๆ แววตาพลันเปลี่ยนเป็นอันตรายขึ้นมา “ทำงานรึ ต้องออกไปปล้นชาวบ้านต้าเยียนของข้าหรือ หรือว่าต้องไปหลับนอนกับสาวต้าเยียนของข้า ว่ากันว่าสามวันจากบุรุษเป็นอื่น เซียวจี่ เจ้าทำให้ข้าต้องมองเจ้าใหม่แล้วจริงๆ ”
เซวียนผิงโหวโดนปรักปรำเสียแล้ว
หลังจากที่มาฉวี่หยาง เขาก็เรียกได้ว่าไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องปล้นเมืองเลย เรื่องเที่ยวหอนางโลมนั่นยิ่งไร้สาระ แม่นางหอเฟิงเย่ว์อะไรนั่นสะสวย เขาเองก็ลืมไปแล้วว่าตัวเองพูดไว้เช่นนี้
สงครามคือความเป็นความตาย เมฆฝนบนฟ้าไม่อาจคาดการณ์ มนุษย์เราย่อมมีสุขมีภัยที่่คาดคิดไม่ถึง ใครจะไปมีกระจิตกระใจคิดถึงเรื่องพรรค์นี้
“อย่าฟังเหล่าถังนะ” เซวียนผิงโหวเอ่ยอย่างปวดหัว “ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นเลย เป็นเขาเองที่อยากไป”
ซ่างกวานเยี่ยน “เหอะ ท่านชอบไปหรือไม่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า ข้ากับท่านก็แค่มีลูกชายด้วยกันคนหนึ่ง ท่านคิดหวังว่าหลายปีมานี้ข้าจะเอาแต่คะนึงหาท่านไม่ลืมเลือนกระมัง”
เซวียนผิงโหว …นี่เหมือนจะเป็นบทพูดของข้านะ
ซ่างกวานเยี่ยนอย่างไรก็เป็นถึงองค์หญิงรัชทายาท ไม่ได้ดื่มด่ำกับความสัมพันธ์ส่วนตัวเยี่ยงเด็กสาวเท่าใดนัก พ่อของลูกชายข้าจะไปเที่ยวหอนางโลม ภรรยาเก่าอย่างข้าต้องดื่มน้ำส้มไหใหญ่อะไรนั่น ไม่มีทางเสียหรอก
ในใจนางนั้น ลูกชายอันดับหนึ่ง อันดับสองคือบ้านเมือง
บุรุษล้วนเป็นเมฆลอย
ซ่างกวานเยี่ยนจับประเด็นสำคัญได้ ใช้แก่นแท้ของการต่อสู้ในวังของท่านย่าอย่างกลยุทธ์คนร้ายชิงโจมตีก่อน “แล้วฉู่เฟยเผิงนี่มันอย่างไร ฟังจากน้ำเสียงสหายท่านแล้ว เหมือนเขาจะยังไม่ตายนะ เซียวจี่หนอเซียวจี่ หลายปีมานี้ข้าดันคิดว่าตัวเองติดค้างท่านมาโดยตลอด ที่แท้ท่านก็แค่ใช้ทุกวิธีทางเพื่อคิดบัญชีข้าเท่านั้น”
เซวียนผิงโหวกัดฟันตบหน้าผาก
ถังเย่ว์ซาน ตอนนั้นไยข้าไม่ฆ่าเจ้าซะ!
…
กู้เจียวไปยังกระโจมทหารบาดเจ็บเพื่อเยี่ยมพวกเฉิงฟู่กุ้ย แล้วกำชับพวกเขาให้พักรักษาตัวให้ดี จากนั้นนางก็ไปหาทางมู่ชิงเฉิน
เพียงแต่ว่ามู่ชิงเฉินไม่ได้อยู่ในกระโจมตัวเอง
ได้ยินทหารม้าบอกว่าเขาไปฝึกกระบี่ที่วงนอกของค่าย
เขาเคยรู้สึกไม่สบายเพราะฆ่าคนเป็นครั้งแรก จับต้นไม้พยุงตัวโก่งคออาเจียนแห้ง
บัดนี้ยังคงเป็นใต้ต้นไม้ต้นเดิม แต่เขาไม่ได้ยุ่งยากใจด้วยเรื่องฆ่าคนอีกแล้ว แต่กำลังพยายามที่จะทำอย่างไรให้สังหารข้าศึกได้มากขึ้นกว่าเดิม
เขาแทงกระบี่ออกไปคราแล้วคราเล่า ฝึกฝนท่าไม้ตายที่ปลิดชีพได้ในกระบวนเดียว
อาภรณ์ขาวของเขาเป็นได้ทั้งหยกเกลี้ยงเกลา และเป็นทั้งคมดาบของการสังหาร
กู้เจียวไม่ได้รบกวนเขา มองอยู่เงียบๆ พักหนึ่งก็หันหลังจากไป
กองทัพใหญ่ของราชสำนักยังอยู่ในเมือง ยังคงไม่ถึงค่ายทหาร และซ่างกวานเยี่ยนก็ยังไม่ได้ประกาศสถานะออกไป ด้วยเหตุนี้กู้เจียวจึงไม่ทราบว่านางมาที่ค่ายทหาร
เมื่อนางเดินผ่านกระโจมของถังเย่ว์ซานก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวสวบสาบดังขึ้นจากด้านใน ค่ำมืดเพียงนี้แล้ว ถังเย่ว์ซานกำลังทำอะไรอยู่
นางเดินไปหาด้วยความสงสัย เลิกม่านขึ้นชำเลืองมองไปด้านใน เห็นถังเย่ว์ซานกำลังวุ่นมือเป็นระวิงเก็บข้าวเก็บของ
นางส่งเสียงอ้อพลางถาม “เจ้าจะไปไหนรึ”
เพิ่งไม่กี่วันเอง คงไม่ใช่จะไปแล้วหรอกนะ
ถังเย่ว์ซานคว้าขวดยาทาแผลหลายขวดกับอาหารแห้งนิดหน่อยใส่ในห่อผ้า “ข้าจะไปหลบกับทางเหล่ากู้ที่เมืองผู่สักสองสามวัน”
กู้เจียวโคลงศีรษะ มองเขาอย่างประหลาดใจ “ไยต้องหลบด้วย”
ถังเย่ว์ซานกลับไม่กลัวขายหน้า เอ่ยไปตามตรง “ข้าขายเหล่าเซียวไปแล้ว หากไม่หลบ เหล่าเซียวได้ฆ่าข้าแน่”
กู้เจียว “…”
ถังเย่ว์ซานเก็บข้าวของพลางเล่าเรื่องภายในกระโจมให้ฟัง “…จะโทษข้าทั้งหมดก็ไม่ได้หรอกนะ ข้าไม่รู้เสียหน่อยว่าภรรยาเขาจะมา นี่ข้าคิดแทนเขาเพราะภรรยาเขาเป็นองค์หญิงมิใช่หรือ มาค่ายทหารก็ต้องมีความเคลื่อนไหวสักหน่อยสิ ใครจะไปรู้ว่ามาถึงก็อดรนทนไม่ไหวไปหาเขาแล้ว ซ้ำยังไม่ให้คนแจ้งด้วย นี่มันเห็นได้ชัดเลยว่าจะ…”
ถ้อยคำด้านหลังเขาไม่ได้เอ่ยแล้ว
ถังเย่ว์ซานอยู่ต่อหน้าเซวียนผิงโหวปากไม่มีหูรูดได้ แต่กู้เจียวเป็นสาวเป็นนาง เขายังรู้จักไม่ทำให้หูนางแปดเปื้อน
กู้เจียว “อ้อ องค์หญิงมาแล้วหรือ”
เช่นนั้นกองทัพใหญ่ของราชสำนักก็น่าจะเข้าเมืองแล้ว
ส่วนเหตุใดไม่ป่าวประกาศแต่ไปหาเซวียนผิงโหวเลยนั้น กู้เจียวกลับไม่ได้คิดมาก
นั่นเป็นเรื่องของพวกเขาสองคน นางไม่เกี่ยว