สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 845-2 ไม้ตายของเซียวจี่! (2)
บทที่ 845-2 ไม้ตายของเซียวจี่! (2)
ทันใดนั้น มีเสียงดังสนั่นเกิดขึ้น ปรากฏว่าเกิดจากฉู่เผิงเฟยและฉังจิ่งที่สู้กันอย่างรุนแรงและดุเดือด ฝ่ามือของฉู่เฟยเผิงกระแทกลงไปบนก้อนหิน ทำให้หินเกิดแตกและกระจายไปทั่ว
ก้อนหินนั้นกระเด็นพุ่งมาทางกู้เจียว ท่านโหวกู้เห็นดังนั้นจึงหยิบโล่ที่อยู่บนพื้นขึ้นมากำบังให้
ขณะเดียวกัน ฝั่งของซ่งข่ายที่เห็นทหารฝั่งเขาค่อยๆ ล้มตายด้วยลูกธนูของถังเย่ว์ซาน เขาจึงตัดสินใจยิงธนูสู้กับอีกฝ่ายด้วย
ลูกธนูจำนวนมากกำลังพุ่งตรงมาทางกู้เจียวและท่านโหวกู้
ท่านโหวกู้จำใจยกโล่ขึ้นป้องกันให้กู้เจียวด้วยความรังเกียจและฝืนใจ
โชคดีที่โล่อันนี้เป็นของแคว้นเหลียง ซึ่งมีน้ำหนักและคุณภาพดี หากเขาใช้โล่ของแคว้นเจาละก็ป่านนี้คงถูกแทงทะลุจนกลายเป็นหุ่นไล่กาแล้ว
แต่ถึงโล่จะแข็งแรงแค่ไหน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ต้องคอยหลบลูกธนูแบบนี้
“เซวียนผิงโหว! เจ้าทำอะไร…”
ทำอะไรสักอย่างสิ!
ยังไม่ทันจะเอ่ยจบ จู่ๆ เขาก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง พอเขาหันกลับมาก็พบว่าเซวียนผิงโหวกำลังเดินอ้อมแล้วมาหยุดอยู่ตรงข้างหลังเขาเพื่อหลบลูกธนู
ช่วยอย่าทำอะไรที่ชวนขายหน้าไปมากกว่านี้ได้ไหม!
หลังจากที่ฉู่เฟยเผิงและฉังจิ่งต่อสู้กันมากกว่าสิบกระบวนท่า ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังไม่มีท่าทียอมแพ้แต่อย่างใด
ฉู่เฟยเผิงดึงกระบี่ออกจากเอวของเขา “มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำให้ข้าต้องใช้กระบี่ ฝีมือการต่อสู้ของเจ้าและเซียวลิ่วหลังช่างน่าประทับใจยิ่งนัก เสียดายที่พวกเจ้าอยู่ผิดที่ หากเจ้าเปลี่ยนมารับใช้ข้าละก็ ข้าจะมอบอนาคตที่สดใสแก่เจ้าอย่างแน่นอน!”
ฉังจิ่งครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนตอบออกไป “คิดกะผีน่ะสิ!”
ฉู่เฟยเผิงถึงกับพูดไม่ออก
นี่เป็นคำที่ฉังจิ่งเรียนรู้จากจิ้งคงและสวี่โจวโจว
“พ่อหนุ่ม พูดกันดีๆ ไม่ชอบ ชอบใช้กำลังใช่ไหม ก็ดี ข้าจะจัดการเจ้าก่อน แล้วค่อยจัดการพวกของเจ้าที่เหลือ! ต่อจากนี้ ข้าจะเอาจริงแล้วนะ ระวังตัวไว้ให้ดีล่ะ!” ฉู่เฟยเผิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ชื่อเสียงของฉู่เฟยเผิงนั้นไม่ได้มาเล่นๆ ย้อนกลับไปในยุคก่อน เขามีชื่อเสียงพอๆ กับกงซุนอวี่และเซวียนหยวนเซิ่ง ครั้งหนึ่งเขาเคยดวลกับเซวียนหยวนลี่ตัวต่อตัว และใช้กระบวนท่าไปทั้งหมดกว่าหนึ่งร้อยท่า
ขนาดเซวียนหยวนลี่ยังอดชมฝีมือกระบี่ของฉู่เฟยเผิงไม่ได้
แม้กระบวนกระบี่ของฉังจิ่งจะเน้นความเร็ว แต่ของฉู่เฟยเผิงนั้นเรียกได้ว่าไปไกลเหนือระดับ
กระบวนท่าแรกผ่านไป มือและแขนของฉังจิ่งเริ่มมีอาการชา
พอกระบวนท่าที่สอง กล้ามเนื้อของฉังจิ่งเริ่มล้มเหลว
กระบวนท่าที่สาม อาวุธของฉังจิ่งถูกทำลายจนใช้งานไม่ได้แล้ว!
ฉังจิ่งมองไปที่ฉู่เฟยเผิง สลับกับมองดูด้ามกระบี่เปล่าในมือของเขา เขาขมวดคิ้วและกลับไปที่รถ “ข้าเอาชนะเขาไม่ได้”
ตอนนี้ที่รถไม่มีฝนธนูแล้วหลังจากที่ถูกถังเย่ว์ซานคุมสถานการณ์ไว้ได้
“เจ้ารออยู่นี่นะ” เซวียนผิงโหวพูดกับฉังจิ่ง จากนั้นหยิบกระบี่ยาวขึ้นมาแล้วลงจากรถ
เขาถือกระบี่แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปหาฉู่เฟยเผิง
ท่าทีที่ไร้กังวลของเขาจางหายไปอย่างรวดเร็ว และแทนที่ด้วยรังสีอำมหิตอันเยือกเย็น
หากกล่าวว่าแม่ทัพเฮยเฟิงมีกลิ่นอายของความเป็นเทพแห่งการสังหาร เช่นนั้นบุรุษคนนี้คงจะเป็นเหมือนยมบาลที่หลุดออกมาจากนรกขุมสุดท้าย
สีหน้าและท่าทางของเขาเปลี่ยนไป รอยเท้าของเขาที่เหยียบบนทรายและกรวดอย่างเงียบๆ นั้นราวกับกำลังเหยียบย่ำเข้าไปในหัวใจของคนที่ได้ยินและได้เห็น
ทุกคนต่างตะลึงกับอีกมุมหนึ่งของเขา
ขณะที่เขากำลังเดิน ปลายกระบี่ของเขาเสียดสีกับพื้นจนเกิดเป็นเสียงชวนแสบแก้วหู
เมฆดำมืดบนท้องฟ้าค่อยๆ เคลื่อนตัวลงมา ท้องฟ้ามืดครึ้ม ลมตะวันตกพัดกรรโชกแรง ทรายและหินปลิวว่อนจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น
เซวียนผิงโหวหยุดฝีเท้าลง ยืนห่างจากฉู่เฟยเผิงราวจั้งเดียว จากนั้นเขาปักกระบี่ลงไปที่พื้นจนเกิดรอยแตกจนเศษหินกระเด็นไกลออกไปราวสามฉื่อ!
ทหารแคว้นเหลียงที่อยู่รอบๆ ต่างพากันทำหน้าเหวอ
แม้แต่ถังเย่ว์ซานเองก็อดตะลึงไม่ได้
เหล่าเซียว…นี่คือ เอาจริงแล้วใช่ไหม
ตั้งแต่ที่เขาบาดเจ็บที่เอว ก็มีคนลือกันว่าพลังของเขาหายไปแล้ว หรือไม่ก็พลังของเขาไม่สามารถกลับไปเทียบเท่ากับแต่ก่อนแล้ว
องครักษ์ของเซวียนผิงโหวมักเปลี่ยนคนอยู่บ่อยครั้ง จะมีก็แต่ฉังจิ่งที่อยู่ด้วยกันกับเขานานที่สุด
ทว่ามีเพียงถังเย่ว์ซานคนเดียวที่รู้ว่าไม่มีทางที่เซวียนผิงโหวจะกลายเป็นคนไร้สมรรถภาพได้
เพราะว่าเซวียนผิงโหวคือผู้ที่ได้อันดับหนึ่งจากการประลองสนามใต้ดิน!
คนอื่นอาจรู้จักเขาในนามคนงามแห่งแคว้นทั้งหก แต่พวกเขาไม่รู้ว่าคนคนนี้เคย ‘สังหาร’ คู่แข่งทั้งหมดจากแคว้นเยี่ยนในสนามต่อสู้ใต้ดิน!
ตอนนั้นเขาไม่ได้มีโอกาสประลองฝีมือกับเซวียนหยวนลี่ ไม่อย่างนั้นชื่อของเขาคงไปอยู่ในหมู่นายพลที่มีชื่อเสียงอย่างแน่นอน
ถังเย่ว์ซานรู้สึกตื้นตันใจมากที่เขาจะได้เห็นสหายคนนี้ต่อสู้อีกครั้ง
ไม่คาดคิดเลยว่าหัวใจของเขาจะเต้นเร็วเพราะบุรุษคนนี้
เซวียนผิงโหวเอ่ยเบาๆ “ฉู่เฟยเผิง เจ้าโชคดีมากนะ ข้าไม่ได้ทำการต่อสู้มาหลายปีแล้ว”
“คนที่แอบไปหลบธนูอยู่หลังโล่อย่างเจ้าน่ะหรือ น้อยๆ หน่อย อย่ามาทำตัวน่าขายหน้าตรงนี้เลย!” ฉู่เฟยเผิงเริ่มไม่สบอารมณ์
“งั้นรึ” เซวียนผิงโหวยิ้มมุมปาก “ข้าจะต่อให้เจ้าสามท่าแล้วกัน”
“ต้องเป็นข้าต่างหากที่พูดประโยคนั้น!”
“ไม่จำเป็นหรอก ข้าไม่อยากขายหน้าน่ะ”
ฉู่เฟยเผิงไม่อยากเสวนากับเขาต่อ จึงชักกระบี่ออกมาแล้วเล็งไปที่กลางอกของเซวียนผิงโหว
การดวลระหว่างปรมาจารย์ไม่จำเป็นต้องมีการเคลื่อนไหวที่พิเศษใดๆ ขอเพียงแค่รวดเร็ว โหดเหี้ยม และแม่นยำพอ ก็สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
ฉู่เฟยเผิงมั่นใจในทักษะกระบี่ของตัวเอง แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือกระบี่ของเขากลับทะลุผ่านช่องเอวกับแขนของเซวียนผิงโหวไปเสียอย่างนั้น
เป็นไปได้อย่างไร
“กระบวนท่าแรกผ่านไป” เซวียนผิงโหวกล่าว
ฉู่เฟยเผิงขมวดคิ้ว และเลือกเปลี่ยนไปโจมตีร่างกายส่วนล่างของอีกฝ่ายแทน จากนั้นอาศัยจังหวะตอนที่อีกฝ่ายกำลังหลบเหวี่ยงดาโดยใช้หลังมือ!
ทว่า
ไม่โดนอีกแล้ว!
เซวียนผิงโหวสะบัดข้อมืออย่างผ่อนคลายๆ “ยังเหลืออีกกระบวนท่านะ”
แววตาของฉู่เฟยเผิงวูบไหวทันที “ใครใช้ให้เจ้าต่อให้กันล่ะ! เป็นเจ้าเองรึเปล่าที่โจมตีข้าไม่ได้ก็เลยอ้างว่าต่อให้ข้า! ก็ดี! เตรียมตัวตายได้เลย!”
คราวนี้ กระบี่ของฉู่เฟยเผิงพุ่งตรงไปที่ลำแขนขวาของอีกฝ่าย
แทงเข้าแล้ว!
ขณะที่ฉู่เฟยเผิงกำลังจะเฉลิมฉลองชัยชนะของเขา ก็เห็นว่าเซวียนผิงโหวหลบกระบี่ได้ทัน…เป็นอีกครั้งที่เขาพลาด
เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
“เอาละ เจ้าใช้ไปสามกระบวนท่าแล้ว ตอนนี้ถึงตาข้าแล้วนะ” เซวียนผิงโหวกล่าว
“อย่าทำเป็นเล่นไป เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก” ฉู่เฟยเผิงพูดดูถูก
“งั้นรึ”
จากนั้นกระบี่ของเซวียนผิงโหวก็พุ่งตรงไปที่ฉู่เฟยเผิงอย่างรวดเร็ว ฉู่เฟยเผิงใช้กระบี่รับไว้ได้ทัน!
“นี่หรือพลังกระบี่ของเจ้า ข้าว่ามันยังไม่…”
ร่างของฉู่เฟยเผิงแข็งทื่อทันที
หารู้ไม่ว่าเซวียนผิงโหวมีกระบี่อีกเล่ม
ขณะที่ฉู่เฟยเผิงยกกระบี่ขึ้นมาสกัด เซวียนผิงโหวหยิบกระบี่อีกเล่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วและแทงเข้าไปที่กลางอกของอีกฝ่าย!