สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 843.2 เจ้าหนุ่มเทพสังหาร! (2)
บทที่ 843.2 เจ้าหนุ่มเทพสังหาร! (2)
“มีใครอยากดวลอีกไหม” หลี่จิ้นเอ่ยถาม
“พ่อหนุ่ม อย่าลำพอใจให้มันมากนัก!”
ปรากฏทหารผ่านศึกในวัยห้าสิบพุ่งตัวเข้าไปหาหลี่จิ้นพร้อมดาบอยู่ในมืออย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนพลังของเขาจะเหนือกว่าพานหลง หลี่จิ้นรับรู้ได้ถึงแรงดาบอันมหาศาลจากอีกฝ่ายและยกโล่ขึ้นมากันทันที
ดาบของอีกฝ่ายกระแทกเข้ากับโล่อย่างแรง จนแขนของหลี่จิ้นเริ่มชา!
มู่ชิงเฉินยังคงอธิบายให้กู้เจียวฟังต่อ “เขาคืออดีตแม่ทัพ มาจากตระกูลเฉิง เคยเข้าร่วมในสงครามต่อต้านอำนาจแคว้นเยี่ยน ทั้งยังเคยต่อสู้กับตระกูลเซวียนหยวนอีกด้วย เป็นหนึ่งในแม่ทัพไม่กี่คนที่สามารถรับมือกับเซวียนหยวนลี่ได้ โอกาสที่หลี่จิ้นจะชนะเขาได้นั้นน้อยมาก”
หลี่จิ้นปีนี้อายุไม่ถึงสามสิบปี นับว่าเป็นแม่ทัพที่อายุน้อยมาก ช่องว่างประสบการณ์ระหว่างระหว่างเขากับอดีตแม่ทัพเฉิงอย่างน้อยก็ราวยี่สิบปีได้
นี่แทบจะเป็นการกลั่นแกล้งกันด้วยซ้ำ
ทว่าหลี่จิ้นแข็งแกร่งกว่าที่ใครๆ คิดไว้ ดาบของแม่ทัพเฉิงฟันโล่ของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าจนแขนของหลี่จิ้นแทบจะกลายเป็นสีเขียวไปแล้ว กระนั้น หลี่จิ้นกลับไม่มีท่าทียอมแพ้หรือถอยหลังแต่อย่างใด
ในที่สุด เขาก็หาช่องโหว่พบจนได้
หลี่จิ้นเล็งไปที่ต้นขาของแม่ทัพเฉิงทันที!
ทันใดนั้น มีแสงวาบปรากฏขึ้นจากฝั่งทหารแคว้นเหลียง!
แววตาของกู้เจียววูบไหวทันที จากนั้นคว้าคันธนูขึ้นแล้วเล็งไปที่แสงวาบนั้น!
“ใครน่ะ!”
แม่ทัพเฉิงใช้ดาบของเขาป้องกันทวนของหลี่จิ้นได้ทัน ทว่าพอรู้ตัวอีกที ก็พบว่าด้านข้างของพวกเขามีลูกธนูที่กำลังปักกริชลงบนพื้น!
ลูกธนูถูกยิงจากฝั่งทหารเฮยเฟิง ส่วนกริช… ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามาจากฝั่งใคร
แม่ทัพเฉิงหันไปถามคนของตัวเองด้วยสีหน้าขุ่นเคือง “ใครเป็นคนทำ!”
กู้เจียวถือธนูยาวในมือและเอ่ยอย่างใจเย็น “คิดว่าจะเป็นการดวลที่ยุติธรรมเสียอีก ไม่รู้มาก่อนเลยว่าพวกแคว้นเหลียงจะไร้ยางอายขนาดนี้ คงไม่ต้องมีการดวลกันแล้วสินะ กลับเข้าทัพได้แล้วละหลี่จิ้น!”
“ขอรับ!”
หลี่จิ้นรับคำสัง เก็บทวนยาวลงแล้วควบม้าศึกกลับมาที่ทัพดังเดิม
เกือบไปแล้วไหมล่ะ
ตอนแรกหลี่จิ้นก็นึกว่าหาช่องโหว่เล่นงานอีกฝ่ายได้แล้ว แต่หารู้ไม่ว่านั่นเป็นแผนของแม่ทัพเฉิงที่ล่อให้อีกฝ่ายตายใจ โชคดีที่พวกทหารแคว้นเหลียงเองก็โดนหลอกเช่นกัน จึงถือโอกาสแอบโจมตีหลี่จิ้น
กู้เจียวเองก็เช่นกัน อย่างน้อยก็หาเหตุผลดีๆ ในการจบการดวลได้ในที่สุด
และในตอนนั้นเอง ซ่งข่ายก็เดินออกมาพอดี เขาคือคนที่แอบโจมตีหลี่จิ้นเมื่อครู่นี้ เขาเอ่ยกับแม่ทัพเฉินด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ “ลุงเฉิง อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย เปิดฉากการต่อสู้เลยดีกว่า!”
ในเมื่อเรื่องเดินมาถึงขั้นนี้ ไม่มีความจำเป็นจะต้องดวลกันแบบตัวต่อตัวอีก
แม่ทัพเฉิงจึงออกคำสั่งกองกลาง
กู้เจียวเองก็เช่นกัน “ทหารม้าเฮยเฟิง ออกรบเต็มกำลัง!”
นักธนูจากทั้งสองฝ่ายเปิดการโจมตีระลอกแรก ตามมาด้วยทหารม้าของทั้งสองฝ่ายที่เริ่มเปิดฉากการโจมตี
กองทัพแคว้นเหลียงได้เปรียบในด้านจำนวนคน เป้าหมายของพวกเขาคือกินแรงอีกฝ่ายจนถึงที่สุด
ทหารม้าของแคว้นเหลียงมีความแข็งแกร่งระดับหนึ่ง ทั้งยังมีองครักษ์หน่วยกล้าตายของราชวงศ์มาร่วมด้วย
พวกเขาไม่สนใจต่อสู้กับทหารเฮยเฟิงทั่วไป แต่เล็งแค่คนที่เป็นระดับหัวหน้าเท่านั้น
และในชั่วพริบตา แม่ทัพสามคนของกองทัพเฮยเฟิงก็ถูกโจมตีอย่างอุกอาจ!
“อ๊ากกก”
หนึ่งในองครักษ์หน่วยกล้าตายเข้าไปเตะร่างของเฉิงฟู้กุ้ยให้ตกจากหลังม้า
ม้าของเขาเลี้ยวกลับไม่ทันแล้ว เฉิงฟู่กุ้ยจึงทำได้แค่กลิ้งไปเรื่อยๆ เพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีของอีกฝ่าย
ขณะเดียวกัน หลี่จิ้นกำลังตกเป็นเป้าขององครักษ์หน่วยกล้าตายสองคน เขาถูกหนีบจากทั้งสองด้านจนขาของเขาได้รับบาดเจ็บ
กู้เจียวเห็นจึงเขวี้ยงทวนออกไปเพื่อสกัดดาบของอีกฝ่าย และในเวลาเดียวกัน เจ้าเฮยเฟิงก็ยกกีบม้าของมันขึ้น และกระทืบเข้าไปที่แผ่นอกของศัตรูอย่างแรกง!
องครักษ์หน่วยกล้าตายหลบไม่ทันจึงโดนกีบของเฮยเฟิงถีบเข้าเต็มๆ และล้มลงตรงใกล้ๆ กีบอีกข้างของเฮยเฟิง เขาเตรียมชักดาบแล้วเล็งไปที่ขาของเฮยเฟิง
แต่กู้เจียวเร็วกว่า รีบขว้างทวนพุ่งใส่กลางอกอีกฝ่ายทันที!
กู้เจียวดึงทวนออก ก่อนจะหันไปอีกทางแล้วขว้างใส่กะโหลกขององครักษ์หน่วยกล้าตายอีกคนจนของเหลวในสมองกระเด็นเข้าเต็มๆ หน้าของเฉิงฟู่กุ้ย
เรียกได้ว่าตอนนี้เฉิงฟู่กุ้ยสั่นไปทั้งตัว!
องครักษ์หน่วยกล้าตายของแคว้นเหลียงที่อยู่รอบๆ เริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นบ้าง ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดด้วยซ้ำ
เมื่อพวกเขาหันไปยังทิศทางของรังสีอำมหิตอย่างไม่รู้ตัว ก็ได้เห็นชายหนุ่มในชุดเกราะจ้องมองพวกเขาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
ทว่าความนิ่งเรียบนี้เองที่ทำให้พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัย สายตาของอีกฝ่ายราวกับกำลังบอกว่าการสังหารคนอย่างต่อเรื่องเป็นเรื่องปกติเหมือนกับการที่คนเราต้องหายใจ
วินาทีที่พวกเขาได้สบตากับชายหนุ่ม พวกเขารู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่องครักษ์หน่วยกล้าตายอีกต่อไป แต่เป็นแค่เหยื่อเท่านั้น
หลังจากองครักษ์หน่วยกล้าตายล้มตายทีละคน กระนั้นสายตาของชายหนุ่มยังคงนิ่งเรียบดังเดิม
ทหารแคว้นเหลียงหลายคนที่เห็นเหตุการณ์นี้ต่างขมวดคิ้วพร้อมกัน
แม่ทัพในวัยสามสิบต้นๆ มือของเขาถือทวนสีเงิน พร้อมเอ่ยพึมพำขึ้น “เกิดอะไรขึ้น เด็กคนนั้น… มีพลังขนาดนี้ได้ยังไง เขาอายุแค่สิบเก้าปีจริงๆ หรือ”
ข้างกันนั้น ทหารหนุ่มคนหนึ่งกอดอกเอ่ย “ไม่ใช่ เขาอายุไม่ถึงสิบเก้าด้วยซ้ำ ได้ข่าวว่าเขาอายุแค่สิบหกหรือสิบเจ็ดปีเท่านั้นเอง”
แม่ทัพ “อายุยังน้อยนัก ไยถึงได้ปลิดชีวิตคนโดยแทบไม่กะพริบตาเลยล่ะ”
นอกจากจะไม่กะพริบตาแล้ว ทั้งสีหน้าท่าทางและอารมณ์ของเขาแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงขณะที่สังหารองครักษ์หน่วยกล้าตายไปกว่าครึ่ง!
เด็กคนนี้ทรงพลังเหลือเกิน!
แม่ทัพทวนเงินเบิกตากว้างทันทีหลังสังเกตอะไรบางอย่างเข้าได้ “เอ๋ หายไปไหนแล้วละ หรือว่าถูกฆ่าแล้ว”
ทหารหนุ่มหรี่ตาลง “จะใช่หรือ”
ทันใดนั้นเอง “แย่ละ! เขากำลังมาทางนี้แล้ว!” รูม่านตาแม่ทัพทวนเงินพลันหดลงทันที
กู้เจียวเอ่ย “กองกำลังปีกซ้าย คุ้มกันให้ด้วย!”
“ขอรับ!” ถงจงรับคำสั่งและปรับรูปแบบขบวนทันทีเพื่อคุ้มกันกู้เจียวระหว่างที่กำลังกำจัดศัตรู
ส่วนมู่ชิงเฉินคอยกันอยู่ฝั่งปีกขวา
กว่าพวกทหารแคว้นเหลียงจะรู้ตัวอีกทีก็พบว่ากู้เจียวกำลังเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นทุกที
“สกัดไว้เร็ว!” แม่ทัพทวนเงินออกคำสั่ง
ทหารแถวหนึ่งคว้าดาบยาวขึ้นแล้วพุ่งไปทางกู้เจียว
กู้เจียวดึงบังเหียนขึ้นทันที “ลูกพี่เฮยเฟิง!”
เจ้าเฮยเฟิงรวบรวมพลังทั้งหมดแล้วกระโดดข้ามผ่านหัวพวกทหารไป!
ทุกคนต่างตกตะลึงกับสิ่งทีเห็น
พวกเขาไม่เคยพบเจอม้าตัวไหนที่เก่งและทรงพลังเช่นนี้มาก่อน น่ากลัวชะมัด!
เจ้าเฮยเฟิงขับไล่ทหารทั้งหมดที่ขวางทางออกไปอย่างไม่คิดชีวิต
ทหารดาบหนุ่มมองตามอีกฝ่ายไป “แย่แล้ว! พวกมันกำลังมุ่งหน้าไปทางพ่อบุญธรรม!”
กู้เจียวเกาะหลังเจ้าเฮยเฟิงทะยานไปข้างหน้าเรื่อยๆ จนแทบจะรวมเป็นร่างเดียว
ในความฝัน จิ้งคงถูกฆ่าด้วยน้ำมือของฉู่เฟยเผิง
แล้วก็เป็นฉู่เฟยเผิงที่เผาทำลายเฮยเฟิงคนสุดท้ายของแคว้นเยี่ยน
ถ้านางสามารถกำจัดฉู่เฟยเผิงได้ จุดจบของจิ้งคงกับเฮยเฟิงจะไม่เกิดขึ้นแล้วใช่ไหม อีกทั้งสงครามในวันนี้ก็จะจบลง
“อย่าให้มันเข้าใกล้แม่ทัพได้เด็ดขาด!”
กองกำลังทหารแคว้นเหลียงเริ่มกระจุกตัวแน่นขึ้น
ทำให้เจ้าเฮยเฟิงเริ่มหมดแรง
ลูกพี่ อดทนไว้นะ!
อีกนิดเดียวเท่านั้น!
กู้เจียวเห็นคนที่อยู่ในรถม้าแล้ว!
กู้เจียวใช้มือยันอานม้า เหวี่ยงตัวเองให้ลอยขึ้นและพุ่งตัวไปทางรถม้าคันนั้นพร้อมกับทวนในมือ!