สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 837 ท่านแม่ทัพมาแล้ว!
บทที่ 837 ท่านแม่ทัพมาแล้ว!
คำเรียกอันแสนคุ้นเคยเช่นนี้ ทำเอาหัวหน้าโจรสลัดมังกรตาเดียวขนลุกซู่
ไม่ใช่กระมัง
เจ้าหนูนี่มาโผล่ที่นี่ได้อย่างไร
มิหนำซ้ำ เขาอุตส่าห์แต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศขนาดนี้ ยังดูออกอีกหรือ
“เจ้าจำคนผิดแล้ว!” หัวหน้าโจรสลัดมังกรตาเดียวนายหนึ่งไม่ยอมรับความจริง เขาหันหลังกลับ แล้วมุ่งหน้าไปยังขอบรั้ว ทำท่าจะลงจากเรือ
หากเรื่องนี้ถึงหูเจ้าลูกชาย เขาต้องโกรธมากแน่ๆ เขาหันไปชี้นิ้วออกคำสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาทันที “ถอยออกไปก่อน!”
จิ้งคงรีบวิ่งออกมา พร้อมกับเอ่ยทัก “อ่าว เซวียนผิงโหว จะหนีไปไหนรึ”
หัวหน้าโจรสลัดมังกรตาเดียวรีบสับเท้าด้วยความเร็ว พลางคิดในใจว่า อย่าละ อย่าให้ความแตกเด็ดขาด
แล้วก็ช่างบังเอิญที่ฉังจิ่งเผลอทำลูกแก้วตกลงบนพื้น และกลิ้งไปใกล้บริเวณเท้าของเขาพอดี
หัวหน้าโจรสลัดมังกรตาเดียวเหยียบลูกแก้วเจ้ากรรมจนลื่นล้มหน้าคะมำพื้น!
โอ๊ย เอวของข้า…
ฉังจิ่ง มีสักวันไหมที่เจ้าจะปล่อยข้าให้อยู่สงบๆ น่ะ!
ฉังจิ่งมองหัวหน้าตัวเองด้วยหางตา ก่อนจะก้มลงไปเก็บลูกแก้ว เช็ดมันจนเงาวับ แล้วเอาเก็บเข้ากระเป๋าดังเดิม
“ท่านพี่ฉังจิ่ง!” จิ้งคงเดินเข้าไปหาฉังจิ่ง เงยหน้าขึ้น แล้วยื่นกำปั้นให้เขา “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!”
“อื้อ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะจิ้งคง” ฉังจิ่งพยักหน้าพร้อมกับยื่นกำปั้นชนกับเจ้าตัวเล็ก
หวังซวี่มองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความงุนงง
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
พวกเขารู้จักกันรึ
แล้วนี่พูดภาษาอะไรกันอยู่ ไยข้าถึงฟังไม่เข้าใจเลย
จิ้งคงเป็นเด็กอัจฉริยะด้านภาษา สามารถสลับเปลี่ยนไปใช้ภาษาแคว้นเจาได้อย่างฉับไว ไม่แปลกใจที่หวังซวี่จะฟังไม่ออก
ขณะที่คนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องพักฟังรู้เรื่องกันหมด
จี้จิ่วอาวุโสเดินออกมาพร้อมกับทำหน้ามุ่ย “เซวียนผิงโหว กล้าดียังไง เป็นท่านโหวดีๆ ไม่ชอบ ก็เลยเลือกผันตัวมาเป็นโจรสลัดแทนรึ”
แถมยังมีการพูดอีกว่า ‘ฆ่าทิ้งผู้ชาย ขโมยผู้หญิง และจับเด็กอย่าให้เหลือ! ’
ฟังสิ ฟังสิ นี่มันควรเป็นคำพูดที่ออกจากปากของคนที่เป็นท่านโหวรึ นี่มันคำพูดของโจรชัดๆ !
หรือนี่คือผลพลอยได้ของการที่เจ้าลงไปปราบโจรเมื่อปีก่อน
เรื่องดีๆ ไม่จำ ดันเลือกจำแต่เรื่องแย่ๆ มาใช้
หลังจากเซวียนผิงโหวเริ่มใจเย็นลงแล้ว จึงค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้น แล้วปัดฝุ่นออกจากเสื้อด้วยท่วงท่าสง่างามพร้อมกับส่งยิ้มให้จี้จิ่วอาวุโส “ท่านจี้จิ่วฮั่ว ไม่เจอกันตั้งนาน เป็นอย่างไรบ้าง ข้าก็แค่…”
ทันใดนั้น จี้จิ่วอาวุโสรีบเอ่ยแทรกแทนเขาทันที “ข้าก็แค่ปลอมตัวเป็นโจรสลัดเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของกองกำลังเรือ แต่ดูเหมือนว่ากองกำลังนี้ยังไม่แกร่งพอ ดังนั้นข้าจึงต้องออกโรงคุ้มกันท่านเอง”
เซวียนผิงโหวกระตุกมุมปากทันที
ท่านจี้จิ่วอาวุโสสมกับเป็นนักเขียนบทมือฉมัง เดาบทพูดอันสมบูรณ์แบบเช่นนี้ของเขาออกได้อย่างไร
“จะว่าไปแล้ว ท่านมาอยู่บนเรือของแคว้นเยี่ยนได้อย่างไร ท่านเป็นจี้จิ่วของแคว้นเจามิใช่รึ มาอยู่ด้วยกันกับขุนนางของแคว้นเยี่ยนแบบนี้ไม่เหมาะสมกระมัง” เซวียนผิงโหวรีบเปลี่ยนเรื่อง
“อะแฮ่ม” แม้เซวียนผิงโหวจะเก่งเรื่องพูดจากให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่ แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้คู่ปรับของเขาหาใช่จี้จิ่วไม่!
แล้วจี้จิ่วอาวุโสก็หลีกทางให้เขา
ทันใดนั้น ปรากฏจวงไทเฮาเดินออกมาจากห้องอย่างสงบ
แววตาของเซวียนผิงโหววูบไหว ก่อนจะหันไปมองทั้งสองคนสลับไปมา “ไม่ใช่กระมัง นี่พวกท่าน… แอบหนีออกมาด้วยกันรึ…”
“ไม่ใช่แบบที่นั้นโว้ย!” จี้จิ่วอาวุโสแผดเสียงทันควัน
“ถ้าไม่ใช่ก็บอกกันดีๆ สิ จะร้อนตัวไปทำไม” เซวียนผิงโหวพึมพำ
จี้จิ่วอาวุโสเอ่ยพร้อมดึงปกเสื้อให้เรียบร้อย “ข้า… ข้าดูร้อนตัวขนาดนั้นเชียว แต่ก็เพราะเจ้านั่นแหละที่พูดจาไม่ให้เกียรติไทเฮา”
เซวียนผิงโหวหรี่ตา “ท่านปู่เขย”
จี้จิ่วอาวุโสรีบตอบกลับ “อะไร”
“เหอะๆ ”
หวังซวี่ไม่เข้าใจภาษาถิ่นของแคว้นเจา และไม่รู้ว่าพวกเขากำลังเอ่ยถึงอะไร
“เจ้า ตามข้ามา” จวงไทเฮาเอ่ยกับเซวียนผิงโหว
เซวียนผิงโหวจึงเดินตามไทเฮาเข้าไปในห้อง
หวังซวี่เกาะดาดฟ้าเรือแล้วยืนขึ้น มองดูโจรสลัดผู้น้อยที่ดูมีวิทยายุทธ์ ก่อนจะหันไปทางหัวหน้าโจรสลัดที่กำลังเดินตามยายเฒ่าเข้าไปในห้อง
นี่มันอะไรกันนี่
รู้เช่นนี้ตามพระราชนัดดาไปที่แคว้นเฉินยังจะดีกว่า
ฉังจิ่งอยู่เล่นลูกแก้วกับจิ้งคงที่ดาดฟ้าเรือ ส่วนเซวียนผิงโหวเดินตามไทเฮาเข้าไปในห้อง
ซึ่งมีกู้เหยี่ยนและกู้เสี่ยวซุ่นนั่งอยู่ข้างใน
ส่วนหนานเซียงและปรมาจารย์หลี่ว์ไม่ได้มาด้วยกันกับพวกเขาเรื่องจากติดธุระในเมืองเซิ่งตู
นอกจากนี้ ยังมีชายแปลกหน้าที่นั่งบนรถเข็นอยู่ด้วย
ทั้งกู้เหยี่ยนและกู้เสี่ยวซุ่นต่างไม่มีใครพูดอะไรออกมา
เพราะพวกเขารู้ว่าอันกั๋วกงฟังภาษาพวกเขารู้เรื่อง เพื่อไม่ให้ความแตก พวกเขาจึงได้แต่ทักทายเซวียนผิงโหวด้วยสายตา
ไทเฮาเอ่ยกับกั๋วกงอัน “คนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจ ท่านผู้นี้คือเซวียนผิงโหวจากแคว้นเจา”
จากนั้นหันมาพูดกับเซวียนผิงโหว “ท่านผู้นี้คือกั๋วกงอันจากแคว้นเยี่ยน พ่อบุญธรรมของเจียวเจียว”
เซวียนผิงโหวคิดในใจ ลูกสะใภ้ของเขาไปมีพ่อบุญธรรมที่แคว้นเยี่ยนตั้งแต่เมื่อไหร่
“ท่านกั๋วกงอันนี่เอง ได้ยินชื่อเสียงมานาน” เซวียนผิงโหวเอ่ยทักทายกั๋วกงอันด้วยท่าทีเกรงใจ
ส่วนกั๋วกงอันก็ใช้นิ้วเขียน “ได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานเช่นกัน เซวียนผิงโหว”
ที่บอกว่าได้ยินชื่อเสียงมานาน เนื่องจากเมื่อยี่สิบปีก่อนชื่อของเขาถูกจัดอันดับให้อยู่ในยี่สิบอันดับคนงามแห่งแคว้นทั้งหก ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงเรียมนามของเขา
“เขียนกลับหัวได้ด้วยหรือนี่” เซวียนผิงโหวเอ่ยปากชม
“นั่งก่อนสิ” จวงไทเฮาเอ่ย
เซวียนผิงโหวนั่งลง หันหน้าไปทางกู้เสี่ยวซุ่น “ตัวสูงขึ้นนี่”
จากนั้นก็หันไปหากู้เหยี่ยน “ดีขึ้นแล้วรึ”
สีหน้าของเขาดูสดใสกว่าเมื่อก่อนเยอะ
“ที่ข้าดีขึ้นได้ก็เพราะพี่สาวของข้าขอรับ!” กู้เหยี่ยนตอบด้วยความภูมิใจ
“ลูกสะใภ้ของข้าเก่งจริงๆ ” เซวียนผิงโหวพยักหน้า
นางยังไม่ได้เป็นลูกสะใภ้ของท่านสักหน่อย อย่าเพิ่งใจร้อนนัก
หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์บังคับ ป่านนี้กั๋วกงอันคงเขียนสิ่งที่เขาคิดไปแล้ว
ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ หาใช่เวลามาถกเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของเด็กๆ ไม่
จุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้คือเพื่อเจรจาสันติภาพกับแคว้นเจา และนี่เป็นโอกาสอันดีที่หาได้ยากสำหรับเขาที่จะพบกับตัวแทนจากแคว้นเจาได้ในเวลาที่รวดเร็ว
จวงไทเฮาเอ่ยกับกั๋วกงอัน “ท่านคงรู้เรื่องตัวตนของข้ามาบ้างแล้ว”
อันกั๋วกงมองเซวียนผิงโหว จากนั้นเอานิ้วจุ่มน้ำแล้วเขียนลงไป “จวงไทเฮาจากแคว้นเจา”
อันที่จริงความคิดนี้เป็นแค่การคาดเดาของเขาระหว่างทางก็เท่านั้น แต่ตอนนี้เขามั่นใจแล้ว
นอกเหนือจากจักรพรรดิแห่งแคว้นเจาแล้ว บุคคลเดียวที่สามารถทำให้เซวียนผิงโหวยอมจำนนได้คือไทเฮาผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
นอกจากนี้จวงไทเฮายังแนะนำจี้จิ่วอาวุโสแก่กั๋วกงด้วย “ส่วนผู้นี้คือจี้จิ่วอาวุโสแห่งกั๋วจื่อเจียน มาจากตระกูลฮั่ว”
กั๋วกงอันเคยได้ยินข่าวมาบ้างว่า อันที่จริงไทเฮาและจี้จิ่วอาวุโสของแคว้นเจานั้นไม่ถูกกัน
ที่ผ่านมาเขาจึงเดาไม่ออกเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นจี้จิ่ว
จวงไทเฮาอธิบายต่อด้วยท่าทีสงบนิ่ง “เข้าเรื่องกันดีกว่า เหตุผลที่พวกเรามาที่นี่ก็เพราะกังวลความปลอดภัยของเด็กๆ พวกนี้”
ขณะเดียวกัน เซวียนผิงโหวก็กำลังทำท่าชะเง้อมองรอบทิศ
“อาเหิงไม่อยู่ที่นี่” จวงไทเฮาเอ่ย
“เขาอยู่ไหน” เซวียนผิงโหวถาม
“อาเหิงกำลังเดินทางไปที่แคว้นเฉิน” จวงไทเฮาตอบ “เจ้าอย่าเพิ่งรีบถามอะไร ฟังข้าให้จบก่อน เจ้า ออกจากค่ายทหารโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดฐานละทิ้งหน้าที่ ซ้ำยังปลอมตัวเป็นโจรสลัด และลักพาตัวไทเฮา ถือเป็นความผิดอาญาใหญ่หลวง”
เซวียนผิงโหวคลี่ยิ้มพร้อมทั้งถูมือไปมาเพื่อขอความเห็นใจ “กระหม่อมไม่รู้ว่าเป็นพระองค์นี่นา คนกันเองทั้งนั้น ช่วยกระหม่อมด้วยเถิด”
จวงไทเฮายังคงทำหน้านิ่ง “เรื่องของเจ้า ข้าไม่เอาความก็ได้ แต่ว่า เจ้าจะช่วยเจียวเจียวหรือไม่”
“เกิด… เกิดอะไรขึ้นกับนาง” เซวียนผิงโหวหุบยิ้มลงครึ่งนึง
จวงไทเฮาเหลือบมองเซวียนผิงโหวผู้ซึ่งไม่รู้เหตุการณ์อะไรเลย
แต่ก็นะ ช่วยไม่ได้
แต่พอนึกถึงเจียวเจียวที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก จวงไทเฮาก็แทบอยากฟาดบ้องหูเจ้าหมอนี่ที่มาเล่นปลอมตัวอย่างไม่รู้จักเวล่ำเวลา!
ไทเฮาพยายามระงับความโกรธลง เอ่ยอย่างจริงจัง “นางกำลังถูกกลุ่มกบฏของแคว้นเยี่ยน กองทัพแคว้นจิ้นเหลียงปิดล้อม และกำลังจะสูญเสียกำลัง”
แววตาของเซวียนผิงโหววูบไหวและเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
จวงไทเฮาถอนหายใจ “มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นที่นี่ ไว้ให้จี้จิ่วอาวุโสอธิบายให้เจ้าฟังแล้วกัน สรุปคือ ถ้าพวกเจ้าคิดจะโจมตีแคว้นเยี่ยน ก็เท่ากับพวกเจ้ากำลังทำร้ายอาเหิงและเจียวเจียว”
เซวียนผิงโหว “…”
“อีกเรื่อง ข้าของแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย ลูกชายของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ หมายถึงลูกของเจ้ากับองค์หญิงซิ่นหยางน่ะ”
เซวียนผิงโหว “…”
“เจ้าเดินทางมากับใคร” จวงไทเฮาถามโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในอาการตกใจสุดขีดหรือไม่
ไม่รอให้เซวียนผิงโหวตอบ ทันใดนั้น เสียงหัวเราะอันชั่วร้ายที่ของใครคนหนึ่งก็ดังมาจากดาดฟ้า
“ฮ่าๆๆ ! เหล่าเซียว! วันนี้พวกเราจับปลาตัวใหญ่ได้อีกแล้วสินะ! ได้เงินมาเพิ่มอีกแล้ว! วิธีนี้ไม่เลวเลย! ต่อไปพวกเราใช้วิธีหลอกพวกแคว้นเยียนว่าพวกเรามาปราบโจร แล้วเก็บเงินจากพวกเขาอีกดีไหม! ได้ทั้งชื่อเสียงและโชคลาภ! ฮ่าๆๆ ! …”
กู้เหยี่ยนและกู้เสี่ยวซุ่นมองไปทางประตูด้วยสายตาเห็นใจ… คนอะไรซวยตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
จากนั้นพวกเขานับในใจ หนึ่ง สอง สาม…
พอประตูถูกเปิดออก ถังเย่ว์ซานก็เดินหัวเราะเสียงดังเข้ามาในห้อง
แต่ไม่นาน เขาก็เงียบลงทันที