สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 832 ชัยชนะอันยิ่งใหญ่
บทที่ 832 ชัยชนะอันยิ่งใหญ่
Ink Stone_Romance
เหตุการณ์นี้สร้างความตกใจและผลกระทบมหาศาล ทหารม้าเฮยเฟิงแน่นขนัด ราวกับหินหลอมร้อนระอุถาโถมเข้าใส่ทัพทหารเแปรพักตร์แปดหมื่นนายของตระกูลหนานกง!
กองทัพใหญ่ทำศึกมักมีกระบวนทัพ โดยปกติแล้วล้วนมีพลธนูและรถศึกอยู่ด้านหน้า ยามบุกเข้าสู่สนามรบจะมีทหารม้าอยู่ด้านหน้า ทหารราบอยู่ด้านหลัง
สมรภูมิหลักที่ฉังเวยจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าคือใกล้ๆ บริเวณหุบเขา ทหารม้าและรถศึกของตระกูลหนานกงย่อมถูกจัดเตรียมไว้ตรงนี้
แม้ว่าตามแผนเดิมนั้น ขอแค่ทหารม้าเฮยเฟิงโดนใยไหมฟ้าแดนหิมะ พวกเขาก็จะไม่จำเป็นต้องลงมือเลย
แต่ปัญหาก็คือ เขาไม่อาจมั่นใจได้เต็มร้อยว่ารองแม่ทัพจะสามารถล่อทหารม้าเฮยเฟิงมาได้สำเร็จ
เกิดว่ารองแม่ทัพกับทหารม้ากองนั้นโดนสังหารทันทีที่หุบเขา ทหารม้าเฮยเฟิงรอให้พวกเขาเข้าโจมตีที่หุบเขา เช่นนั้นใยไหมฟ้าแดนหิมะก็จะไม่ได้ใช้การแล้ว
เพื่อป้องกันเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เขาจึงยังกำหนดให้ที่ตรงนี้เป็นสมรภูมิหลักอยู่
การจัดเตรียมนี้เรียกได้ว่าเปิดประตูใหญ่อ้ากว้างให้ทหารม้าเฮยเฟิง ต้อนรับพวกเขามาเก็บหัวคนเลยก็ว่าได้
เดิมทีทหารม้ากับทหารราบก็ไม่ใช่กำลังศึกชั้นเยี่ยมอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นมาปะทะกับทหารม้าเฮยเฟิงที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาหกแคว้นอีก!
ฉังเวยไม่ต้องมองก็พอจะจินตนาการได้ว่าฝ่ายตัวเองจะสูญเสียกำลังทหารไปเท่าใด!
ฉังเวยมองรองแม่ทัพที่อยู่ข้างกายอย่างเย็นชา “ตอนที่เจ้าประมือกับพวกเขาไม่ได้เห็นรึว่าพวกเขามีกำลังทหารไม่เท่าใดเอง!”
“ข้า…” รองแม่ทัพสะอึก
ตอนอยู่ในหุบเขา เขาถูกอานุภาพของทหารม้าเฮยเฟิงข่มขวัญ ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อไปหมด หวังเพียงว่าจะหนีให้พ้นโดยเร็ว กลัวว่าสู้ต่ออีกแค่กระบวนเดียวจะสิ้นชีพใต้คมดาบของทหารม้าเฮยเฟิง ไหนเลยจะยังมีเวลาสนใจนับจำนวนข้าศึกว่ามีเท่าใด
เขาโบกต้นแขนชี้ไปยังเนินเขาอันเงียบสงัดพลางเอ่ย “เป็นแม่ทัพผู้นั้นของพวกเขา! เขาร้องตะโกนเสียงดังนัก ดังจนหูข้าอื้ออึงไปหมดแล้ว!”
นี่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุ
เฉิงฟู่กุ้ยใช้กำลังตัวเองร้องตะโกนดุจทหารพันหมื่นนาย ทำให้รู้สึกว่าด้านหลังเขามีทหารม้าเฮยเฟิงตามมาทั้งหมด
ฉังเวยกัดฟันเอ่ย “เจ้าไม่เห็นผู้บัญชาการทหารม้าเฮยเฟิงเลย ตัดสินได้อย่างไรว่าทหารม้าเฮยเฟิงทั้งหมดล้วนอยู่ตรงนั้น!”
“ข้า… คือ…”
เขาถูกเสียงดังกึกก้องของเฉิงฟู่กุ้ยทำโง่งมไปแล้วต่างหาก
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ฉังเวยยังมองไม่ออกอีกว่าตัวเองตกหลุมพรางก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว
การซุ่มโจมตีในหุบเขาเป็นเพียงกลศึกพรางตาเท่านั้น ความจริงแล้วกำลังหลักของทหารม้าเฮยเฟิงอ้อมไปอยู่ด้านหลังกองทัพใหญ่หนานกงตั้งนานแล้ว
แม่ทัพผู้นั้นทั้งร้องทั้งตะโกน สร้างความเคลื่อนไหวเสียใหญ่โตก็เพียงเพื่อแบ่งความสนใจของพวกเขา ทำให้พวกเขาไม่ทันสังเกตว่ากำลังหลักของทหารม้าเฮยเฟิงเข้ามาประชิดอีกด้านหนึ่งแล้ว
พวกเขาคิดได้อย่างไรว่าต้องอ้อมไปโจมตีด้านหลัง
พวกเขาไม่กลัวว่าทหารม้าเฮยเฟิงที่อยู่ตรงหุบเขาจะโดนกองทัพตระกูลหนานกงกลืนกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกหรือไร
เว้นเสียแต่ว่า…
ทหารม้าเฮยเฟิงจะเดาได้แต่แรกแล้วว่าพวกเขาเคลื่อนทัพผ่านไปไม่ได้!
ฉังเวยมองใยไหมฟ้าแดนหิมะคล้ายมีคล้ายไม่มีเบื้องหน้า แล้วหันไปมองทหารม้าเฮยเฟิงที่จู่ๆ ก็หลบอยู่หลังเนินเขาไม่ยอมเคลื่อนทัพเดินหน้าต่อ จู่ๆ ก็เกิดการคาดเดาอย่างขวัญกล้าขึ้น
เจ้าเด็กนั่นเดาออกว่าเขาจะมาไม้นี้!
แต่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน
เรื่องที่เขามีใยไหมฟ้าแดนหิมะอยู่ในมือนั้น แม้แต่ประมุขตระกูลหนานกงยังไม่รู้เลย…
เด็กหนุ่มเป็นผู้ใดกันแน่ เหตุใดเขาจึงได้รู้ทะลุปรุโปร่งเช่นนี้
ไม่มีเวลามาครุ่นคิดเรื่องเหล่านี้แล้ว เสียงโหยหวนดังขึ้นจากด้านหลัง ทหารม้าเฮยเฟิงฆ่าคนเป็นผักปลา หากเป็นเช่นนี้ต่อไป กองทัพใหญ่ได้พ่ายแพ้แน่!
“หาคนไปปลดใยไหมฟ้าแดนหิมะออก!” เขาสั่งการรองแม่ทัพ
ของพรรค์นี้ปลดไม่ได้ง่ายๆ น้ำไฟทำอะไรไม่ได้ ทวนดาบฟันแทงไม่เข้า นอกจากนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ลื่น จึงได้มัดเป็นเงื่อนตายเอาไว้!
และเสาไม้พวกนั้นก็ตั้งขึ้นเป็นพิเศษเช่นกัน!
วาดพื้นให้เป็นคุกหมายความว่าอะไร ให้มาดูพวกเขาแล้ว
ฉังเวยปวดศีรษะไปหมด!
จำต้องสั่งให้รองแม่ทัพคิดหาวิธีปลดออก เขากลับอยากอ้อมจากสองฝั่งไปเข่นฆ่าทหารม้าเฮยเฟิงกลุ่มที่อยู่หลังเนินเขา แต่สถานที่ที่เขาเลือกล่าสังหารช่างเลิศล้ำนัก…ทั้งสองฝั่งล้วนเป็นทะเลสาบ!
จะอ้อมไปได้อย่างไร
ดำน้ำรึ!
ฉังเวยข่มอาการหน้ามืดตาลายที่เข้าโจมตีเอาไว้ ชักกระบี่ยาวออกมาอย่างเย็นชา
“ทหารม้าทุกนายจงฟังคำสั่ง ติดตามข้าออกศึก!”
“เตรียมรถศึก! พลธนูตามมา!”
รถศึกมีพลธนูประจำการเป็นวิธีการจัดการกับทหารม้า เพียงแต่รถศึกเคลื่อนที่ช้าเกินไป เขาต้องไล่เข่นฆ่ากับทหารม้าเฮยเฟิงก่อนสักยกหนึ่ง
ฉังเวยควบม้านำหน้า นำทัพทหารม้าตระกูลหนานกงทะลวงผ่านกองทหารราบไป
ทัพใหญ่ตระกูลหนานกงก็ไม่น้อยหน้า แต่ไหนแต่ไรมาพวกเขาก็ใช้วิธีการฝึกทหารของตระกูลเซวียนหยวนมาโดยตลอด เพียงแต่ว่า ข้อได้เปรียบนี้เมื่อเจอกับกองทัพใหญ่เซวียนหยวนตัวจริงเข้า ก็จะเปราะบางขึ้นมาทันที
ความแข็งแกร่งของกองทัพเซวียนหยวนฝังลึกอยู่ในกระดูก ชั่วขณะที่ธงนกอินทรีโบยบินโบกสะบัดรับลม ระลอกคลื่นร้อนระอุก็พวยพุ่งขึ้นทรวงอกแผดเผาอวัยวะภายใน
การเพิ่มฉังเวยเข้ามาช่วยให้ตระกูลหนานกงมีแกนนำสำคัญเพิ่มขึ้นมา กองทัพที่แตกกระเจิงค่อยๆ กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งภายใต้การบังคับบัญชาของเขา
ทว่านี่ก็ยังต้านการล่าสังหารของทหารม้าเฮยเฟิงไว้ไม่ได้อยู่ดี ทหารม้าเฮยเฟิงที่ไร้เทียมทานดุจสัตว์ร้ายในเหวลึก เป็นราวกับมัจจุราชในอเวจี ไม่มีทัพทหารแปรพักตร์ใดสามารถรอดพ้นคมดาบในมือพวกเขาไปได้
ฉังเวยมองทหารที่ล้มลงทีละคน ดวงตาเต็มไปด้วยไอสังหารสีชาด!
อีกด้านหนึ่ง รองแม่ทัพกำลังสั่งการทหารจำนวนหนึ่งให้ปลดใยไหมฟ้าแดนหิมะ ใช้อาวุธคงไม่สำเร็จ ฟันลงไป ดาบก็หักเป็นสองท่อน
ใช้ไฟเผาก็ไม่ได้ผล
เขาลองไปฟันเสาไม้แทน ไหนเลยจะรู้ว่าเสาไม้นี้แกร่งเสียยิ่งกว่าเหล็ก กระบี่บิ่นไปเลย แต่มันไม่เป็นอะไรแม้แต่นิด!
สุดท้าย รองแม่ทัพก็เกิดความคิดผุดวาบ “ขุด! ขุดเสาออกมาให้ข้า!”
ฟิ้ว!
ลูกธนูดอกหนึ่งทะยานมา ยิงใส่ทหารหนานกงนายหนึ่งล้มลงกับพื้น!
รองแม่ทัพนัยน์ตาสั่นระริก หันไปมองฝั่งตรงข้าม เห็นเพียงเฉิงฟู่กุ้ย หลี่จิ้นและถงจงกำลังนำทัพกองใหญ่ยิงธนูใส่พวกเขา
ขอแค่เข้าใกล้เสาคนหนึ่ง พวกเขาก็จะยิงคนหนึ่ง เข้าใกล้สองคน พวกเขาก็ยิงทั้งคู่!
รองแม่ทัพคว้าโล่มาบังตัวเองไว้ กัดฟันกรอดเอ่ย “คิดว่าพวกเราไม่มีพลธนูรึ!”
บัดซบ!
ไม่มีจริง ๆ ด้วย!
ให้ฉังเวยพาไปหมดแล้ว!
สถานการณ์ในสนามรบพลันกลับตาลปัตร ไม่ระวังเพียงนิดเดียวก็อาจจะสร้างผลลัพธ์ที่ไม่อาจย้อนคืนกลับมาได้
นี่ไม่ได้หมายความว่าฉังเวยมีความสามารถในการมองสถานการณ์โดยรวมไม่มากพอ ความจริงคือการปรากฏตัวของกู้เจียวได้สร้างการเปลี่ยนแปลงมหาศาลให้กับศึกนี้ต่างหาก
ฉังเวยอ่านคนมานับไม่ถ้วน กลับไม่เคยประมือกับข้าศึกเช่นนี้มาก่อน อีกฝ่ายคล้ายคุ้นเคยกับวิธีของเขาดี ทว่าเขากลับไม่รู้จักอีกฝ่ายเลยสักอย่าง
เดิมนึกว่าเป็นแค่ผู้บัญชาการที่อัจฉริยะด้านการต่อสู้ ใครจะคิดว่ายังใช้ทหารดุจเทพด้วย!
ฉังเวยสองตาแดงฉานดุจโลหิตทอดมองเด็กหนุ่มผู้นั้นสังหารทหารหนานกงนับไม่ถ้วน เด็กหนุ่มฆ่าฟันรุนแรง ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้เขาแล้ว ทว่าเพียงแค่ถูกเขาขับไล่ ก็ไม่มีสักคนที่รอดพ้นการล่าสังหารของเขาได้เลย!
ฉังเวยนำทหารม้ามาล้อมกู้เจียว
กู้เจียวเห็นคนมากมายพุ่งโจมตีตัวเองเพียงนี้ แววตากลับไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ นางมือหนึ่งจับบังเหียนไว้ อีกมือถือทวนพู่แดง แววตาไอสังหารพวยพุ่ง “บุก!”
ราชาม้าเฮยเฟิงฮึกเหิมเต็มที่ มันเร่งความเร็วพุ่งเข้าสู่กองทัพทหารม้าหนานกงอย่างอันธพาล
ม้าศึกของตระกูลหนานกงตกใจราชาม้าเฮยเฟิงจนแตกซ่านไปทั่วทุกสารทิศ ทหารม้าที่อุตส่าห์ไล่เข็ญฆ่ามาพลันโดนชนกระเด็นกระเจิงออกไป
กู้เจียวกับราชาม้าเฮยเฟิงไล่โจมตีเหยื่อที่เป็นของพวกเขา
ทว่านี่หาใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด
ฉังเวยจะเข้าสังหารกู้เจียวอยู่หลายครา ล้วนถูกทหารม้าเฮยเฟิงทุ่มชีวิตเข้าขวางไว้ จากนั้นเขาก็พบเจอกับเรื่องที่ไม่คิดฝัน
ทหารม้าเฮยเฟิงเหล่านี้ดูเหมือนจะฆ่าของใครของมัน แต่ความจริงนั้นมีกลุ่มมีก้อน มีแผนการ ไล่บดขยี้กองทัพใหญ่หนานกงทั้งหมดไปทางหุบเขา
พวกเขาล้อมกองทัพของหนานกง ทำให้ทหารที่หวาดกลัวจนขวัญหนีพวกนี้ไร้ทางหลบหนี จำต้องถอยหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย
และผลของการถอยหนีก็คือ…
ฉังเวยหันกลับทันควัน ทอดมองทหารหนานกงที่พุ่งไปข้างหน้าโดยไม่สนใจสิ่งใด “หยุด หยุดให้หมด…”
น่าเสียดายที่สายไปเสียแล้ว
กองทัพทหารแปรพักตร์ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวพากันชนใยไหมฟ้าแดนหิมะอย่างพร้อมเพรียง…
นั่นเป็นแผนที่ใช้จัดการกับทหารม้าเฮยเฟิงแท้ๆ !
เพราะอะไรกัน…เพราะอะไรสุดท้ายกลับกลายเป็นฝั่งตัวเองที่พลาดท่า!
ฉังเวยเปล่งเสียงคำรามเกรี้ยวกราดดุจสัตว์ร้ายออกมา!
กู้เจียวยกทวนขึ้นแล้วแทงลง สังหารกองทัพทหารแปรพักตร์ที่ลอบโจมตีราชาม้าเฮยเฟิงไปคนหนึ่ง!
สถานการณ์ในยามนี้ดีเยี่ยมนัก ทว่าความจริงแล้วมีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ว่ากำลังกายของทุกคนใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว แม้ภายนอกจะมองไม่ออก แต่หากต่อสู้ต่อไป จะเพิ่มการเสียชีวิตให้ทหารม้าเฮยเฟิงมากขึ้นกว่าเดิม
กู้เจียวกระตุกบังเหียน “ลูกพี่!”
ราชาม้าเฮยเฟิงรู้ใจ มันหันหัวไปตามแรงของกู้เจียว มุ่งหน้าทะยานไปยังแม่ทัพฉังเวย
เรี่ยวแรงของมันใกล้จะหมดแล้วเช่นกัน
ทุกคนเร่งเดินทัพกันมาตั้งหลายวัน ที่เรี่ยวแรงหมดสิ้นไม่ได้มีเพียงคนเท่านั้น ยังมีม้าด้วย
ทหารม้าเฮยเฟิงทั้งหมดล้วนทุ่มสุดแรงเกิด ทำศึกโดยไม่สนใจความเป็นความตายและช้ำในโดยไม่ลังเล
ทางด้านชายขอบมีทหารม้าเฮยเฟิงกระอักโลหิตล้มลงพื้นแล้ว
…เพราะเหนื่อยล้าทั้งเป็น
ฉังเวยฟาดฟันกระบี่ใส่ม้าเฮยเฟิงตัวหนึ่ง กู้เจียวยกทวนยาวขึ้น เสียงเคร้งดังขึ้น ต้านทานกระบี่ยาวอานุภาพรุนแรงของเขาไว้
ฉังเวยหันหน้ามามอง สบเข้ากับสายตาลุ่มลึกเย็นเยียบของเด็กหนุ่ม
เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงนิ่ง “คู่ต่อสู้ของเจ้า คือข้าเอง!”
ฉังเวยปล่อยกลลวง แทงกระบี่ใส่หน้าอกกู้เจียว!
วิถีต่อสู้ของเขาแทบจะเป็นการลอบโจมตี
ใช้วิธีสกปรกเช่นนี้กับผู้อ่อนอาวุโสกว่า กล่าวกันตามตรงแล้วเขาคือคนหน้าไม่อาย
ทว่าสถาการณ์ด่วนกระชั้น หากไม่รีบเด็ดหัวผู้บัญชาทหารม้าเฮยเฟิง กองทัพหนานกงก็คงได้พ่ายแพ้ในศึกนี้จริงๆ แน่!
กระบี่ของเขาแทงโดนกู้เจียว
แววตาเขาพลันเป็นประกาย!
เขาว่าแล้วเชียว ว่ากระบวนนี้ไม่มีผู้ใดหลบเลี่ยงได้!
ทว่าครู่ต่อมา นัยน์ตาเขาก็แข็งค้าง
เพราะเหตุใด เพราะเหตุใดจึงแทงไม่เข้า
กระบี่ล้ำค่าของนายท่านห้าหันยังแทงเกราะข้าไม่ทะลุ กระบี่ของเจ้า…จะคมกริบยิ่งกว่าของเขารึ
กู้เจียวมองเขาอย่างเย็นชา ก่อนยกทวนพู่แดงขึ้น ท่ามกลางการจดจ้องด้วยอาการปากอ้าตาค้างของเขา นางแทงทะลุชุดเกราะแข็งแกร่งของเขา ทะลวงสู่ทรวงอกในทันที…