สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 831-2 เข่นฆ่าพวกทหารแปรพักตร์! (2)
บทที่ 831 เข่นฆ่าพวกทหารแปรพักตร์! (2)
บนหุบเขามีพื้นที่จำกัด ไม่มีทางที่ทุกคนจะหลบขึ้นไปซุ่มโจมตีได้ ทหารม้าเฮยเฟิงขบวนใหญ่จำต้องซ่อนอยู่เบื้องหน้าหุบเขา ขอแค่พวกเขาฝ่าไปได้ ก็จะประมือด้วยได้แล้ว!
บนยอดเขาของหุบเขามีหินยักษ์กับท่อนไม้กลิ้งลงมาอย่างต่อเนื่อง ธนูไฟแผดเผาทั่วทั้งหุบเขาวายวอด ครั้นทัพทหารแปรพักตร์หนานกงบุกผ่านหุบเขาก็สูญเสียกำลังทหารไปกว่าครึ่งแล้ว
รองแม่ทัพเลือดแทบจะหยดออกมาจากดวงใจ
ต่อให้มาตาย ก็ไม่เคยคิดว่าจะตายกันมากมายเพียงนี้!
เคราะห์ดีที่พวกเขาผ่านหุบเขามาแล้ว ต่อจากนี้ขอแค่สู้รบกับอีกฝ่าย เพื่อไม่ให้พลาดทำร้ายฝ่ายตัวเอง การซุ่มโจมตีบนยอดเขาก็จะหยุดลงแล้ว
เฉิงฟู่กุ้ยที่อยู่อีกฝั่งของหุบเขาเห็นทัพทหารแปรพักตร์หนานกงบุกผ่านหุบเขามาแล้ว เขาก็กระตุกผ้าพันแผลที่ห้อยแขนไว้ ดึงบังเหียนแน่น ชักกระบี่ยาวออกมา “พี่น้องทั้งหลาย ฆ่ามัน!”
ทหารม้าทหารม้าเฮยเฟิงบุกเข้าหาทัพทหารแปรพักตร์หนานกงพร้อมกับไอสังหารพวยพุ่ง ราวกับกระแสน้ำเชี่ยวกราด
ม้ามีความขี้ขลาดตามธรรมชาติ ตกใจได้ง่ายมาก หากต้องการฝึกม้าพาหนะสักตัวให้เป็นม้าศึกที่ได้มาตรฐานจึงเป็นเรื่องที่ยากเป็นพิเศษ ทว่าหากต้องการฝึกม้าทหารม้าเฮยเฟิงเช่นนี้ นอกจากตระกูลเซวียนหยวนแล้ว ยามนี้ยังไม่มีตระกูลใหญ่ใดทำสำเร็จได้เลย
ตระกูลหนานกงหลายปีมานี้ก็ฝึกม้าพันธุ์ดีอยู่ที่ชายแดนไม่น้อย
ทว่า ประการแรก สายพันธุ์สู้ม้าทหารม้าเฮยเฟิงไม่ได้ ประการที่สอง การฝึกฝนในด้านการรบก็มีความแตกต่างอยู่ไม่น้อย
ที่ม้าเฮยเฟิงถูกขนานนามว่าม้าหน่วยกล้าตาย ใช่ว่าจะไม่สมเหตุสมผล
รองแม่ทัพไม่อาจสงบจิตสงบใจได้ตั้งนานแล้ว หลังจากประมือกับอีกฝ่ายไปก็รีบออกคำสั่งให้ถอยทัพทันที
เฉิงฟู่กุ้ยตะโกนขึ้นอย่างฮึกเหิม “พี่น้องทั้งหลาย! บุก! สังหารพวกมันให้เกลี้ยง! อย่าให้พวกทหารแปรพักตร์มันหนีได้!”
หากว่าด้วยเรื่องความเร็วของม้าศึกนั้น ม้าศึกของฝ่ายใดบ้างที่วิ่งเร็วกว่าม้าทหารม้าเฮยเฟิง
เคราะห์ดีที่แม่ทัพฉังเวยเตรียมตัวไว้แต่แรกแล้ว!
“ยิง!”
รองแม่ทัพตะเบ็งเสียงลั่น บรรดาทัพทหารแปรพักตร์ใต้บัญชาก็พากันล้วงบางอย่างออกมาโยนลงพื้น
จากนั้นรองแม่ทัพก็ดึงลูกธนูชุบน้ำมันบนตัวศพทัพทหารแปรพักตร์ขึ้นมาดอกหนึ่ง ขว้างใส่ของเหล่านั้น
ได้เพียงเสียงระเบิดกัมปนาทดังก้องฟ้า ดินปืนระเบิดหุบเขาให้กลายเป็นควันเข้มข้น
ดินปืนยามนี้เนื่องจากส่วนผสมและวิธีการทำจำกัด อานุภาพการระเบิดจึงไม่มาก หลักๆ คือเอาไว้ใช้กับควันอำพรางและยาสลบ
เฉิงฟู่กุ้ยรีบกระตุกบังเหียน “หยุด! หยุด! ระวังด้วย! มียาสลบ!”
เหตุการณ์เล็กๆ นี้ช่วงชิงเวลาอันล้ำค่ามาให้พวกรองแม่ทัพได้
พวกเขารีบกลับไปที่ตั้งของกองทัพใหญ่หนานกงทันเวลา
ทหารม้าเฮยเฟิงไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ ทุกคนได้ยินอย่างแจ่มชัดถึงเสียงสบถก่นด่าของเฉิงฟู่กุ้ย
ฉังเวยมองคนที่กลับมาเหลือไม่ถึงห้าร้อยอย่างเหนือคาด คิ้วจึงขมวดมุ่น
เขาไม่เคยประมาทศัตรู แต่ความแข็งแกร่งของทหารม้าทหารม้าเฮยเฟิงยังคงเกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้
ทว่าก็เพียงเท่านี้แหละ
ผ่านคืนนี้ไป โลกาจะไม่มีทหารม้าทหารม้าเฮยเฟิงอีกต่อไป!
ทหารทหารแปรพักตร์คนสุดท้ายข้ามเขตปลอดภัยเข้ามาแล้ว ฉังเวยจึงออกคำสั่งกับทหารบนถนนทั้งสองฝั่ง “ดึง!”
ทหารทั่งสองฝั่งที่สวมถุงมือดึงเส้นโปร่งใสในมือขึ้น โยนไปฝั่งตรงข้าม แล้วผูกเส้นโปร่งใสเหล่านั้นไว้กับเสาเหล็กที่ตอกไว้ทั้งสองฝั่งแต่แรกแล้ว
ตัวเสามี ‘ผ้า’ ที่เป็นวัสดุเหมือนถุงมือใยเงินพันเอาไว้
หากกู้เจียวอยู่ที่นี่ด้วย คงจะนึกออกได้ไม่ยากว่าเส้นใยชนิดนี้คือใยไหมฟ้าแดนหิมะที่เคยปรากฏที่วังหลวงต้าเยี่ยน คมกริบสุดจะเปรียบ สามารถตัดทุกสรรพสิ่งได้อย่างไร้ร่องรอย
แต่มันดันมองไม่เห็น สังเกตไม่เจอ
เมื่อทหารม้าทหารม้าเฮยเฟิงบุกมาถึง ก็จะเหลือเพียงเศษชิ้นเนื้อเท่านั้น
ส่วนทางพวกเขาจะแสร้งเล่นละครตบตา ให้พวกยอดฝีมือกวัดแกว่งกระบี่ไม่หยุด ให้ทหารม้าทหารม้าเฮยเฟิงนึกว่าพวกเขาถูกปราณกระบี่ฟันกลายเป็นเช่นนั้นแล้ว
นี่เป็นระดับขั้นสูงสุดของกลศึกหลอกลวงศัตรู
ทหารม้าทหารม้าเฮยเฟิงที่ไม่รู้ความจริงบุกรุดมาเรื่อยๆ คิดแต่จะสังหารยอดฝีมือเหล่านั้น ทว่าจนกระทั่งทหารม้าคนสุดท้ายล้มลง ก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่าตรงนี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่ายอดฝีมือด้วยซ้ำ
ที่เข่นฆ่าไปล้วนเป็นใยไหมฟ้าแดนหิมะที่มองไม่เห็น
“บุกไป พี่น้องทั้งหลาย”
“บุกไป”
“ฆ่าพวกทหารแปรพักตร์!”
เสียงของเฉิงฟู่กุ้ยดังกึกก้องอยู่บนถนนทั้งสาย เหล่าทหารม้าทหารม้าเฮยเฟิงติดตามเขามาอย่างไม่คิดหวนกลับ
รองแม่ทัพขี่ม้ายืนอยู่ข้างกายแม่ทัพของตัวเอง ทอดมองเหล่าทหารม้าทหารม้าเฮยเฟิงที่เข้ามาในครองจักษุ หยักยกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา “ท่านแม่ทัพ แผนท่านอัศจรรย์จริงๆ พวกเขาติดกับเข้าแล้ว!”
เฉิงฟู่กุ้ยควบม้าทะยานมา แววตามีประกายฮึกเหิมเข่นฆ่าข้าศึก “ข้าเห็นแล้ว! พวกทหารแปรพักตร์ตระกูลหนานกงอยู่เบื้องหน้านี่เอง! พี่น้องทั้งหลาย! บุก…”
ฉังเวยหนังตาไม่กะพริบ
ที่บุกผ่านไหมฟ้ามามีเพียงชิ้นเนื้อ
เขาไม่ต้องสั่งให้พลธนูเตรียมพร้อม และไม่ต้องสั่งทหารม้ากับทหารราบเลย
เขาใช้แค่สัญญาณมือ ให้เหล่ายอดฝีมือเริ่มแสดงละครก็พอแล้ว
จริงสิ ยอดฝีมือต้องยืนให้สูงมากพอ และสะดุดตาเข้าไว้ ให้ทั้งกองทัพของทหารม้าทหารม้าเฮยเฟิงสามารถเห็นได้
“ขึ้นยอดเสา” เขาเอ่ย
ยอดฝีมือสิบกว่านายใช้วิชาตัวเบาทะยานขึ้นบนเสาไม้
เฉิงฟู่กุ้ยนำทัพเข้ามาประชิด พวกเขาเลี้ยวมาแล้ว พวกเขาถูกเนินเขาเบื้องหน้าบดบังไว้ เมื่อพวกเขาบุกออกจากเนินเขามาถึงถนนหลวง การล่าสังหารก็จะเริ่มต้นขึ้น
สาม สอง หนึ่ง
รองแม่ทัพนับอยู่ในใจ
สาม สอง หนึ่ง!
เขานับอยู่ในใจอีกหน
“หืม” เขามองเนินเขามืดทะมึนด้วยสีหน้างุนงง
พวกเจ้าแค่เลี้ยวแค่นี้ก็เลี้ยวออกมาไม่ได้รึ
ไยจึงไม่เห็นเงาคนเลยเล่า
ช้าก่อน
เสียงเกือกม้าหายไปแล้ว!
“ท่านแม่ทัพ” รองแม่ทัพหันไปมองฉังเวยอย่างประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ฉังเวยขมวดคิ้วมุ่น
เมื่อครู่นี้ยังเสียงดังอึกทึกอยู่เลย เสียงดังจนหัวแทบแตกแล้ว ไฉนเพียงชั่วครู่เดียว ก็คล้ายจะหายวับไปแล้ว
หลังจากเลี้ยวมาแล้ว…เกิดอะไรขึ้นหรือ
แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จู่ๆ ทั้งกองทัพ…
ไม่สิ!
แปลกนัก!
ฉังเวยหันหลังขวับ ทอดมองกองทัพใหญ่หนานกงแน่นขนัดด้านหลัง
หวูดดด
จู่ๆ ด้านหลังกองทัพใหญ่หนานกงก็มีเสียงแตรเปิดศึกดังขึ้น ราวกับการแสดงโหมโรงอันยิ่งใหญ่บางอย่างได้เริ่มขึ้นในรัตติกาลสีมืด จากนั้นก็มีคนตีกลองศึกขึ้นกึกก้อง
ตึ้ง! ตึ้ง! ตึ้ง!
แต่ละเสียงดุจเสียงคำรามเกรี้ยวกราดจากอเวจี
เสียงแตรดังขึ้น เสียงกลองศึกกึกก้อง เสียงเกือกม้าพร้อมเพรียงเข้ามาประชิด แม้แต่เสียงชุดเกราะเสียดสียังส่งเสียงเป็นจังหวะเดียวกัน
ท่ามกลางรัตติกาลสีมืด ธงนกอินทรีโบยบินของตระกูลเซวียนหยวนโบกสะบัดรับกระแสลม เสียงหวีดหวิวของสายลมดังขึ้นในหุบเขา ราวกับมังกรคำราม ชวนให้จิตใจไหวหวั่น
ทหารม้าเกราะเหล็กเซวียนหยวนสองหมื่นนายสวมชุดเกราะสีทมิฬ หมวกเหล็กสีทะมึน แม้แต่ม้าศึกก็สวมเกราะสีดำเอาไว้
สายตาของฉังเวยทอดมองเด็กหนุ่มที่นำทัพทหารม้าเกราะเหล็กเซวียนหยวนเขม็ง
มองแค่ปราดเดียว ฉังเวยก็จำได้แล้วว่านั่นเป็นเด็กหนุ่มของตระกูลเซวียนหยวน
ไม่ใช่ดูจากโฉมหน้า และไม่ใช่ดูจากชื่อแซ่ แต่เป็นไอสังหารและสัญชาตญาณสุนัขป่าบนตัวเด็กหนุ่มต่างหาก
ฉังเวยพลันเหมือนร่วงลงสู่ถ้ำน้ำแข็ง!
เด็กหนุ่มดึงหน้ากากเหล็กบนหมวกเหล็กลง เผยแววตาลุ่มลึกระคมเย็นชาคู่หนึ่งออกมา “บุกโจมตี!”
ทหารม้าเกราะเหล็กเซวียนหยวนทั้งหมดพากันยกมือขึ้น ดึงหน้ากากเย็นเยียบดุจน้ำแข็งบนหมวกเหล็กลงมาอย่างพร้อมเพรียง
การล่าสังหารได้เริ่มขึ้นแล้ว!