สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 731-2 ครอบครัวรวมใจ (2)
บทที่ 731 ครอบครัวรวมใจ (2)
กู้เฉิงเฟิงครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยกับเซียวเหิง “ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนี้ก็ได้ เผลอๆ แม่ของเจ้าอาจจะเห็นคนร้ายก็ได้”
“ก็เป็นไปได้เหมือนกัน” เซียวเหิงตอบ “ถ้าเห็นจริง ก็ได้รู้กันว่าจะมีใครออกมารับผิดแทนอีกคนหรือไม่”
คืนนั้นคนที่พยายามฆ่าเขาคือฉีเซวียน แต่คนที่ถูกลงโทษกลับเป็นใต้เท้ารองตระกูลหัน
กู้เจียวซดน้ำแกงจนหมดชาม เมื่อวางชามลง มือเรียวยาวสองข้างก็ยื่นมาหานางพร้อมกัน
ข้างหนึ่งคือมือของกู้ฉังชิง อีกข้างคือมือของเซียวเหิง
ทั้งสองคนต่างถือผ้าเช็ดหน้าสะอาดอยู่ในมือ
กู้เจียวเหลือบตาไปมอง รู้สึกเหมือนคำถามวัดใจอย่างไรอย่างนั้น
นางยกมือซ้ายขึ้นเล็กน้อย กู้ฉังชิงหน้าบึ้ง
นางยกมือขวาขึ้นเล็กน้อย เซียวเหิงหน้าตึง
ดวงตาของนางเหลือบซ้ายแลขวา ยื่นมือทั้งสองข้างออกไปคว้าผ้าเช็ดหน้าของทั้งสองคนมาพร้อมกัน
ไม่เลือกข้างใดข้างหนึ่ง ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน
นางเช็ดปากด้วยผ้าเช็ดหน้าทั้งสองข้างพลางวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อตัวคนหายลับไปแล้ว เสียงของนางก็ดังมาจากทางเดิน “ข้าไปหากั๋วซือ….”
ชายทั้งสองต่างจ้องมองกัน จ้องกันนานอยู่สามวินาทีเต็ม ทันใดนั้นพวกเขาก็ลุกขึ้นพร้อมกันตะโกนออกไปที่ประตู “เท้าเจ้า…”
เด็กคนนี้นี่ เท้าพลิกแล้วยังจะวิ่งอีก!
…
เท้าของกู้เจียวไม่เป็นอะไรแล้ว
ร่างกายของนางได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี จึงสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
นางไปที่หอเก็บตำรา
หอเก็บตำรามีทั้งหมดสามชั้น ชั้นหนึ่งใหญ่ที่สุด เก็บหนังสือธรรมดา ชั้นสองรองลงมา เก็บหนังสือเฉพาะทางและหายาก ชั้นสามขนาดเล็กที่สุด เป็นหนังสือเกี่ยวข้องกับแคว้นเยี่ยนและตำหนักกั๋วซือที่เป็นความลับ
ตัวอย่างเช่น หกคัมภีร์แห่งแคว้นเยี่ยนเคยถูกเก็บไว้บนชั้นสาม
กู้เจียวเคยไปแค่ชั้นหนึ่งเท่านั้น
เย่ชิงกำลังจัดเรียงหนังสืออยู่หน้าชั้นหนังสือ เมื่อเห็นกู้เจียวเดินเข้ามา เขาจึงทักทายอย่างนอบน้อม “ท่านชายเซียว”
กู้เจียวพยักหน้า “เย่ชิง”
เย่ชิงยื่นตำราสองเล่มให้กับลูกศิษย์ที่อยู่ข้างๆ พลางเอ่ย “เอาไปตากแดดหน่อย ตำราชื้นแล้ว อีกเล่มที่เหลือไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยมาจัดต่อ”
“ขอรับ ศิษย์พี่ใหญ่” ศิษย์น้องรับตำราสองเล่มไป โค้งคำนับและเดินออกไป
เย่ชิงพากู้เจียวไปที่โต๊ะน้ำชาสำหรับพักผ่อน เขาก้าวขึ้นไปแท่นนั่งชั้นบน นั่งคุกเข่าตรงข้ามกับกู้เจียว
กู้เจียวนั่งคุกเข่าในท่าเดียวกันตรงข้ามเขา
เย่ชิงยกกาน้ำชาที่แช่น้ำแข็งอยู่ในถังไม้ขึ้น ยิ้มบางพลางเอ่ย “ชาดอกไม้ผสมน้ำผึ้งขอรับ”
เขารินชาให้กู้เจียวก่อน จากนั้นจึงรินให้ตัวเอง
กู้เจียวเพิ่งกินบะหมี่ไปเต็มชาม นางรู้สึกอิ่มท้องเล็กน้อย จึงจิบชาไปแค่นิดหน่อย
ชามีกลิ่นหอมของใบสะระแหน่ ชวนให้สดชื่น
เย่ชิงยิ้มพลางเอ่ย “ท่านชายเซียวมาหาอาจารย์ของข้าใช่หรือไม่ อาจารย์ของข้ากับฮ่องเต้อยู่ที่ชั้นสาม ท่านแม่ทัพเพิ่งขึ้นไปเมื่อครู่นี้ ข้าคิดว่าพวกเขาคงคุยกันไปอีกสักพัก ถ้าท่านชายเซียวมีธุระด่วน ข้าจะไปแจ้งอาจารย์ของข้าให้ท่านทราบ”
ลูกศิษย์ของตำหนักกั๋วซือที่ยกชาและขนมมาให้กับทั้งสองคนได้ยินคำพูดของเย่ชิง แววตาก็เผยความประหลาดใจออกมา
ใต้เท้ากั๋วซือไม่เคยอนุญาตให้ใครมาขัดจังหวะการสนทนาของเขา และไม่เคยมีเรื่องด่วนอะไรที่ต้องแจ้งให้ทราบ
ท่านชายเซียวผู้นี้วิเศษมาจากไหนกัน
กู้เจียวไม่รู้ว่าใต้เท้ากั๋วซือมีนิสัยเอาแต่ใจขนาดนี้ นางคิดว่าการไปรายงานตัวกับใต้เท้ากั๋วซือเป็นขั้นตอนปกติ แต่นางก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพบใต้เท้ากั๋วซือจริงๆ
กู้เจียวจิบชาแล้วถาม “รหัสเหล่านั้นอาจารย์ของเจ้าเป็นคนสอนใช่ไหม”
เย่ชิงทำหน้างงงวย “รหัสอะไรหรือขอรับ”
กู้เจียว “แดง ส้มควันเขียว น้ำเงิน ม่วง”
เย่ชิงตอบโดยสัญชาตญาณ “ตะวันออก ตะวันตก ใต้ เหนือ กลาง ขาว”
กู้เจียวยิ้มมุมปาก “พวกเจ้านี่เอง”
ซ่างกวานชิ่งมาที่ตำหนักกั๋วซือทุกๆ สองปี และพักอาศัยที่นี่ทุกครั้ง ว่ากันว่าเขามีความสัมพันธ์อันดีกับลูกศิษย์ของตำหนักกั๋วซือ
รหัสเหล่านี้ก็คงเป็นใต้เท้ากั๋วซือเป็นคนสอน
เย่ชิงยิ้มเจื่อน “คงเป็นพระนัดดาองค์โตบอกท่านชายเซียวสินะขอรับ… แค่เล่นสนุกกันเท่านั้น ท่านชายเซียวอย่าใส่ใจเลย”
กู้เจียวฮึดฮัด “เล่นไม่รู้จักโต”
เย่ชิงหัวเราะเจื่อน
ที่ว่านั้นไม่ได้หมายถึงเขาหรืออาจารย์ของเขาที่เป็นคนไม่รู้จักโต แต่เป็นพระนัดดาองค์โตเองต่างหาก เด็กน้อยคนนี้ตั้งแต่เด็กก็เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ใครจะรู้ว่าเด็กคนนี้จะคิดเรื่องแปลกๆ อะไรขึ้นมาบ้าง
เขาเรียนหนังสือก็ง่วงนอน แต่เรียนเรื่องพวกนี้กลับจำได้ดีกว่าใคร
“ข้าขอขึ้นไปดูชั้นสองได้หรือไม่” กู้เจียวถาม
เย่ชิงตอบ “หากเป็นชายเซียวขอ ก็ย่อมได้”
ทว่าคนอื่นนั้นไม่ได้ ต้องได้รับอนุญาตจากใต้เท้ากั๋วซือก่อน
แต่อาจารย์ของเขาดูเหมือนจะให้ความเอาใจใส่เป็นพิเศษกับท่านชายเซียวผู้นี้ เว้นเสียแต่เฉพาะบางเรื่องเท่านั้น นอกจากนั้นเขาก็แทบจะปล่อยให้ท่านชายเซียวไปไหนมาไหนได้ตามใจ
กู้เจียวและเย่ชิงขึ้นไปบนชั้นสอง
ชั้นสองมีลูกศิษย์สองคนเฝ้าอยู่
ทั้งสองเห็นเย่ชิงก็โค้งคำนับอย่างเคารพ “ศิษย์พี่ใหญ่”
เย่ชิงพยักหน้าพลางเอ่ยกับพวกเขา “พวกเจ้าทำงานของพวกเจ้าไปเถอะ ข้าจะพาท่านชายเซียวไปเดินเล่น”
“ขอรับ” ทั้งสองเปิดทางให้
เย่ชิงเอ่ยกับกู้เจียว “เชิญท่านชายเซียว”
กู้เจียวเดินดูไปเรื่อยๆ มีหนังสือเกี่ยวกับการเกษตร กฎหมายและหนังสือศาสตร์เฉพาะทาง เช่น คณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ และภูมิศาสตร์ ที่มีเนื้อหาลึกซึ้งและครอบคลุมมากกว่าหนังสือประเภทเดียวกันที่วางขายในตลาด
“ข้างๆ นั่นคืออะไร” กู้เจียววางหนังสือเกษตรเล่มหนึ่งลงแล้วมองไปที่ชั้นหนังสือด้านขวา
ชั้นหนังสือด้านขวานั้นไม่ได้วางหนังสือ แต่วางม้วนกระดาษ
เย่ชิงมองดูพลางเอ่ย “เหล่านั้นเป็นภาพวาด มีภาพของตระกูลขุนนางชั้นสูงทุกตระกูล”
โอ้
นี่ก็เป็นโอกาสในการรวบรวมข้อมูลที่ดี
“ข้าขอดูได้หรือไม่” กู้เจียวถามอย่างสุภาพ
“แน่นอนขอรับ” เย่ชิงยิ้มตอบ
เขาปฏิบัติต่อกู้เจียวอย่างดีอยู่แล้ว แต่การที่กู้เจียวตอบแทนด้วยความเคารพก็เป็นสิ่งที่ดีอีกอย่างหนึ่ง
การอยู่ร่วมกับคนที่ยิ้มแย้มแต่คำเอ่ยและการกระทำกลับสื่อถึงความดูถูกนั้นช่างไม่สบายใจเอาเสียเลย
กู้เจียวเดินไปที่ชั้นหนังสือ
เดิมทีบนชั้นหนังสือจะมีป้ายไม้ระบุตระกูลขุนนางชั้นสูงแต่ละตระกูล แต่วันนี้อากาศดี ลูกศิษย์ที่มีหน้าที่ทำความสะอาดจึงนำป้ายไม้เหล่านั้นไปล้าง
กู้เจียวหยิบม้วนกระดาษขึ้นมาม้วนหนึ่ง
เย่ชิงอ้าปากเหมือนจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งเพราะคิดว่าไม่เป็นไร
กู้เจียวคลี่ม้วนกระดาษออก
ภาพวาดบนม้วนกระดาษเป็นรูปชายคนหนึ่งถือทวนพู่แดงสวมชุดเกราะสีทอง
ใบหน้าของเขาคมคาย ดวงตาเฉียบคม มีไฝหยดน้ำตาใต้ตาขวา
เมื่อเห็นใบหน้าในภาพ กู้เจียวก็ตกตะลึง
นางเลื่อนสายตาลง
เซวียนหยวน…
นิ้วของนางบังเอิญไปแตะชื่อสุดท้าย
นิ้วของนางค่อยๆ เลื่อนออก