สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 728-2 รับแม่รับลูก (2)
บทที่ 728 รับแม่รับลูก (2)
“ซ่างกวานชิ่งเป็นใคร พี่ชายข้าหรือ”
“อืม”
“พี่ชายฝาแฝดหรือ”
“หึ!” น้ำเสียงปฏิเสธ
เซียวเหิงอ้าปาก “เช่นนั้นเขาเป็น…”
ซ่างกวานเยี่ยนกัดริมฝีปาก พักใหญ่จึงเอ่ยเสียงแผ่ว “เซียวชิ่ง”
นึกไม่ถึงว่าเซียวเหิงจะไม่รู้สึกผิดคาดกับคำตอบนี้ สาเหตุใช่ใดอื่น วันเกิดของซ่างกวานชิ่งคือวันเกิดของเซียวชิ่งพอดี
ตอนนั้นเซียวเหิงกับเซียวชิ่งในห่อผ้าอ้อมถูกวางยาพิษพร้อมกัน ยาถอนพิษมีแค่เม็ดเดียว เพื่อให้เซียวเหิงได้ยาถอนพิษมา ซ่างกวานเยี่ยนจึงซ่อนซ่างกวานชิ่งไว้ แล้วบอกเซวียนผิงโหวว่านางฆ่าไปแล้ว
ให้เซวียนผิงโหวเชื่อว่าระหว่างนี้มันไม่ง่าย ซ่างกวานเยี่ยนไม่อยากพูดถึงให้มาก
ถึงขนาดต่อมาการแกล้งตายของซ่างกวานเยี่ยน ยังเกือบจะตายไปจริงๆ
ซ่างกวานเยี่ยนใช้แววตาตระหนกระคนกระวนกระวายมองเซียวเหิง “เจ้ารู้สึกว่าข้าใจดำอำมหิตยิ่งนักใช่หรือไม่”
เพื่อให้ลูกชายตัวเองได้ยาถอนพิษ จึงช่วงชิงโอกาสรอดชีวิตจากเซียวชิ่งมา
เรื่องราวในตอนนั้นบอกได้ยากว่าใครถูกใครผิด เขาไม่ใช่นาง ไม่รู้ว่าใจนางดิ้นรนสับสนเช่นไร
นางก็แค่อยากให้ลูกชายตัวเองรอดชีวิต หลายปีมานี้นางแบกรับหนี้ชีวิตที่มีต่อเซียวชิ่งกับซิ่นหยางเอาไว้ และแบกรับความคิดถึงต่อเลือดเนื้อเชื้อไขเอาไว้ บางทีทุกคนบนโลกนี้อาจจะชี้หน้าปรามาสนางว่าใจดำอำมหิตได้ มีเพียงเซียวเหิงที่อาศัยความใจดำอำมหิตของนางใช้ชีวิตต่อไปเท่านั้นที่ไม่มีสิทธิ์นั้น
“ไม่หรอก” เซียวเหิงเอ่ย “ท่านคิดได้อย่างไรว่าต้องพาเซียวชิ่งหนี”
ซ่างกวานเยี่ยนเอ่ยเสียงเบา “ข้าอยากพาเขากลับตำหนักกั๋วซือ ดูว่ากั๋วซือสามารถรักษาเขาให้หายได้หรือไม่ เจ้าอาจจะถามข้าว่าไยไม่พาเจ้าไป ให้กั๋วซือดูว่ารักษาเจ้าให้หายได้หรือไม่ อันที่จริง…ต่อให้รู้ว่าจะมีวันนี้ ให้ข้าย้อนเวลากลับไปใหม่อีกครั้ง ข้าก็ยังจะเลือกแบบเดิมอยู่ดี”
ตำหนักกั๋วซือเป็นทางหนีทีไล่ ไม่ใช่ทางที่ดีที่สุด
นางยอมให้คนนับหมื่นตราหน้า ยอมแบกคำครหาไว้ทั้งชีวิต เพื่อเป็นมารดาเห็นแก่ตัว
โทษทัณฑ์และความทุกข์ทั้งหลายมีนางแบกไว้ก็พอ อาเหิงของนางมีชีวิตอยู่อย่างดีก็พอแล้ว
“ท่านไม่กลัวองค์หญิงซิ่นหยางฆ่าข้าเพื่อแก้แค้นให้ลูกชายนางหรือ” องค์หญิงซิ่นหยางไม่ใช่สตรีอ่อนแอ นางก็มีความเด็ดขาดพอกัน แน่นอนว่า เขาไม่ได้ตำหนิว่านางไร้เดียงสา แค่อยากเข้าใจว่านางผ่านอะไรมาบ้าง
ไม่ว่าดี ไม่ว่าร้าย หรืออันตราย ดิ้นรนอย่างทรมาน หรือสิ่งที่เขาพลาดไปในหลายปีมานี้
ซ่างกวานเยี่ยนเอ่ย “เซวียนผิงโหวไม่มีทางให้นางรู้ว่าลูกชายนางโดนข้าฆ่าตายหรอก”
ท่านรู้จักพ่อข้าอย่างแท้จริงทีเดียว
เขาโกหกองค์หญิงซิ่นหยางจริงๆ บอกว่าเซียวชิ่งตายด้วยน้ำมือนักฆ่า
แค่ต่อมาองค์หญิงซิ่นหยางมีผู้หวังดียุยงจึงได้รู้ความจริง
แต่ว่านางก็ฆ่าข้าไม่สำเร็จ นางอุ้มข้าออกมาจากกองไฟในนาทีสุดท้าย
ซ่างกวานเยี่ยนตำหนิตัวเองมาก “ล้วนเป็นมือสังหารที่ข้าล่อมาทั้งนั้น ไม่เช่นนั้นคงไม่ทำร้ายพวกเจ้าให้โดนพิษได้หรอก”
เซียวเหิงลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจบอกนาง “มือสังหารพวกนั้นท่านไม่ได้เป็นคนล่อมา เป็นคนของฮ่องเต้องค์ก่อนที่ทิ้งไว้ คนที่วางยาข้ากับเซียวชิ่งในตอนนั้นคือองครักษ์หลงอิ่งที่ฮ่องเต้องค์ก่อนของแคว้นเจาทิ้งไว้ให้แม่ข้า คนที่พวกเขาต้องการฆ่าจริงๆ คือเซียวชิ่ง ข้าโดนพิษเพราะพวกเขาไม่ได้ตั้งใจ”
โศกนาฏกรรมนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับซ่างกวานเยี่ยนเลย หากจะโทษก็ต้องโทษฮ่องเต้องค์ก่อน
นอกจากนี้ หากมองจากมุมใดมุมหนึ่ง โชคดีที่ซ่างกวานเยี่ยนพาเซียวชิ่งไป ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงลงมือเหี้ยมกับเซียวชิ่งต่อแน่
ตอนนั้นหลงอีไม่อยู่ด้วย เซวียนผิงโหวกับองค์หญิงซิ่นหยางต่างไม่ได้สงสัยไปถึงองครักษ์หลงอิ่ง เหตุการณ์เกิดขึ้นบ่อยมากจนยากที่จะป้องกันจริงๆ
หลายปีมานี้ซ่างกวานเยี่ยนใช้ชีวิตอย่างรู้สึกผิดต่อเซียวชิ่งมาโดยตลอด มาได้ยินเรื่องนี้เข้า จึงค่อนยข้างเหลือเชื่อ “เจ้าจงใจแต่งเรื่องเพื่อปลอบใจข้าใช่หรือไม่”
เซียวเหิงส่ายหน้า “ข้าเปล่า เรื่องนี้ข้าแต่งไม่ได้หรอก”
ในสมองฮ่องเต้องค์ก่อนกับกษัตริย์ต้าเยี่ยนเหมือนกัน ล้วนทั้งจิตวิปลาสทั้งเหี้ยมโหด
องค์หญิงซิ่นหยางตอนนั้นอภิเษกกับเซวียนผิงโหว เดิมก็เพื่อป้องกันไม่ให้เขาก่อกบฏ
พอเขาเกิดใจเป็นอื่น องค์หญิงซิ่นหยางก็รีบให้องครักษ์หลงอิ่งสังหารเขา
ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงทราบว่าองค์หญิงซิ่นหยางใกล้ชิดบุรุษไม่ได้ จึงไม่ห่วงว่าองค์หญิงซิ่นหยางจะเกิดตกหลุมรักเซวียนผิงโหวขึ้นมา แต่อย่างไรทั้งคู่ก็เป็นสามีภรรยา เกิดเซวียนผิงโหวใช้ไม้แข็ง ทำให้องค์หญิงซิ่นหยางคลอดเลือดเนื้อเชื้อไขเขาออกมา
ใครจะรับประกันได้ว่าองค์หญิงซิ่นหยางจะไม่ใจอ่อนเพราะลูก
ดังนั้นฮ่องเต้องค์ก่อนจึงออกคำสั่งลับให้องครักษ์หลงอิ่งที่แม้แต่องค์หญิงซิ่นหยางก็ยังไม่รู้ นั่นคือห้ามเก็บลูกขององค์หญิงซิ่นหยางกับเซวียนผิงโหวไว้
จากที่เซียวเหิงสังเกตมานานหลายปี องค์หญิงซิ่นหยางไม่ใจอ่อนให้เซวียนผิงโหวเลยแม้แต่น้อย ให้นางถือมีดไปแทงเซวียนผิงโหวตอนนี้ นางทำได้โดยไม่กะพริบตาด้วยซ้ำ
ฮ่องเต้องค์ก่อนคิดมากเกินไปแล้ว
ฮ่องเต้ขี้ระแวงกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ทำร้ายทั้งตัวเองและผู้อื่น
นอกจากนี้ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนคาดการณ์ผิดไป นั่นก็คือพวกเขาสองคนมีคนใช้ไม้แข็งจริงๆ แต่คนที่ถูกใช้คือเซวียนผิงโหว
สุดทานทนจะรำลึกนึกย้อนอดีต
เซียวเหิงไม่อยากคิดถึงความยุ่งเหยิงระหว่างองค์หญิงซิ่นหยางกับเซวียนผิงโหวต่อ เขาเอ่ยความสงสัยในใจอีกอย่างออกมาแทน “แต่ว่า ในเมื่อข้ากับเซียวชิ่งไม่ใช่ฝาแฝด แล้วเหตุใดจึงหน้าตาเหมือนกันเลยเล่า”
เขาเอ่ยพลางชี้ไฝน้ำตาที่แต้มตรงใต้ตาขวา “แม้แต่ไฝก็ยังเหมือน”
ซ่างกวานเยี่ยนเอ่ยเสียงเจื่อน “มันเพราะ…ข้าปลอมตัวให้เขา”
เซียวเหิงกับเซียวชิ่งเป็นพี่น้องบิดาเดียวกัน แต่คนละมารดา ในเรื่องหน้าตาย่อมคล้ายคลึงกันอยู่แล้ว อย่างเช่น โครงหน้ากับจมูกของทั้งคู่ที่เหมือนเซวียนผิงโหว
แต่คิ้วกับตากลับไม่เหมือนกัน
เซียวชิ่งได้องค์หญิงซิ่นหยางมา ดวงตาเมล็ดซิ่ง คิ้วตรง ดูแล้วอ่อนโยนและอ่อนแอ
เซียวเหิงกลับได้ซ่างกวานเยี่ยนมา ดวงตาหงส์กับคิ้วคมดุจกระบี่ที่พาดเฉียงเล็กน้อย เจือความองอาจ ยามแย้มยิ้มดูอบอุ่นและเยียวยาจิตใจได้เป็นพิเศษ
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าคนที่เคยเจอท่านโหวน้อยแห่งแคว้นเจา ล้วนขนานนามว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่อ่อนโยนดุจหยก ดั่งสายลมยามวสันต์
เพียงแต่ต่อมาเซียวเหิงเกิดตกระกำลำบากในชนบท รอยยิ้มบนใบหน้าจึงจางหาย ความอ่อนโยนในแววตาก็หายไปหมดแล้ว
เขาหุ้มเกราะอันคมกริบที่มองไม่เห็นเอาไว้อีกชั้น
“ตอนแรกข้าก็ไม่ค่อยได้สนใจเรื่องหน้าตาเท่าใดนัก จนกระทั่งมีอยู่ครั้งหนึ่งได้ยินคนรับใช้แอบคุยกันว่า เด็กคนนี้หน้าตาไม่เหมือนข้าเลยสักนิด ตอนเด็กมองไม่ค่อยออก แต่ยิ่งโตยิ่งไม่เหมือน ข้าจึงร้อนใจขึ้นมา ตำหนักกั๋วซือยินดีรักษาให้เซียวชิ่งเพราะเขาเป็นพระนัดดาองค์โต หากโดนคนอื่นจับได้ว่าเขาไม่ใช่ เขาก็จะไม่อาจได้รับการรักษาต่อแล้ว ข้าจึงหาคนไปที่แคว้นเจา ทำภาพเหมือนของเจ้าออกมา วาดส่วนที่เขาไม่เหมือนเจ้าให้เหมือนกับเจ้าทุกอย่าง”
เล่ามาถึงตรงนี้ ซ่างกวานเยี่ยนก็หยุดเว้น “ครั้งนั้นนั่นแหละที่ความแตกเรื่องตัวตนของเจ้า ทำให้ไท่จื่อรู้ว่าเจ้ายังอยู่”
เซียวเหิงพลันกระจ่าง “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”
เช่นนั้นทุกอย่างก็อธิบายได้แล้ว
เซียวเหิงลูบไฝน้ำตาบนใบหน้า ซ่างกวานชิ่งวาดจากเขา ยามนี้ไฝเขาไม่มีแล้ว แล้วเขาต้องเลียนแบบซ่างกวานชิ่ง หรือว่าเลียนแบบตัวเขาเองกันเล่า
ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดีจริงๆ
“เป็นอะไรไปรึ” ซ่างกวานเยี่ยนมองเขาพลางถาม
เซียวเหิงเอ่ย “อันที่จริงไฝเม็ดนี้ของข้ามันไม่มีแล้ว”
ตอนนั้นด้วยความร้อนใจองค์หญิงซิ่นหยางจึงจี้ไฝรองน้ำตาบนหน้าเขาออก เพื่อไม่ให้คนพวกนั้นหาตัวเขาเจอได้ง่ายๆ
เขาเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ น้ำเสียงและรูปร่างก็แตกต่างจากเมื่อก่อน กอปรกับไม่มีไฝแล้ว แม้แต่พ่อแท้ๆ ของเขาอย่างเซวียนผิงโหวยังใช้เวลานานหลายปี ไปหามาสู่ตั้งหลายครั้งถึงได้จำเขาได้
ซ่างกวานเยี่ยนเอ่ยเสียงแผ่ว “นางดีกับเจ้ายิ่งนัก”
น้ำเสียงนางปลาบปลื้มระคมปวดใจและอ้างว้าง
สุดท้ายแล้วนางก็ยังพลาดอยู่ดี
เขาเติบโตมาสิบเก้าปี ไม่เคยมีภาพจำของนางเหลืออยู่เลย
“ข้า…เรียกเจ้าว่าอาเหิงได้หรือไม่”
องค์หญิงผู้เกิดมาพร้อมเกียรติ ต่อให้โดนลงโทษต่อหน้าธารกำนัลในตำหนักจินหลวน ก็ยังไม่เคยก้มหัวอันสูงส่งลง และไม่เคยใช้น้ำเสียงอ้อนวอนเช่นนี้มาก่อน
ทว่าในยามนี้ คำถามเพียงประโยคเดียวอย่างเรียกเจ้าว่าอาเหิงได้หรือไม่ ทรงใช้ความอ่อนน้อมทั้งหมดในใจแล้ว
เซียวเหิงเอ่ย “อยากเรียกอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
เช่นนั้นเจ้าเรียกข้าว่า…
ประโยคนี้ ซ่างกวานเยี่ยนไม่ได้เอ่ยออกไป
นางหลบตาลง ข่มความเสียใจและขมขื่นในใจเอาไว้
จะร้องไห้ไม่ได้
ทายาทของตระกูลเซวียนหยวนหลั่งโลหิต ไม่หลั่งน้ำตา นางคลอดลูกยังไม่ร้อง กระดูกนางหักก็ยังไม่ร้อง
นางไม่ร้อง
อันที่จริงเซียวเหิงยังมีอีกหลายเรื่องที่อยากถามนาง อย่างเช่น เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อสิบกว่าปีก่อนเกิดอะไรขึ้นบ้าง เหตุใดนางจึงกลายเป็นทาสได้
เซียวเหิงมองร่างกายอันอ่อนแอของนาง เอ่ย “ท่านพักผ่อนหน่อยดีกว่า ข้าจะไปเอาขนมมาให้”
“อืม”
เสียงนางเจือสะอื้น
นางพยายามข่มเอาไว้
เซียวเหิงลุกขึ้น ฝีเท้าพลันชะงัก
ซ่างกวานเยี่ยนพลันกังวลใจ
จะเรียกนางแล้วหรือ
ใช่หรือไม่
เซียวเหิงเอ่ย “ลืมถามว่าท่านอยากกินอะไร ท่านเพิ่งจะผ่าตัดมา ข้าวต้มลูกเดือยกับข้าวต้มข้าวฝ่างล้วนไม่เลว”
“อ้อ” ซ่างกวานเยี่ยนผิดหวัง เอ่ยเสียงแผ่ว “ได้ทั้งนั้น”
เซียวเหิง “เช่นนั้นข้าวต้มลูกเดือยก็แล้วกัน”
ซ่างกวานเยี่ยน “ได้”
นางไม่อยากอาหาร
นางเป็นผู้หญิงไม่ดี
นางไม่คู่ควรกับการเป็นแม่ของเขา
เซียวเหิงสาวเท้ามาถึงหน้าประตู กำลังจะก้าวข้ามธรณีประตูไป ฝีเท้าเขาพลันชะงักอีกหน
“มาพูดตอนนี้อาจจะช้าไปหน่อย แต่ว่า…”
เขาหันกลับมา มองนางจากใจจริง “ขอบคุณที่คลอดข้ามา”
“ขอบคุณที่พาข้ามายังโลกใบนี้ และขอบคุณทุกอย่างที่ท่านทำให้ข้า”
“ท่านแม่”
คำว่าท่านแม่คำเดียวรอคอยมาสิบเก้าปี ปลอบโยนกาลเวลา และปลอบโยนวันคืนเจ็ดพันกว่าวันที่แยกจาก
ซ่างกวานเยี่ยนสะอึกสะอื้นจนพูดไม่ออก
…ขอบคุณเจ้าเช่นกัน ลูกชายของข้า