สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 728 รับแม่รับลูก (1)
บทที่ 728 รับแม่รับลูก (1)
เรื่องที่แม่ทัพหวังซวี่สอนวรยุทธ์ให้ซ่างกวานชิ่งที่สุสานกษัตริย์ไม่ใช่ความลับอะไร เซียวเหิงได้ยินมาตั้งนานแล้ว
เพียงแต่เขาไม่คิดว่าจะมีวันที่ตัวเองต้องปลอมตัวเป็นซ่างกวานชิ่ง
อันตรายที่เร้นลับอย่างหวังซวี่ต้องถูกกำจัด ไม่ใช่ว่าจะฆ่าเขา แค่ไม่ให้เขาออกมาก่อความวุ่นวายทำลายแผนของพวกตนก็พอ
กู้เฉิงเฟิงเบ้ปาก ตบอกตัวเอง
เรื่องสำคัญเพียงนี้ นอกจากเขาแล้วยังมีใครทำได้อีก
“อย่าลืมจ่ายเงินให้ข้าล่ะ! จะ…เจ้าเอาไว้ที่เจ้าก่อน! กลับมาข้าจะมาเอา!”
กู้เฉิงเฟิงเน้นย้ำเรื่องเงินสองตำลึงของเขาเสร็จ ก็พลิกตัวออกจากหน้าต่างบานเดิม
วรยุทธ์ไม่ค่อยได้เรื่อง แต่วิชาตัวเบากลับยอดเยี่ยมนัก ไม่ได้ทำให้หน่วยกล้าตายของตำหนักกั๋วซือรู้ตัว
“อย่าลืมไปรับจิ้งคงล่ะ” เซียวเหิงมองแผ่นหลังเขาพลางเอ่ย
เซียวเหิงมองแผ่นหลังกู้เฉิงเฟิงชะงักอยู่กลางอากาศ ราวกับกำลังกัดฟันบ่นเขา ก่อนจะหายวับไปจากตำหนักกั๋วซือพร้อมกับความขุ่นเคือง
ภายในห้องกลับมาเงียบงันอีกครา
อย่าเห็นว่าเกิดเรื่องมากมายเพียงนี้จะเย็นย่ำแล้วเชียว ความจริงแล้วเวลาผ่านไปไม่เท่าใดเอง
ภายในระยะเวลาแสนสั้นนี้ เขาเปลี่ยนจากเซียวเหิงกลายมาเป็นซ่างกวานชิ่งโดยสมบูรณ์แล้ว ได้เจอฮ่องเต้แล้ว ปะทะกับไท่จื่อแล้ว
ทุกอย่างไร้ทางให้หวนกลับ ตั้งแต่นี้ไป เขาได้โยนตัวเองลงสู่วังวนแห่งอำนาจเซิ่งตูแล้ว ทุกคนก็จะรู้แล้วว่าเขากลับมาแล้ว
พวกกลุ่มอำนาจที่แอบจับตามองเขามีไม่ใช่น้อยๆ
แต่วังวนของเซิ่งตูจะยิ่งขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกลืนกินทุกคนที่เคยทำร้ายเขาจนไม่เหลือกระดูก!
…
จวนแม่ทัพตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอกของวังหลวงต้าเยี่ยน เข้ามาจากด้านนอกต้องผ่านประตูเกาเหมิน เฟิ่งเทียนเหมินและประตูตวนเหมินตามลำดับ
กู้เฉิงเฟิงป้วนเปี้ยนอยู่ละแวกประตูเฟิ่งเหมิน ลอบใคร่ครวญว่าตัวเองจะแฝงตัวเข้าไปดี หรือจะรอคอยโชคชะตาอยู่ตรงนี้ดี
“เมื่อครู่ลืมถามว่าหวังซวี่อยู่ในวังหรือไม่ หากเขาไปแล้ว เช่นนั้นไม่ว่าข้าจะแฝงตัวเข้าไป หรือว่ารอเขาอยู่ข้างนอก ก็ล้วนเปล่าประโยชน์ทั้งสิ้น”
“ไม่สิ เขาน่าจะยังอยู่ ฮ่องเต้เจอเซียวเหิงแล้ว จากที่ข้ารู้จักเซียวเหิงมา เรื่องที่อดีตองค์หญิงได้รับบาดเจ็บหากไม่มีลับลมคมในเซียวเหิงก็จะทำให้มีลับลมคมใน! ในเมื่อฮ่องเต้ไว้ใจหวังซวี่เพียงนี้ ต้องทรงส่งหวังซวี่ไปสืบคดีแน่”
“และสถานที่เกิดเหตุก็คือวังหลัง!”
กู้เฉิงเฟิงตะลึงในสติปัญญาของตัวเอง “ข้ากลายเป็นคนฉลาดปานนี้ได้อย่างไรกันนี่ สมกับเป็นข้าจริงๆ !”
หวังซวี่สืบคดีที่วังหลังจริงๆ เพียงแต่สืบไปสืบมาก็ไม่เจอเบาะแสใด สถานที่เกิดเหตุสะอาดสะอ้านมาก นอกจากรอยล้มของซ่างกวานเยี่ยนแล้ว ก็มีรอยเท้าของนางกำนัลน้อยข้างกายนางที่ทิ้งไว้ตอนมาตามหานาง
นอกจากนี้ยังมีรอยเท้าอีกสองสามรอยที่เป็นของขันทีที่มาเคลื่อนย้ายซ่างกวานเยี่ยน
ความน่าสงสัยของพวกเขาถูกขจัดเกลี้ยง
“ดูท่าจะเป็นยอดฝีมือ ที่เก่งวิชาตัวเบา”
หวังซวี่ยืนอยู่บนเนินเขา มองบริเวณที่ซ่างกวานเยี่ยนเคยล้มลงไป ก่อนทะยานตัวขึ้น
นี่เป็นเนินเขาชัน แต่บนเนินเขาเต็มไปด้วยเถาวัลย์ ต่อให้คว้ามั่วซั่วสักเถาก็ยังคว้าไว้ได้อยู่ดี
หวังซวี่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียดเกือบครึ่งชั่วยาม สุดท้ายก็จากไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เขาเป็นบุรุษนอกวัง แม้จะได้รับราชโองการเข้าวังหลังมาสืบคดี แต่ก็ไม่อาจเดินเหินในวังหลังโดยพลการได้ ข้างกายเขาจึงมีหลี่ซานเต๋อจากตำหนักจงเหอมาด้วย
หลี่ซานเต๋อไม่ได้เอ่ยอะไรมากความ เอาแต่เดินตามอยู่เงียบๆ
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังจะออกจากวังหลัง จู่ๆ ก็เจอขันทีวัยสามสิบต้นๆ คนหนึ่งเดินสวนมา
“โอ๊ะ นี่มันใต้เท้าหวังกับหลี่กงกงมิใช่หรือ บังเอิญจริง” เขายิ้มพลางทักทาย
หลี่ซานเต๋อค้อมกายให้เล็กน้อย ก่อนเอ่ยอย่างสุภาพยิ่ง “สวี่กงกง”
คนผู้นี้แซ่สวี่ นามว่าเกา เป็นคนโปรดข้างกายของหันกุ้ยเฟย
สวี่เกายิ้มมองหวังซวี่แวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยเจื้อยแจ้ว “ใต้เท้าหวังมาสืบคดีกระมัง ไม่ทราบว่าใต้เท้าหวังเจอเบาะแสอะไรหรือไม่”
“ยังไม่เจอ” หวังซวี่บอก
ความผิดฉายผ่านแววตาของสวี่เกา “อย่างนั้นหรือ”
หวังซวี่เอ่ย “ก็อาจจะไม่ใช่ฝีมือคนเสมอไป อาจจะเป็นแค่อุบัติเหตุเฉยๆ ก็ได้”
สวี่เกาถอนใจเอ่ย “ก็จริง สถานที่สำคัญอย่างวังหลังเช่นนี้ มือสังหารธรรมดาคงไม่ใจกล้าและไม่มีปัญญาเข้ามาได้หรอก ไม่ว่าอย่างไร ก็หวังว่าใต้เท้าหวังจะสืบเจอความจริงโดยไว ไม่ทำให้อดีตองค์หญิงบาดเจ็บตัวอย่างสูญเปล่า”
หวังซวี่เอ่ย “หากไม่มีธุระใดแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
สวี่เกายิ้มเอ่ย “ใต้เท้าหวังเดินทางปลอดภัย”
หวังซวี่ออกจากวังหลังมา
หลี่ซานเต๋อส่งเขาออกประตูอู่
บนทางหินอ่อนสายเล็กในเขตพระราชฐานชั้นนอก หวังซวี่ค่อยๆ กางฝ่ามือออกช้าๆ
เป็นด้ายไหมเส้นหนึ่ง
เจอในพุ่มไม้บนเนินเขา ตรงนั้นไร้รอยเท้าของนางกำนัลหรือขันที
หากด้ายไหมเส้นนี้ไม่ได้มาจากเสื้อผ้าของซ่างกวานเยี่ยน เช่นนั้นก็ต้องเป็นของมือสังหารแน่นอน!
…
กู้เจียวนอนงีบหลับครั้งนี้นานเอาการ ซ่างกวานเยี่ยนกลับฟื้นสติขึ้นมาก่อน
ฤทธิ์ยาสลบคลายไปมากแล้ว สติสัมปชัญญะของนางกลับมาแจ่มชัด
นางลืมตาขึ้น สะลึมสะลือมองหลังคามุ้งแปลกตา จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
“ฟื้นแล้วหรือ”
เซียวเหิงเดินมาหา มองนางพลางเอ่ยขึ้น
เซียวเหิงในวันนี้ไม่ได้สวมหน้ากาก เผยใบหน้าตัวเองออกมาอย่างชัดเจน
ซ่างกวานเยี่ยนจ้องมองเขาเขม็ง อ้าปากกว้างจนหุบไม่ได้
พักใหญ่ทีเดียว นางจึงหลับตาลง “ข้ากำลังฝันอยู่”
เขาเป็นคนที่นางสามารถพบได้แค่ในฝันเท่านั้น
เซียวเหิงนั่งลงข้างเตียงนาง จ้องนางนิ่ง “เจ็บแผลหรือไม่”
“เจ็บรึ” ซ่างกวานเยี่ยนชะงัก “เจ็บ”
นางเจ็บไปทั้งตัว นี่ไม่ใช่ความฝัน
นางเบิกตาโพลง มองเซียวเหิงด้วยสองตาเป็นประกาย
เซียวเหิงหัวเราะเบาๆ
จู่ๆ ซ่างกวานเยี่ยนก็ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก นางขยับไม่ได้ ขยับได้แค่ลูกตาเท่านั้น
จากนั้นหูนางก็แดงก่ำเท่าที่ตาเนื้อจะเห็นได้
เอ๋
เซียวเหิงชะงักไปเล็กน้อย
ตอนท่านอยู่ที่หอเทียนเซียงไม่ได้เป็นแบบนี้นี่นา ท่านกินแตงโมมองข้ากับเจียวเจียวจู๋จี๋กันก็ไม่เห็นจะเขินอายสักนิดเลย
ข้านึกว่าวิชาเต๋าของท่านจะล้ำลึกเหมือนพ่อเสียอีก
ซ่างกวานเยี่ยนไม่ได้บาดเจ็บเพียงแห่งเดียว นางถูกพันเป็นบ๊ะจ่าง นางขยับนิ้วไปมา
เซียวเหิงเห็นเข้า จึงถามนาง “ท่านจะเอาอะไรหรือ”
“ผ้าเช็ดหน้า” นางบอก
เซียวเหิงถามอย่างแปลกใจ “เอาผ้าเช็ดหน้ามาทำอะไร”
ซ่างกวานเยี่ยนสีหน้าจริงจังเอ่ย “บังหน้าไว้ ข้าเขิน”
เซียวเหิง “…”
“เจียวเจียวกับกั๋วซือผ่าตัดให้ท่านแล้ว ผ่าตัดลุล่วงด้วยดี ไม่สบายตรงไหนหรือไม่” เซียวเหิงถาม
“ไม่มี” ซ่างกวานเยี่ยนเอ่ยพลางมองกู้เจียวบนเตียงน้อย
เซียวเหิงหันไปมองตามสายตานาง “นางหลับอยู่”
ซ่างกวานเยี่ยนเอ่ยเสียงเบา “เช่นนั้นพวกเราคุยกันเบาๆ หน่อย”
เซียวเหิงแย้มยิ้ม “ได้”
ซ่างกวานเยี่ยนมองรอยยิ้มจางที่วาบผ่านของเขา แววตาเป็นประกาย
ทว่าทันใดนั้น นางก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าชะงักงันเล็กน้อย “ที่นี่มันตำหนักกั๋วซือนี่ จะ…เจ้ามาตำหนักกั๋วซือได้อย่างไร”
เซียวเหิงเอ่ยเสียงนิ่ง “ข้าเจอฮ่องเต้แล้ว แล้วก็ไท่จื่อด้วย ข้าบอกพวกเขาว่าข้าคือซ่างกวานชิ่ง”
ซ่างกวานเยี่ยนอ้าปากค้าง
เซียวเหิงเล่าต่อ “ข้าเห็นภาพเหมือนของซ่างกวานชิ่งแล้ว”
เพียงพริบตา แววตาของซ่างกวานเยี่ยนก็มีอารมณ์ซับซ้อนนับอนันต์วาบผ่าน นางมองเซียวเหิงอย่างตกตะลึง อยากจะเอ่ยบางอย่างแต่ยั้งไว้ สุดท้ายกลายเป็นถ้อยคำหยั่งเชิงอย่างระมัดระวังคำหนึ่ง “เจ้า…รู้หมดแล้วหรือ”
เซียวเหิงพยักหน้า “อืม”
ซ่างกวานเยี่ยนนิ่งอึ้ง “รู้…อะไรล่ะ”
เซียวเหิงเอ่ย “ชาติกำเนิด”
ซ่างกวานเยี่ยนแววตาเป็นประกายสะเทือนใจอีกหน แต่ไม่นานนางก็สงบลงได้ “เจ้ารู้ได้อย่างไร”
“เดาเอา” เซียวเหิงตอบไปตามตรง
กิริยาท่าทางของนางที่หอเทียนเซียงในวันนั้นอธิบายทุกอย่างได้มากแล้ว กอปรกับสิ่งต่างๆ ที่เขาประสบพบเจอมาโดยตลอด ข้อมูลสารพัดที่เย่ชิงเปิดเผยออกมา หรือแม้กระทั่ง ‘พระนัดดาองค์โต’ ที่จางเต๋อเฉวียนร้องเรียกออกมาในคืนนั้น ล้วนทำให้เขาเข้าใกล้ชาติกำเนิดตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ
และเมื่อเขาเห็นภาพเหมือนของซ่างกวานชิ่ง ปัญหานี้ก็มีคำตอบในที่สุด
เขาคือลูกของซ่างกวานเยี่ยน
เพียงแต่เขายังไม่อาจแน่ใจได้ทั้งหมดว่าตัวเองเกี่ยวอะไรกับซ่างกวานชิ่ง