สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 701 ผ่าตัด (1)
บทที่ 701 ผ่าตัด (1)
ส่วนท่านชายใหญ่หันก็ออกจากคอกม้าแล้วตรงกลับเข้าไปในเรือนของตน หันเช่อรอเขาอยู่ในเรือนนานแล้ว
“พี่ใหญ่!”
หันเช่อเห็นเขาก็เดินเข้าไปหาเพื่อทักทาย
ท่านชายใหญ่หันเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “อาการบาดเจ็บหายดีแล้วหรือ”
“หายดีแล้วขอรับ” เขาตอบ “พี่ใหญ่หายดีแล้ว ข้าจะหายไม่ได้อย่างไร”
ไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ยังพอทน แต่ถ้าเอ่ยถึงเรื่องนี้ หัวใจของท่านชายใหญ่หันก็เต็มไปด้วยความโกรธ
ใครจะคิดว่าพวกเขาสองพี่น้องต่างก็ถูกบัณฑิตจากแคว้นระดับล่างผู้นั้นเล่นงาน
แน่นอนว่าเรื่องที่เขาถูกมัดใส่กระสอบนั้น นอกจากท่านลุงรองหันหย่งแล้ว เขาไม่ได้บอกใครในตระกูลอีกเลย หันเช่อคิดว่าเขาบาดเจ็บจากการฝึกฝน
ท่านชายใหญ่หันเข้าไปในเรือน
หันเช่อก้าวตามเข้าไป “พี่ใหญ่ เหนื่อยไหม มาดื่มน้ำก่อนสิขอรับ”
เขารินน้ำชาให้ท่านชายใหญ่หันอย่างเอาใจใส่
นี่เป็นน้องชายแท้ๆ ของเขา อาจจะไม่น่าฟังสักหน่อย เขาแค่แอบมองด้านหลัง ท่านชายใหญ่หันก็รู้แล้วว่า เขาต้องการอะไร
ท่านชายใหญ่หันถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เจ้ามีเรื่องอะไรอีกล่ะ”
หันเช่อยิ้มพลางเอ่ย “ก็… ไม่มีเรื่องอะไรหรอกขอรับ คือ… คือข้าได้ยินมาว่าพี่ใหญ่มีม้าเฮยเฟิงที่ฝึกฝนมาอย่างดีอยู่ในกองหน่วยกล้าตายเหล็ก พี่ใหญ่ช่วยมอบม้าชั้นดีสักตัวให้ข้าได้หรือไม่”
ม้าเฮยเฟิงนั้นล้วนแล้วแต่เก่งกาจทุกตัว ถ้าเขาเอ่ยแบบนี้ก็แสดงว่าเขาต้องการไม่ใช่ม้าเฮยเฟิงธรรมดา
ท่านชายใหญ่หันไม่เอ่ยอะไร
หันเช่อคิดในใจ จบกัน พี่ใหญ่ก็คงจะเอ่ยว่า “คราวที่แล้วเจ้ายืมม้าเฮยเฟิงไปก่อเรื่องไม่พออีกหรือ” แต่ใครจะคาดคิดกันว่าท่านชายใหญ่หันกลับไม่ตำหนิเขาสักคำ
ท่านชายใหญ่หันหยิบถ้วยชาขึ้นมา พลางเอ่ยขึ้นทันใด “เจ้าไม่ได้หมายตาม้าของเด็กคนนั้นหรอกหรือ”
“หืม” หันเช่ออึ้งชะงักไปชั่วครู่ “เด็กคนไหน… อ๋อ!”
เขานึกออกว่าเด็กคนนั้นที่พี่ใหญ่เอ่ยถึงคือเซียวลิ่วหลังจากสำนักบัณฑิตเทียนฉง
เขามองท่านชายใหญ่หันอย่างงงงวย “พี่ใหญ่…”
ท่านชายใหญ่หันดื่มชาไปหนึ่งอึก หลบตาลงเพื่อปกปิดแววตาของตน พลางเอ่ย “ถ้าเขาตายแล้ว ม้าของเขา จะเป็นของเจ้า”
หันเช่อเบิกตากว้างด้วยความเหลือเชื่อ “พี่ใหญ่พูดจริงหรือ ราชาม้าตัวนั้นจะเป็นของข้าจริงๆ หรือ ข้าจะได้มีราชาม้าเป็นของตัวเองแล้วหรือ”
นั่นไม่ใช่ราชาม้าธรรมดา มันเป็นราชาม้าป่าที่สามารถวิ่งทิ้งห่างม้าเฮยเฟิงได้ไกลลิ่วเชียวนะ
ชูหนานเคยบอกไว้ว่า มันเพิ่งอายุสองขวบครึ่ง ยังไม่โตเต็มที่เลย แต่ก็มีพละกำลังขนาดนี้แล้ว หากฝึกฝนต่อไปอีกสักหน่อย จะต้องกลายเป็นราชาม้าเฮยฟงอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน!
แม้ว่าจะไม่ได้ราชาม้าเฮยเฟิงของพี่ใหญ่ แต่ถ้าได้ม้าตัวนั้นมาเขาก็พอใจแล้ว!
เขาจมอยู่ในห้วงความสุขที่กำลังจะได้มาซึ่งราชาม้า แต่กลับไม่ใส่ใจกับคำเอ่ยของพี่ใหญ่ที่ “ถ้าเขาตายแล้ว”
แต่ไม่นานเขาก็ได้พบกับข่าวร้ายที่ตกลงมาจากฟากฟ้า
“ท่านชายใหญ่! ท่านชายใหญ่!”
เสียงร้อนใจจากบ่าวรับใช้ดังมาจากด้านนอก
ท่านชายใหญ่หันขมวดคิ้ว วางถ้วยชาลงแล้วถาม “เกิดอะไรขึ้น”
เด็กรับใช้ยืนอยู่หน้าประตู เอ่ยเสียงสั่นเครือ “เมื่อครู่ท่านชูหนานมาบอกว่า ราชาม้าเฮยเฟิง… ราชาม้าเฮยเฟิงหายไปแล้ว!”
…
ตรอกที่ถูกแดดแผดเผาจนร้อนระอุ ผู้อาวุโสเมิ่งเหงื่อไหลเป็นทาง แทบจะกลายเป็นปลาเค็มตัวหนึ่งไปแล้ว
ถ้ากู้เจียวและราชาม้ายังไม่กลับมาอีก เขาคงจะร้อนตายไปเสียก่อน
โชคดีที่เมื่อเขาเหลือลมหายใจสุดท้าย กู้เจียวก็กลับมาพร้อมกับราชาม้าในที่สุด
ไม่ใช่สิ นี่มันไม่ใช่แค่ราชาม้าหรือเปล่า
ราชาม้ากับม้าของตำหนักกั๋วซือช่วยกันลากรถม้าคันหนึ่ง กู้เจียวนั่งอยู่ด้านหน้ารถม้า ส่วนด้านหลัง… มีม้านอนอยู่อีกตัวหนึ่ง!
เฟิงเย่ว์ฮว๋าถูกผู้อาวุโสเมิ่งไล่ไปแล้ว เหลือเพียงเขาอยู่ที่นี่
เขาเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเหงื่อโชก “เกิดอะไรขึ้น”
“อ๋อ” กู้เจียวกระโดดลงจากรถม้า ตบรถม้า พลางเอ่ย “ยืมเขามาระหว่างทาง เดี๋ยวต้องเอาไปคืน”
ผู้อาวุโสเมิ่ง “…”
ข้าถามเรื่องรถม้าหรือ
ถามถึงม้าต่างหากเล่า!
เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าม้าตัวนี้
เจ้าจะไม่ได้คิดจะกินเนื้อม้าแล้วลากม้าจากตลาดกลับไปที่เรือนหรอกใช่ไหม
ผู้อาวุโสเมิ่งกระซิบกับกู้เจียว “แม่หนู ม้าตัวนี้ดูไม่มีเรี่ยวแรงแบบนี้ แสดงว่ามันเป็นโรคระบาด กินไม่ได้หรอก”
กู้เจียว “…”
ราชาม้าเฮยเฟิง “…”
สภาพของราชาม้าเฮยเฟิงนั้นสาหัสกว่าที่กู้เจียวคาดไว้ หลังจากรักษาแผลที่ท้องแล้ว มันก็ยังไม่สามารถเดินด้วยตัวเองได้
กู้เจียวตัดสินใจจะนำมันกลับไปรักษาก่อน
ทั้งตัวของราชาม้าเฮยเฟิงเต็มไปด้วยโคลน อานม้าก็พังเสียแล้ว เพราะถูกราชาม้าเตะจนกระเด็นออกไป ดังนั้นจึงไม่มีใครจำได้ว่านี่คือราชาม้าเฮยเฟิงอันเลื่องชื่อ
ศิษย์ของตำหนักกั๋วซือทั้งหลายกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่งในการเตรียมรถม้าใหม่ให้กู้เจียวเพื่อช่วยนางส่งราชาม้าเฮยเฟิงกลับบ้าน ส่วนรถม้าที่ยืมมาระหว่างทางนั้น ศิษย์ทั้งหลายกล่าวว่าพวกเขาจะช่วยกู้เจียวคืนให้
กู้เจียวกล่าวขอบคุณและนั่งรถม้าไปกับผู้อาวุโสเมิ่ง
ราชาม้าได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยขณะลากราชาม้าเฮยเฟิง กู้เจียวจึงไม่ให้มันลากรถ และใช้ม้าของตำหนักกั๋วซือแทน
ราชาม้ากำลังโลดเต้นอยู่ข้างหน้า
เมื่อรถม้าสองคันมาถึงบ้านพักชั่วคราวของพวกนาง ท้องฟ้าก็มืดแล้ว
อาจารย์แม่หนานกำลังคิดอยู่ว่ากู้เจียวกับผู้อาวุโสเมิ่งไปนานขนาดนี้ได้อย่างไร จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงม้าร้องอยู่ข้างนอก
นางรีบวางถั่วเขียวที่นางกำลังเด็ดได้ครึ่งหนึ่งลง แล้วลุกขึ้นไปเปิดประตูให้กู้เจียว
ปรากฏว่านางเห็นราชาม้าเฮยเฟิงที่ถูกศิษย์ของตำหนักกั๋วซือช่วยกันหามมาด้วยแคร่
นางอึ้งชะงักไปครู่หนึ่ง เอ่ยพึมพำ “คืนนี้เราจะกินเนื้อม้ากันหรือ”
ราชาม้าเฮยเฟิง “…”
กู้เจียว “…”
ศิษย์ของตำหนักกั๋วซือหามราชาม้าเฮยเฟิงเข้าไปในลานหน้าบ้านก่อนจะขอตัวลา
“เป็นม้าที่เจอในป่า เสี่ยวสืออีเจอเข้าน่ะเจ้าค่ะ” กู้เจียวเล่าเรื่องราวที่นางช่วยราชาม้าเฮยเฟิงจากบึงโคลนให้อาจารย์แม่หนานฟังอีกครั้ง
ผู้อาวุโสเมิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้แล้วครั้งหนึ่งแล้วที่หน้าตำหนักกั๋วซือ แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เมื่อฟังอีกทีก็รู้สึกผิดปกติขึ้นมา
เมืองเซิ่งตูไม่มีป่าผืนใหญ่ขนาดนั้น
เด็กคนนี้อาจจะวิ่งเข้าไปในเขตล่าสัตว์ของราชวงศ์
นี่อาจจะเป็นม้าของราชวงศ์ก็ได้
ช่างเถอะ คนของตำหนักกั๋วซือเป็นคนเอาม้ามาส่งเอง เกิดอะไรขึ้นก็ให้ตำหนักกั๋วซือรับผิดชอบ
ท่านชายใหญ่หันตามหาราชาม้าเฮยเฟิงทั่วทั้งเมือง แต่หารู้ไม่ว่าราชาม้าเฮยเฟิงถูกหามออกจากเมืองไปแล้วบนรถม้าด้วยรถม้าพ่วงแคร่
เมื่อม้าตัวใหม่มาถึงเรือน กู้เหยี่ยนและกู้เสี่ยวซุ่นต่างก็เข้ามาดูด้วยความตื่นเต้น
กู้เจียวห้ามสองพี่น้องเอาไว้ “ต้องอาบน้ำให้มันก่อน บนตัวมันมีพิษอยู่”
กู้เสี่ยวซุ่นไปตักน้ำ ส่วนกู้เจียวกับอาจารย์แม่หนานและอาจารย์หลู่ช่วยกันทำความสะอาดคราบโคลนบนตัวมันอยู่นานกว่าครึ่งชั่วยามกว่าจะเสร็จสิ้น
กู้เจียวถึงได้พบว่านอกจากบาดแผลใหญ่ที่ท้องแล้ว มันยังมีบาดแผลเล็กๆ อีกมากมาย
กู้เหยี่ยนนำกล่องยาใบน้อยมาวางไว้ข้างหน้า พลางเอ่ย “เอาไป”
กู้เจียวรับกล่องยาใบน้อยมาวางไว้บนเก้าอี้ แล้วหยิบน้ำยาฆ่าเชื้อ แหนบและสำลี นางนั่งย่อตัวลงแล้วเริ่มทำความสะอาดบาดแผลทั้งหมดบนตัวของเจ้าม้าอย่างระมัดระวัง
“พิษรุนแรงมาก เดี๋ยวต้องกินยา แต่หากกินไม่ได้ ก็คงต้องให้น้ำเกลือ”
กู้เจียวเอ่ย
“มันยอมให้ฉีดยาไหม” กู้เหยี่ยนถาม
“ไม่ยอมก็มัดไว้” กู้เจียวเอ่ย
คนอ่อนแอมักจะเชื่องเป็นพิเศษ ม้าก็เช่นกัน
ราชาม้าเฮยเฟิงนอนนิ่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้กู้เจียวทำนู่นนี่นั่นบนตัวมัน แทงเข็มก็ไม่ดิ้น
อาจเป็นเพราะพิษมันรุนแรงมากจนไม่มีแรง หรืออาจเป็นเพราะที่นี่ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นราชาม้าเฮยเฟิง จึงไม่ต้องฝืนตัวเองมาก
กู้เจียวเห็นว่าราชาม้าเฮยเฟิงมีแรงขึ้นมาบ้างแล้ว จึงลองป้อนยาให้มัน แต่ราชาม้าเฮยเฟิงกินไม่ได้ กู้เจียวจึงต้องเติมน้ำเกลือมาให้แทน
กู้เหยี่ยนนั่งยองๆ ลงข้างๆ กู้เจียว ดูราชาม้าเฮยเฟิงที่กำลังยอมให้กู้เจียวฉีดยาให้อย่างว่าง่ายพลางเอ่ย งามยิ่งนัก”
ราชาม้าเฮยเฟิงกับราชาม้าเหมือนกัน เป็นม้าดำทั้งคู่ แต่ราชาม้ายังเป็นลูกม้า ขนยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่ จึงไม่ดำสนิทเท่าราชาม้าเฮยเฟิง
เจ้าม้าเป็นสีดำสนิททั้งตัว รูปร่างกำยำ แต่ก็ไม่ดูบึกบึนจนเกินงาม ทุกอณูของกล้ามเนื้อรำไรนั้นเต็มไปด้วยพลัง แผ่รังสีของม้าชั้นสูงออกมา
“เอ๊ะ มันคือม้าตัวเมียเหรอ” กู้เหยี่ยนเห็นกู้เจียวใช้พลาสเตอร์สีชมพูกับมัน
“ใช่” กู้เจียวพยักหน้า มองกู้เหยี่ยนพลางเอ่ย “แต่มันน่าจะโตกว่าเจ้านะ เรียกมันว่าม้าป้าเถอะ”
กู้เหยี่ยน “…”
กู้เหยี่ยนชี้ไปที่ราชาม้าเฮยเฟิง พลางเอ่ย “ข้าโตกว่ามัน!”
เขาไม่ยอมยอมรับว่ามันโตกว่าเขา