สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 339 กลิ่นอายอันธพาลตลอดร่าง
ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่สนใจว่าคนตระกูลซือหม่าจะยิ้มเยาะตนเช่นไร เธอดูแหวนเก็บวัตถุเหล่านั้นผ่านตารอบหนึ่งแล้วค้นพบว่าตระกูลหลี่นี้มิเสียทีที่เป็นตระกูลนักหลอมยา พื้นฐานมั่งคั่งกว่าคนทั่วไปมากมายเหลือเกิน!
“เจ้าเก็บของพวกนี้ไปเสีย ภายในมียาวิเศษและเครื่องยาอยู่ไม่น้อยเลย” เธอมอบแหวนเหล่านั้นให้กับซือหม่าโยวหลิน
ซือหม่าโยวหลินรู้ว่าเธอมีเจดีย์วิญญาณ ซึ่งภายในนั้นมีของดีอยู่มากมาย ของเหล่านี้จึงไม่เข้าตาเธอเลย จึงได้ยกให้เขาหมด
“เอาละ ตอนนี้กลับเมืองวิเศษกันดีกว่า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “พวกเรามาก่อเรื่องที่สมาคมนักหลอมยา ไม่รู้ว่าพวกท่านปู่จะรับไหวหรือไม่ แต่มีศิษย์พี่อยู่ ก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
เดิมทีอูหลิงอวี่บอกว่าจะอยู่กับเธอ ผลปรากฏว่าถูกเธอทิ้งเอาไว้ บอกว่าให้ช่วยดูตระกูลซือหม่า อย่างน้อยก็จนกว่าเธอจะส่งคนทั้งหมดกลับไปได้
แต่สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงก็คืออูหลิงอวี่จะให้ตำหนักผู้วิเศษออกหน้า ทั้งยังบอกความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองออกไปด้วย มีสถานะเช่นนี้เป็นหลักประกัน สมาคมนักหลอมยาย่อมไม่กล้าทำอะไรอยู่แล้ว
พวกเขายังไปไม่ถึงเมืองวิเศษ ท่าทีของเจ้าไก่ฟ้าก็เปลี่ยนไป แล้วเอ่ยกับซือหม่าโยวเย่ว์ว่า “สองคนนั้นตายแล้ว”
“ไม่ตายสิถึงจะแปลก!” ซือหม่าโยวเย่ว์มิได้รู้สึกเหนือความคาดหมาย ภายในนั้น แม้กระทั่งพวกเขาไปก็ยังรับไม่ไหว ไม่ต้องพูดถึงพวกหลี่มู่สองคนนั้นเลย
พวกเขากลับไปยังเมืองวิเศษแล้วก็พบว่าตระกูลซือหม่าไม่มีความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย พอเข้าไปดูก็พบว่าทุกคนยังคงทำสิ่งที่ควรทำ ท่าทางเหมือนไม่เคยมีใครมาเลย
“สมาคมนักหลอมยามิได้มาหาเรื่องหรอกหรือ” เธอพูดอย่างสงสัย
“ศิษย์พี่ของเจ้าให้คนของตำหนักผู้วิเศษออกหน้าแทนแล้วน่ะสิ” ซือหม่าเลี่ยและซือหม่าหลินเดินเข้ามาแล้วเอ่ยขึ้น
“อ้อ ดูเหมือนว่าการให้เขารออยู่ที่นี่จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วสินะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“จัดการสองคนนั้นเรียบร้อยแล้วหรือ” ซือหม่าเลี่ยถาม
“อื้ม” ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้า
“คนตระกูลหลี่เล่า” ซือหม่าหลินถาม
มีแต่วัยรุ่นเลือดร้อนกันทั้งนั้น กลัวแต่ว่าพวกเขาจะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่น่ะสิ
“หึๆ”
เมื่อพูดถึงคนตระกูลหลี่ คนตระกูลซือหม่าต่างอดหัวเราะออกมามิได้
“แค่กๆ พวกเขากลับไปกันหมดแล้ว! ข้าสังหารเพียงแค่หลี่มู่และหลี่เฟยเท่านั้น มิได้สังหารคนที่เหลือ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
พวกซือหม่าหลินเห็นสีหน้าของคนอื่นๆ แล้วก็รู้ว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน จึงเอ่ยถามว่า “จากนั้นเล่า”
“จากนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์กะพริบตาปริบๆ แล้วพูดว่า “ไม่มีแล้ว!”
“เช่นนั้นพวกเขาหัวเราะอะไรกัน” ซือหม่าหลินชี้พวกซือหม่าโยวหยางพลางเอ่ยถาม
“ท่านปู่หลิน ท่านไม่รู้หรอกว่าโยวเย่ว์ปล้นทรัพย์คนตระกูลหลี่เสียจนหมดตัวเลย!” ซือหม่าโยวหยางพูดยิ้มๆ
“ปล้นจนหมดตัวหรือ” คนที่ไม่ได้ไปพากันมองซือหม่าโยวเย่ว์ เธอไปเป็นขโมยขโจรอย่างนั้นหรือ
“ท่านไม่รู้หรอกว่าถึงแม้โยวเย่ว์จะปล่อยตัวคนตระกูลหลี่ไป แต่บอกว่าได้รับความตื่นตระหนกตกใจ ต้องการการปลอบขวัญ จึงได้ริบเอาแหวนเก็บวัตถุของทุกคนในตระกูลหลี่มาหมด รวมทั้งของมีค่าติดตัวทั้งหลายก็ถูกปล้นชิงมาจนสิ้น” ตอนนี้ซือหม่าโยวหยางนึกถึงนิสัยราวกับโจรของซือหม่าโยวเย่ว์ขึ้นมาแล้วก็อดหัวเราะมิได้ จึงเอ่ยว่า “ปรากฏว่าตอนที่คนตระกูลหลี่จากไปนั้น นอกจากเสื้อผ้าที่สวมติดตัวแล้วก็ไม่มีสิ่งอื่นใดอีกเลย”
“ข้ารู้สึกว่าถ้าหากมิใช่เพราะประมุขตระกูลหลี่อยู่ด้วย เกรงว่าโยวเย่ว์คงจะเหลือให้พวกเขาเพียงแค่กางเกงชั้นในตัวเดียวแล้ว!” ซือหม่าโยวเล่อพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์ถลึงตาใส่พวกเขาทีหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “จะมิให้ตระกูลหลี่ชดใช้อะไรเลยได้อย่างไรกัน! เหลือเสื้อผ้าเอาไว้ให้พวกเขาก็นับว่าไม่เลวแล้ว!”
ทุกคนหัวเราะ ดูเหมือนว่าเธอคงจะคิดเช่นนั้นจริงๆ สินะ!
“แล้วเจ้าคิดจะทำเช่นไรกับตระกูลน่าหลานเล่า” ซือหม่าหลินถาม
“น่าหลานหลานผู้นั้นเจ้าเล่ห์เป็นอย่างยิ่ง นางมิได้ออกหน้าเองโดยตรง นอกจากนี้ตอนนี้ตัวคนก็ไม่อยู่แล้วด้วย ทำให้พวกเราไม่มีหลักฐาน คงได้แต่ปล่อยตระกูลน่าหลานไป” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างไม่ยินยอมอยู่บ้าง
“เช่นนั้นหากเกิดเรื่องขึ้นในภายหน้า ก็ให้ตระกูลน่าหลานรับหน้าไปก็แล้วกัน!” ซือหม่าเลี่ยพูด
พวกเขาเข้ามาใกล้พื้นสมุทร รู้ว่าระยะนี้พื้นสมุทรปั่นป่วน เกรงว่ากำลังจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น ดังนั้นจึงวางแผนว่าหากเกิดเรื่องอันใดขึ้นในภายหน้าก็ให้ตระกูลน่าหลานรับหน้าไป
สมกับที่เป็นปู่หลานกันจริงๆ เหมือนกันแม้กระทั่งความคิด
ซือหม่าโยวเย่ว์คว้าแขนซือหม่าเลี่ยเอาไว้พร้อมรอยยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ข้าก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน!”
“ในเมื่อไม่มีธุระอะไรแล้ว เช่นนั้นพวกเราเตรียมตัวกลับเมืองอันหยางกันเถิด” ซือหม่าหลินพูด
“ได้เลย” ที่คนตระกูลซือหม่ายังอยู่ก็เพื่อตามหาพวกซือหม่าโยวเย่ว์ ตอนนี้พวกเขากลับมาแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป
“น่าเสียดายนัก ที่ไม่ได้เข้าร่วมงานประลองในตอนท้าย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างเสียใจอยู่บ้าง
“ความจริงแล้วก็ไม่มีอะไรน่าดูนักหรอก ก็แค่นักหลอมยา นักหลอมวัตถุ และนักฝึกสัตว์อสูรจำนวนหนึ่งมาแสดงให้ดูต่อหน้าธารกำนัลเท่านั้นเอง” ซือหม่าโยวเล่อพูด
อันที่จริงแล้วมิใช่เพียงแค่เธอกับซือหม่าโยวหลินเท่านั้น คนตระกูลซือหม่าคนอื่นๆ ก็มิได้เข้าร่วมงานประลองในตอนท้ายแต่อย่างใด เพราะทุกคนต่างไปตามหาตัวพวกเธอกันหมด
“ใช่แล้ว พวกเป่ยกงเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์นึกขึ้นมาได้ว่าตั้งแต่ตนกลับมายังไม่เห็นพวกเป่ยกงถังเลย จึงเอ่ยถามขึ้น
“พวกเขาไปกับโอวหยางแล้ว น่าจะไปตามหาพวกเจ้าในภูเขา พวกเขายังไม่กลับมาเลย ดังนั้นจึงยังไม่รู้ข่าวว่าพวกเจ้ากลับมาแล้ว” ซือหม่าโยวหยางพูด
“อ้อ เช่นนั้นข้าไปติดต่อพวกเขาก่อนนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดจบก็เดินออกไปข้างๆ แล้วหยิบหินแม่ลูกมาติดต่อกับพวกเป่ยกงถัง
เพียงไม่นานเธอก็กลับมาแล้วพูดว่า “ตอนนี้พวกเขาอยู่ในภูเขากันจริงๆ ด้วย กำลังเตรียมตัวกลับมาแล้ว”
“อืม พวกเจ้าลองดูสิว่ายังมีเรื่องอันใดอีกหรือไม่ หากยังมีก็รีบจัดการเสีย พอพวกเป่ยกงถังกลับมาพวกเราจะได้ออกเดินทางกันเลย” ซือหม่าหลินพูด
“ทราบแล้ว”
ซือหม่าโยวเย่ว์ครุ่นคิดแล้วเอ่ยว่า “ข้าขอตัวออกไปสักครู่”
“เจ้าจะไปไหนหรือ” ซือหม่าโยวหลานถาม
“ไปบ้านตระกูลลู่น่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดแล้วหมุนกายออกไป
หนึ่งชั่วยามเศษ ซือหม่าโยวเย่ว์ก็มาถึงตระกูลลู่แล้วเคาะประตู
ลู่ยวนมาเปิดประตู เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์จึงเอ่ยว่า “โยวเย่ว์ เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย!”
ลู่หย่วนและลู่เฟยได้ยินเสียงของลู่ยวนแล้วจึงพากันออกมาจากห้อง เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ต่างก็ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “พวกเราบอกแล้วว่าเจ้าจะต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน!”
“ก่อนหน้านี้พี่รองกลับมาบอกว่าพวกเจ้ากลับมาแล้ว พวกเราก็ยังไม่เชื่อกันสักเท่าไหร่นัก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องจริง!” ลู่หย่วนพูดอย่างเบิกบานใจ
ซือหม่าโยวเย่ว์เข้าไปในลานบ้านพร้อมรอยยิ้ม หลังจากลู่ยวนปิดประตูแล้วก็ตามเข้ามาด้วย
เธอเข้ามาแล้วมองดูบ้านที่ยังคงชำรุดทรุดโทรมพลางเอ่ยว่า “ข้าเป็นคนโชคดีนัก ไม่มีทางตายง่ายๆ เช่นนั้นหรอก ระยะนี้คนเหล่านั้นยังมาหาเรื่องพวกเจ้าอยู่อีกหรือไม่”
“เปล่าเลย หลังจากที่คนพวกนั้นถูกพวกเจ้าทำร้ายจนพิการก็ไม่เคยโผล่มาอีกเลย” ลู่ยวนพูด “พูดขึ้นมาแล้วก็ต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ”
“อืม วันนี้ข้ามาเพื่อบอกพวกเจ้าว่าหลี่มู่ตายไปแล้ว ต่อจากนี้ไปสถานการณ์ของลู่หมิงที่สมาคมนักหลอมยาก็คงไม่ย่ำแย่ถึงเพียงนั้นแล้ว พอกลับไปแล้วข้าจะให้คนไปเรียกร้องกับทางสมาคมว่าให้สมาคมดูแลเขาให้มากหน่อย เขามีพรสวรรค์ไม่เลว ในภายหน้าจะต้องมีการพัฒนาไม่น้อยเลย”
“ขอบใจเจ้ามากนะโยวเย่ว์” ลู่เฟยมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างซาบซึ้ง
“โยวเย่ว์ เจ้าจะไปจากที่นี่แล้วใช่หรือไม่” ลู่หย่วนถาม
“อืม ข้าจะจากไปอย่างช้าที่สุดคือวันมะรืนนี้” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“เช่นนั้นในภายหน้าพวกเราจะได้พบเจ้าอีกหรือไม่”
“หากมีโอกาสย่อมได้พบกันอีกแน่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดด้วยรอยยิ้ม “โลกภายนอกกว้างใหญ่นัก เมื่อพวกเจ้ามีพลังยุทธ์แล้วก็ออกไปท่องเที่ยวได้ เอ้อ… ถ้าหากมีโอกาสก็ขึ้นไปยังโลกเบื้องบนได้ด้วยนะ ไม่แน่ว่าพวกเราอาจได้กลับมาพบเจอกันที่ไหนสักแห่ง”
“ในภายภาคหน้าเจ้าจะไปที่โลกเบื้องบนใช่หรือไม่” ลู่หย่วนถาม
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้า จะเร็วจะช้าเธอก็ต้องไปยังโลกเบื้องบนให้ได้ ข้างบนนั้นยังมีเรื่องราวมากมายที่รอให้เธอไปจัดการ!
………………………………………