สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - ตอนที่ 99 ของที่ไม่สามารถปกปิดได้
“คุณหง อุปกรณ์ทางการแพทย์และการรักษายังเป็นแบบเดียวกัน แค่ย้ายโรงพยาบาลเท่านั้น เป็นเรื่องใหญ่โตอะไรนักหนา?”
“ผมบอกแล้วว่าหมอกำหนดวันคลอดเป็นภายในเดือนนี้ ไม่อยากย้าย อีกอย่างในเมื่อเป็นสัญญาเดิมแล้วทำไมต้องย้ายโรงพยาบาลด้วย?”
หลี่จื่อเฟิงขมวดคิ้ว เขาพูดดีมาโดยตลอดแต่เจ้านี่ดื้อดึงกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียอีก
เขามองรอบๆ ที่นี่เป็นห้องดื่มชาในตึก เขาเดินเข้าไปข้างหน้าและกดเสียงเบาพูดว่า “คุณหง คุณลืมว่าพวกเราเคยทำสัญญากันเอาไว้แล้วงั้นเหรอ และคุณได้ทำผิดสัญญาไปแล้ว”
“ผมทำผิดสัญญาอะไร?” อยู่ดีๆ หงก้วนก็รู้สึกรังเกียจคำพูดและสีหน้าท่าทางของคนคนนี้ขึ้นมา
รู้สึกว่าคนคนนี้กับคนที่เคยพูดกับเขาอย่างสุภาพมีมารยาทนั้นแตกต่างกัน ดูเผยธาตุแท้มากขึ้น “ใช่! ผมไปเยี่ยมเขา แต่ก็เป็นตอนที่เขายังไม่ฟื้นและไม่รู้ว่าผมมา ไม่ถือว่าผมทำผิดสัญญา”
“คุณหงก้วน เนื้อหาบนสัญญาระบุเอาไว้อย่างชัดเจน…” หลี่จื่อเฟิงกดเสียงให้เบาลงอีก “ในเมื่อคุณทำผิดสัญญาแล้วก็อย่าโทษที่ผมจะลบเนื้อหาบางอย่างบนสัญญาออกก็แล้วกัน”
“คุณคิดจะทำอะไร?!”
“ผมเป็นคนจ่ายค่าห้องและค่าใช้จ่ายของภรรยาคุณ” หลี่จื่อเฟิงยิ้มเยาะและพูดว่า “หากผมหยุดจ่ายตอนนี้…ใช่แล้ว ค่าใช้จ่ายของสัปดาห์นี้ยังไม่สิ้นสุดเลย ค่าใช้จ่ายของสัปดาห์นี้น่าจะมากกว่าค่าใช้จ่ายในห้องรวมหลายเท่า และหากรวมค่ายาเข้าไปด้วย น่าจะยังต้องขอบคุณมากๆ ด้วยใช่ไหม?”
“คุณ…คุณ!!” หงก้วนโมโหมาก ยื่นมือออกไปคว้าคอเสื้อของหลี่จื่อเฟิง “ต่ำช้า!!”
หลี่จื่อเฟิงกลับปัดมือออก จัดคอเสื้อของตัวเองไปพร้อมกับพูดว่า “ผมอะไร? คุณหงก็รับได้มาตลอดไม่ใช่เหรอ แต่คุณกลับคำพูด ผมยังจำคำพูดของคุณได้ดี ต้องให้ผมพูดเตือนสติคุณอีกไหม? จะเปลี่ยนโรงพยาบาลหรือไม่…ผมให้เวลาคุณคิดหนึ่งชั่วโมง”
หลี่จื่อเฟิงพูดแล้วก็มองหงก้วนแวบหนึ่ง ก่อนออกไปจากห้องดื่มชา…เขาเดินไปพร้อมจัดอารมณ์ตัวเองไปด้วย ทำให้ตัวเองกลับมาดูสุภาพนุ่มนวลเหมือนเดิมอีกครั้ง
“หลี่จื่อเฟิง สัญญาที่นายพูดถึงเมื่อกี้คือสัญญาอะไร”
แต่ในตอนที่เขากำลังจะเลี้ยวตรงระเบียงนั้นก็ได้ยินเสียงเอ่ยถามมาจากด้านหลัง…เป็นเสียงของเฉิงอวิ๋น!
ในตอนที่เขารีบหันกลับไปนั้น ก็มองเห็นเฉิงอวิ๋นยืนพิงกำแพง เหลือบมองมือและยิ้มมองมาที่เขา!
“ผ…ผอ.เฉิง!” หลี่จื่อเฟิงร้อนรนขึ้นมาในทันที “คุณ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง…”
ทันใดนั้นเฉิงอวิ๋นก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายและเดินเข้ามา “ฉันถามนายหน่อยว่ามีสัญญาอะไรที่บริษัทยังไม่รู้อีก?”
“ผอ.เฉิง ผม…” หลี่จื่อเฟิงรู้สึกตัวหนาวเย็นในพริบตา…เหงื่อเย็นกำลังซึมออกทั่วร่างกาย
…
…
“ใต้เท้าหลง น่าจะไม่มีปัญหาแล้ว” กุยเชียนอีมองดูหลงซีรั่วที่อยู่ตรงหน้ากระจกและพูดขึ้น
นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาเรื่องที่หลงซีรั่วไม่สามารถปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนที่ง่ายและได้ผล โดยอาศัยพลังปีศาจของกุยเชียนอีสร้างภาพมายาให้เธอกลับไปมีสภาพแบบผู้ใหญ่อีกครั้ง
แน่นอนว่ามีเพียงแค่สภาพเท่านั้น…ถ้าหากเป็นพวกที่มีพลังปีศาจเหนือกว่ากุยเชียนอีแล้วก็จะมองทะลุได้
แต่ปีศาจที่มีพลังเหนือกว่ากุยเชียนอีในเมืองนี้ก็มีน้อยมาก…ถึงจะมีผลลัพธ์เป็นเพียงแค่การหลอกตัวเอง แต่หลงซีรั่วก็พยักหน้าอย่างพอใจ
“กุยเชียนอี ออกเดินทางเถอะ”
…
ตอนที่พ่อยังอยู่…ก็ลำบากแบบนี้ใช่ไหม?
ทันใดนั้นชีสก็คิดถึงคำถามแบบนี้ขึ้นมา
ร่างกายและจิตใจของเขาเหมือนถูกใช้ไปจนหมด ตอนที่ได้ปล่อยวางนั้นก็ยังรู้สึกเหนื่อยล้าไม่สิ้นสุด
แต่เมื่อมองดูบรรดาน้องๆ กอดกัน ถึงจะพูดว่าเบียดกันนอนบนเตียงหลังเดียวอย่างสงบ เขาก็รู้สึกว่าทุกอย่างที่ทำนั้นคุ้มค่าในทันที
เขาเข้าใจชูโย่วแล้วว่าการรับผิดชอบครอบครัวเป็นเรื่องยากลำบากมากเรื่องหนึ่ง ส่วนตัวเขาเองยังไม่มีแม้แต่งานในโลกมนุษย์แบบซูโย่ว ทำได้เพียงออกไปหาอาหารข้างนอกเท่านั้น
จำนวนงานของเขาในตอนนี้ยังไม่เทียบเท่าหนึ่งในสามของซูโย่วเลยใช่ไหม?
ชีสเก็บความรู้สึกแบบนี้ไว้ ฉวยโอกาสตอนที่ซูเสี่ยวซูนอนกลางวันแอบออกจากบ้าน
เขารู้สึกว่าการที่นกหวีดออกไปจับพวกสุนัขหรือแมวเร่ร่อนมาเป็นอาหารนั้นไม่ดี
เมื่อเขาที่เป็นปีศาจหนูเห็นนกหวีดกลืนหนูเฒ่าก็รู้สึกแย่ในทันที…แต่ดูเหมือนนกหวีดจะรู้สึกอะไรได้ เพราะหลังจากครั้งแรกที่กลืนหนูเฒ่าแล้วก็ไม่กินอาหารชนิดเดียวกันต่อหน้าชีสอีกเลย
แต่ถึงจะเป็นพวกสุนัขหรือแมวเร่ร่อนก็ไม่ใช่เรื่องน่าดีใจ ชีสจึงเตรียมปลาสดให้นกหวีดเสมอ หรือไม่ก็เป็นพวกเนื้อสดที่ซื้อกลับมาได้…เขาไม่คิดว่านกหวีดไม่ชอบเพราะเห็นมันกินตลอด
หลังชีสแน่ใจแล้วว่าซูเสี่ยวซูจะไม่ตื่นง่ายๆ ก็แอบหิ้วถังปลาเป็นๆ ไปยังที่ซ่อนตัวของนกหวีด…ช่วงนี้นกหวีดกินอาหารเยอะขึ้นหรือเปล่า? ไม่รู้ว่าหนึ่งถังจะพอไหม
ขณะที่ชีสกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างมาสัมผัสบนบ่าของตัวเอง ในตอนที่เขาหันกลับไปนั้นก็เห็นเงาร่างขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ด้านหลัง
พลังปีศาจอันเข้มข้นและแข็งแกร่งกระจายออกมา…ชีสตกใจในทันที ขณะที่กำลังจะอ้าปากก็ถูกเจ้าของเงาร่างเอามือปิดปากไว้ อีกทั้งยังจับเขาอีกด้วย
เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
ชีสเพิ่งมองเห็นชัดว่าคนตรงหน้าสวมชุดสูทสีดำ รูปร่างสูงใหญ่มาก…แม้แต่ในโลกมนุษย์ก็มีคนที่สูงเกินร้อยเก้าสิบเซนติเมตรอยู่ไม่เยอะหรอกมั้ง?
บนหน้าผากของเขามีรอยแผลใหญ่มากสายหนึ่ง…แต่ถูกแว่นตาดำปิดไปได้ไม่น้อย ทั้งยังใส่หูฟังบลูทูธสีเงิน
ได้ยินเขาพูดเพียงว่า “รายงาน เป้าหมายรองถูกควบคุมสำเร็จ สามารถโอบล้อมเป้าหมายหลักได้แล้ว!”
ชีสได้แค่ส่างเสียงอูๆ…คนตัวใหญ่ที่กำลังควบคุมตัวเขามีพลังเยอะจนเขาขยับไม่ได้
ส่วนในขณะเดียวกันก็เห็นเงาร่างหลายสายปรากฏขึ้นรอบทิศอย่างรวดเร็ว มีทั้งหมดสามสาย
พวกเขาสวมชุดแบบเดียวกันกับคนตัวใหญ่ที่ควบคุมตัวเขา ทั้งยังค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ท่อระบายน้ำพร้อมๆ กัน
เป้าหมายของพวกเขาคือ…นกหวีด!
แต่ชีสยังไม่ทันได้หวาดกลัวถึงขีดสุด ก็มองเห็นเงาร่างอีกสายหนึ่งค่อยๆ ร่อนตัวจากกลางอากาศลงมาที่จุดบนสุดของท่อระบายน้ำ
เขาสวมชุดแตกต่างจากคนเหล่านี้ แต่ชีสรู้จักเขา เขาคือกุ่ยอิง!
เห็นเพียงกุ่ยอิงโบกมือในทันที ปีศาจชายสวมชุดสีดำก็พุ่งเข้าไปในท่อระบายน้ำจากทุกทิศทางพร้อมกัน!
ชีสพยายามขัดขืน คิดจะพูดอะไรบางอย่าง ดวงตาของเขาเบิกกว้างเพราะเขาได้ยินเสียงร้องของนกหวีด…เหมือนว่ามันจะได้รับบาดเจ็บ!
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงบึม ท่อระบายน้ำเหล่านั้นระเบิดออกมา เงาร่างสายหนึ่งพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ ส่วนปีศาจสามตนนั้นก็กระโดดออกมาเช่นกัน!
นกหวีดกางปีกที่อยู่ด้านหลัง กำลังมองลงมา! ชีสมองเห็นแผลที่ขาของมัน!
แต่นกหวีดกลับไม่หยุดแค่นี้ มันพุ่งเข้ามาบริเวณที่ชีสอยู่อย่างบ้าคลั่ง!
“บินได้จริงๆ สินะ” กุ่ยอิงยิ้มเยาะ แสงอันเย็นยะเยือกในมือพุ่งออกไปยังส่วนท้องของนกหวีด แล้วมันก็ร่วงลงมาจากกลางอากาศทันที!
เมื่อปีศาจตนหนึ่งในสามตนเห็นนกหวีดตกลงบนพื้นก็สะบัดสองมือออกไปในพริบตา! เห็นเพียงสองมือของเขาปรากฏเส้นสายสีขาวสองสายยิงออกมาพร้อมกัน
เส้นสายเหล่านั้นขยายกลางอากาศ พริบตาเดียวก็เปลี่ยนเป็นตาข่ายขนาดใหญ่สองสายเข้าคลุมนกหวีด ทำให้นกหวีดยากที่จะขัดขืนได้…ยิ่งขัดขืนตาข่ายก็ยิ่งรัดแน่น
“ใต้เท้ากุ่ย จับเป้าหมายได้แล้ว!”
กุ่ยอิงพยักหน้าจากนั้นก็มองมาทางชีส ส่งสัญญาณให้ผู้ชายตัวใหญ่ที่จับชีสพาชีสเข้ามา
“ทำ…ทำไม?” ชีสมองกุ่ยอิงอย่างหวาดกลัว “ทำไมถึงทำกับมันอย่างนั้น! ทำไม!!”
“ฉันทำตามคำสั่งเท่านั้น” กุ่ยอิงพูด…แต่สายตาของเขาไม่ได้จับจ้องอยู่ที่ชีส กลับมองไปยังนกหวีดที่ถูกขังไว้ที่พื้นและพึมพำว่า “นี่ตัวอะไร?”
“ฟังคำสั่ง…ฟังคำสั่งใคร? หรือว่าเป็น…เป็นใต้เท้ากุย?” ชีสรู้สึกว่ามันไร้เหตุผล
“ไม่ใช่หรอก เขาฟังคำสั่งของฉันต่างหาก”
ชีสเห็นผู้หญิงคนหนึ่งใส่แว่นดำสวมชุดสูทสีดำค่อยๆ เดินมาถึงตรงหน้าและถอดแว่นตาออก จากนั้นก็พูดว่า “ฉันให้พวกเขาลงมือเอง”
“ใต้…ใต้เท้าหลง!”