สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - ตอนที่ 127 อ่อนโยนภายใต้ความโหดร้าย
เงาร่างสายหนึ่งตกลงตกหน้าของชีสอย่างรวดเร็ว
ชีสยังคุกเข่าบนพื้น มองไปยังตำแหน่งที่จุยเฟิงกระโดดลงไปด้วยแววตาที่สับสน…มองไปยังดอกไม้ไฟที่งดงามและมองไปยังผ้าผืนใหญ่ที่ค่อยๆ ตกลงไปจากกลางอากาศ
สุดท้ายแล้วเขา…ยังใช้การแกล้งแบบนี้มาประดับช่วงสุดท้ายของชีวิตงั้นเหรอ
ทำไมกัน
“น่าตายนัก ช้าไปก้าวหนึ่ง”
เมื่อเสียงเด็กที่น้ำเสียงคล้ายกับอารมณ์ไม่ดีดังขึ้น…ชีสถึงพบว่าเวลานี้มีใครมาอยู่ข้างกายของตนเอง
“กุย…ใต้เท้ากุย” ชีสตะโกนเรียกชื่อนี้ออกไป
แต่เขากลับไม่รู้จักชื่อของเด็กหญิงที่ปีนออกมาจากหลังของกุยเชียนอี…เพียงรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยพบเจอที่ไหนเท่านั้น
แต่ตอนนี้ชีสไม่ได้คิดว่าเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นใคร มองเพียงกุยเชียนอี ผู้อาวุโสของเผ่าปีศาจและพูดอย่างปวดใจว่า “ใต้เท้ากุย…จุยเฟิงเขา ฆ่าพ่อของผม จากนั้นผมก็ฆ่าเขา…ผมฆ่าเขา”
กุยเชียนอีถอนหายใจยาว ถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก “ชีส บางทีตอนนี้นายอาจรู้สึกยากที่จะยอมรับได้…แต่เหตุการณ์เมื่อครู่นั้นฉันมองเห็นตั้งแต่ไกล จุยเฟิงไม่ได้ฆ่าพ่อของนาย แต่เขาเป็นคนช่วยนาย”
“พูดเหลวไหล!” ชีสพูดด้วยความโมโห “ผมเห็นชัดเจน พ่อของผม พ่อของผมระเบิดต่อหน้าผม คู่ควรงั้นเหรอ ผมมองเห็นความเจ็บปวดบนสีหน้าของพ่ออย่างชัดเจน”
“พูดอะไรไปก็เทียบกับความจริงไม่ได้…นี่ก็คือเรื่องจริงๆ” กุยเชียนอีส่ายหน้า ค่อยๆ ชี้นิ้วออกไป “นี่ก็คือความจริงที่นายต้องเผชิญ แม้ว่ามันจะเจ็บปวดมาก แต่นายก็ต้องเผชิญกับมัน”
“เรื่องจริง…” ชีสมองตามทิศทางที่กุยเชียนอีชี้ไป
นั่นเป็นจุดที่ ‘ซูโย่ว’ พ่อของเขาระเบิดออก จุดที่เต็มไปด้วยเลือดและเศษเนื้อ…เขาไม่กล้ามองภาพอันสยดสยองนี้ตรงๆ
แต่ตอนนี้เขากลับมองเศษเนื้อที่แต่เดิมเละอยู่บนพื้นเริ่มขยับลุกขึ้นมารวมตัวเข้าด้วยกันและค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น
“เกิด…เกิดอะไรกับพ่อของผม”
ทันใดนั้นหลงเอ๋อร์ก็พูดว่า “นั่นไม่ใช่ซูโย่ว แต่ขณะเดียวกันนายก็รู้จักมัน…ร่างจริงของมันก็คือนกหวีด สัตว์เลี้ยงที่นายเลี้ยงเอาไว้ นายอาจจะรู้สึกเจ็บปวดทรมาน แต่เมื่อครู่นี้ฉันกับกุยเชียนอีเห็นกับตาว่ามัน…ต้องการกินนาย”
กุยเชียนอียื่นสองมือปล่อยไอเย็นมหาศาลพ่นออกมาแช่แข็งก้อนเนื้อรวมถึงเศษเนื้อที่ยังไม่คลานขึ้นมา
ครั้งนี้กุยเชียนอีไม่กล้าคลายน้ำแข็งเหล่านี้โดยพลการเพื่อหาเซลล์ต้นกำเนิดอีก เขาคิดจะหาสถานที่ปลอดภัยและค่อยๆ จัดการ…เพราะเขาไม่อยากจะถูกเข็มพิษแทงอีกครั้ง
“โกหก! ผมไม่เชื่อ! โกหก!” ชีสกุมหัวของตนเองอย่างบ้าคลั่งและตะโกนใส่หลงเอ๋อร์และกุยเชียนอีว่า “โกหก! พ่อของผมกลับมาแล้ว เขากลับมาแล้ว กลับมาแล้ว โกหก พวกคุณโกหกผม…โกหกผม”
“สงบหน่อย ก่อนที่นกหวีดจะลงมือกับนายก็ฆ่ามนุษย์และปีศาจไปมากมายแล้ว” กุยเชียนอีพูดเสียงเข้ม “ที่มันสามารถเปลี่ยนเป็นร่างซูโย่วได้ก็เพราะมันเคยกลืนกินพ่อของนายซูโย่ว”
“โกหก…ผมไม่เชื่อ…” ชีสส่ายหน้าเหมือนสูญเสียวิญญาณ ถอยหลังไป “โกหก…พวกคุณกำลังโกหกผม จุยเฟิง…ผมต้องไปถามเขาให้ชัดเจน เขาฆ่าพ่อของผม เขาฆ่า ผมจะไปถามให้ชัดๆ”
ชีสคลั่งกระโดดลงไปตรงจุดที่จุยเฟิงกระโดดลง…เพื่อตามเขาไป
“เด็กคนนี้…” กุยเชียนอีส่ายหน้าและถอนหายใจ กำลังคิดจะตามไป
“กุยเชียนอี ให้เขาไปเถอะ” คิดไม่ถึงว่าหลงเอ๋อร์จะส่ายหน้า “แบบนั้นอาจจะดีต่อเขามากกว่า”
หลงเอ๋อร์มองก้อนน้ำแข็ง สายตาดูสับสนและพูดเบาๆ ว่า “จุยเฟิงมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของนกหวีดและช่วยชีสจากเงื้อมมือของมัน…แต่ทำไมถึงยังพูดยั่วโมโหชีสแบบนั้นอีก ทำให้ชีสต้องฆ่าเขา อีกอย่าง…ทำไมชีสถึงลงมือได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น”
กุยเชียนอีขมวดคิ้ว ถอนหายใจและเอ่ยว่า “ดูเหมือนข้าจะเริ่มเข้าใจความคิดของจุยเฟิงขึ้นมาบ้างแล้ว”
หลงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองกุยเชียนอี…ผู้เคยเป็นอาจารย์ของนาง
กุยเชียนอีค่อยๆ พูดว่า “เทียบกับการให้ชีสรู้ความจริงแล้ว ไม่สู้ให้เขาไม่รู้ตลอดไปดีกว่า…ไม่รู้ถึงความสิ้นหวังที่อยู่เบื้องหลังนี้ ทำให้เขามีความฝันอันสวยงาม แม้สุดท้ายแล้วความฝันจะพังทลาย แต่อย่างน้อยเขาก็จะไม่รู้ว่าพ่อของเขาอยากจะกินเขา เรื่องนี้โหดร้ายเกินไปสำหรับเขา อีกทั้งชีสยังสามารถมีศัตรูหนึ่งคนที่สามารถระบายแค้นได้…เป็นเหตุผลไม่ทำให้ตัวเองเป็นบ้าไป”
“เจ้าจะพูดว่าจุยเฟิงเขา…” หลงเอ๋อร์มองไปข้างหน้า “เขา…”
“พวกเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจุยเฟิงบ้าง”
กุยเชียนอีส่ายหน้า “เขาควบคุมปีศาจจำนวนไม่น้อยเพื่อทำเรื่องวุ่นวายแบบนี้ เรื่องเหล่านี้ไม่ว่าจะยังไงก็แก้ต่างไม่ได้ เพียงแต่…บางทีเขา อาจจะมีความอ่อนโยนที่พวกเราไม่รู้อยู่”
หลงเอ๋อร์คิดถึงฉากตอนที่ตนเองต่อสู้กับจุยเฟิงและคิดถึงคำพูดของเขาขึ้นมา
มังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพ ถ้ามีความสามารถก็มาฆ่าฉัน…ถ้าฉันได้ตายในเงื้อมมือของเธอก็จะไม่ตายอย่างเสียชาติเกิดแล้ว
ทำไมเธอถึงฆ่าฉันไม่ได้…ทำไม ทำไม
ทันใดนั้นเธอก็ตกใจและพูดออกไปว่า “เขากำลังอยากตาย”
หลงเอ๋อร์ไม่สนใจอะไรแล้ว เธอเริ่มวิ่งไปที่ขอบหลังคาและกระโดดลงไป
“ใต้เท้าหลง ท่านทำแบบนี้จะได้รับบาดเจ็บนะ” กุยเชียนอีคิดอะไรมากไม่ได้อีกจึงรีบไล่ตามไป
เพราะถึงอย่างไรถ้าเขาไม่คลายเอง น้ำแข็งก็จะแข็งไปอย่างน้อยสิบวันแปดวันโดยไม่ละลาย
…
…
ดูเหมือนจะไม่มีความเจ็บปวดของการตกจากที่สูงแต่กลับเป็นการตกลงพื้นอย่างนุ่มนวล…บนทางพลาสติกขอบสนามกีฬา
แต่ไม่เป็นไร…ความเจ็บปวดตรงหัวใจนั้นแท้จริง จุยเฟิงรู้สึกว่าตนเองกำลังจะตาย
อย่างนั้นจะตกลงมาเจ็บหรือไม่เจ็บก็ไม่เป็นไร
“เฮ้ นายไม่เป็นไรใช่ไหม เฮ้ นายยังดีอยู่ไหม”
ใคร…เสียงใครกำลังพูด
สายตาเริ่มพร่ามัว จุยเฟิงพยายามลืมตาขึ้นเล็กน้อย…มองเห็นหน้ากากป้องกันพิษขนาดใหญ่…อยู่ตรงหน้าของตนเอง
“นายได้รับบาดเจ็บหนักอย่างนี้ได้ไง…หัวใจนาย…นายอดทนไว้นะฉันจะรีบพานายไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ อดทนไว้นะ อย่ายอมแพ้ อย่ายอมแพ้เด็ดขาด อดทนไว้”
รู้สึกเหมือนร่างกายถูกอุ้มขึ้นมา…ร่างกายเปลี่ยนเป็นเบาขึ้น…รู้สึกว่ามีลมพัดเข้ามา
บิน…จุยเฟิงรู้สึกว่าตนเองกำลังบิน
พนักงานดับเพลิงที่บินได้…ที่แท้ก็มีอยู่จริงๆ
ที่แท้เสี่ยวเจียงก็ไม่ได้โกหก…
ทันใดนั้นจุยเฟิงก็อยากหัวเราะขึ้นมา ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงรู้สึกว่ามันตลกมาก
ดังนั้นเขาจึงหัวเราะ…อีกทั้งยังขัดขืนตัวออกจากอ้อมอกของพนักงานดับเพลิงบินได้ อยากจะตกลงพื้นอีกครั้ง
“นายทำอะไร ไม่ต้องการชีวิตแล้วเหรอ”
เมื่อมองเห็นจุยเฟิงตกลงจากที่สูงอีกครั้ง พนักงานดับเพลิง…มั่วเสี่ยวเฟยก็ไม่สนใจอะไรมาก เพียงแต่ใช้พลังรองรับร่างของจุยเฟิงเอาไว้อีกครั้งเหมือนกับเมื่อครู่
เขาไม่รู้ว่าเด็กชายที่ดูเด็กกว่าเขาไม่กี่ปีคนนี้พบเจอกับอะไรมาถึงได้บาดเจ็บหนักเช่นนี้ อีกทั้งยังตกลงมาจากที่สูงอีก…แต่เขาก็คิดอะไรไม่ทันแล้ว
เขาคิดเพียงจะช่วยเด็กคนนี้ให้ได้ พริบตาเดียวที่เห็นเขาตกลงมา เขาก็คิดจะช่วยเด็กคนนี้ในทันที
จุยเฟิงตกลงสู่พื้นอย่างนุ่มนวลอีกครั้ง มั่วเสี่ยวเฟยรีบบินลงมา คิดจะอุ้มเขาอีกครั้ง “เด็กน้อย ชีวิตนั้นมีค่ามาก”
“อย่ามา…สนใจฉัน” จุยเฟิงโบกมือ…ปัดมือของอีกฝ่ายออกอย่างไร้เรี่ยวแรง “นายกับฉันไม่รู้จักกัน…ไม่จำเป็น…ต้องช่วยฉัน”
“ไม่รู้จักกันก็ช่าง จะเคยมีบุญคุณความแค้นต่อกันก็ช่าง เป็นอะไรก็ช่าง แต่ฉันทนมองชีวิตหนึ่งจบสิ้นไปต่อหน้าฉันไม่ได้”
มั่วเสี่ยวเฟยส่ายหน้า “ยกตัวอย่างเช่นหากนายเป็นคนดี นายก็ยิ่งไม่สมควรตายไปอย่างนี้ หากนายเป็นคนชั่ว…อย่างน้อยก็ต้องรอพิจารณาคดีเสร็จ ขอโทษคนที่นายเคยทำร้ายก่อนถึงเลือกจบชีวิตตนเองได้ การตายไปเช่นนี้ถือเป็นการกระทำที่ขี้ขลาดที่สุด”
“ฉัน…ฉันกลับถูกมนุษย์คนหนึ่งสั่งสอนงั้นเหรอ ฮ่าๆ…ฮ่าๆๆ…”
จุยเฟิงไอออกมาอย่างทรมาน ส่ายหน้าและพูดว่า “สถานการณ์ของฉัน…ฉันรู้ดี ไม่จำเป็นต้องช่วยฉันจริงๆ…ถ้านายใจดีจริงๆ ก็ไปช่วยพวกคนที่อยู่ที่นี่เถอะ…พวกเขาน่าจะแย่มาก ใช่แล้ว ฉันเป็นคนทำให้เป็นแบบนี้เอง…ตอนนี้นายยังจะช่วยฉันไหม นายยังยินดีอีกไหม…กับคนชั่วแบบฉันน่ะ”
“นายเองเหรอ…”
มั่วเสี่ยวเฟยชะงัก ทั้งตกใจและโมโหเล็กน้อย แต่เขาก็ระงับความโกรธได้อย่างรวดเร็ว สูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “ฉันยังเลือกที่จะช่วยนายอยู่ดี ถึงฉันจะไม่รู้ว่าทำไมนายถึงทำเรื่องแบบนี้ พูดตามจริง ตอนแรกฉันคิดว่านายติดตั้งระเบิดและร้อนใจมาก แต่ถึงสุดท้ายนี่เป็นเพียงการแกล้งครั้งใหญ่เท่านั้น ฉันไม่รู้ว่านายมีความคิดอะไร แต่อย่างน้อยฉันก็รู้ว่า…อย่างน้อยนายก็ไม่เคยคิดจะทำร้ายใครจริงๆ การแกล้งเหล่านี้อาจจะทำให้คนโมโห ทำให้คนลำบากทุลักทุเลแต่ก็ไม่ได้เอาชีวิตของพวกเขา มนุษย์นั้นแข็งแกร่งมาก เวลาที่พวกเขาเผชิญหน้ากับอุปสรรคก็จะข้ามผ่านไปให้ได้ อีกอย่างตำรวจกับพนักงานดับเพลิงมากมายจะมาถึงในไม่ช้า ดังนั้น…ฉันยังจะช่วยนายก่อน”
“นายน่ารำคาญจริงๆ” จุยเฟิงกระอักเลือดออกมา แต่กลับพลิกมือเกิดเป็นพลังปัดมั่วเสี่ยวเฟยจนกระเด็นไป
แต่ก็นะ มีมนุษย์แบบนี้อยู่ได้ยังไง…หากว่าพบกันก่อนล่ะก็…
จุยเฟิงคุกเข่าอยู่บนพื้น เดิมทีเขาก็ใกล้จะตายแล้ว มาตอนนี้เมื่อใช้พลังปีศาจอีกครั้ง…ก็ยิ่งใกล้ความตายเข้าไปอีก
ส่วนร่างกายของมั่วเสี่ยวเฟยชนเข้ากับผนังอย่างรุนแรง…จนเขาได้ยินเสียงกระดูกหัก
กระดูกแขนซ้ายคงหักแล้ว
“ฉันบอกแล้วว่าอย่ายุ่งกับฉัน” เลือดไหลออกจากปากของจุยเฟิงไม่หยุด บาดแผลบนตำแหน่งหัวใจก็มีเลือดพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง สภาพเลวร้ายเหมือนจุ่มร่างกายลงในบ่อเลือด “นายรู้อะไร ฉันสมควรตาย ตั้งแต่เกิดมาฉันก็ทำให้แม่ของตัวเองต้องตาย พ่อของฉันไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะฉัน แต่ฉันกลับโทษพวกเขามาโดยตลอดว่าทอดทิ้งฉัน ฉันเคยแค้นทั้งโลก แต่นายรู้ไหม ที่แท้ถ้าฉันไม่ตาย สุดท้ายก็จะทำร้ายคนจำนวนมาก…สุดท้ายแล้วฉันจะเสียสติกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่เอาแต่เข่นฆ่า ใครก็ช่วยฉันไม่ได้ ทำไมฉัน…แค่กๆ…แค่กๆ…ทำไม…แค่กๆ…ฉัน…ยัง…อยู่…”
จุยเฟิงพยายามลุกขึ้นมาแต่ก็ล้มลงไปบนพื้นอีกครั้ง เจ็บปวดมาก ร้องไห้เป็นสายเลือด “ฉันใกล้จะควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว…ฉันจะฆ่า…ฆ่า…เพื่อนๆ…ที่มีค่าที่สุดของฉัน”
“นาย…” มั่วเสี่ยวเฟยลุกขึ้นมา มองไปยังเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยความหดหู่ ทันใดนั้นก็รู้สึกสงสารขึ้นมา “แต่นายทำแบบนี้ ไม่กลัวว่าเพื่อนที่แสนมีค่าของนายจะเสียใจงั้นเหรอ”
จุยเฟิงล้มลงบนพื้น แววตากระจาย “ไม่…พวกเขาจะแค้นฉัน แค้นจนอยากให้ฉันตาย…จะไม่เศร้า…นั่นก็พอแล้ว…พวกเขาจะไม่เศร้าหรอก…ต่อไปพวกเขาก็จะกลับคืนสู่…ชีวิตปกติ…เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง…จะไม่พูดถึงฉันอีก…จะไม่มีแล้ว…แบบนั้นก็จะไม่มีใครรู้…รวมทั้ง…จะไม่มีใครเจ็บปวด…แบบนั้นก็เพียงพอแล้ว…ที่เหลือ…ก็มอบให้ฉันเถอะ ความเศร้าอะไรนั่น…ความเจ็บปวดอะไรนั่น…เอามาให้ฉันทั้งหมด…เพราะ…เพราะว่า…ฉัน…ฉันเป็น…หัวหน้าของพวกเขา”
ใช่แล้ว ฉันเป็นหัวหน้า
ฮะฮะ…ลาก่อน…กลุ่มวัยรุ่นจุยเฟิง…ของฉัน
ในที่สุดเขาก็ไม่ขยับอีก
หลับตาลง แน่นิ่ง
…
“ฉันช่วยเขาไม่ได้…ฉันช่วยเขาไว้ไม่ได้”
มั่วเสี่ยวเฟยสติหลุดคุกเข่าลงกับพื้น พูดอย่างเจ็บปวดว่า “ฉันช่วยเขาไม่ได้…ฉันช่วยเขาไม่ได้…”
เขาก้มหัวลง…ภายใต้หน้ากากป้องกันพิษมีน้ำตาไหล เขากำลังร้องไห้เพื่อชีวิตหนึ่งที่ตนเองช่วยเอาไว้ไม่ได้
“จุยเฟิง อย่าตายนะ”
…
เสียงตะโกนอย่างโศกเศร้าดังขึ้นจากด้านหลังของมั่วเสี่ยวเฟย เขาหันมองไปก็เห็นเงาร่างเล็กๆ กำลังพุ่งเข้ามา