สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - ตอนที่ 126-1 ข้าคือจุยเฟิง
‘มีหลายครั้งที่ต้องเผชิญกับสายตาเย็นชาและยิ้มเยาะ
แต่ก็ไม่เคยละทิ้งความฝันในใจ
บางช่วงเวลาแห่งความมึนงงอาจรู้สึกว่างเปล่า
ความรักในใจจืดจางไปโดยไม่รู้ตัว (มีใครเข้าใจฉันบ้าง)’
…
…
นอกเหนือจากผู้ชมแล้วหลีจื่อก็กำลังมองการต่อสู้ที่สูสีอย่างตกตะลึง
แม้แต่ ‘หลงซีรั่ว’ ที่กำลังต่อสู้ก็ตะลึงมากกับพลังของจุยเฟิง พลังของเขายังคงเพิ่มขึ้น…เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เหมือนกับไม่มีที่สิ้นสุด
‘หลงซีรั่ว’ ลอบคำนวณเวลาที่ตัวเองเหลืออยู่ในใจและพยายามโจมตีสุดกำลัง
“ฮ่าๆๆๆ มาฆ่าฉันสิ ใต้เท้าหลง มาฆ่าฉัน” จุยเฟิงร้องเรียกอย่างบ้าคลั่ง “เธอบอกว่าจะไม่ไว้ไมตรีไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมือไม้อ่อนซะล่ะ คงไม่ใช่ว่าแก่แล้วเรี่ยวแรงถดถอยหรอกนะ”
“เจ้าเด็กไม่รู้เรื่อง รู้จักแต่บ้าคลั่ง” มังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพสบถ “จุยเฟิง พลังของนายเพิ่มเร็วเกินไป นายจะรับไหวเหรอ…ดูสภาพของนายตอนนี้สิ นายกำลังฆ่าตัวเอง”
จุยเฟิงไม่ฟังพุ่งเข้าโจมตีหลงซีรั่วอย่างบ้าคลั่งขึ้น
ร่างกายของเขาบวมขึ้นมา…เลือดไหลออกจากร่างกายจำนวนมาก แต่กลับยิ่งทำให้ลายอาคมบนร่างกายของเขาโดดเด่นขึ้นมาอีก
“ที่นี่ไม่ได้…ถ้ามีความสามารถ นายก็ตามฉันไปสู้บนแม่น้ำ” ‘หลงซีรั่ว’ สบถออกมา
แต่จุยเฟิงกลับหัวเราะฮาๆ “แต่ฉันได้…ใต้เท้าหลง เธอกำลังกังวลถึงพวกมนุษย์ด้านล่างงั้นเหรอ ฮิๆ…น่าสนใจ”
ทันใดนั้นเอง จุยเฟิงก็ตวัดสองมือเกิดเป็นกรงเล็บเลือดสองสายพุ่งลงไปด้านล่าง “ด้านล่างน่ารำคาญเกินไป…เล่นอะไรกัน จงสลายหายไปซะ หายไป หายไป!”
‘หลงซีรั่ว’ กัดฟันทำได้เพียงละทิ้งการโจมตีจุยเฟิง พุ่งร่างลงไปรับกรงเล็บเลือดทั้งสองก่อนที่พวกมันจะฟาดลง
เกือบไปแล้ว…ตอนนี้มังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพมองไปยังคนหลายหมื่นด้านล่างแวบหนึ่ง ข้างล่างนี้เหมือนมีอะไรสักอย่างทำให้เธอรู้สึกอยากลงไป…ใครกำลังร้องเพลง
แต่ความคิดนั้นก็เป็นเพียงแค่แวบเดียว…เวลานี้เธอไม่มีกะจิตกะใจไปฟังมนุษย์ร้องเพลง
“จุยเฟิง” น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นเล็กน้อย “มนุษย์กับปีศาจอยู่อย่างสงบไม่ยุ่งเกี่ยวกันมานับร้อยปีเพราะได้ทำข้อตกลงระหว่างกันเอาไว้…แต่นายกลับคิดจะทำลายข้อตกลงนั้น”
“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ ฉันพูดแล้วว่าถ้ามีความสามารถก็มาฆ่าฉัน ถ้าไร้สามารถก็อย่ามายุ่ง” จุยเฟิงสบถ “มังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพ…ถ้าฉันได้ตายในเงื้อมมือของเธอก็จะไม่ตายอย่างเสียชาติเกิดแล้ว”
‘หลงซีรั่ว’ ถอนหายใจ ทันใดนั้นก็ตะคอกเสียงเข้มว่า “กุยเชียนอี!”
ในพริบตาที่เธอตะโกน กลางท้องฟ้ามีแสงอันเย็นยะเยือกตัดฟ้ามาที่ด้านหน้าของ ‘หลงซีรั่ว’ มันเป็นไม้เท้า
ไม้เท้าด้ามหนึ่ง ‘หลงซีรั่ว’ ซ่อนตัวอยู่หลังไม้เท้ากระบี่อันแหลมคมด้ามนี้
กระบี่ไม้เท้าเปล่งแสงอันเย็นยะเยือกออกไปรอบทิศ ไอสังหารบนร่างของ ‘หลงซีรั่ว’ เพิ่มขึ้นมาหลายเท่าในฉับพลัน..ความเกรี้ยวโกรธของมังกรแท้จริงทำให้จุยเฟิงรู้สึกถึงความกดดันอันแข็งแกร่ง
ร่างกายของเขาสั่นเล็กน้อย…แต่ดวงตาของเขากลับยิ่งฉายแววบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ
คาถาสีแดงเลือดเหล่านั้นก็ยิ่งสดใสขึ้นเรื่อยๆ
“ขอโทษด้วย…จุยเฟิง” ‘หลงซีรั่ว’ ตวัดกระบี่ นัยน์ตาฉายแววไม่อยากลงมือ…แต่มันก็กระจายหายไปอย่างรวดเร็ว แสงสีทองบนตัวเธอลดแสงลง…และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
แทนที่ด้วยเงาขนาดใหญ่ที่โผล่ขึ้นมาอย่างคลุมเครือกลางอากาศ…เงามังกร
‘หลงซีรั่ว’ ก้าวเท้าเล็กน้อยก็สามารถข้ามช่องว่างระหว่างทั้งสองคนไป แสงอันเย็นยะเยือกบนกระบี่ไม้เท้าปรากฏขึ้นตรงหน้าจุยเฟิงและแทงไปยังหน้าอกของเขา
ฉึบ
แต่จุยเฟิงยกมือขึ้นมาอย่างฉับพลันและใช้สองมือจับตัวกระบี่เอาไว้ ฝ่ามือของเขาถูกตัดผ่านทำให้เลือดไหลออกมา…แต่สุดท้ายก็ยังจับกระบี่เอาไว้ได้
“พลังของนายเพิ่มขึ้นอีกแล้ว…”
‘หลงซีรั่ว’ จะดึงกระบี่ออกมา…แต่กลับดึงไม่ออก
ถึงจะพูดว่าเงาที่ใช้ต่อสู้นี้จะสามารถใช้พลังของร่างจริงได้บางส่วน แต่ก็เป็นเพียงเงาที่กุยเชียนอีใช้ไข่มุกสร้างขึ้นมา ไม่อาจเทียบกับร่างมังกรแท้จริงที่สมบูรณ์ได้ ‘หลงซีรั่ว’ ไม่สามารถดึงเอาพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดจากแผ่นดินได้
ทั้งยังไม่ได้รับการคุ้มครองจากแผ่นดิน…พลังมังกรแท้จริงจึงลดลง
“มังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพ…มังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพมีพลังเพียงเท่านี้เองเหรอ” จุยเฟิงบ้าคลั่งขึ้นไปอีก “ทำไม ทำไม เธอมีพลังเพียงเท่านี้เหรอ เธอควรจะแข็งแกร่งกว่าฉันสิ เธอควรจะแข็งแกร่งกว่าฉันถึงจะถูก”
‘หลงซีรั่ว’ กัดฟัน ผลักกระบี่ไม้เท้าเข้าไป…ในที่สุดก็ขยับแล้ว
ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้หน้าอกของจุยเฟิง
แต่ร่างกายของเธอกลับค่อยๆ จางลง…จางลงเรื่อยๆ
น่าตายนัก…คิดไม่ถึงว่าพลังของจุยเฟิงจะเพิ่มขึ้นมาถึงระดับนี้ ตอนเริ่มแรกใช้พลังมากเกินไปงั้นเหรอ…ฝืนอีกนิดเดียว อย่างน้อย…อย่างน้อยก็
‘หลงซีรั่ว’ คำรามออกมา มังกรแท้จริงรู้สึกไม่ยินยอม…ร่างกายกลายเป็นฟองหายในพริบตา เหลือเพียงแค่กระบี่ไม้เท้าที่ยังอยู่ในสองมือของจุยเฟิง
มังกรแท้จริงหายไปอย่างกะทันหัน…กระบี่ที่สูญเสียพลังทั้งหมดและตรงหน้ากลายเป็นว่างเปล่า
จุยเฟิงมองฉากตรงหน้าอย่างตะลึง มองกระบี่ที่เดิมอยู่ห่างจากหน้าอกของตัวเองไปไม่ไกล ก้มหน้าพูดว่า “ทำไม…เหลืออีกนิดเดียวชัดๆ อีกนิดเดียวเท่านั้น…”
“ทำไม!” จุยเฟิงคำรามขึ้นไปหาพระจันทร์ด้วยความโมโห “ทำไม ไม่ให้ฉันตาย เธอมาขัดขวางฉันแล้ว อย่างนั้นก็ฆ่าฉันเลยสิ เธอไปแล้วงั้นเหรอ นี่มันอะไรกัน อะไรกัน!”
ทันใดนั้นเขาก็กระอักเลือดออกมา คาถาบนร่างกายสดใสขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างต้องการจะปะทุออกมาจากร่างกายของเขา
ทันใดนั้นจุยเฟิงก็จับกระบี่ไม้เท้าและทาบคมกระบี่ไว้บนคอของตัวเอง พูดด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าว่า “ในเมื่อ…พวกนายล้วนแต่ฆ่าฉันไม่ตาย…”
ทันทีที่คมกระบี่จะตัดคอของเขานั้นกลับสั่นและหยุดลง…เป็นสัญชาตญาณของร่างกายบอกให้หยุดการกระกระทำ
“ตลกจริง ฉันก็ไม่มีความกล้านี้งั้นเหรอ…ฉัน ฉันทนต่อไปไม่ไหวแล้ว…”
จุยเฟิงถอนหายใจ สุดท้ายก็มองไปยังโลกที่อยู่ตรงหน้า…เขาเคยมีความคิดที่จะยืนอยู่บบนที่สูง
ถ้าเขาบินได้ เขาก็จะสามารถมองเห็นโลกใบนี้ได้ในมุมสูงแบบนก
ส่วนตอนนี้เขาบินได้แล้วทั้งยังมองดูโลกใบนี้ในมุมสูงแบบนก แต่มันกลับเป็นการมองดูครั้งสุดท้าย…ดูเหมือนจะไม่มีอะไรให้เสียใจแล้วใช่ไหม
ทันใดนั้นเขาก็เงียบ จับกระบี่แน่นใหม่อีกครั้งและพาดไว้บนคอของตัวเอง
แต่ตอนนี้สายตาของเขากลับมองไปยังสถานหนึ่ง สถานที่ที่ทำให้เขาหยุดการฆ่าตัวตายจากกระบี่ลงชั่วขณะ เขามองเห็น… “ชีส อีกคนคือ…”
…
เวลานี้หลงเอ๋อร์ล้มลงบนพื้น ไข่มุกลูกนั้นก็กลิ้งลงกับพื้น “กุยเชียนอี! นี่เป็นวิชาผุๆ อะไร บอกว่าห้านาทีไม่ใช่เหรอ ทำไมแค่สามนาทีก็ยังไม่ถึง!”
กุยเชียนอีพูดอย่างหมดหนทางว่า “ใต้เท้า ข้าก็ไม่คิดว่าจะต้องสูญเสียพลังมากขนาดนี้…ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ ข้าคาดคะเนว่าจะได้ห้านาที”
“คาดคะเนรึ”
“นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ข้าใช้เลือดมังกรแท้จริงสร้างขึ้นมา…จึงทำได้เพียงคาดคะเนเอาเท่านั้น”
หลงเอ๋อร์ถลึงตาแต่ก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์ เธอเงยหน้ามองฟ้า ขมวดคิ้วและพูดว่า “จุยเฟิง…คิดจะทำอะไรอีกกันแน่”
เห็นเพียงจุยเฟิงลอยตัวลงมาอย่างกะทันหัน…ดูจากตำแหน่งแล้วน่าจะเป็นยอดหลังคาวงแหวนของสนามกีฬาแห่งนี้
หลงเอ๋อร์ไม่พูดไม่จาปีนขึ้นไปบนกระดองเต่าด้านหลังกุยเชียนอี “กุยเชียนอี พวกเราไปดูกัน เมื่อครู่นี้เขาคิดจะฆ่าคนที่อยู่ที่นี่…ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเกิดบ้าอะไรขึ้นอีก…เขาบ้าคลั่งเกินไปแล้ว ตอนที่ต่อสู้กันข้าสัมผัสได้ว่าความบ้าคลั่งใกล้จะกลืนกินเขาแล้ว”
…
ร่างกายของมั่วเสี่ยวเฟยหนักขึ้นอย่างฉับพลันจนเกือบตกลงจากกลางอากาศ แต่สุดท้ายก็ยังสามารถควบคุมร่างกายของตัวเองให้สมดุลได้
เขาตรวจสอบมาเก้าจุดแล้ว…แต่ยังไม่พบระเบิดซ่อนอยู่ในดอกไม้ไฟ
ยังเหลืออีกครึ่งหนึ่ง
มั่วเสี่ยวเฟยให้กำลังใจตัวเอง…เขามองไปบนเวทีแวบหนึ่ง…ดูเหมือนมีพลังอะไรบางอย่างกำลังให้กำลังใจเขา ไม่เช่นนั้นแล้ว เขาคิดว่าตัวเองคงยืดหยัดต่อไม่ได้
“กลัวว่ามีสักวันจะล้มเหลวงั้นเหรอ…จริงๆ” มั่วเสี่ยวเฟยตั้งสติขึ้นมาอีกครั้งพุ่งไปยังจุดที่สิบอย่างรวดเร็วและพูดว่า “แต่…เมื่อล้มแล้วก็ลุกขึ้นมาอีกสิจะเป็นอะไรไป”
เงาร่างบนท้องฟ้า…เงาร่างมังกรขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในความมืดโผล่ให้เห็นวับๆ แวมๆ ทำให้มั่วเสี่ยวเฟยสั่นสะท้านขึ้นมา
“นั่นคืออะไรกัน…”
…
…
หนักหัวจริงๆ …แต่ก็ยังสามารถลืมตาขึ้นได้
ชีสได้ยินเสียงเพลง เสียงเพลงอ่อนโยนเช่นนี้ดูเหมือนแฝงด้วยความมั่นคงไม่ย่อท้อ…ทำให้เขาพยายามลืมตาตัวเองขึ้นมา
พริบตาเดียวที่เขาลืมตานั้น ความคิดของเขา ร่างกายของเขาก็เหมือนไม่มีอะไรมาขวางกั้น…เขาไม่อาจละสายตาไปได้อีกแล้ว
ไม่อาจละสายตาไปจากเงาร่างตรงหน้า
ลำคอของเขาเร่าร้อนเหมือนมีไฟแผดเผา น้ำตาพรั่งพรูเหมือนเขื่อนแตก เขาโอบกอดเงาร่างตรงหน้าเอาไว้แน่น ร้องตะโกนเรียกชื่อที่อยู่ในใจ “พ่อ! พ่อครับ!”
มันที่อยู่ตรงหน้ายื่นมือออกไปลูบหัวชีสเบาๆ ไม่พูดอะไร เพียงแค่ลูบหัวของชีสไปแบบนั้น
“พ่อ พ่อครับ ผมกำลังฝันอยู่หรือเปล่า พ่อครับ ผมคิดถึงพ่อ…คิดถึงมาก คิดถึงมากจริงๆ”
มันยังคงไม่พูดอะไร ยังคงนั่งนิ่งให้ชีสร้องเรียกพ่อ อยู่ตรงหน้าของมันนี่เอง
มันพิจารณาดูสิ่งมีชีวิตที่กำลังโอบกอดมันอยู่ ไม่อาจซ่อนความปรารถนาในแววตาได้อีกต่อไปแล้ว…แม้ภายใต้ความปรารถนานี้จะมีความเจ็บปวดแทบคลั่งสายหนึ่งอยากจะปะทุออกมา…แต่ก็หมดหนทาง
ส่วนหลังทั้งหมดของมันเปิดออกอย่างฉับพลัน จากตำแหน่งหลังคอถึงกระดูกหางเปิดออก
มีฟันอันแหลมคมและมีสีแดงเลือดอยู่ด้านใน…อ้าปากกว้างเหมือนลูกโทงเทงสีแดง
“พ่อครับ ผมคิดถึงพ่อ พวกเราคิดถึงพ่อ พ่อไปอยู่ไหนมา พ่อครับ” ชีสเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าที่ตัวเองคุ้นเคย
ใช่แล้ว…ยังมีความรู้สึกที่มีเฉพาะซูโย่วเท่านั้นถึงจะมีอีก
ตอนนี้มันยิ้ม มันคิดจะกินสิ่งมีชีวิตตรงหน้า แต่สัญชาตญาณกลับไม่ยอมให้เขาได้รับความทรมานแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นมันจึงพูดเบาๆ ว่า “พ่อไปที่ที่ไกลมากที่หนึ่งและเพิ่งกลับมา”
“ที่ไหน นานขนาดนั้น”
“ไกลมาก แต่ว่าไม่เป็นไร พ่อกลับมาแล้ว” มันยังคงพูดเบาๆ อีกว่า “ครั้งนี้ที่พ่อกลับมาก็เพื่อจะพาลูกไปที่นั่น ลูกจะไปกับพ่อไหม”
ชีสพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว “ไปครับ พ่อจะไปไหน ผมก็จะไปด้วย…แต่ว่าแม่ ยังมีน้องๆ อีก…”
“วางใจเถอะ อีกเดี๋ยวพ่อก็จะพาพวกเขาไปด้วยกัน” มันใช้สองมือกดบนไหล่ของชีส น้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นเรื่อยๆ “ตอนนี้ ลูกหลับตาก่อน แปบเดียวก็จะไปถึงที่นั่นแล้ว”
แต่ทันใดนั้นชีสก็ส่ายหน้า “ไม่เอา…ผมกลัว กลัวว่ามันจะเป็นเพียงแค่ความฝัน ผมกลัวว่าถ้าหลับตาแล้วพ่อจะหายไป ไม่เอา ผมไม่ยอม…พ่อครับ ชีสไม่แข็งแกร่งเลยสักนิด…ชีส ไม่แข็งแกร่งเลย”
“พ่อสัญญาว่าจะไม่หายไป”
มันยิ้ม “ลูกจับตัวพ่อสิ พ่อมีตัวตนจริงๆ ไม่หายไปหรอก…เพราะงั้นหลับตาลงเถอะ แล้วความเจ็บปวดทุกอย่างจะหายไป อีกไม่นานแม่และน้องๆ ของลูกก็จะได้มาอยู่ร่วมกัน…พวกเราจะอยู่ด้วยกัน กลายเป็นร่างที่เต็มสมบูรณ์ตลอดไป…”
“จริง จริงเหรอ…” ชีสพยักหน้าอย่างลังเล แต่ก็ยังหลับตาลง
นิ่งรอครู่หนึ่ง
“พ่อครับ ได้หรือยัง ผมลืมตาได้หรือยัง” ชีสลองถามไป
“ใกล้แล้ว ใกล้จะได้แล้ว เสร็จแล้ว…” มันพูดเบาๆ แต่ปากอันน่ากลัวด้านหลังได้อ้ากว้างถึงขีดสุด ของขนาดใหญ่ที่เหมือนทั้งลิ้นและท่อค่อยๆ ยื่นออกมา
“ใช่แล้ว พ่อครับ” ทันใดนั้นชีสก็พูดว่า “หลังจากรับแม่เสร็จแล้ว ผมอยู่รออีกหน่อยได้ไหม…ผมยังมีเรื่องเรื่องหนึ่งที่ต้องจัดการให้ชัดเจน”
“ได้สิ เรื่องอะไรล่ะ”
ชีสสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “ผม…ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ผมมีเรื่องอยากจะถามเขาให้ชัดเจน”
เมื่อลิ้นอันนั้นใกล้จะถึงหัวของชีสแล้วก็กางออก กลายเป็นท่อขนาดใหญ่ที่สามารถกลืนเขาเข้าไปได้
มันยังคงใช้เสียงนั่นพูดว่า “ได้สิ ไม่ว่าลูกคิดจะทำอะไร พ่อก็จะให้ลูกทำ”
“ครับ” ชีสเผยรอยยิ้มออกมา
แต่ในตอนนี้เอง เขาก็รู้สึกว่ามือที่พ่อของตัวเองกดไว้บนบ่าคลายออกอย่างกะทันหัน…ชีสลืมตาขึ้นมาโดยไม่รู้สึกตัว แวบแรกก็เห็น ‘พ่อ’ ที่อยู่ตรงหน้าของเขาเผยสีหน้าเจ็บปวด กระบี่เดียวแทงทะลุหน้าอกของพ่อเขาและแทงมาจนเกือบถึงหว่างคิ้วของเขา
“พ่อครับ…” ชีสร้องเรียกออกไปโดยสัญชาตญาณ…ความน่ากลัวทำให้เขาไม่ทันได้ครุ่นคิด
พ่อที่อยู่ตรงหน้า พ่อของเขา…ร่างกายของซูโย่วกลับระเบิดออกในพริบตา
ระเบิดออกอย่างสิ้นซาก
ระเบิดกลายเป็นชิ้นเลือดเนื้อจำนวนมากสาดบนใบหน้าของเขา บนตัวของเขา ใต้เท้าของเขา…รอบๆ ตัวเขา
ตรงหน้าเหมือนจะมีเพียงเศษชิ้นเนื้อเละและคราบเลือด…ที่ไม่สามารถฟื้นฟูอะไรได้อีก
มีเพียงกระบี่แหลมคมที่ตกลงบนพื้นส่งเสียงดัง เคร้ง …เสียงนี้ทำให้ชีสมองไปด้านหน้าโดยไม่รู้ตัว
ไม่ไกลออกไป…ไกลแค่ไหน ประมาณห้าเมตร หกเมตร หรือว่าเจ็ดเมตร…มีเงาร่างสายหนึ่ง
ผู้ที่มีดวงตาแดงฉานและเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งไม่มีที่สิ้นสุด เป็นจุยเฟิง
“อา…ขอโทษที ดูเหมือนจะทำลายฝันหวานของนายไป”
จุยเฟิงยิ้มเยาะมองชีส “แต่ก็นะ ทำไมตอนที่ฉันเห็นนายเป็นแบบนี้ถึงรู้สึกมีความสุขมากล่ะ อาจจะเป็นเพราะ…นายมันพวกชอบพูดถึงแต่ครอบครัว ในที่สุด…รู้หรือยังว่าการไม่มีญาติสนิทนั้นรู้สึกยังไง อีกครั้ง”
“จุยเฟิง…” ชีสก้มหน้า สองตาแดงฉาน ร่างปีศาจถึงขีดสุด คว้าเอากระบี่ไม้เท้าบนพื้นขึ้นมาในทันใด “จุยเฟิง ฉันจะฆ่านาย!”
ไม่กี่เมตร ใกล้มาก…และไกลมากเช่นกัน
ต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะข้ามไปถึง
ชีสไม่รู้ บางทีอาจจะไม่ได้คิดเลย…ในตอนที่กระบี่ในมือแทงทะลุร่างกายของจุยเฟิง…พริบตาที่แทงเข้าไปในหัวใจของจุยเฟิงนั้น เขาก็คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะง่ายดายขนาดนี้
เขาไม่คิด เขาเพียงแค่ออกแรงแทงกระบี่ที่แทงทะลุหัวใจของจุยเฟิง ผลักร่างกายของจุยเฟิง ขณะที่กำลังคำรามด้วยความโมโห เขาร้องไห้เป็นสายเลือดไปพร้อมกับดันอีก ดันอีก
ในตอนที่จุยเฟิงกระอักเลือดลงบนหัวของชีสนั้น ชีสถึงได้หยุดลง
เขาพิงอยู่บนหน้าอกของจุยเฟิง “ทำไม…ต้องอยากให้เป็นแบบนี้…”
จุยเฟิงก้มหน้า หัวเราะเบาๆ “ก็ไม่ทำไม…ก็แค่อยากเห็นนายเจ็บปวดสักหน่อย…ให้นายรู้ว่าตัวนายเองนั้นจอมปลอมขนาดไหน สุดท้ายแล้วก็ยังสามารถฆ่าคนได้…ให้นายลองดูสิว่าการเป็นฆาตกรรู้สึกยังไง…ชีส…ในโลกนี้…ไม่มีหรอกของที่จะดีไปทุกด้าน…นี่มันดีมากไม่ใช่เหรอ…เจ้าคนที่ทำตัวเป็นคนดีมาตลอด…”
“จุยเฟิง…”
จุยเฟิงใช้กำปั้นทุบบนหน้าอกของชีส…กระอักเลือดออกมาบนพื้น ชีสตัวแข็งล้มลงไปและลุกขึ้นมาไม่ได้อีก
“จุยเฟิง…แค่กๆ…” ชีสพยายามลองลุกขึ้นมา “ทำไมต้องฆ่าพ่อของฉัน…นายไม่ได้คิดจะฆ่าพวกแม่พวกน้องของฉันจริงๆ…ฉัน ฉันเห็นถุงเลือด…”
“อ๊า”
ทันใดนั้นจุยเฟิงก็ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เขาดึงกระบี่ที่แทงหัวใจออกมาโยนทิ้งบนพื้น “อ๋อ…ใช่เหรอ นายพบแล้วเหรอ…แต่ก็นะ การละเล่นนั่นน่ะ…ก็เพื่อแกล้งนายเล่นเท่านั้น…”
จุยเฟิงหันหน้ากลับ เดินโซซัดโซเซหันหลังให้ชีส พูดอย่างอ่อนแรงว่า “นายลองคิดดู…ว่าหลังผ่านความเจ็บปวดที่ต้องเลือกให้คนสนิทตายแล้วรู้ความจริงอย่างกะทันหันว่า…พวกเขายังไม่ตายจะเป็นยังไง จะต้องดีใจมากใช่ไหม อยู่ดีๆ ก็ขึ้นจากนรกไปสวรรค์ จากนั้นล่ะ ฉันก็จะฆ่าพวกเขาทีละคนต่อหน้าพวกนายอีกครั้ง คงน่าดูทีเดียว…ส่วนนายก็จะกลับไปอยู่ในนรกอีกครั้ง อา…แต่น่าเสียดายที่แผนการดีแบบนี้ถูกคนทำลายลงไป น่าเสียดายจริงๆ”
“นาย…นายบ้าไปแล้วจริงๆ”
“ใช่แล้ว ฉันมันบ้า”
จุยเฟิงเดินไปถึงขอบของหลังคา ทันใดนั้นก็กางแขนออกเหมือนจะบิน “แต่ว่าฉัน…ฉันจะทำอะไรแล้วต้องอธิบายให้พวกนายฟังด้วยเหรอ สิ่งเดียวที่น่าเสียดายที่สุดก็คือไม่สามารถฆ่าครอบครัวของนายทั้งหมดได้…ฆ่าเพียงแค่คนที่นายเรียกว่าพ่อ ล้มเหลวจริงๆ…ล้มเหลวจริงๆ…”
เขามองไปยังคนนับหมื่นด้านล่าง…ใครกำลังร้องเพลง แน่วแน่ขนาดนี้…
‘โปรดให้อภัยฉันที่ดื้อด้านไล่ล่าหาความอิสระ
ก็กลัวว่าสักวันจะล้มเหลว
ละทิ้งความฝัน
แต่ใครๆ ก็เป็นไปได้…’
น่าหงุดหงิดจริงๆ…เพลงนี้…
ดวงตาของเขาเบิกกว้าง…กว้างขึ้น เริ่มครุ่นคิดถึงชีวิตของตัวเอง…นี่เป็นการเดินทางดูชีวิตที่ผ่านมาก่อนตายงั้นเหรอ