สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - ตอนที่ 108 เชื้อเชิญ
“ให้ ให้ผมเข้าร่วมการแข่งขันในวันอาทิตย์?”
หงก้วนเคยเจอผู้ชายคนนี้แล้วครั้งหนึ่ง…ในห้องผู้ป่วยของเฉิงอี้หราน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เรื่องที่เขามาหาอย่างกะทันหันก็ทำให้หงก้วนตกใจอยู่ดี
แต่สิ่งที่น่าตกใจได้มากกว่าก็คือสิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกมา
จงลั่วเฉินยิ้มและพูดว่า “คุณหงไม่ยอมงั้นเหรอ”
“ผม…แต่ว่าผม…” หงก้วนส่ายหน้า “ไม่ถูก ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นผมได้? ผมทำได้งั้นเหรอ”
“ถึงพวกเราจะไม่รู้ว่าความสามารถของคุณกวนเป็นอย่างไร แต่นี่เป็นข้อเสนอของเฉิงอี้หราน บริษัทของเราให้ความสำคัญกับข้อเสนอของเขา” จงลั่วเฉินพูดเช่นนี้
เขามองเห็นความตื่นเต้นในแววตาของหงก้วน…เขาเข้าใจแววตาเช่นนี้ดี ถ้าหากหงก้วนซาบซึ้งใจ จงลั่วเฉินก็ยินดีสร้างบุญคุณนี้ให้เฉิงอี้หราน
นี่ก็เป็นการลงทุนชนิดหนึ่ง?
“แต่…แต่ทำไมครั้งก่อนเขาไม่พูดเรื่องนี้กับผมเอง?” หงก้วนยังไม่เข้าใจ
ทันใดนั้นจงลั่วเฉินก็ยิ้มและพูดว่า “หากคุณหงอยากรู้ ไม่สู้ไปขึ้นเวทีแข่งขันในคืนวันพรุ่งนี้ดู บางทีอาจจะเข้าใจเอง”
“แต่…แต่เวลาเร่งด่วนเกินไป” หงก้วนยังลังเลพูดว่า “พูดความจริง ผมต้องการโอกาสแบบนี้มาก แต่ผมก็รู้จักตัวเองดี ให้ระดับแบบผมขึ้นเวทีระดับนั้น ผมกลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงของบริษัทพวกคุณ…”
“เรื่องนี้คุณไม่ต้องกังวล” จงลั่วเฉินส่ายหน้าและพูดว่า “บริษัทของพวกเราไม่ได้เสียหายไปกับรายการโทรทัศน์แบบนี้มากสักเท่าไร…แต่แน่นอนว่าการให้คุณเข้าร่วมอย่างกะทันหัน คุณไม่ชินก็เป็นเรื่องปกติ คุณหงจะปฏิเสธก็ได้ ผมไม่บังคับ”
“ผม…ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น” หงก้วนส่ายหน้าพูดว่า “ก็แค่ มันเร็วเกินไป ผมยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย”
“เรื่องนี้…” เฉิงอวิ๋นยิ้ม
เฉิงอวิ๋นที่อยู่ด้านหลังเขาเดินขึ้นมาในตอนนี้ พูดว่า “ขอแค่คุณหงตกลงยอมขึ้นเวที ไม่ว่าคุณต้องการอะไร พวกเราก็จัดหาให้คุณได้…ทั้งหมด!”
“ขอผม…คิดดูก่อน” หงก้วนกลืนน้ำลายลงคอ
เขายังรู้สึกกระดากใจอยู่บ้าง
อีกอย่างยังเป็นเวทีระดับนั้น…จริงเหรอ ได้งั้นเหรอ?
…
…
นอกสนามกีฬาดอกบัวบาน
“อา ฮ่าๆๆๆๆ!”
เริ่นจื่อหลิงกำลังกุมท้องหัวเราะเยาะ…หัวเราะเยาะสภาพของหม่าโฮ่วเต๋อในตอนนี้
สภาพยังไงงั้นเหรอ? เพราะตอนนี้เซอร์หม่าที่บ่มเพาะพุงมานานหลายปีสวมเสื้อกั๊กคนแก่สีขาว บนใบหน้าเปื้อนฝุ่น เหมือนคนงานในไซต์ก่อสร้างไม่มีผิด
“อย่าหัวเราะได้ไหม!” เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเสียงหัวเราะเยาะอย่างไม่มีความเกรงใจของเริ่นจื่อหลิง เซอร์หม่าก็คำรามออกมา
“นายอยู่ในสภาพนี้ได้ยังไง?”
หม่าโฮ่วเต๋อ…มองฟ้า หรือจะพูดว่าเพราะตนเองไม่อาจฝืนคำสั่งจากเบื้องบน ไม่สามารถสืบคดีในสนามกีฬาอย่างเอิกเกริกได้ อีกทั้งยังต้องทำเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความคืบหน้าของการก่อสร้างที่มีเบื้องหลังทรงอำนาจ และยังต้องคำนึงถึงจิตใจของคนงานที่นี่ด้วย ดังนั้นจึงต้องแต่งตัวเหมือนคนขนย้ายอิฐ…และก็ขนย้ายอิฐอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้วด้วย
พอเห็นหม่าโฮ่วเต๋อไม่พูดไม่จาแล้ว เริ่นจื่อหลิงก็ทุบมือ “อ๋อ ฉันรู้แล้ว! เป็นเพราะนายไม่สามารถฝืนคำสั่งจากเบื้องบนได้ เลยสืบคดีในสนามกีฬาอย่างเอิกเกริกไม่ได้ แล้วยังต้องทำเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความคืบหน้าของการก่อสร้างที่มีเบื้องหลังทรงอำนาจ รวมทั้งไม่ไปกระทบจิตใจของคนงานที่นี่ เลยต้องแต่งตัวเหมือนคนขนย้ายอิฐ แล้วยังขนย้ายอิฐอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว?”
“…” หัวใจของหม่าโฮ่วเต๋อเต้นแรงไปครู่ใหญ่ ก่อนขมวดคิ้วพูดว่า “คุณรู้ได้ยังไงว่าเบื้องหลังนั้นมีอำนาจ?”
เริ่นจื่อหลิงเชิดจมูกขึ้น “ชิ! ใช้หัวเข่าคิดก็รู้! ฟังนายพูดว่ามีฆาตกรรมเกิดขึ้นที่นี่ แต่ไม่มีการรายงานเลย ไหนจะไม่มีตำรวจในบริเวณใกล้เคียง และกระบวนการก่อสร้างยังเริ่มดำเนินการต่อ ถ้าบอกว่าเบื้องหลังไม่มีอะไร ใครจะไปเชื่อ?”
“อา…” หม่าโฮ่วเต๋อส่ายหน้าอย่างหมดทางเลือก ผู้หญิงคนนี้มีสัมผัสที่แม่นยำมาก “งั้นที่คุณมาหาผมก็เพราะมีข่าวงั้นเหรอ”
เริ่นจื่อหลิงสำรวมขึ้นมา ส่ายหน้าพูดว่า “ไม่มีเลย ฉันแค่ได้ยินว่าช่วงนี้มีคนเร่ร่อนหายตัวไปเยอะ ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับคดีคนเร่ร่อนถูกแยกร่างครั้งก่อนหรือเปล่า”
“คนเร่ร่อนหายตัวไปหลายคน?” หม่าโฮ่วเต๋อตั้งสติ “แม้แต่คนเร่ร่อนคุณก็เอาเข้ามาเกี่ยวด้วยงั้นเหรอ”
“ไปตายซะ นายพูดแบบนี้ได้ไง?” เริ่นจื่อหลิงฟาดไหล่ของเซอร์หม่าอย่างแรงเหมือนป้าแก่ๆ ชอบทำ “กลุ่มคนเร่ร่อนถึงเป็นแหล่งข่าวที่ดีที่สุดในเมืองรู้ไหม?”
หม่าโฮ่วเต๋อนวดหว่างคิ้ว ส่ายหน้าเอ่ยว่า “ไม่ได้แล้ว ไม่ได้แล้ว อยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว…ไม่ใช่แค่หาเบาะแสอะไรไม่พบ หัวหน้าคนงานที่นี่ก็ยังเหมือนปีศาจ หนึ่งวันสิบหกชั่วโมง บีบบังคับกันชัดๆ! ฉันต้องกลับไปแล้ว ฉันอยากกลับ!”
“ให้ฉันไปส่งนายไหม?” เริ่นจื่อหลิงเอ่ยด้วยความหวังดี
“เท่าไร…”
“เห็นฉันเป็นคนเห็นแก่เงินที่แค่ส่งนายก็จะคิดเงินงั้นเหรอ ฉันเป็นคนแบบนั้นเหรอ” เริ่นจื่อหลิงขมวดคิ้ว พูดอย่างเศร้าใจ “เหล่าหม่า…นายมองฉันแบบนี้เองหรือนี่”
“สรุปจะเอาเงินเท่าไร? ถ้าแพงฉันจะนั่งรถโดยสาร…”
“หนึ่งร้อยดีไหม” เริ่นจื่อหลิงเลียริมฝีปาก แล้วหันไปมองแผ่นหลังของหม่าโฮ่วเต๋อ ถามอย่างสนใจว่า “ของที่ส่งมาพวกนั้นคืออะไร”
หม่าโฮ่วเต๋อก็หันมองและพูดว่า “ดอกไม้ไฟน่ะ คนมีเงินเอามาจุดเล่น ดูเหมือนจะเอาไว้ใช้ในรายการคืนวันพรุ่งนี้”
“ดอกไม้ไฟ?” เริ่นจื่อหลิงชะงัก พึมพำอะไรว่า “มากขนาดนี้เลยเหรอ ถ้าเกิดระเบิดขึ้นจะทำยังไง? แจ้งหน่วยงานดับเพลิงหรือยัง? ได้ยินว่าพรุ่งนี้มีคนเยอะเลยนิ หกเจ็ดหมื่นคนใช่ไหม?”
“ปากอีกา!” หม่าโฮ่วเต๋อเคาะหัวของเริ่นจื่อหลิง “ยังไม่ไปขับรถอีก!”
เริ่นจื่อหลิงแลบลิ้นออกมา ดึงเปลือกตาลง ทำหน้าผี
ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนขับรถ เซอร์หม่าค่อนข้างวางใจ เพิ่งขึ้นรถก็กรนหลับเพราะเหนื่อยทันที เริ่นจื่อหลิงทำผิดกฎหมายยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทร พูดว่า “ลูกชาย~~รอเดี๋ยว! อย่าเพิ่งวาง! อย่าวางนะ!”
“มีเรื่องอะไรครับ” เสียงของลั่วชิวดังขึ้นอย่างเรียบเฉย
“คืนพรุ่งนี้เธอมีเวลาว่างหรือเปล่า” เริ่นจื่อหลิงถาม
“มีเรื่องอะไรครับ” ลั่วชิวยังถามคำถามเดิม
“คืนพรุ่งนี้ในสนามกีฬามีการจัดรายการไม่ใช่เหรอ ฉันมีบัตรเข้างานเกินมาหลายใบ นายพาโยวเย่ไปดูด้วยกันดีไหม?” เริ่นจื่อหลิงหรี่ตาลงเอ่ยว่า “ฉันเห็นว่ามีดอกไม้ไฟถูกส่งมาที่นี่มากมาย! ถ้าไม่มาดูก็น่าเสียดาย!”
“แค่ดูการแสดงงั้นเหรอ” ลั่วชิวถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความสงสัย
เริ่นจื่อหลิงหัวเราะ พูดว่า “คืองี้นะ เธออยากลองขอโยวเย่แต่งงานสักครั้งดูไหม? ขอแต่งงานใต้ดอกไม้ไฟ โรแมนติกมากนะ! หลายวันก่อนฉันกับหลีจื่อเดินเล่นแถวนี้…ฮัลโหลๆ?”
ตู้ด ตู้ด ตู้ด ตู้ด!
“ให้ตายสิ!! วางสายฉันอีกแล้ว!” เริ่นจื่อหลิงอ้าปากด่าใส่โทรศัพท์ “นายอยากตายใช่ไหม! ดูสิว่าคืนนี้ฉันจะจัดการนายยังไง!! อย่าหวังจะได้นอนเลย! ฉันไม่โมโห นายก็จะไม่รู้จักความเข้มงวดของฉันที่ดูแลครอบครัวนี้! อู…ว้า!”
คนขับรถหญิงลืมจับพวงมาลัย ตอนได้สติขึ้นมาก็หมุนอย่างบ้าคลั่ง ทำให้รถดริฟกลับในทันที
เกือบไปๆ…เกือบชนแล้ว!
รองบรรณาธิการเริ่นตบหน้าอกอย่างหวาดหวั่น มองหม่าโฮ่วเต๋อแวบหนึ่ง…เห็นหัวของเซอร์หม่าติดอยู่ที่หน้าต่างรถ ขยับไม่ได้ ได้แต่กลอกตาขาว…
“เหล่าหม่า! เหล่าหม่า! นายอย่าทำฉันกลัวสิ! เหล่าหม่า!”
…
“นายท่าน คุณหนูเริ่นมีเรื่องอะไรงั้นเหรอ”
ลั่วชิวที่เพิ่งวางสายมองโยวเย่แวบหนึ่ง…ขอแต่งงาน?
ท้ายที่สุดลั่วชิวก็ส่ายหน้าพูดว่า “ไม่มีอะไร พูดจุกจิกนิดหน่อยน่ะ”
คุณหนูสาวใช้คลี่ยิ้ม ส่วนลั่วชิวยืนขึ้นมาพูดว่า “ฉันจะออกไปข้างนอกแป๊บหนึ่ง ดูสิว่าวันนี้นกหวีดมีอะไรใหม่ๆ พัฒนาขึ้นหรือเปล่า ‘โพรมีธีอุส’…สิ่งมีชีวิตชนิดนี้เติบโตเร็วมากจริงๆ”
“นายท่านเดินทางปลอดภัยนะคะ”