สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - ตอนที่ 70 ลักพาตัว
“อะไรนะ ลักพาตัว?!”
ณ ห้องทำงานในสถานีตำรวจ…ของเซอร์หม่า หม่าโฮ่วเต๋อ แต่คนที่ลุกพรวดจากเก้าอี้แล้วทุบโต๊ะกลับไม่ใช่เซอร์หม่า
“ใช่ครับ เซอร์หลิน คดีลักพาตัวตามรายงานที่คุณอ่านเลยครับ”
หลินเฟิงขมวดคิ้ว จ้องไปที่เกมไมน์สวีปเปอร์บนคอมพิวเตอร์แวบหนึ่งอย่างเผลอตัว…ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเซอร์หม่าถึงชอบเล่นเกมนี้ เล่นแล้วติดลมจริงๆ
แล้วทำไมคนที่เล่นไมน์สวีปเปอร์อยู่ที่นี่ถึงเป็นหลินเฟิง ไม่ใช่หม่าโฮ่วเต๋อล่ะ?
นั่นก็เพราะว่าเขามัวแต่ทำคดีต่อเนื่องอยู่หลายวันจนไม่มีเวลาให้ภรรยา เซอร์หม่าจึงเขียนลาพักร้อนไว้ล่วงหน้าหนึ่งวัน ตอนนี้เขาคงกำลังนอนอาบแดด หรือไม่ก็ว่ายน้ำอยู่บนเรือสำราญกับคุณนายหม่าอยู่เป็นแน่?
ครั้นแล้วหลินเฟิงของพวกเราจึงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเซอร์หลินชั่วคราว
เซอร์หลินพูดเสียงขรึม “แล้วคนล่ะ?”
นายตำรวจตอบ “อยู่ข้างนอกครับ”
…
“คุณโจวจื่อเหาใช่ไหม?” เซอร์หลินมองชายหนุ่มตรงหน้า
เขาชินกับการอ่านข้อมูลก่อนลงมือทำอะไรก็ตาม…คนจีนที่ไปใช้ชีวิตต่างแดน จบจากมหา’ลัยชื่อดัง กลับมาครั้งนี้เพื่อจัดงานแต่ง…อืม ไม่มีปัญหา
ว่าที่ภรรยาถูกลักพาตัวไป อืม…ไม่มีปัญหา
ไม่สิ มีปัญหาแล้ว!
“คุณโจว ช่วยเล่าเหตุการณ์ที่คุณเห็นให้ฟังหน่อย ได้ไหมครับ” เซอร์หลินถามด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
โจวจื่อเหาพยักหน้า แต่ยังคงดูร้อนใจมาก “อย่างงี้ครับ เมื่อคืนตอนที่ผมไปหาว่าที่ภรรยาที่บ้าน ก็เห็นเธออยู่แถวหน้าบ้านพอดี แต่ตอนนั้นเธอกำลังยื้อยุดอยู่กับผู้ชายตัวสูงใหญ่คนหนึ่ง ตอนนั้นผมอยู่ไกลมาก ไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่เหมือนพวกเขากำลังสู้กัน จากนั้นผู้ชายคนนั้นก็ลากว่าที่ภรรยาผมขึ้นรถตู้ไป ผมคิดจะตามไปทันที แต่ผมไม่ชินถนนเส้นนี้ ก็เลยไม่ได้ตามไป แต่มาที่นี่แทน ผมติดต่อว่าที่ภรรยาของผมไม่ได้เลย”
เซอร์หลินพยักหน้า “คุณจำเลขทะเบียนรถได้ไหม”
โจวจื่อเหารีบตอบ “ผมเขียนเลขทะเบียนให้คุณตำรวจที่อยู่ข้างๆ คุณแล้วครับ”
เซอร์หลินรับคำ เขายังถามต่อว่า “คุณหมายความว่า ผู้ชายคนนี้เริ่มจากการพูดคุยก่อน แล้วค่อยลากคนขึ้นรถใช่ไหม เป็นคนรู้จักหรือเปล่า…จริงสิ พวกคุณกลับมาจัดงานมงคล ผู้ชายคนนั้นเป็นคนรักเก่าของว่าที่ภรรยาคุณหรือเปล่า แค้นเพราะรัก?”
“เอิ่ม เซอร์หลินครับ คุณเชื่องโยงขนาดนี้ ทำไมไม่ไปเขียนนิยายรักเสียเลยล่ะครับ” โจวจื่อเหาขมวดคิ้ว “ผมกับว่าที่ภรรยาของผมรู้จักกันตอนเรียนมหา’ลัย เธอย้ายไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่ยังเด็ก เพิ่งจะกลับมาเมื่อเร็วๆ นี้ คุณว่าการสันนิษฐานของคุณเป็นไปได้งั้นหรือ”
เซอร์หลินใช้สามนิ้วทำท่าเคารพคุณผู้ชายที่กลับมาจากต่างประเทศ แล้วจึงหัวเราะเบาๆ พลางพูดว่า “ตำรวจอย่างพวกผมไม่สามารถมองข้ามข้อสงสัยใดๆ ไปได้ครับ หวังว่าคุณจะเข้าใจ…เรากลับเข้าเรื่องภรรยาของคุณกันดีกว่าครับ คุณบอกว่าเธอเพิ่งกลับมา ถ้าอย่างนั้นเป็นไปได้ไหมว่าระหว่างทางกลับ เธออาจจะเจอเรื่องอะไรเข้า ช่วงนี้เธอมีอะไรผิดปกติบ้างไหมครับ”
โจวจื่อเหาส่ายหน้า “ไม่มีครับ ไม่มีเลย”
“แล้วคุณได้รับการติดต่อจากพวกโจรเรียกค่าไถ่บ้างไหมครับ”
“ไม่มีครับ” โจวจื่อเหาหยุดไปชั่วครู่ แล้วพูดอย่างชัดเจนว่า “จนถึงตอนนี้ยังไม่มีครับ”
แล้วตำรวจนายหนึ่งก็เดินเข้ามา “เซอร์หลิน เจอรถแล้วครับ พวกผมตรวจสอบหาเจ้าของรถตามเบาะแสที่คุณโจวให้มาแล้ว เจ้าของรถชื่อหลงเฉียง มีฉายาว่าเฉียงจื่อ เขาก่อคดีเล็กๆ น้อยๆ ไว้ไม่น้อย ตอนนี้เป็นหัวหน้าคนงาน นี่คือรูปถ่ายของหลงเฉียงครับ”
“คุณโจว คุณลองดูว่าใช่ผู้ชายคนนี้หรือเปล่า” เซอร์หลินยื่นเอกสารไปตรงหน้าโจวจื่อเหา
โจวจื่อเหารีบตอบทันควัน “ใช่ครับ! คุณตำรวจ คนนี้แหละ เขาเป็นคนจับว่าที่ภรรยาผมไป!”
เซอร์หลินตบโต๊ะ พลางพูดเสียงเข้มว่า “ยังรออะไรอีกล่ะ รีบไปบ้านหลงเฉียงเดี๋ยวนี้!”
…
…
คุกอยู่แถบชานเมือง ถ้าขับรถจากวงแหวนรอบนอกที่ใกล้ที่สุดในเมืองเข้ามาก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงกว่า…ระยะทางประมาณร้อยกว่ากิโล
เฉียงจื่อที่เอาแต่คิดว่าจะจัดการธุระที่เจ้าอ้วนจางมอบหมายให้สำเร็จโดยเร็วที่สุดก็รีบออกจากเมืองไป เขานึกถึงตอนเยี่ยมญาติเมื่อครั้งที่แล้ว ซึ่งตามหลักการเยี่ยมนักโทษในคุกนั้น ใครมาก่อนก็ได้เยี่ยมก่อน ช้าไปหนึ่งก้าวก็ต้องรอรอบต่อไป อีกหนึ่งรอบก็คือรอบบ่าย
เห็นได้ชัดว่าการรอคอยแบบนี้เป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากสำหรับเฉียงจื่อ
เดิมทีนี่เป็นเรื่องที่ไม่ได้มีปัญหาอะไร…ก็แค่พาผู้หญิงคนนี้ไปเยี่ยมเจ้าอ้วนจาง จากนั้นก็พาเธอกลับมา จัดการให้เสร็จภายในวันนั้น ไม่มีปัญหา…กับผีน่ะสิ!
“แกทำอะไรลงไป! ทำอะไรห๊ะ! ฉันให้แกเติมน้ำมันเต็มถัง แกไปเติมน้ำมันที่ไหนมา!”
“หัวหน้า ผมไม่รู้ว่าคุณจะขับรถออกนอกเมือง คุณไม่ได้บอกผมก่อน…แล้วผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าที่นี่ไม่มีปั๊มน้ำมันเลยสักที่”
“ฉันไม่เคยบอกหรือว่าจะไปเยี่ยมพี่ใหญ่ในคุก” เฉียงจื่อตะลึง เขาถูหัวตัวเองอย่างแรง “ไม่เคยพูดจริงๆ หรือ”
“ไม่เคยจริงๆ…”
“บ้าเอ๊ย! ฉันลืมน่ะ!”
เฉียงจื่อตบหัวตัวเองอย่างแรง จากนั้นเขาก็มองไปยังบรรยากาศขนพองสยองเกล้าสองฝั่งถนน…เขาเดินทางไปๆ มาๆ บนถนนเส้นนี้หลายสิบครั้งแล้ว เขารู้ดีว่าในระยะหลายสิบกิโลนี้ไม่มีบ้านคนแม้แต่หลังเดียว!
“แล้วเราจะทำยังไงกันดี” คนงานถาม
“ฉันจะไปรู้ได้ไง” เฉียงจื่อกุมขมับ จากนั้นก็เปิดท้ายรถตู้ ตอนนั้นเขาก็รู้สึกไม่ดีแล้ว “เฮ้…บัดซบเอ๊ย ใครให้พวกแกทำแบบนี้เนี่ย”
เห็นเพียงคนที่นั่งอยู่เบาะหลังบนรถตู้ ถาวซย่ามั่นถูกเชือกพลาสติกมัดมือมัดเท้าไว้ทั้งสองข้าง แถมยังถูกปิดปากด้วยเทปกาวอีกด้วย…สีหน้าเธอดูหวาดกลัว ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตา
“ก็…หัวหน้าบอกว่าผู้หญิงคนนี้โวยวาย ให้หาวิธีทำให้เธอหุบปากไม่ใช่หรือครับ” คนงานยักไหล่แล้วพูดว่า “กล่องอุปกรณ์ในรถมีอะไรผมก็ใช้อันนั้นแหละ”
“บ้าเอ๊ย ยังไม่รีบแก้มัดอีก!”
เฉียงจื่อเคาะไปที่ท้ายทอยคนงานอย่างโมโห “ทำอย่างกับพวกเราเป็นคนชั่วอย่างนั้นแหละ!”
ขณะที่พูด เฉียงจื่อก็ทำหน้ายิ้มแย้มแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้าของถาวซย่ามั่น “ว่าไงจ๊ะ สาวน้อย พวกฉันไม่ได้มีเจตนาร้ายนะ ฉันแค่อยากช่วยพี่ใหญ่ แต่มันอาจจะดูบุ่มบ่ามไปหน่อย เธอก็อย่าถือสาเลยนะ…ฉันจะแก้มัดให้เธอ เจ็บนิดนึงนะ ทนหน่อยแล้วกัน…”
เฉียงจื่อยื่นมือไปแกะเทปผ้าบนใบหน้าของถาวซย่ามั่น เขาไม่คิดว่าพอแกะเทปผ้าออกแล้ว ก็ถูกเธอกัดฝ่ามือเข้าอย่างจัง
เฉียงจื่อร้องโอดครวญ ก่อนผลักเธอออกไป “บ้าเอ๊ย! เธอกัดฉัน!”
“พวกแกปล่อยฉันดีกว่านะ! พวกแกรู้ไหมว่าตอนนี้กำลังทำอะไร นี่เป็นการกักขังหน่วงเหนี่ยวไม่ใช่หรือไง!”
“สาวน้อย! ฉันบอกไปแล้ว แค่จะเชิญเธอไปเจอเจ้าอ้วนจางพี่ชายของฉันเท่านั้น!”
เฉียงจื่อพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสลด “เธอแค่ไปเจอเขาดีๆ ไม่ได้หรือ วางใจเถอะ ฉันจ่ายให้เธอได้ไม่น้อย ยังไงคนทำอาชีพนี้อย่างพวกเธอ…ก็ประมาณนี้อยู่แล้วล่ะ เธอโอเค ฉันโอเค ทุกคนโอเค ไม่ใช่เหรอ”
“ฉันไม่รู้จักเจ้าอ้วนจางด้วยซ้ำ แล้วฉันก็ไม่ใช่คนที่ทำเรื่องแบบที่แกพูดด้วย!”
ถาวซย่ามั่นโกรธขึ้ง
จู่ๆ ผู้ชายคนนี้ก็โผล่มาพร้อมลูกน้อง แล้วมาพูดจาแปลกๆ ว่าจะให้เธอไปนอนกับใครก็ไม่รู้…พิลึกคนจริงๆ!
เฉียงจื่อกลับทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ พูดว่า “เธอจะรู้จักหรือไม่รู้จักก็ช่าง ลูกพี่ของพวกฉันรู้จักเธอก็พอแล้ว ลูกพี่ระบุชื่อเธอมาแล้ว เธอช่วยเงียบๆ หน่อยไม่ได้หรือไง คิดราคาเท่าไรว่ามา…อ้อ ฉันรู้ว่าสาวน้อยบางคนไม่ยินยอมขายเพราะได้เงินน้อย แต่ไม่ต้องห่วง เงินหนาแน่นอน! เธอก็แค่เข้าไปในห้องหอ ถอดกางเกงก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ”
ขณะที่พูดอยู่ จู่ๆ เฉียงจื่อก็ก้มหน้าเข้ามาใกล้แล้วพูดว่า “เธอวางใจได้ ลูกพี่ของฉันเป็นเสือปืนไว ใช้เวลาไม่นาน แต่เธอห้ามบอกนะว่าฉันเป็นคนพูด! โอเคไหม? พวกเราเป็นคนคุกที่ออกมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เจอหน้ากันตลอด วันไหนไปเลาจ์แบบไม่ได้นัดหมาย พวกเราก็ยังเจอกันเลย…บ้าเอ๊ย…เจ็บๆๆ อย่ากัดหู…อย่า…โธ่เว้ย!”
“ช่วยด้วย! โจรลักพาตัว! ช่วยด้วย! โจรลักพาตัว!”
ถาวซย่ามั่นเริ่มตะโกนไม่หยุด
“หัวหน้า เอาไงดีครับ”
“จะไปรู้ได้ไง…เจ็บชะมัด” เฉียงจื่อลูบใบหูตัวเองไม่หยุด “กัดซะเลือดออกเลย…ยัยนี่เกิดปีหมาหรือไง…ยังจะโวยวายอีก! ปิดปากเธอซะ! ปิดซะ ปิดซะ!`”
“ช่วยด้วย! ช่วย…อื้ออ อื้ออออ!…”
แล้วเสียงก็เงียบลงในที่สุด
เฉียงจื่อถอนหายใจ เขาเดินไปนั่งใต้ต้นไม้ข้างทาง พลางพึมพำกับตัวเองว่า “นี่ ไปหยิบน้ำมาล้างหูให้ฉันที…นั่นใคร มัวแต่ยืนเลิกลั่กทำอะไร? รีบโทรให้คนเอาน้ำมันมาส่งสิเฟ้ย! แกอยากจะนอนในที่ทุรกันดารแบบนี้หรือไง!”
“ครับหัวหน้า!”
…
“บ้าเอ๊ย ทำไมที่นี่ยุงเยอะขนาดนี้เนี่ย!” เฉียงจื่อตีมืออย่างแรง…เพราะต้องส่งของให้เจ้าอ้วนจางน่ะสิ พวกเราถึงได้เจอเรื่องลำบากขนาดนี้
เพี๊ยะ…!
เวลานี้เสียงฝ่ามือดังอยู่ข้างๆ เฉียงจื่อ เขาอึ้งแล้วพูดออกไปว่า “แกมาทำอะไรตรงนี้”
“มาช่วยหัวหน้าตบยุงครับ”
“ฉันรู้ว่าแกมาช่วยฉันตบยุง แต่ว่าตบยุงต้องใช้คนเยอะขนาดนี้เลยเหรอ” เฉียงจื่อปัดมือแล้วพูดว่า “หนึ่งสองสามสี่ พวกแกจะออกมากันหมดทำไม!”
“หัวหน้า…รถไม่มีน้ำมันก็เปิดแอร์ไม่ได้ ตอนนี้บนรถร้อนตับแตก พวกผมอยากออกมารับลมสักหน่อย”
เฉียงจื่อกลอกตาพูดว่า “พวกแกลงมาหมด แล้วใครจะเฝ้าผู้หญิงคนนั้นฮะ!”
คนงานยักไหล่พูดว่า “เธอถูกมัดอยู่ วิ่งไม่ได้หรอก คุณวางใจเถอะ…แต่ผมจะบอกหัวหน้าว่า ผู้หญิงคนนี้ดูไม่เหมือนคนทำอาชีพแบบนั้นเลย? พวกเราเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”
เฉียงจื่อเกาหัว เขานึกถึงท่าทางบนรถของถาวซย่ามั่น พลางพยักหน้าพูดว่า “ฉันก็ว่ามันดูแปลกๆ…เวรเอ๊ย ฉันจำที่พี่ใหญ่พูดไม่ได้ละ…ไม่ได้ ฉันต้องถามให้ชัดเจน”
ขณะที่พูด เฉียงจื่อก็เดินไปทางรถตู้ที่จอดอยู่บนถนน…เพียงแต่ตอนที่เขาเดินมาถึง ก็ไม่เห็นเงาของถาวซย่ามั่นแล้ว
เห็นเพียงเชือกถูกตัดวางอยู่บนเบาะด้านหลัง…เธอใช้ขอบกล่องอุปกรณ์เหล็กที่วางไว้ข้างหลังรถตู้ตัดมันออก
อาศัยตอนที่ทุกคนลงจากรถไปรับลม ก่อนแอบหนีไป