สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - ตอนที่ 54 เก็บขยะ
“ที่นี่เหรอ คนไร้บ้าน?”
แน่นอนว่าเซอร์หม่าไม่มีทางออกตามจับคนร้ายกับเริ่นจื่อหลิงอย่างอาจหาญเพียงลำพัง ตัวเขาเองก็ไม่ได้อยู่ต่างพื้นที่ แต่อยู่ในพื้นที่ของตัวเอง
ดังนั้นขณะที่นายตำรวจหนุ่มหลินเฟิงยังไม่ทันได้ลงมือตามแผนเดิมที่วางไว้ เขาก็ถูกเซอร์หม่าคว้าตัวไป ปฏิบัติการพร้อมกัน
บนรถ เริ่นจื่อหลิงโน้มตัวจากเบาะหลังไปยังตรงกลางระหว่างที่นั่งคนขับ เธอพยักหน้าแล้วตอบ “คนไร้บ้านกับคนเร่ร่อนในละแวกนี้อาศัยการเก็บขยะเลี้ยงชีพด้วยกันทั้งนั้น ฉันรู้จักอยู่คนหนึ่ง เขาเปิดร้านรับซื้อของเก่าอยู่ที่นี่ ได้ยินพวกเขาพูดกันว่า เมื่อเร็วๆ นี้มีผู้หญิงท่าทางแปลกๆ เข้ามาทีนี่ เห็นถุงสีดำข้างในนั่นไหม? ตรงนั้นแหละ ฉันเห็นมาแต่ไกลแล้ว”
หม่าโฮ่วเต๋ออึ้ง พูดอย่างงุนงงว่า “คิดไม่ถึงเลย…ผมเคยไปบ้านจ้าวหรู ผู้หญิงคนนี้รักสะอาดสุดๆ เหมือนจะเกลียดความสกปรกด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าจะมาซ่อนตัวอยู่ที่แบบนี้ได้”
มีใครบอกว่าที่เซอร์หม่าพูดนั้นไม่จริง?
นี่คือซอยยาวสุดลูกหูลูกตาจนมองไม่เห็นปลายทาง ที่สกปรกมากๆ ด้านหนึ่งถูกปกคลุมไปด้วยกล่องกระดาษต่างๆ นานา ตาข่ายเหล็ก ของใช้ในชีวิตประจำวัน และถุงขยะมากมาย
ผู้หญิงทั่วไป โดยเฉพาะหญิงสาววัยรุ่น ถ้าเห็นสถานที่แบบนี้คงพากันหนีเตลิดไปทั้งนั้น
“หลินเฟิง คุณไปทางนั้น เราจะสกัดเธอทั้งหน้าและหลัง!” หม่าโฮ่วเต๋อรีบสั่งการทันที
เวลานี้รองบรรณาธิการเริ่นกลับขวางตำรวจสองนายที่เตรียมจะลงมือเอาไว้ “เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน ตอนนี้คนข้างในหนีไปไหนไม่รอดหรอก แต่มีเรื่องที่ต้องคุยกันให้เคลียร์ก่อน!”
“…คุณนาย คุณนายเริ่น คุณคงไม่ได้คิดจะร่วมด้วยหรอกนะ?” เซอร์หม่ารู้สึกซวยขึ้นมาทันที
คิดไม่ถึงว่าเริ่นจื่อหลิงจะค้อนมาแวบหนึ่ง ถลึงตาแล้วพูดว่า “นายพูดอะไร! เห็นอย่างนี้ฉันก็รักตัวกลัวตายนะ เรื่องจับคนอันตรายแบบนี้ก็ต้องเป็นหน้าที่ของพวกนายสิ นับจากวันนี้ ฉันจะไม่เสี่ยงอันตรายอีกแล้ว แค่ส่งข่าวให้เฉยๆ! ที่ฉันจะถามก็คือ ค่าส่งข่าวครั้งนี้เท่าไร นี่นายคงไม่คิดจะชักดาบหรอกนะ?”
หม่าโฮ่วเต๋อท่าทางเลิ่กลั่ก “โอ้? คุณนาย อย่าทำหน้าเย็นชาแบบนี้สิ ปีนี้ผมให้ค่าแจ้งเบาะแสคุณไปไม่น้อยแล้วนี่? ผมไม่เข้าใจ ทำไมคุณถึงสนใจค่าแจ้งเบาะแสขนาดนี้?”
“โธ่เว้ย! ฉันไม่ต้องผ่อนบ้านไม่ต้องผ่อนรถหรือไง? ลูกชายฉันก็กำลังเรียนมหา’ลัย ต้องจ่ายค่าเทอมอีกไม่ใช่เหรอ? จะกินจะอยู่ไม่ต้องใช้เงินแล้วหรือ?” เริ่นจื่อหลิงพูดอย่างมีเหตุผล “ลูกชายฉันเพิ่งออกเดทกับแฟน เขาไม่ต้องใช้เงินเลยสินะ? ตอนนี้ลูกชายฉันต้องออกไปสอนพิเศษเอง เพราะเงินไม่พอใช้แน่ๆ! ลูกเป็นเด็กดีขนาดนี้ ฉันจะไม่หาเงินให้เขาเยอะๆ ได้ยังไงกัน? ไม่งั้นต่อไปเขาจะแต่งงานได้ยังไงล่ะ? นายรู้ไหม ตอนนี้ข้าวของแพงขึ้นมากเลยนะ!”
“เอาล่ะๆ ผมจะจ่ายคุณให้ครบ” หม่าโฮ่วเต๋อพูดส่งๆ ให้เริ่นจื่อหลิงเงียบปาก เขารู้ว่าเวลาผู้หญิงคนนี้ระเบิดอารมณ์ออกมา เรื่องคงไม่จบง่ายๆ แน่
แต่เซอร์หม่าก็มีความลำบากใจที่พูดไม่ออกเหมือนกัน
ปีนั้น หลังจากเกิดเรื่องกับพี่ลั่วได้ไม่นาน เธอก็ไปหาพวกพี่น้องของพี่ลั่ว เซ็นหนังสือรับรับรองไว้ฉบับหนึ่ง
หนังสือรับรองให้เข้ามาดูแลทรัพย์สมบัติทั้งหมดหลังจากพี่ใหญ่ลั่วเสียชีวิต ให้ลูกชายของเขาสืบทอดมรดกทั้งหมดได้หลังจบปริญญาตรี
เห็นได้ชัดว่าสมบัติมากพอให้เธอใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย…
หลายปีมานี้ ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยได้ใช้สมบัติเหล่านั้นแม้แต่แดงเดียว
นี่คือนิสัยดื้อรั้นของเธอเอง
แต่ถ้าไม่มีนิสัยดื้อรั้นแบบนี้ ผู้หญิงตัวเล็กคนเดียวแบบนี้ จะยืนหยัดอยู่ในเมืองใหญ่ด้วยลำแข้งตัวเองได้อย่างไร?
หลายปีมานี้
เดี๋ยวพอกลับไป เพิ่มค่าแจ้งเบาะแสให้หน่อยดีไหมนะ?
ขณะที่เซอร์หม่าครุ่นคิดอยู่เงียบๆ เขาก็หันกลับไปมองแวบหนึ่ง เห็นเริ่นจื่อหลิงยังคงหลบอยู่ในรถไม่ลงมาอย่างว่าง่าย
จะว่าไป ช่วงนี้ไม่เห็น…ใบสั่งเลยนี่?
เซอร์หม่าส่ายหัว เขาสะบัดความคิดเหล่านี้ทิ้งไป จากนั้นก็รีบโบกมือให้หลินเฟิงอ้อมไปอีกทางของซอย เพื่อเตรียมจับกุมนักโทษหลบหนี
…
วันนั้นกุญแจมือหักได้ยังไงกันแน่?
จ้าวหรูครุ่นคิดเรื่องนี้มาโดยตลอด แน่นอนว่า ตอนแรกที่ยังอยู่ห้องคนไข้พิเศษ เธอเพิ่งตื่นจึงำม่ทันได้คิด
เธอเห็นเพียงตำรวจสาวสลบไป…บนเก้าอี้ในห้องคนไข้
ประตูไม่ได้ล็อก ข้างนอกก็ไม่มีใคร…เธอออกจากโรงพยาบาลไปได้อย่างสบายๆ
แต่จนถึงตอนนี้ เธอก็ยังคิดไม่ออกว่าใครช่วยเธอกันแน่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือเธอได้รับอิสระอีกครั้งแล้ว
เธออยู่ใน ‘ห้อง’ ที่สร้างขึ้นจากกระดาษลังซึ่งนอนได้เพียงคนเดียว ไม่มีข้าวของอะไรมากกว่านี้แล้ว
เธอกอดเข่าตัวเองไว้ เอนตัวพิงกำแพง แต่ไม่ได้ก้มหัวลงไป เธอเพียงมองไปยังกำแพงฝั่งตรงข้ามที่อยู่ในซอยอย่างเงียบๆ
นิ้วมือเธอจับจี้ตรงหน้าอกไว้อย่างเหม่อลอย
ราวกับว่าเธอกำลังรอคอย
ทันใดนั้น จ้าวหรูก็เอียงคอฟังอะไรบางอย่าง…เธอได้ยินเสียงฝีเท้า
เสียงฝีเท้ากำลังเดินมาทางเธอ
ใกล้เข้ามา…ค่อยๆ ใกล้เข้ามาแล้ว…ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
จ้าวหรูกลั้นหายใจไว้ ยื่นมือไปหยิบของข้างหลังตัวเองเงียบๆ…ตรงนี้มีมีดเล็กซ่อนอยู่เล่มหนึ่ง
เธอกำด้ามมีดเอาไว้
…
ในที่สุดเซอร์หม่าก็หยุดเดิน
หม่าโฮ่วเต๋อเปิดกระดาษลังนี้ออกทันที เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “นี่ตำรวจ อย่าขยับ เธอหนี…ขอโทษครับ พอดี จำคนผิด…”
พอเซอร์หม่าเห็นคนแก่ในกล่องทำท่าทางตกใจ ก็ส่ายหัวทันที แต่ในเวลานี้ กล่องที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดขึ้นมากระแทกเข้ากับร่างของเขา!
หลังจากเขาสลัดแผ่นกระดาษอย่างยากลำบากแล้ว เขาก็เห็นเงาคนตรงหน้ากำลังวิ่งหนีไปอีกทางของซอยอย่างบ้าคลั่ง!
“อย่าหนีนะ! เธอหนีไม่พ้นหรอก!” หม่าโฮ่วเต๋อตื่นตกใจ เขารีบวิ่งตามไปทันที พร้อมทั้งหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาพูดว่า “หลินเฟิง นักโทษหนีไปทางของคุณแล้ว จับไว้ให้ได้!”
เวลานี้หลินเฟิงที่อยู่ท้ายซอยก็สูดหายใจเข้าลึกๆ พูดเบาๆ ว่า “มาเลย!”
หลินเฟิงเห็นเงาคนกำลังก้มหน้า พุ่งตรงมาทางเขาอย่างรวดเร็ว เขากางมือทั้งสองข้างออก เพราะซอยนี้ไม่กว้าง การกางมือออกแบบนี้ก็แทบจะกินพื้นที่ไปกว่าครึ่งซอยแล้ว!
ผู้หญิงคนนี้พยายามพุ่งเข้าใส่ตนโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น หลินเฟิงก็กระโจนออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับจับคนร้ายล็อกไว้กับพื้น
“ไม่ต้องหนีแล้ว! เธอหนีไม่รอดหรอก!” หลินเฟิงกดอีกฝ่ายไว้กับพื้นแล้วหยิบกุญแจมือออกมา ใส่กุญแจมืออีกฝ่ายไว้ข้างหนึ่ง แล้วก็ใส่กุญแจมือตัวเองอีกข้างหนึ่ง
ตอนนี้ หม่าโฮ่วเต๋อเพิ่งจะวิ่งมาถึงด้วยท่าทางร้อนรน
“เซอร์หม่า! จับได้แล้วครับ!” หลินเฟิงเงยหน้าขึ้น ดึงไหล่ผู้หญิงคนนี้ส่งมาให้เซอร์หม่า
เซอร์หม่ากำลังคิดคำชมเจ้าหนุ่มคนนี้ให้เต็มที่ แต่กลับไม่ได้เอ่ยปากชมออกมา “ไม่ใช่จ้าวหรู”
“อะไรนะ?”
พอหลินเฟิงมองชัดๆ ถึงได้รู้ว่าไม่ใช่จ้าวหรู…แถมยังไม่ใช่ผู้หญิงด้วยซ้ำ ก็แค่ชายวัยกลางคนที่ตัวค่อนข้างผอมแห้งเท่านั้น!
“แก…แกจะวิ่งทำไมฮะ!” หลินเฟิงตบหลังอีกฝ่ายอย่างโกรธกรุ่น
ชายวัยกลางคนตอบกลับว่า “คุณตำรวจ…ผมเห็นพวกคุณ ก็ต้องหนีสิครับ”
“เห็นพวกฉันแล้วทำไมต้องหนี?” หม่าโฮ่วเต๋อจ้องมองอีกฝ่าย
“เอ่อ…พวกคุณไม่ได้มาจับผมหรอกหรือ? หลายวันก่อนผมขโมยรถมอเตอร์ไซค์ไปคันหนึ่ง…” ชายวัยกลางคนหลุดปากพูดไป แต่พอนึกขึ้นมาได้ จึงรีบปิดปากตัวเองไว้ทันที
หม่าโฮ่วเต๋อมองค้อนแวบหนึ่ง หลินเฟิงเองก็ส่ายหัว พลางมองชายวัยกลางคนแล้วพูดว่า “ที่จริงพวกฉันมาตามจับผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ได้มาจับแก แต่ว่าตอนนี้ ไม่จับแกก็คงไม่ได้แล้วล่ะ”
“ผู้หญิง? หรือว่าจะเป็น…” ชายวัยกลางคนพูดอย่างฉงน “ผู้หญิงคนนั้น?”
“ผู้หญิงคนไหน?”
“ผมไม่รู้จัก เธอเพิ่งมาเมื่อหลายวันก่อน ผู้หญิงคนนั้นเพิ่งบอกผมว่าเธอไม่ต้องการที่อยู่ของเธอแล้ว ก็เลยยกให้ผม” ชายวัยกลางคนยักไหล่แล้วพูดต่อ “ผมเห็นที่ของเธอสะอาดดี ก็เลยย้ายมาอยู่ตรงนี้ ยังไม่ทันได้เก็บกวาด พวกคุณก็มาแล้ว…”
“ตั้งแต่เมื่อไร?”
“บ่ายสามบ่ายสี่นี่แหละ จำไม่ได้แล้ว”
หลินเฟิงมองหม่าโฮ่วเต๋อครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วพูดว่า “เซอร์หม่า ตอนนั้นคุณเพิ่งได้รับข่าวนี่ครับ แล้ว…”
หม่าโฮ่วเต๋อถอนหายใจ พยักหน้า “ผู้หญิงคนนี้เจ้าเล่ห์มาก!”
…
…
ใบหน้าขาวซีดและเหี่ยวย่นกับใบหน้าไร้เดียงสาปรากฏขึ้นตรงหน้าจ้าวหรูในเวลาเดียวกัน
ดูเหมือนพวกเขาสองคนตาหลานจะไม่มีบ้านให้กลับ จนต้องเร่ร่อนมาถึงที่นี่ พวกเขาอาศัยการเก็บขยะเลี้ยงชีพ…พวกเขาใช้ไม้กระดานและแผ่นเหล็กสร้าง ‘ห้อง’ ง่ายๆ ขึ้นมาอยู่ข้างๆ เธอ
“มีเรื่องอะไรหรือ?”
คุณตาเก็บขยะหัวเราะ “แม่หนู วันนี้ฉันซื้อซาลาเปามาเยอะไปหน่อย กินไม่หมดก็เสียดาย แบ่งให้เธอหน่อยก็แล้วกัน เธอเพิ่งจะมา ต่อไปเราก็ดูแลกันดีๆ นะ”
เวลานี้เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ก็หยิบถุงใบเล็กออกมาจากกระเป๋านักเรียนขาดวิ่น มือเขาสกปรก จึงเอามือถูไปบนเสื้อผ้าแรงๆ หลายที แล้วถึงเปิดถุง ยื่นไปตรงหน้าจ้าวหรู
เขาหัวเราะอย่างเก้อเขิน
เธอมองดูตากับหลานคู่นี้ มือที่ซ่อนไว้ข้างหลังก็คลายออกเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว