สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - ตอนที่ 47 ประหยัดต้นทุน
ฝีเท้าชายแก่ดูลังเลอย่างเห็นได้ชัด แต่แม้ว่าจะเป็นแบบนี้ เขาก็ยังมายืนอยู่ตรงหน้าเจ้าของสมาคมได้ในที่สุด
คุณสาวใช้ลากเก้าอี้มาให้เขา แล้วเหล่าเฝิงก็นั่งลงอย่างไม่สบายใจนัก
“นี่…นี่ผมฝันไปหรือเปล่า?” เหล่าเฝิงนั่งลงแล้วพูดประโยคนี้ออกมาโดยไม่รู้ตัว
ลั่วชิวโบกมือให้โยวเย่ออกไปชงชาก่อน แล้วถึงตอบว่า “คุณคิดว่ามันเป็นความฝันก็ได้ ฝันที่เป็นจริง แน่นอนว่าสิ่งนี้จะเป็นภาพลวงตาหรือเป็นความจริง สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง”
เหล่าเฝิงเงยหน้าขึ้น มองไปรอบๆ ห้องโถงสมาคมจากซ้ายไปขวา แล้วก็หันไปมองข้างหลัง เขาจ้องมองข้าวของแปลกประหลาดมากมาย สุดท้ายจึงเพ่งมองไปยังคนลึกลับตรงหน้าเขาผู้นี้
ชายแก่ยิ้มเฝื่อน “ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว ฉันเคยเชื่อในกงเกวียนกำเกวียน ตอนมาถึงที่นี่ ได้รับรู้สัมผัสจากที่แห่งนี้ ฉันก็ยิ่งมั่นใจในจุดนี้”
“ยังไงครับ?” ลั่วชิวเริ่มสนใจ อยากรู้ว่าชายแก่ที่ต้องใช้อีกครึ่งชีวิตอยู่ในคุกจะคิดเห็นอย่างไรบ้าง
เหล่าเฝิงถอนหายใจ “สามสิบห้าปีก่อน…ตอนนั้นฉันยังเป็นหนุ่ม เคยทำพลาดครั้งใหญ่เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อย แต่ฉันไม่กล้าเผชิญหน้ากับมัน จึงเลือกหลบหนี ฉันคิดว่าฉันจะหนีพ้น…แต่ความจริงแล้วฉันกลับหนีได้ไม่นาน”
เหล่าเฝิงยิ้มกริ่ม “ตอนนั้น ฉันทำงานฝีมือหาเลี้ยงตัวเอง จนกระทั่งได้แต่งงานกับภรรยาแสนดี แถมยังมีชีวิตใหม่ที่กำลังจะเพิ่มมาในครอบครัวอีกด้วย”
แต่แล้วเขาก็ส่ายหัว “ฉันคิดว่าตัวเองโชคดีมาก แต่ฉันรู้ว่าเรื่องบางเรื่องที่ทำผิดพลาดไปนั้น แม้ว่าคุณจะหนีไปได้ ยังไงคุณก็ต้องชดใช้ในสักวัน ถ้าคุณไม่เป็นฝ่ายเริ่ม บางทีสวรรค์ก็จะมาคิดบัญชีกับคุณเอง อยู่ที่ว่าช้าหรือเร็วเท่านั้น”
“อืม” ลั่วชิวพยักหน้า “คุณลุง คุณคิดว่าภรรยาของคุณตายจากการคลอดลูกยาก เป็นกงเกวียนกำเกวียนงั้นหรือครับ?”
เหล่าเฝิงหัวเราะ แต่กลับดูขมขื่น
เขาไม่ได้คุยเรื่องนี้ต่อ แต่พูดด้วยน้ำเสียงราวกับวิงวอนว่า “เรื่องที่ฉันทำผิดไป ไม่สามารถลบล้างได้ชั่วชีวิตนี้ สวรรค์ไม่ได้ต้องการชีวิตฉัน แต่ต้องการให้ฉันอยู่ไปวันๆ ฉันโกรธใครไม่ได้ เพราะนี่เป็นสิ่งที่ฉันสมควรได้รับที่สุด”
เหล่าเฝิงถอนหายใจ เขาก้มหน้าลงแล้วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ฉันต้องมอบอะไรให้เธอ ถึงจะ…ถึงจะเอาสิ่งที่ฉันสูญเสียไปกลับมาได้?”
“แค่อยากเห็นหน้าลูกสาวใช่ไหมครับ?” ลั่วชิวถามน้ำเสียงแผ่วเบา
“ฉันไม่กล้าขอให้เธอยกโทษให้ นี่เป็นสิ่งที่ฉันควรได้รับ” สุดท้ายแล้วเหล่าเฝิงที่ผมร่วงไปมากแล้ว ก็เงยหน้าขึ้น เวลานี้เขาดูแก่ขึ้นกว่าเดิมเสียอีก “ถึงจะเห็นจากที่ไกลๆ ครั้งเดียว สักครั้งก็พอแล้ว”
“ถ้าได้เห็นสักครั้ง…” ลั่วชิวหยุดไปครู่หนึ่ง เอื้อมมือไปจับการ์ดลวดลายประหลาดต่างๆ บนโต๊ะ “สิ่งที่ปรากฏบนนี้เป็นของที่คุณนำมาจ่ายได้ทั้งสิ้น”
ไม่นาน เหล่าเฝิงก็เปิดการ์ดใบแรกออก “ความทรงจำ?”
เขาส่ายหัว…สำหรับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในคุกอย่างเขา ความทรงจำเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุด
ที่นี่ไม่มีความรักและไม่มีธุรกิจให้เขาเลือก ยิ่งพูดไม่ได้เลยกว่าเขามีความสุข
เพราะสถานที่ไถ่บาปแห่งนี้ไม่อาจมีสิ่งเหล่านี้ได้…เพราะโทษของเขาคือจำคุกตลอดชีวิต
ความทรงจำที่มีกับลูกสาว ความทรงจำที่มีกับภรรยา สติปัญญา…สุขภาพที่ดี อายุขัยของตัวเอง สุดท้ายยังมีการทำความดีอีก
“ทำความดี?”
“ครับ ทำความดี ใช้เวลาไม่มาก ขอแค่ปีเดียวก็พอครับ”
ลั่วชิวพยักหน้า “ที่จริง ถ้าสิ่งที่ลูกค้าต้องการค่อนข้างน้อย ผมจะแนะนำให้ลูกค้าเลือกทำความดีเป็นส่วนใหญ่นะครับ เพราะเวลายิ่งสั้นก็หมายความว่าโอกาสทำสำเร็จยิ่งสูง และยังเพียงพอที่จะเห็นหน้าใครสักครั้ง แต่ว่า…”
“แต่ว่าอะไร?” เฝิงกุ้ยชุนร้อนรนทันที…เขารู้ว่าชายคนนี้กำลังเจรจาธุรกิจกับเขา ไม่ใช่พระโพธิสัตว์ที่คอยช่วยเหลือมนุษย์โลก
“แต่ว่า ผมไม่แนะนำให้คุณเลือกการทำความดี” ลั่วชิวพูดช้าๆ “เท่าที่ผมรู้ คนที่คุณฆ่ายังมีคนรักอยู่อีก”
สีหน้าเหล่าเฝิงดูแย่ขึ้นเล็กน้อย เขาก้มหน้า ฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “เธอจะบอกว่า แค่ฉันมีชีวิตต่ออีกเพียงวันเดียว ก็เป็นบาปกับครอบครัวเขาแล้ว…ถูกไหม?”
“อืม…” ลั่วชิวเปลี่ยนท่านั่งแล้วพูดน้ำเสียงแผ่วเบา “พูดอย่างนี้แล้วกันครับ เรื่องราวอาจถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา แต่ไม่มีใครรู้ว่าจะถูกรื้อฟื้นอีกเมื่อไร หากคนที่เกลียดคุณนึกถึงคุณก็ทุกข์ใจแล้ว หากความทุกข์นี้เกิดขึ้นในระยะเวลาหนึ่งปีต่อจากนี้ ก็ถือว่าคุณลุงทำผิดพันธสัญญา…ต้องขอโทษด้วยครับ ผมคงต้องหักจากส่วนอื่นของคุณ ผมว่าคุณคงไม่อยากเห็นเรื่องแบบนี้หรอก ดังนั้นจะถือว่าตัวเลือกสุดท้ายเป็นการพนันตาหนึ่งก็ได้”
“ดูแล้วเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นตัวเลือกที่ทำยากที่สุด…” เหล่าเฝิงส่ายหัว แต่ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก “แต่ว่า ขอบคุณที่เตือนฉัน”
เจ้าของร้านลั่วเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดอย่างเนิบช้า “ไม่เป็นไรครับ ก็แค่ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งถูกคนกล่าวหามา…อืม ช่วงนี้ก็เลยต้องคิดทบทวนให้ดีหน่อยน่ะครับ”
เหล่าเฝิงถอนหายใจอีกครั้ง พูดว่า “ฉันไม่กล้าพนันหรอก ปีนั้นฉันพนันกับการหลบหนีไปแล้ว แต่ฉันกลับแพ้ราบคาบ ถ้าฉันได้เห็นลูกสาวสักครั้ง ต่อให้ฉันต้องแลกด้วยกี่ปี สามปี หรือแม้กระทั่งห้าปี ฉันก็หวังว่าจะ…”
เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ “ได้เห็นเธอในวันแต่งงานด้วยตาตัวเอง…แม้ว่าจะอยู่ในมุมมืดก็ตาม ถ้าได้เห็นเธอแต่งงานอย่างมีความสุขท่ามกลางคำอวยพร ฉันก็…ไม่มีห่วงอีกแล้ว”
“งั้นห้าปี”
“ได้” เหล่าเฝิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“ขอบคุณที่มาอุดหนุนครับ”
ลั่วชิวลุกขึ้นยืน ทำความเคารพให้ลูกค้าอย่างนอบน้อม
…
…
เขาโบกมือ จากนั้นเหล่าเฝิงก็หายไปจากสมาคม
จากนั้นบันทึกหนังแกะที่เพิ่งเซ็นชื่อไปก็ค่อยๆ ม้วนเก็บอยู่กลางอากาศ แล้วไปตกลงบนมือลั่วชิว
เขายื่นม้วนหนังแกะไปไว้บนมือโยวเย่
คุณสาวใช้ยังไม่ทันได้พูดอะไร ไท่อินจื่อที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทางอยู่ไม่สุขก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน “ยินดีด้วยขอรับนายท่าน ในที่สุดก็ทำการค้าสำเร็จไปอีกหนึ่งแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ความต้องการของเฝิงกุ้ยชุนจะง่ายดายเพียงนี้”
“ถ้ามองเผินๆ ก็จะรู้สึกว่าง่ายมากเลยทีเดียว” ลั่วชิวพูดพร้อมกับยิ้มอย่างไม่ยินดียินร้าย
ไท่อินจื่อรีบพูดขึ้นว่า “นายท่าน ครั้งต่อไปข้าจะต้องหาลูกค้าที่มีความต้องการยิ่งใหญ่กว่านี้มาให้ได้! ครั้งนี้เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น! ถ้างั้น ข้าไม่รบกวนนายท่านกับคุณโยวเย่แล้ว ข้าขอตัวไปทำงานก่อนนะขอรับ!”
ลั่วชิวได้ยินก็ถามขึ้นว่า “ไท่อินจื่อ นายจะไปทำงานอะไร?”
ไท่อินจื่อตอบไปตามจริง “แน่นอนว่าเพื่อประหยัดต้นทุนนายท่านแล้ว ข้าจะไปปล่อยตัวเฝิงกุ้ยชุนเอง ยังไงก็แค่วันที่ลูกสาวเขาแต่งงาน เรื่องเล็กแค่นี้เอง! ข้าจะไปสิงผู้คุมสักคน แล้วปล่อยเขาออกมาขอรับ!”
“อืม นายนี่ซื่อตรงจริงๆ”
“ไม่หรอกขอรับ ข้าแค่อยากทำเพื่อนายท่านเท่านั้นเอง” ไท่อินจื่อรับอย่างถ่อมตัว
คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เจ้าของร้านลั่วจะเปลี่ยนประเด็นเร็วขนาดนี้ “แต่ว่า ฉันอยากเปลี่ยนวิธีหน่อย”
“นายท่านว่ามาเลยขอรับ! ถึงตายข้าก็จะทำให้สำเร็จ!”
เจ้าของร้านลั่วหัวเราะแล้วพูดว่า “ให้เฝิงกุ้ยชุนออกมา แล้ว…ให้นายเข้าไปแทน”
“หา??”
ไท่อินจื่อ…ไท่อินจื่ออ้าปากค้างทันที
…
…
ไท่อินจื่ออ้าปากค้าง จากนั้นก็ประสานมือแบบเครื่องจักรอีกครั้ง สำหรับเขาแล้ว อาหารในปากมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน แต่ไร้รสชาติ…ถึงแม้ว่านักโทษในคุกต่างบอกว่าอาหารที่นี่รสชาติใช้ได้ก็ตาม
“พี่ เป็นอะไรไป? ไม่อร่อยเหรอ?” โจวเสี่ยวคุนที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามเสียงเบา พร้อมกับเขยิบเข้ามาใกล้
ไท่อินจื่อกวาดสายตามอง…เขารู้ว่าในสายตาของโจวเสี่ยวคุน รวมไปถึงสายตาของทุกคน ตอนนี้เขาคือเหล่าเฝิง
ตอนนี้เขามาสิงร่างของเหล่าเฝิง นั่งกินข้าวอยู่ในโรงอาหาร
“ไม่มีอะไร ฉันก็แค่…” ไท่อินจื่อถอนหายใจ จ้องมองโคมไฟสีขาวบนฝ้าเพดานโรงอาหารในคุก แล้วพูดเสียงแผ่วเบาว่า “ฉันแค่เสียใจนิดหน่อย”
“ผมเข้าใจ พี่อย่าคิดมากเลย”
โจวเสี่ยวคุนทำได้เพียงตบไหล่ชายแก่ แล้วนั่งเงียบๆ เป็นเพื่อนเขา
ไท่อินจื่อมองไปที่โจวเสี่ยวคุนแวบหนึ่ง
แกเข้าใจบ้าอะไรกันล่ะ!!