สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - ตอนที่ 30 ปีศาจในใจ (2)
“ขบวนรถมุ่งหน้าไป YN ใกล้ออกจากชานชาลาแล้ว ผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วแล้วโปรดมาที่ชานชาลาหมายเลขสิบสาม เช็กสัมภาระติดตัวของท่านให้เรียบร้อย และ…”
จ้าวหรูดึงคันชักกระเป๋าเดินทางขึ้นมา แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ในห้องโถงพักรับรองผู้โดยสาร
เธอมองไปรอบๆ ด้วยความเคยชิน กำลังเตรียมจะเดินไปที่ชานชาลา แต่เธอก็หยุดฝีเท้าของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วเดินออกไปอีกทางหนึ่งด้วยแววตาไร้อารมณ์
เธอมองเห็นคนคนหนึ่งที่เพิ่งเจอไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อนอยู่ท่ามกลางผู้คน แน่นอนว่าข้างๆ คนคนนี้ยังมีคนอื่นอีกสามสี่คน
เห็นได้ชัดว่าสายตาของคนพวกนี้ไม่เหมือนสายตาของคนเดินทางทั่วไป ดังนั้นจ้าวหรูจึงสามารถคาดเดาได้อย่างง่ายดาย ว่าสามสี่คนนี้ต้องมากับคนคนหนึ่งที่เธอรู้จักดีแน่…นั่นก็คือตำรวจ
จ้าวหรูเดินไปทางห้องน้ำฝั่งตรงข้ามด้วยแววตาเย็นชา จังหวะก้าวเดินดูสงบนิ่ง ไม่ช้าและไม่เร็ว…ด้วยเพราะยิ่งผิดปกติก็จะยิ่งดึงดูดความสนใจของคนที่เป็นดั่งเหยี่ยวนักล่าพวกนั้น
จ้าวหรูเดินเข้าไปในห้องน้ำหญิงแล้ว หลังจากนั้นไม่นานเธอถึงได้เดินออกมาอีกครั้ง แล้วมองดูร่างของคนพวกนั้นที่เดินจากไปไกลแล้ว พร้อมกับยิ้มน้อยๆ
เธอมองตั๋วรถไฟที่ถืออยู่ในมือแวบหนึ่ง แล้วก็โยนมันทิ้งลงในถังขยะข้างๆ อย่างไม่นึกเสียดาย เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้คิดจะขึ้นรถไฟเลยสักนิด
แต่ในวินาทีที่เธอหันตัวกลับมานั้น กลับพบนายตำรวจพุงพลุ้ยยืนอยู่ต่อหน้าเธอ
“คุณจ้าวหรู จะรีบไปไหนเหรอครับ? ทำไมเมื่อตอนกลางวันคุณถึงไม่บอกผมเลย?”
“นายตำรวจหม่าคะ ตำรวจอย่างพวกคุณยุ่งแม้แต่เรื่องส่วนตัวด้วยเหรอคะ?” จ้าวหรูพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แล้วเธอก็เหลือบมองไปทางด้านหลังเล็กน้อย ถึงพบว่าข้างหลังมีคนเข้ามาประชิดตัวเธอแล้ว
เธอยังคงพูดอย่างสุขุม “นายตำรวจหม่าคะ ไม่ทราบว่าคุณมาหาฉันถึงที่นี่มีธุระอะไรคะ?”
“ไม่มีอะไรครับ แค่มีเรื่องอยากปรึกษาคุณสักหน่อยเท่านั้น ขอเชิญคุณกลับไปคุยกับพวกเราสักหน่อยนะครับ”
“นายตำรวจหม่าคะ ฉันจะรีบไปขึ้นรถไฟ เกรงว่าคงไม่สะดวกค่ะ” จ้าวหรูส่ายหน้าปฏิเสธ “อีกอย่าง ฉันรู้นะคะ ถึงเป็นตำรวจก็จับตัวใครไปตามใจชอบไม่ได้นี่คะ?”
หม่าโฮ่วเต๋อยักไหล่ เขามีประสบการณ์มากพอที่จะตอบโต้ถ้อยคำพวกนี้ แต่อีกฝ่ายไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเขาโดยสิ้นเชิง เขาดื่มโค้กที่ซื้อมาระหว่างทางไปอึกหนึ่ง แล้วพูดอย่างเฉยชาว่า “พวกเราสงสัยว่ากระเป๋าสัมภาระของคุณใบนี้ รวมทั้งบนตัวคุณจะซ่อนวัตถุอันตรายเอาไว้ พวกเราขอค้นหน่อยได้หรือเปล่าครับ?”
“คุณตำรวจคะ ไม่มีหลักฐาน คุณเอาอะไรมาพูดคะ?” จ้าวหรูขมวดคิ้ว
หม่าโฮ่วเต๋อตอบอย่างเฉยชา “ผมถึงได้บอกว่าสงสัยไงครับ คุณให้ผมค้นดูหน่อยก็พอแล้วนี่? วางใจเถอะครับ พวกเรามีตำรวจหญิง คุณคงไม่ว่าอะไรถ้าตำรวจหญิงมาค้นตัวใช่ไหมครับ?”
“คุณจ้าวคะ กรุณาให้ความร่วมมือกับพวกเราด้วยนะคะ” หญิงสาวในชุดลำลองคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ ในมือเธอชูบัตรประจำตัวเพื่อแสดงตัวตนของเธอ “นี่เป็นห้องน้ำหญิง ฉันคิดว่าน่าจะสะดวกมาก”
สายตาของจ้าวหรูกวาดตามองไปยังคนที่อยู่ข้างๆ อย่างรวดเร็ว นอกจากหม่าโฮ่วเต๋อและตำรวจหญิงนอกเครื่องแบบคนนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่ารอบๆ ยังมีคนอื่นอีกสามสี่คน
เธอพยักหน้า ยิ้มน้อยๆ แล้วพูดว่า “งั้นก็ได้ค่ะ แต่ไวหน่อยนะคะ”
พอจ้าวหรูหมุนตัวเดินไปทางห้องน้ำหญิง และตำรวจหญิงนอกเครื่องแบบตามไปนั้น จ้าวหรูกลับหันกลับมาอย่างกะทันหัน ในมือเธอถือสเปรย์กระป๋องหนึ่งที่ไม่รู้ว่าหยิบมาตอนไหน
ฉับพลันนั้น จ้าวหรูก็รีบฉีดสเปรย์ไปตรงใบหน้าของตำรวจหญิง แล้วถือโอกาสผลักตำรวจหญิงไปทางหม่าโฮ่วเต๋อ ก่อนรีบวิ่งหนีออกไปข้างนอกทันที
คิดไม่ถึงว่าเธอเพิ่งวิ่งหนีไปได้ไม่กี่ก้าว ตัวเธอก็เซไปเล็กน้อย แล้วล้มลงไปบนพื้นในที่สุด ที่แท้เท้าของเธอก็ถูกอะไรบางอย่างกระแทกเข้า…กระป๋องโค้กนี่เอง!
พอเห็นจ้าวหรูล้มลงไปบนพื้นแล้ว ตำรวจสามสี่คนก็รีบวิ่งเข้ามากดตัวเธอไว้ทันที แล้วหม่าโฮ่วเต๋อก็พยุงตำรวจหญิงที่บาดเจ็บที่ตาเดินเข้ามา “ทักษะการเขวี้ยงกระป๋องของผมยังใช้ได้อยู่สินะ? เรียนมาจากเพื่อนสนิทผมคนหนึ่งน่ะ…คุณจ้าวหรู ตอนนี้คุณทำร้ายเจ้าพนักงานโดยไม่มีสาเหตุ รบกวนคุณช่วยกลับไปกับพวกเราด้วยครับ แล้วก็ช่วยพูดความจริงด้วยนะครับ!”
จ้าวหรูดิ้นรนอยู่พักหนึ่ง พอรู้ว่าดิ้นไม่หลุด จึงหรี่ตาลงไม่พูดไม่จา
จ้าวหรูเงียบกริบมาตลอดทาง ตัวเธอถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนล็อกแขนเอาไว้ แล้วพาออกมาจากที่นั่นอย่างสงบ
นักเดินทางที่นี่เดินไปมาอย่างรีบร้อน ไม่นานผู้คนก็ลืมฉากตำรวจจับผู้ร้ายที่เคยเกิดขึ้นที่นี่อย่างรวดเร็ว…ยังไงเรื่องแบบนี้ก็มีให้พบเห็นบ่อยที่สถานีรถไฟ
ผู้คนคุ้นชินจนกลายเป็นเรื่องปกติ ใครจะอยากอยู่ดูต่ออีก?
แต่ยังมีร่างคนสองคนหยุดยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน เป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง…พวกเขาไม่ใช่นักเดินทาง แค่มีชีวิตอยู่มายาวนานเท่านั้นเอง
หญิงสาวค่อยๆ ย่อตัวลง แล้วเก็บสร้อยเส้นเล็กขึ้นมาจากพื้น หลังจากมองดูอยู่ครู่หนึ่ง ก็ส่งไปไว้ในมือชายหนุ่ม
นี่คือสิ่งที่ถูกกระชากหลุดขณะที่จ้าวหรูดิ้นรนตอนถูกตำรวจจับกุมเมื่อกี้นี้
แล้วเธอก็พูดว่า “นายท่านคะ น่าจะเป็นจี้บนสร้อยเส้นนี้แหละค่ะ ที่ทำให้คุณหม่ามึนงงแปลกๆ”
“อืม คุ้นๆ อยู่นะ ฉันเคยเห็นมาก่อนหรือเปล่า?”
“นายท่านยังจำเพชรดำเม็ดนั้นของบ้านหลิวอั๋งได้ไหมคะ? ในจี้เม็ดนี้มีพลังบางอย่างแอบแฝงอยู่ ถึงแม้จะเบาบางมาก แต่น่าจะมีที่มาที่เดียวกันนะคะ”
หลิงอั๋ง หลิงจื่อซิง
เขาพยักหน้า แน่นอนว่าเขานึกเรื่องในคฤหาสน์หลังโตสามชั่วอายุคนนั้นได้แล้ว
ลั่วชิวถือโอกาสส่งจี้นี้คืนไปให้คุณสาวใช้ ก่อนจะจากไปยังพูดว่า “น่าสนใจจริงๆ ไว้หาเวลาไปถามที่มาของมันจากจ้าวหรูแล้วกัน”
…
…
ตรงหน้ากระจกห้องสืบสวน หม่าโฮ่วเต๋อมองดูจ้าวหรูมสักระยะหนึ่งแล้ว…นานพอๆ กับพวกเจ้าหน้าที่ตำรวจข้างๆ
ผู้ต้องหาโดยทั่วไปมักจะมีท่าทีกระวนกระวาย
ถึงแม้พวกเขาจะปกปิดเก่งแค่ไหนก็ตาม ก็ต้องมีออกอาการกระสับกระส่ายและร้อนใจให้เห็นจากการกระทำเล็กๆ น้อยๆ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับไม่มีอาการที่ว่าเลย
เธอนั่งหลับตานิ่งราวกับหุ่นขี้ผึ้งมาตั้งนานแล้ว จนพวกที่เฝ้าสังเกตดูอยู่เริ่มลำบากใจ
“ฉันไปจัดการผู้หญิงคนนี้หน่อยดีกว่า” หม่าโฮ่วเต๋อสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ แล้วผลักประตูเดินเข้าไปในห้องอีกด้านหนึ่งของกระจก
“คุณจ้าวหรู รู้ไหมครับว่าพวกเราพบอะไรในกระเป๋าเดินทางของคุณ?” หม่าโฮ่วเต๋อถามต่อหน้าประโยคหนึ่ง
ทว่าจ้าวหรูกลับไม่ยอมลืมตาขึ้นมา ขนาดเปลือกตายังไม่ขยับเลยสักนิด ราวกับไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น
หม่าโฮ่วเต๋อพูดเสียงดังขึ้น “พวกเราพบรูปภาพจำนวนมากในโน้ตบุ๊กของคุณ…คุณรู้ว่ารูปภาพที่ผมพูดถึงคืออะไรใช่ไหม?”
จ้าวหรูยังคงนิ่งเฉย
หม่าโฮ่วเต๋อสบถแล้วพูดว่า “อีกอย่าง ในมือถือของคุณยังมีภาพถ่ายอีกหลายภาพ! ผมคงไม่ต้องเวลาหรอกมั้ง? ทั้งหมดเป็นภาพถ่ายที่เกิดเหตุฆ่าตัวตายของพวกนักเรียนช่วงนี้ เก่งนี่ คุณจ้าวหรู คุณไปถึงที่เกิดเหตุได้เร็วกว่าพวกผมอีกนะ แถมยังถ่ายภาพมาชัดเจนด้วย!”
“นายตำรวจหม่า คุณคิดจะพูดอะไรกันแน่?” จ้าวหรูลืมตาขึ้นช้าๆ
หม่าโฮ่วเต๋อตบโต๊ะอย่างแรงในทันที เขาพูดขึงขังราวกับเทพเจ้าสายฟ้าว่า “บอกมา คุณบีบบังคับนักเรียนพวกนี้ให้ฆ่าตัวตายยังไง! คุณใช้ภาพถ่ายในมือคุณขู่บังคับพวกเขาใช่ไหม!”
“หลักฐานล่ะคะ?”
“หลักฐาน?” หม่าโฮ่วเต๋อตะคอกเสียงดัง “ก็ภาพถ่ายในโน้ตบุ๊กคุณไง นอกจากผู้เสียชีวิตแล้ว ยังมีภาพอนาจารของนักเรียนคนอื่นอีก คุณกล้าบอกไหมว่าภาพพวกนี้ไม่ได้แอบถ่ายมา? อีกอย่าง ทำไมคุณถึงไปที่เกิดเหตุ? พวกเราเคยตรวจสอบกล้องวงจรปิดบนถนนแถวๆ อะพาร์ตเมนต์ของคุณแล้ว ปกติคุณไม่ออกจากบ้านเลย ทำไมถึงบังเอิญออกจากบ้านช่วงกลางคืนในวันพวกนี้ล่ะ?”
จ้าวหรูหัวเราะ แล้วพูดอย่างเฉยชา “ก็ได้ พวกคุณอุตส่าห์ตรวจสอบมาตั้งเยอะ แถมยังหาตัวฉันเจอเร็วขนาดนี้ ฉันนับถือการทำงานของตำรวจอย่างพวกคุณมากจริงๆ”
เธอถอนหายใจ แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันยอมรับค่ะ ฉันสนิทกับนักเรียนพวกนี้ และเคยข่มขู่พวกเขาจริงๆ แต่ฉันแค่ขอเงินก้อนจากพวกเขาเท่านั้นเอง ที่จริงแล้วฉันไม่รู้เลยว่าทำไมพวกเขาถึงฆ่าตัวตาย พูดอย่างนี้แล้วกันนะคะ พวกเขาทำเรื่องเสื่อมเสียวงศ์ตระกูล แล้วยังกลัวว่าคนอื่นจะรู้เข้า ตัวเองก็เลยทนรับแรงกดดันไม่ไหว…เด็กสมัยนี้ไม่อดทนเอาซะเลย”
“คุณยังกล้าบอกว่าไม่ได้บังคับพวกเขาฆ่าตัวตายอีกเหรอ?” หม่าโฮ่วเต๋อพูดด้วยเสียงโกรธขึ้ง “ งั้นทำไมก่อนพวกเขาฆ่าตัวตาย คุณถึงมาโผล่อยู่ล่างตึกที่พวกเขาตายด้วยล่ะ!”
“บังเอิญเป็นเวลาทำธุรกิจพอดีน่ะค่ะ”
“บังเอิญแบบนี้ทุกครั้งเลยงั้นเหรอ? คุณข่มขู่สักคน ก็มีคนฆ่าตัวตายเพิ่มหนึ่งคน?”
“ฉันแอบสะกดรอยตามพวกเขาไป แล้วถ่ายพวกนี้เก็บไว้ ตอนแรกทำไปเพื่อเงิน ในเมื่อไม่ได้จากคนแรก แน่นอนว่าก็ต้องมีคนที่สองตามมา” จ้าวหรูยักไหล่แล้วพูดต่อ “ฉันบอกได้แค่ว่า ฉันคงซวยพอตัว ที่พบคนหนึ่ง ก็ตายคนหนึ่ง คุณตำรวจคะ พวกคุณก็ยืนยันไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าพวกเขากระโดดตึกลงมากันเอง? คุณจะบอกว่าฉันแบล็กเมลก็ได้ แต่อย่ามากล่าวหาว่าฉันฆ่าคน”
นี่คือเรื่องที่น่าปวดหัวที่สุด…รู้ๆ อยู่ว่าจ้าวหรูเล่นตลกอยู่เบื้องหลัง แต่กลับหาหลักฐานจริงๆ ที่พิสูจน์ว่านักเรียนพวกนี้ฆ่าตัวตายเพราะถูกเธอบังคับไม่เจอ
ข้อเท็จจริงเป็นอย่างที่เธอพูด ถ้านักเรียนพวกนี้ฆ่าตัวตายเพราะหวาดกลัวและกังวล…สรุปแล้ว คำตัดสินของศาลจำเป็นต้องใช้หลักฐานที่เชื่อถือได้เสมอ!
“ชีวิตคนตั้งห้าคน! นี่คือชีวิตคนเป็นๆ ตั้งห้าชีวิตเลยนะ! คุณไม่คิดจะรับผิดชอบเลยสักนิดเหรอ? คุณเป็นคนเลือดเย็นหรือไง? ยังใจเย็นได้อีกเหรอ!”
“นายตำรวจหม่า” ตอนนี้จ้าวหรูพูดอย่างไม่แยแสว่า “ทำไมถึงเป็นชีวิตคนห้าคนล่ะ? พวกคุณคิดจะยัดเยียดข้อหาให้ฉันเหรอ?”
“เฉินโหย่วลี่! โจวหมิงเซวียน! เฉียวหรงหรง! หลี่เหา! กู้จยาเจี๋ย!” หม่าโฮ่วเต๋อตบโต๊ะอีกครั้ง แล้วพูดด้วยความโมโหว่า “หรือว่าเด็กห้าคนนี้ไม่ได้ฆ่าตัวตายเพราะถูกคุณข่มขู่เหรอ!”
“คุณตำรวจคะ ฉันยอมรับว่าเคยแบล็กเมลสี่คนแรกที่คุณพูดถึง แต่ฉันยืนยันอีกครั้งว่า การตายของพวกเขาไม่เกี่ยวกับฉัน อีกอย่างคนสุดท้ายที่คุณพูดถึง ยิ่งไม่เกี่ยวกับฉันเลย และฉันก็ไม่เคยข่มขู่คนคนนี้เลยด้วย”
“คุณยังกล้าพูดว่าไม่เกี่ยวกับคุณอีกเหรอ? หรือว่ากู้จยาเจี๋ยไม่ใช่นักเรียนที่สถาบันสอนพิเศษด้วย?”
จ้าวหรูพูดอย่างเย็นชาว่า “พวกคุณเคยตรวจสอบของของฉันแล้วไม่ใช่เหรอคะ? หาข้อมูลของเด็กคนนี้พบไหมคะ? จะว่าไป ในเมื่อฉันยอมรับแล้วว่าข่มขู่ แน่นอนว่าฉันพูดจริง ฉันไม่รู้ว่าทำไมนักเรียนคนสุดท้ายที่คุณพูดถึงถึงตายได้”
“คุณ…” หม่าโฮ่วเต๋อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “คุณนั่งต่อไปเถอะ! พวกเราจะทำให้คุณสารภาพให้ได้!”
…
“เซอร์หม่าครับ ตรวจสอบซ้ำเรียบร้อยแล้ว หลังจากเปรียบเทียบข้อมูลในโน้ตบุ๊กของจ้าวหรูกับสิ่งที่ค้นเจอในบ้านของสวีจ้าว ก็ไม่พบข้อมูลของกู้จยาเจี๋ยจริงๆ ครับ เขาน่าจะไม่ได้ทำเรื่องเสื่อมเสียกับคนอื่นในสถาบันสอนพิเศษ และข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของจ้าวหรูก็ไม่มีภาพที่เกิดเหตุด้วยเหมือนกันครับ อีกอย่าง…”
หม่าโฮ่วเต๋ออึ้ง “อีกอย่างอะไร?”
“คืนที่กู้จยาเจี๋ยฆ่าตัวตาย ในกล้องวงจรปิดก็ไม่เห็นจ้าวหรูเดินออกมาเลยครับ…”
หม่าโฮ่วเต๋อขมวดคิ้ว “นี่…หรือจะบอกว่าเด็กฆ่าตัวตายเองจริงๆ?”