สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - ตอนที่ 24 ‘สันติสุข’
พายุฝนตลอดทั้งคืนทำให้อุณหภูมิของเมืองนี้ลดลงไม่น้อย
ดูเหมือนว่าพายุไต้ฝุ่นลูกใหม่จะตามพายุฝนรอบนี้มาอีกแล้ว
แม้จะบอกว่าเมืองนี้อยู่ใกล้ทะเล และบริเวณที่ติดทะเลจะเจอพายุไต้ฝุ่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร แต่พายุไต้ฝุ่นที่เกิดในหน้าร้อนนี้จะเยอะไปหน่อยหรือเปล่า?
ถ้าลองเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว ดูเหมือนว่าจะบ่อยเกินไปจริงๆ ทั่วทั้งประเทศต่างก็มีข่าวเกี่ยวกับเหตุอุทกภัยอยู่ไม่น้อย
ทุกอย่างเป็นเพราะสภาพแวดล้อมของโลกเปลี่ยนแปลงไป ควรให้ใครมาคิดบัญชีค่าเสียหายที่เกิดกับธรรมชาติดีล่ะ…เรื่องแบบนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ประชาชนตาตัวเล็กๆ ใส่ใจมากนัก
พวกเขาแค่สนใจหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง หรือสนใจเรื่องท่อระบายน้ำตามท้องถนนอุดตันมากมายจากพายุฝนเมื่อคืน ส่งผลให้การเดินทางในเช้าวันนี้ยากลำบาก ใคร่ครวญว่าต้องเปลี่ยนไปใช้เส้นทางไหนก็พอแล้ว
แต่เรื่องรถติดมาทำงานสายจะไม่เกิดขึ้นกับพวกลูกน้องของหม่าโฮ่วเต๋อในแผนกสืบสวน เพราะพวกเขาไม่ได้ออกไปไหนตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
แต่ทำงานนอกเวลาเพิ่ม
คนในแผนกทั้งหมดก็เริ่มปฏิบัติการตลอดทั้งคืน ก็เพื่อฉีกหน้ากากให้เห็นธาตุแท้ทั้งหมดของสวีจ้าว ส่วนสาเหตุนั้น แน่นอนว่าเป็นเพราะเบาะแสบางอย่างที่หม่าโฮ่วเต๋อได้มาจากรองบรรณาธิการเริ่นนั่นเอง
“สวีจ้าว ดูจากภาษีที่เขาจ่ายแต่ละเดือน นับว่าจัดอยู่ในกลุ่มผู้มีรายได้สูง รายได้ต่อปีอยู่ที่ประมาณหนึ่งล้านหยวน” นายตำรวจหนุ่มกำลังรายงานด้วยแววตาอิจฉา “แต่พวกผมสืบมาได้ว่าคนคนนี้ชอบดื่ม ชอบเที่ยว บ้าผู้หญิง เข้าเว็บหนังโป๊เดือนละห้าครั้ง รวมทั้งสถานบันเทิงอื่นๆ อีกครับ…จากการคาดการณ์เบื้องต้น รายจ่ายแต่ละเดือนของเขาอย่างน้อยที่สุดก็แสนหยวน อีกอย่างนอกจากบ้านที่เขาอยู่ตอนนี้ ก็ยังมีห้องชุดที่กู้ธนาคารมากำลังผ่อนอยู่สองห้อง ในหนึ่งเดือนต้องส่งงวดละสี่หมื่นหกพันเจ็ดร้อยแปดสิบหยวน เดือนที่แล้วเขายังซื้อรถเบนซ์มาหนึ่งคัน เป็นเงินอีกแปดแสนหยวน…”
“พอแล้วๆ หมอนี่ต้องมีปัญหาการเงินแน่ๆ แต่ปัญหาเรื่องเงินไม่เกี่ยวกับพวกเรา…”หม่าโฮ่วเต๋อส่ายหัวเล็กน้อย “ดูจากรายรับและรายจ่ายที่ต่างกันแบบนี้ ยืนยันได้ว่าหมอนี่ต้องมีรายรับผิดกฎหมายจากทางอื่นด้วยแน่นอน…”
แต่หมอนี่เป็นผู้จัดการสถาบันสอนพิเศษ…ตามหลักแล้ว ตามหลักแล้วสถาบันสอนพิเศษแบบนี้แค่แห่งเดียวจะหา ‘รายได้เสริม’ อะไรได้อีกเนี่ยสิ?
“ใช่แล้วครับ อีกอย่างพวกเรายังตรวจสอบพบว่า สวีจ้าวใช้ชื่อตัวเองเช่าคฤหาสน์แบบ Duplex* หลังหนึ่งในย่านคนมีตัง ได้ยินยามในนั้นบอกว่า เขาเห็นรถเยอะแยะมาจอดข้างๆ คฤหาสน์หลังนี้บ่อยครั้ง แต่ช่วงนี้ดูเงียบไป แม้แต่ไฟในบ้านหลังนั้นยังไม่เปิดมาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วครับ”
นายตำรวจหนุ่มหยุดพูด แล้วพูดสิ่งที่ตัวเองคาดการณ์ “พวกผมสงสัยว่าสวีจ้าวจะทำอะไรบางอย่างในคฤหาสน์ที่เช่าอยู่ครับ แต่ช่วงนี้ก็หยุดไปกะทันหัน…ดูเหมือนว่าเกือบจะเป็นช่วงเดียวกันกับที่พวกเราเริ่มตรวจสอบเรื่องที่สถาบันสอนพิเศษเลยครับ เซอร์หม่า ท่านว่าพวกเราจะทำข่าวรั่วไหลหรือเปล่าครับ?”
หม่าโฮ่วเต๋อขมวดคิ้ว “คุณคิดว่าคนในแผนกจะปล่อยข่าวรั่วไหลหรือเปล่า?”
นายตำรวจส่ายหัว หม่าโฮ่วเต๋อเคาะโต๊ะอยู่พักหนึ่ง “ในโลกนี้หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง เจ้าของที่อยู่เบื้องหลังสถาบันสอนพิเศษก็คือไต้โหย่วไฉ เจ้านี่สนิทกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงอยู่ไม่น้อยเลยครับ”
หม่าโฮ่วเต๋อไม่ได้พูดคำพูดที่เหลือออกมาทั้งหมด…อย่างเช่น หัวหน้าของเขาก็เป็นพวกชอบขี้โม้คุยโตบนโต๊ะอาหารหลังเหล้าเข้าปาก
“คฤหาสน์ในย่านคนรวยจะต้องซ่อนบางอย่างไว้แน่ๆ คุณให้เพื่อนร่วมงานสองคนจับตาดูมันไว้แล้วกัน” หม่าโฮ่วเต๋อพูดสั่งเสียงเข้ม
ทำคดีต้องมีความอดทน จะให้ความใจร้อนเล็กๆ น้อยๆ ทำเสียเรื่องไม่ได้… ยังไงเงื่อนไขแรกคือยังไม่มีหลักฐาน ก็ได้แต่ใช้ความอดทนรอให้อีกฝ่ายเผยโฉมหน้าออกมาเอง
แต่อย่างไรเซอร์หม่ากลับนึกไม่ถึงว่า…เวลาที่เขาต้องรอคอยนั้นเหลืออีกไม่นานแล้ว!
ตอนที่นายตำรวจคนนี้รายงานจบ และเปิดประตูเตรียมจะออกไปจัดคนตามคำสั่งของหม่าโฮ่วเต๋อนั้น ตำรวจนายหนึ่งที่เข้าเวรอยู่โถงทางเข้าสถานีตำรวจก็เดินมาที่แผนกนี้
“เซอร์หม่าครับ มีชายคนหนึ่งอยู่ด้านนอก เขาบอกว่าตัวเองชื่อสวีจ้าว จะมามอบตัวครับ!”
…
ด้านหน้ากระจกห้องสืบสวนคดี หม่าโฮ่วเต๋อมองสวีจ้าวที่นั่งอยู่ในห้องอีกด้านหนึ่งของกระจกตั้งแต่หัวจรดเท้า
หมอนี่สติไม่ดีหรือเปล่า?
ท่าทางนั่งไขว่ห้าง ส่ายหัวโยกไปมา…ดูลักษณะไม่เหมือนเสพยามา แต่เหมือนตาแก่คนหนึ่งกำลังฟังเพลง
อันที่จริง ยังได้ยินหมอนี่ฮัมเพลงเบาๆ ผ่านอุปกรณ์ในห้องสืบสวนออกมาด้วย
“Ich-Will”
“คุณว่ายังไงนะ?” หม่าโฮ่วเต๋อหันไปมองนายตำรวจหนุ่มข้างๆ ด้วยความแปลกใจ
เขาชี้ไปทางสวีจ้าวที่นั่งอยู่ข้างใน พร้อมยักไหล่แล้วพูดว่า “Ich-Will ชื่อเพลงที่หมอนี่ฮัมอยู่ เป็นเพลงของวงเฮฟวีเมทัล**วงหนึ่งน่ะครับ”
หม่าโฮ่วเต๋ออึ้ง เขาไม่สนหรอกเฮฟวงเฮฟวีอะไร เซอร์หม่าส่ายหัว เดินเข้าไปในห้องโต้งๆ แล้วฟาดสมุดโน้ตในมือลงไปบนโต๊ะอย่างแรง จากนั้นก็นั่งลงตรงฝั่งตรงข้ามสวีจ้าว
“สวีจ้าวใช่ไหม? ได้ยินว่าคุณอยากมอบตัว?” หม่าโฮ่วเต๋อถามเสียงเข้ม “คุณมามอบตัวเรื่องอะไร?”
“อ้อ นายตำรวจหม่า สวัสดีครับ!” สวีจ้าวนั่งตัวตรงทันที เขากระแอมให้คอโล่งแล้วพูดว่า “คือแบบนี้นะครับ ข้านักพรต…”
“ข้านักพรต?”
“อ้อ คุณได้ยินผิดแล้ว ผมจะบอกว่า ‘มาถึง’** ที่นี่ ก็เพราะผมทำผิดมาน่ะสิครับ”
หม่าโฮ่วเต๋อทำหน้าไร้อารมณ์ เหลือบมองหมอนี่ด้วยหางตาแวบหนึ่ง เขากางสมุดโน้ตแล้วคว้าปากกาขึ้นมา ก้มหน้าเตรียมจะจดบันทึก “เล่ามาสิ คุณทำผิดอะไรมา?”
“ติดสินบน จัดหาโสเภณี แล้วก็หลับนอนกับเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยครับ”
“ติดสินบน…แล้วยังมีอะไรอีกนะ?” เซอร์หม่านึกว่าตนเองฟังผิด จึงเงยหน้าขึ้นมาอย่างงงงัน
“จัดหาโสเภณี แล้วก็หลับนอนกับเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยครับ” ‘สวีจ้าว’ พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “คุณตำรวจ ได้ยินชัดแล้วหรือยังครับ?”
“ได้…ได้ยินชัดแล้ว”
หม่าโฮ่วเต๋อรู้สึกเหลือเชื่อสุดๆ…หมอนี่สมองมีปัญหาหรือเปล่า?
“สวีจ้าวใช่ไหม? นี่ไม่ใช่ที่มาล้อเล่นนะครับ คุณรู้หรือเปล่าว่าทุกคำพูดที่คุณพูดออกมาจะถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐานมัดตัวคุณ?”
“คุณตำรวจ ผมเข้าใจดี! เข้าใจดีทุกอย่าง!”
‘สวีจ้าว’ พยักหน้า “ผมสาบาน ว่าเรื่องที่ผมจะพูดต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงทั้งหมด คุณตำรวจ ผมมีความผิด ผมไม่อาจทนรับการประณามจากจิตใจด้านดีได้ ผมจะเล่าเรื่องเลวๆ ที่ผมทำมาทั้งหมด จะเปิดโปงความชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ในเงามืด และจะมอบสันติสุขให้กับโลกใบนี้ด้วย ให้เป็นยุคแห่งความสันติสุข…”
“เดี๋ยวๆๆ!” หม่าโฮ่วเต๋อโบกไม้โบกมือ “พูดพล่ามตามตำราหรือไง? คิดจะเล่นตลกกับตำรวจเหรอครับ?
“มิกล้าๆ ถึงผมบังอาจอย่างไร ผมก็มิกล้าล้อท่านเล่นหรอกครับ!” ‘สวีจ้าว’ รีบพูดพลางโบกมือลุกลี้ลุกลน
หม่าโฮ่วเต๋อจ้องหมอนี่อยู่พักหนึ่งแล้วก็ถอนหายใจ พลางพูดว่า “ว่ามา แบบละเอียดยิบเลย”
“ครับๆๆ” ‘สวีจ้าว’ ถึงได้ถอนหายใจโล่งอก แล้วพูดเสียงสดใสเจื้อยแจ้วว่า “ก่อนอื่นพวกเราจะมองหานักเรียนจากสถาบันสอนพิเศษ ใช้เงินและผลการเรียนไปล่อให้พวกเขายอมตกลง แค่นี้พวกเราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องไม่มีลูกค้าแล้ว คุณตำรวจ คุณไม่รู้หรอกว่า นักเรียนโดยเฉพาะพวกนักเรียนผู้หญิง เสนอตัวมาเองทั้งนั้นแหละครับ!”
หม่าโฮ่วเต๋อฟังสวีจ้าวเล่าไปว่าล่อลวงนักเรียนที่มาสถาบันสอนพิเศษให้ลองไปค้าประเวณีอย่างไร เขาก็แทบไม่อยากเชื่อเลยว่า…นักเรียนพวกนี้จะทำตัวเหลวไหลได้ขนาดนี้
“เดี๋ยวก่อนนะ คุณบอกว่าใช้เงินและของมีค่านี่ผมไม่มีอะไรจะถาม แต่ผลการเรียนนี่มันเรื่องอะไรกัน?” หม่าโฮ่วเต๋อขมวดคิ้วถาม
สวีจ้าวหัวเราะหึๆ ทันที “เพราะลูกค้าของพวกเรา บ้างก็เป็นพวกผู้บริหารโรงเรียนในเมือง ถ้าจะเอาข้อสอบบางอย่างมาจากมือพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากนี่ ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งผลการเรียนดีๆ กลับไปรับมือกับพ่อแม่ที่บ้าน เพียงแค่ลงทุนเล็กๆ น้อยๆ เท่านี้ พวกเขาต้องเต็มใจอยู่แล้วนี่ครับ!”
“เหอะ! พูดน่าฟังดีนี่” หม่าโฮ่วเต๋อตะเบ็งเสียงอย่างโกรธขึ้ง “นักเรียนพวกนี้ยังเด็กอยู่เลยนะครับ ความคิดความอ่านยังไม่เป็นผู้ใหญ่ด้วยซ้ำ! คนอย่างคุณนี่มัน…”
“คุณตำรวจ! ผมรู้ว่าคุณคิดจะพูดอะไร ผมมันไม่ใช่คน ผมมันต่ำช้า! นี่ผมมามอบตัวแล้วก็ยังไม่พอหรือครับ?”
เหมือนกับหม่าโฮ่วเต๋อต่อยไปบนผ้านวมหมัดหนึ่ง เขาไม่มีที่ที่ระบายโทสะได้…เขาทำคดีมาหลายปีขนาดนี้ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเจอคนที่ ‘ให้ความร่วมมือ’ แบบนี้เลยจริงๆ
เซอร์หม่าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สงบสติอารมณ์ แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “แต่พูดปากเปล่าไปก็เท่านั้น คุณมีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์สิ่งที่คุณทำบ้างล่ะ?”
‘สวีจ้าว’ รีบล้วงกุญแจออกมาจากเสื้อ “คุณตำรวจ นี่เป็นกุญแจบ้านผม ในตู้เสื้อผ้าที่ห้องผมมีโน้ตบุ๊กวางอยู่เครื่องหนึ่ง หลักฐานที่คุณต้องการทั้งหมดอยู่ในนั้นแล้ว อ้อ จริงสิ รหัสเปิดเครื่องก็คือเจ็ดสองตัวแปดสามตัวห้าสามตัว!”
หม่าโฮ่วเต๋อคว้ากุญแจมาแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า “คุณรออยู่ที่นี่ก่อน พวกเราจะรีบไปตรวจสอบให้ชัดเจน!”
พูดแล้ว นายตำรวจหม่าก็ผลักประตูออกไป
ให้ความร่วมมือโคตรดีขนาดนี้เลย…บ้าไปแล้ว!
…
…
ผ่านไปเกือบครึ่งวันแล้ว
ตอนที่หม่าโฮ่วเต๋อเดินเข้ามาในห้องสืบสวนคดีอีกครั้ง สีหน้าพลันก็ขึงขังขึ้นมา เขานั่งลงตรงข้ามสวีจ้าวอีกครั้งหนึ่ง
ทางสวีจ้าวก็เอียงคอถามว่า “ท่านครับ เป็นยังไงบ้าง! ตรวจเช็กดีแล้วหรือยังครับ?”
หม่าโฮ่วเต๋อหัวเราะเยาะ “ชัดเจนเลยแหละ! ชัดยิ่งกว่าชัด อย่างที่คุณบอกมา พวกเราค้นเจอโน้ตบุ๊กเครื่องนั้นในบ้านของคุณจริงๆ และยังพบรูปจำนวนมาก ผู้เสียหายเยอะขนาดนี้…คุณแน่มากเลยนะ เอาเด็กเอ๊าะๆ แล้วยังชอบถ่ายรูปเก็บไว้อีก ไม่กลัวตายเลยจริงๆ ใช่ไหม?”
“แหม อย่าไปสนใจรายละเอียดปลีกย่อยพวกนั้นเลยครับ!” สวีจ้าวถามอย่างตื่นเต้นว่า “คุณตำรวจครับ ครั้งนี้ผมจะชื่อเสียงย่อยยับเลยหรือเปล่าครับ?”
“ชื่อเสียงย่อยยับ?” หม่าโฮ่วเต๋อหัวเราะเยาะพลางพูดว่า “นั่นยังน้อยไปด้วยซ้ำ! ตอนนี้หลักฐานแน่นหนา! ไม่ต้องถามเลย! อย่างน้อยสามปี หนักสุดก็ประหารชีวิต!”
‘สวีจ้าว’ ถอนหายใจยาว พูดด้วยสีหน้าเบาใจว่า “งั้นผมก็สบายใจแล้ว!”
พอพูดจบ ทันใดนั้นสวีจ้าวก็หัวโขกลงไปบนโต๊ะ แล้วก็ไม่ขยับอีกเลย
หม่าโฮ่วเต๋อชะงักไป รีบดึงตัวเขาขึ้นมา กลับเห็นว่าหมอนี่แค่หลับไปเท่านั้น…
*Duplex คือห้องที่มี 2 ชั้นเป็นห้องที่มีพื้นที่เปิดโล่งแบบฝ้าเพดานสูง (Double space) ห้องแบบนี้ผู้อยู่อาศัยจะได้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านมีพื้นส่วนกลางที่เชื่อมต่อกันแต่ก็ยังได้พื้นที่การใช้งานเป็นสัดส่วน
**วงเฮฟวีเมทัล หรือบางครั้งเรียกย่อว่า เมทัล เป็นแนวเพลงที่พัฒนามาจากดนตรีร็อก แต่ให้ความรู้สึกหนักหน่วงกว่า
***มาถึง คำว่ามาถึงในภาษาจีนออกเสียงคล้ายคำว่านักพรต