สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 73 เคสที่ 35 สมาชิกใหม่ (3)
- Home
- All Mangas
- สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ
- ตอนที่ 73 เคสที่ 35 สมาชิกใหม่ (3)
เมื่อพลอยนั่งลง เรย์ก็พ่นลมหายใจ
“…คราวนี้เป็นพี่พลอยเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ! อย่าคิดมากนะคะน้องเรย์! มาสนุกกันดีกว่าค่ะ!”
ถึงเธอจะพูดแบบนั้นก็เถอะ หน้าเจ้าเรย์ตอนนี้ไม่มีเศษเสี้ยวของความสนุกเลยสักนิด
พลอยจัดชฎาให้เรียบร้อย
การถามตอบครั้งนี้ไม่ได้จำกัดหัวข้อ ดังนั้นสมาชิกสภาจะถามเรื่องไหนก็ได้ หลักๆของมันก็คือดูการตอบสนองและทัศนคติของเรย์ว่าเหมาะสมกับสภานักเรียนหรือไม่…
…แค่สไปรท์คงไม่ได้คิดถึงขั้นนี้หรอกมั้ง
“อื๋อ? มีไรเป่า พี่คริสโตเฟอร์”
“เปล่าๆ”
“รู้สึกเหมือนโดนด่าอะ”
“คิดไปเองน่า”
ผมเฝ้ารอคำถามของพลอยอย่างใจจดใจจ่อ ในทางกลับกัน เรย์ดันทำหน้านิ่งเหมือนเริ่มจะขี้เกียจใส่ใจยังไงชอบกล
“น้องเรย์ชอบสุนัขหรือแมวมากกว่าคะ?”
“บ้านผมไม่เลี้ยงสัตว์ครับ”
“ถึงจะไม่เลี้ยง ก็น่าจะชอบสักอย่างนี่คะ?”
“ถ้าให้เลือกจริงๆก็คง…”
เรย์กุมคาง พลอยทำตาเป็นประกายเฝ้ารอคำตอบ
ก่อนที่เรย์จะส่ายศีรษะ
“ไม่ครับ ให้นึกว่าชอบอะไรสักอย่างในสัตว์หน้าขนพวกนั้นไม่ไหวจริงๆครับ”
พลอยกำหมัดแน่น แต่หน้ายังยิ้มตามเดิม
ใจเย็นไว้ หมอนี่ไม่ได้มีเจตนาร้าย แค่ตอบทุกอย่างตรงไปตรงมาแล้วคำตอบมันดันไม่เข้าหูเธอแค่นั้นเอง อดทนไว้ ขืนเธอให้เรย์ไม่ผ่านตอนนี้ เรย์ได้โดนเด้งออกสภาแน่
“อย่างสุนัขเป็นไงคะ? นอกจากจะน่ารักซื่อสัตว์ ถ้าตัวใหญ่หน่อยยังช่วยเฝ้าบ้านได้ด้วย”
“หมาเหรอครับ? เอาจริงที่บอกว่าเฝ้าบ้านได้นี่ผมก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ด้วยสิ พี่พลอยลองคิดยังงี้ดูนะครับ สมมุติมีโจรบุกเข้าบ้านมาเป็นกลุ่ม คิดว่าหมาตัวเดียวจะเอาอยู่จริงๆเหรอครับ???”
หมอนี่มันมองโลกในแง่ร้ายขนาดนี้เลยเรอะ…
เรย์ผายมือ
“พี่พลอยคงชอบหมาสินะครับ? คงไม่ใช่ว่ามีใครสักคนเลี้ยงหมาเลยต้องฝืนตัวเองให้ชอบหมาแบบช่วยไม่ได้เพื่อให้คนคนนั้นหันมามองสินะครับ?”
น้ำเสียงล้อเล่น เรย์ก็แค่หยอกล้อพลอยเล่นแบบรุ่นน้องที่น่ารักเท่านั้น…
…แต่ยัยผีนางรำนี่กลับ
“พี่ชอบสุนัขมาตั้งนานแล้วค่ะ! ไม่ใช่เพราะประธานเลี้ยงไว้สักหน่อย!!!”
เฮ้ย ทำไมถึงมีตูโพล่ขึ้นมาในบทสนทนาด้วยเนี่ย?
พลอยมือป้องปาก
“อุ๊ย…”
“พะ ผมแค่พูดเล่นเองครับ ไม่ได้หมายถึงประธานสักหน่อย…”
“ค่ะ…”
บรรยากาศอึดอัดเข้าไปทุกที แต่ยัยพลอยก็เลี้ยงหมาอยู่แล้ว ผมจะเลี้ยงหรือไม่มันเกี่ยวตรงไหนกัน?
เรย์รีบพูด
“ปะ ประธานเลี้ยงหมาด้วยเหรอครับ!?”
“…แล้วนายมาถามอะไรฉันเนี่ย ตอนนี้นายรับบทเป็นคนตอบต่างหาก …แต่ก็เลี้ยงไว้นั่นแหละ แต่ตามหลักการแล้วไม่ใช่สุนัข เป็นเซอร์เบอรัสน่ะ”
“…ถ้าวันไหนประธานชวนผมไปบ้าน ผมไม่ไปแน่ครับ”
แล้วผมจะชวนไปทำมะเขืออะไรเล่า
…พอได้ยินว่าเซอร์เบอรัสเลยกลัวสินะ แต่ที่จริงเซอบี้ก็ตัวเท่าลูกสุนัขดีๆนั่นแหละ
“อะแฮ่ม! น้องเรย์คะ พี่ยังถามไม่จบเลยนะคะ?”
“อ๊ะครับ ขอโทษครับ”
“เปลี่ยนเรื่องหน่อยดีกว่าค่ะ …คำถามนี้สำคัญกว่าคำถามเมื่อครู่ เพราะงั้นขอรบกวนให้น้องเรย์ช่วยตอบอย่างจริงใจด้วยนะคะ?”
โห พลอยเข้าโหมดจริงจังแล้วงั้นรึ?
เหลือแค่คาดหวังไว้เรย์ไม่ตอบอะไรบ้าๆออกไปก็พอ…
“น้องเรย์กลัวผีนางรำมั้ยคะ?”
บัดซบ คำถามแม่*บ้ากว่านี่หว่า
“สต๊อป! พลอย!”
“พี่คริสโตเฟิ่นสต๊อปปุ! ห้ามเข้าไปยุ่งมากกว่านี้แล้วน้าา~!”
สไปรท์ดึงเสื้อเบลเซอร์ผมอย่างแรงจะรู้สึกแน่นหัวไหล่
“ปล่อยนะเฟ้ย! เสื้อจะขาดแล้วนะ!”
“ห้ามยุ่งเด็ดขาด! รอให้ถึงคิวพี่คริสโตเฟอร์ก่อนซิ๊!!!”
ดิวมองพร้อมเคี้ยวขนม ส่วนพี่ต้นก็ยิ้มแห้งๆ
เฮ้อ…ก็ได้ จะไม่ยุ่งก็ได้ ฉันเชื่อใจในตัวเธอนะพลอย เรย์ก็ด้วย
เรย์เอียงคอ
“ผีนางรำแบบพี่พลอยเหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ!”
ตอบดีๆนะเว้ยเรย์ หัวข้อนี้เกิดตอบไม่เข้าหูพลอยขึ้นมา ยัยนี่ให้นายไม่ผ่านแบบไม่สนสี่สนแปดอะไรทั้งนั้นแน่นอน
“ถ้าแบบพี่พลอยก็ไม่กลัวหรอกครับ พี่พลอยนิสัยดีนี่ครับ?”
“แหม…พูดจาน่ารักจังนะคะ ขอบคุณที่ชมค่ะ แต่พี่หมายถึงผีนางรำแบบที่น้องเรย์รู้จักน่ะค่ะ”
“แบบนั้นก็กลัวอยู่นะครับ? คำถามอะไรครับเนี่ย? ผีนางรำน่ากลัวที่สุดในประเทศไทยแล้วล่ะครับ”
พูดถึงตรงนั้นเองที่พลอยยิ้มแป้นจนออกนอกหน้า
พร้อมลุกขึ้นด้วยกิริยาอ่อนช้อย
“น้องเรย์ผ่านแบบข้ามเส้นพอดีค่ะ”
“ข้ามเส้นก็แย่แล้วหล่อน เมื่อกี้คือให้ผ่านแบบร้อยคะแนนเต็มเลยไม่ใช่เรอะ?”
“นี่ประธานอยู่ฝั่งเดียวกับดิฉันหรือเปล่าคะเนี่ย?”
“ขอโทษครับ”
คะแนนตอนนี้ก็หนึ่งต่อหนึ่ง เหลือสมาชิกสภาอีกสามคน
คนต่อไปเอาเป็น…
“รอมานานล้าว!”
ยังไม่มีใครพูดสักคำ แต่สไปรท์ก็รุดเข้าไปหาเรย์ต่อจากพลอยทันที
ผมถามพี่ต้น
“สไปรท์เสร็จเมื่อไหร่ก็เหลือแค่พวกเราแล้วครับ พี่ต้นอยากก่อนหรือหลังครับ?”
“ขอหลังดีกว่า…ได้รึเปล่า?”
“ได้สิครับ”
ต่อจากนี้จะเป็นการถามคำถามของสไปรท์ ซึ่งต่อให้เธอจะเป็นคนต้นคิด แต่ผมไม่คิดหรอกนะว่าอย่างสไปรท์จะให้เรย์ผ่านง่ายๆ มีปัจจัยหลายอย่างนี่นะ
สไปรท์ยิงคำถามแรก
“เลย์ทำการบ้านวิชาคณิตที่จะส่งพรุ่งนี้เสร็จรึยัง!?”
“…เสร็จแล้ว”
“สุดยอดจริมๆ นับถือเล่อะ”
หวังว่าจะไม่ได้ถามแค่นั้นหรอกนะใช่มั้ย…
โชคดีที่ยังมีต่อ
“สมมุตินะสมมุติ เป็นเหตุการสมมุติที่ถามขึ้นมาเฉยๆ แต่ต้องตอบจริงๆเหมือนกับว่าถ้าเจอเหตุการณ์แบบที่สมมุติตรงหน้าจะทำยังไงด้วยนะ เข้าใจเป่า?”
“จะสมมุติอีกนานมั้ยเนี่ย?”
“สมมุติว่าพรุ่งนี้เช้าเลย์มาโรงเรียนพร้อมกับการบ้านคณิตที่ทำเสร็จเรียบร้อย แล้วบังเอิ๊ญบังเอิญมีเพื่อนร่วมชั้นคนนึงทำการบ้านไม่เสร็จ คำถามคือ! เลย์จะให้เค้า…ให้เพื่อนร่วมชั้นคนนั้นลอกหรือไม่!!!”
“ไม่ให้…การบ้านก็ต้องทำด้วยตัวเองสิ”
“…ยังงี้เค้าก็โดนครูดุน่ะจิ”
“ก็กลับบ้านไปทำสักทีสิว้อย!!!”
นั่นมันไม่ใช่คำถามแล้ว แค่อยากลอกการบ้านกันซึ่งๆหน้าเลยนี่หว่า
สไปรท์เชิดหน้าลุกขึ้น
“เรย์ไม่ผ่านเด้อ”
“ไหงงั้นเล่า!?”
“ก็เลย์ไม่ให้เค้าลอกการบ้านอะ”
“ไหนบอกสมมุติไม่ใช่เรอะ!?”
“ไม่ฟังแล้ว! ไม่ผ่าน ไม่ผ่าน! คนต่อไปเข้ามาได้เลย!”
สไปรท์ก้าวเข้ามาที่จุดเดิม ก่อนที่จะสังเกตสายตาของผมแล้วพูดขึ้นมาทันที
“หนูรู้นะว่าคริสโตเฟอร์จะพูดอะไร แต่นี่เป็นคะแนนของหนู หนูตัดสินใจว่าจะไม่ให้เลย์ผ่านแหละ”
“ตามสบาย ฉันไม่ได้หวังอะไรกับเธอแต่แรกอยู่แล้ว”
ถึงเรย์จะไม่ผ่านการพิจารณาสไปรท์ แต่เธอนั่นแหละที่จะไม่ผ่านวิชาคณิตศาสตร์ ถ้าคิดได้เมื่อไหร่ก็รีบกลับไปทำการบ้านเห๊อะ
คะแนนตอนนี้เป็นสองต่อหนึ่ง ผมกำลังเสียเปรียบ
แต่ผมจะดึงคะแนนกลับมาเดี๋ยวนี้แหละ
ผมเดินอย่างมั่นใจไปที่โซฟา
เมื่อนั่งลงเรย์ก็เอ่ย
“…ปกติสภาเป็นยังงี้ทุกวันเลยเหรอครับ”
“เฉพาะวันที่สไปรท์มาน่ะ”
“บอกตามตรงผมนึกว่าสภาจะจริงจังกว่านี้ซะอีก อ๊ะ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบหรอกนะครับ แค่มองแล้วก็เหมือนชมรมทั่วๆไปที่มีกลุ่มเพื่อนมาเล่นสนุกกันเลยน่ะครับ”
“แค่นายโอเคฉันก็พอใจแล้ว …ตอบคำถามฉันดีๆล่ะ ถึงฉันจะให้นายผ่านร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้วก็เถอะ”
“ถ้างั้นจะถามทำไมแต่แรกครับเนี่ย?”
“เดี๋ยวโดนสไปรท์บ่น ฉันรำคาญ”
“เข้าใจแล้วครับ แต่ผมจะตอบตามตรงนะครับ”
ผมนึกคำถามที่จะถามเรย์ไว้ราวสองถึงสามคำถาม ซึ่งแต่ล่ะอย่างเรย์น่าจะตอบได้ไม่ยาก …แม้ผมจะบอกว่าเรย์ผ่านหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ และผมก็รู้สึกเรย์จะทำงานสภาได้ดีแค่ไหนในอนาคต…
กระนั้น…ถ้าเรย์ตอบคำถามแบบที่ทำให้ผมผิดหวังขึ้นมาแม้แต่ข้อเดียว
เฮ้อ ไม่หรอก…เริ่มเลยดีกว่า
“นายคิดว่าสภานักเรียนคืออะไร?”
เรย์ผงะเมื่อได้ยินคำถามจริงจังแตกต่างจากที่ผ่านมา
“…ถามยากไปมั้ยครับ…ประธาน”
“ตอบมาเถอะ”
“อ่าก็…ชมรมที่คอยช่วยเหลือนักเรียนเชื้อสายภูตผี ต่อให้จะเป็นผี แต่เนื้อแท้ก็เป็นเด็กวัยรุ่นทั่วๆไป สภานักเรียนจึงมีไว้เพื่อช่วยแก้ปัญหาต่างๆของนักเรียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเชื้อสายที่ควบคุมไม่ได้ หรือแม้กระทั่งเรื่องง่ายๆที่พบเจอในชีวิตประจำวัน …ผมคิดว่าน่าจะประมาณนั้นครับ”
“ถูกต้อง ข้อต่อไป…ถ้านายบังเอิญรับเคสที่ค่อนข้างจะไร้สาระขึ้นมา นายจะทำเคสจนเสร็จหรือทำแบบขอไปที?”
“พูดถึงกรณีที่รับมาแล้วสินะครับ? ถ้ารับมาแล้วก็ต้องทำให้สำเร็จครับ กลับกันถ้ายังไม่ได้รับเคส ผมมีสิทธิ์ปฎิเสธเคสว่าจะไม่ทำก็ได้”
ผมพยักหน้า
ตอบได้ฉะฉานดี
นี่แหละที่ต้องการ
“…ฉันสอบได้อันดับหนึ่งของชั้นปี”
“…”
“…”
เรย์สะดุ้ง
“หะ!? นั่นคำถามเหรอครับ???”
“เปล่า แค่อยากอวดเฉยๆ นายผ่าน”
คงไม่ต้องถามไปมากกว่านี้แล้วล่ะ แค่นี้เรย์ก็เหมาะจะอยู่ในสภานักเรียน
ผมเดินมาที่จุดรวมพล สไปรท์พูดทันที
“รู้สึกเหมือนพี่คริสโตเฟอร์ถามไปส่งๆไงไม่รู้?”
“คำถามฉันจริงจังกว่าของเธอตั้งไม่รู้กี่เท่า”
“ช่างเต๊อะๆ ต่อไปตาพี่ต้นสิเนอะ? เชิญเลยค่าพี่ต้น~”
คะแนนสองต่อสอง คำตัดสินของพี่ต้นจะเป็นคำตอบว่าเรย์จะได้เป็นสมาชิกสภานักเรียนหรือไม่
ก่อนพี่ต้นจะเดินไป เขาก็จับไหล่ผม
“น้องประธาน”
“ครับ?”
“พี่รู้ว่าน้องประธานอยากให้เรย์อยู่สภา แต่พี่ไม่ล้มมวยให้หรอกนะ”
“แน่อยู่แล้วครับ”
“เรย์มองพี่ว่าเป็นนักเลง และพี่ก็เจอเรย์ครั้งแรกก็ตอนที่ฝั่งคู่อริพามา ถึงเจ้าตัวจะบอกว่าไม่น่าไปรับคำชวนแต่แรก พี่ก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าที่จริงแล้วเรย์เป็นคนยังไง”
“ครับ”
“ผลจะเป็นยังไงก็อย่าโกรธพี่ล่ะ น้องประธาน”
แหม…มาถึงจุดที่ซีเรียสขนาดนี้ได้ไงนะ ก็ยังดีที่พี่ต้นไม่รู้ว่าใจจริงของผมคืออยากให้พวกเขาสนิทกัน
และการที่พี่ต้นจริงจังถึงขั้นนั้น แสดงว่าถ้าผลลัพธ์ไม่ออกมาดีก็เชี่ยไปเลย
คิดแล้วก็น่าสนใจดี
เหลือแค่เชื่อใจว่าเรย์กับพี่ต้นจะคุยกันได้ด้วยดีล่ะนะ
พี่ต้นนั่งลง
“เรย์”
“พี่ต้น”
สายตาสองคู่จ้องราวกับมีประกายไฟ
พี่ต้นเป็นคนเริ่ม
“น้องประธานชวนนายเข้าสภา แต่เหตุผลที่นายอยากเข้าสภาคืออะไร?”
“ผมเคยช่วยเคสประธานครั้งนึงแล้วสนุกดีครับ เลยอยากเข้าสภา ถึงตอนแรกจะติดปัญหาที่บ้านแต่ตอนนี้ไม่มีแล้วครับ …ส่วนเหตุผลอีกข้อคือสไปรท์อยู่สภาครับ”
ไม่ปิดบังเลยสักนิด
สไปรท์ชี้นิ้วหาตัวเอง
“ทำไมเมื่อกี้ถึงมีชื่อหนูด้วยอะ?”
“ไม่ต้องใส่ใจหรอก”
“เคโอ”
ขณะที่พี่ต้นจะถามคำถามต่อไป เรย์ก็แทรกขึ้นมา
“แล้วทำไมพี่ต้นถึงอยู่สภาครับ?”
ผมกำลังจะห้ามเพราะฝั่งที่ถามคำถามได้คือฝั่งพี่ต้น แต่พี่ต้นกลับตอบอย่างว่าง่าย
“พี่โดนลงโทษจากเรื่องที่ไปทำร้ายนาย บทลงโทษคือต้องอยู่ในสภานักเรียน”
เออแฮะ ได้ยินแล้วก็พอจะจำได้ ปีก่อนผมบอกพี่ต้นไปแบบนั้นเองนี่นา…น่าจะใช่แหละ จำไม่ค่อยได้
“จะบอกว่าอยู่สภาเพราะหลีกเลี่ยงไม่ได้?”
“อย่าเข้าใจผิดสิ ถึงจะเป็นบทลงโทษแต่พี่ก็เต็มใจ และหลังจากอยู่มาสักพักพี่ก็คิดว่านี่แหละคือที่ที่พี่ควรอยู่ ฝั่งน้องประธานเองก็คงไม่คิดหรอกว่าที่พี่อยู่มาถึงตอนนี้เป็นเพราะบทลงโทษ”
“เห…”
“ถ้านายยังคิดว่านักเลงแบบพี่ไม่ควรอยู่สภาก็คิดไป พูดเองก็ยังไงอยู่ แต่พี่เปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปตั้งแต่วันที่เจอน้องประธาน”
……
พี่ต้นพ่นลมหายใจ
“นายคงไม่เข้าใจหรอก แต่เป็นหน้าที่ของพี่เองต่างหากที่ต้องทำให้เห็น ว่าเปลี่ยนไปแล้วแค่ไหน”
“อืม”
เรย์พยักหน้า แต่สีหน้ายังคงเรียบเฉย
ยังไม่ไว้ใจพี่ต้นแบบที่ผมอยากให้เป็น
พี่ต้นผสานมือ
“ทีแรก…พี่ก็ขอโทษไปเพราะไม่อยากให้น้องประธานลำบากใจ แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว พี่ขอถามนายตรงๆเลยนะเรย์”
“อ่า”
พี่ต้นชี้ไปที่คิ้วของเรย์ข้างที่เป็นแผลเป็น
“นายคิดว่าแผลเป็นนั่นผิดที่พี่ หรือผิดที่นายไปรับคำชวนของเจ้านั่นแต่แรกโดยไม่ไตร่ตรองให้ดี?”
เรย์ขบริมฝีปาก
“กล้าพูดนะ…”
“พี่ยอมรับว่าเมื่อก่อนพี่เลือกทางเดินผิด ตอนนี้ก็กลับมาเข้าที่เข้าทางได้แล้ว แต่ว่า…สิ่งที่เคยทำไปก็ไม่หายไปไหน”
“จะบอกว่าแผลเป็นนี่เกิดจากผลลัพธ์การกระทำของตัวผมเอง…งั้นรึ?”
“ใช่ มาถึงคำถามที่นายต้องตอบแล้ว แผลเป็นนั่น…ความผิดใคร?”
บรรยากาศมาคุ จนผมกลัวว่าจู่ๆจะลุกมาต่อยกันก็ไม่ปาน
…ผ่านพ้นความเงียบไปสักพัก เรย์ก็หัวเราะในลำคอ
“หึ…เล่นเอาซะพูดไม่ออกเลย”
พี่ต้นคลี่ยิ้ม
เรย์พูดต่อ
“ดูเหมือนจะไม่ใช่นักเลงแล้วสินะ? นักเลงไม่พูดอะไรแบบนี้หรอก …ผลลัพธ์การกระทำของตัวเองงั้นเหรอ …ใช่ไง? บอกไปตั้งแต่ทีแรกแล้วนี่ว่าไม่ได้ติดใจเรื่องแผลเป็น”
“แสดงว่าที่ไม่ชอบขี้หน้าพี่เพราะเหตุผลว่าพี่เคยเป็นนักเลงล้วนๆเลยสินะ?”
“ตามนั้น นักเลงมาอยู่ในสภานักเรียนใช้ได้ที่ไหน? แต่ก็นะ จากที่คุยกันเมื่อกี้ ผมคงต้องมองพี่ใหม่แล้วล่ะ พี่ต้น”
รอบนี้น้ำเสียงเรย์ที่เรียกพี่ต้นดูอ่อนน้อมลงกว่าเดิม
“ที่ผมหงุดหงิดก็นั่นด้วย…เฮ้อ เหมือนโดนจี้ใจดำเลยล่ะ ผมหงุดหงิดที่ตัวเองไปยุ่งไม่เข้าเรื่องจนได้แผลเป็นกลับมาก็เท่านั้น ผมรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นความผิดตัวเอง โทษใครไม่ได้หรอก”
“งั้นเหรอ ฉันดีใจที่นายเข้าใจนะ…”
พี่ต้นยิ้มบางๆให้เรย์ ส่วนเรย์ก็หันหน้าหนีไปทางอื่น
“ยินดีต้อนรับสู่สภานักเรียน เรย์”
พร้อมกับยื่นมือที่สวมกระด้งฝัดข้าวไปหา
เรย์มองฝ่ามือนั้นเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือออกไป
“แสดงว่าผมผ่านสินะครับ? พี่ต้น”
“อืม อย่าอู้ล่ะ ไม่งั้นพี่จะลงโทษนายแทนน้องประธานเอง”
“ฮะฮะ ก็ลองดูสิ”
ดูเหมือนผมจะไม่ต้องออกโรงเลยแฮะ
เมื่อหันมองรอบๆ ก็พบกับพลอยที่ปาดน้ำตา
“มิตรภาพของวัยรุ่นสินะคะ…”
ทำซึ้งเป็นคุณยายแก่ๆไปได้
“…ดีกันแล้วสินะ”
“จิ๊บ!”
ดิวก็ยังคงเคี้ยวขนม แต่มองเห็นว่ามุมปากเธอยิ้มอยู่หน่อยๆ
ส่วนสไปรท์…
“งงอะ”
สมเป็นสไปรท์จริงๆ
“ตกลงเลย์เข้าสภาแล้วเหยอ?”
“ใช่ อย่างเป็นทางการ”
“อย่างเป็นทางการแปลว่าอะไร?”
ช่างยัยนี่ไปก่อนดีกว่า ใกล้หมดเวลาชมรมแล้วด้วย ไหนๆก็ไม่น่ามีลูกเคสมาแล้ว คนอื่นๆก็น่าจะเหนื่อยกันหมด เพราะงั้นกลับเร็วสักวันคงไม่เป็นไร
“ประธานครับ”
“หืม?”
เรย์ทำหน้าลำบากใจ
“…ผมพอจะรู้แล้วว่าทำไมประธานถึงชอบพี่ต้น”
“งั้นเหรอ?”
“ครับ แต่ก็นะ…ยังไงก็ต้องดูๆไปก่อนนั่นแหละ”
แม้ปากจะว่าอย่างนั้น แต่ผมไม่เห็นสีหน้าระแวดระวังเหมือนก่อนหน้านี้เลยสักนิด คงหมดห่วงได้แล้วล่ะ
ยังเหลือสมาชิกอีกสองคนที่ต้องแนะนำให้เรย์รู้จักแฮะ พี่น้ำก็นานๆมาที ส่วนหมิงหมิงก็ของตาย ดังนั้นจะเรียกตอนไหนก็ได้ โดยสรุปแล้วไว้ว่ากันทีหลังแล้วกัน
เคสที่ 36 สมาชิกใหม่ /จบ