สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 64 เคสที่ 32 ประชันความเร็ว (3)
- Home
- All Mangas
- สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ
- ตอนที่ 64 เคสที่ 32 ประชันความเร็ว (3)
ยายสปีดคืบคลานไปตามลู่ อีกทั้งยังความเร็วเหลือร้ายเสียจนแซงผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ
ดูท่าที่อ่อนให้นั่นจะจริงสินะ…
ผมอาศัยการเคลื่อนที่จากเดดวิงในการไล่กรวด
“เร็วเกินไปแล้วนะโว้ย!!!”
“โอ๊ะๆ! ดูเหมือนยายสปีดจะแซงหน้าผู้เข้าแข่งขันท่านอื่นแบบไม่เห็นฝุ่นกันเลยทีเดียวครับ!! อ๊ะๆ! แต่ว่าทางด้านหลังก็มีซาตานจากจิตตฯไล่มาติดๆ! แหม ไม่มีใครยอมใครจริงๆ!”
ทั้งที่ท่าทางไม่เหมือนการวิ่งเลยสักนิด ไม่น่าเชื่อว่าการคลานแบบนั้นจะให้ความเร็วถึงเพียงนี้
สมแล้วที่เป็นยายสปีด
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ความเร็วจากเดดวิงของผมก็ไม่น้อยหน้า
ผมยังคงรักษาห่างจากยายสปีดได้
…และเมื่อผ่านพ้นรอบที่หนึ่ง ผมก็ตามหลังยายสปีดอยู่เพียงไม่กี่เมตร
ทว่า ด้านหน้ากลับเต็มไปด้วยผู้เข้าแข่งขันที่เป็นคุณลุงคุณป้าที่เหมือนมาวิ่งจ๊อกกิ้ง ผมกับยายสปีดกำลังจะน็อครอบคนเหล่านั้น
แม้ด้านหน้าจะเป็นอุปสรรค ยายสปีดกลับเคลื่อนที่พริ้วไหวดุจสายน้ำเลาะซ้ายเลาะขวาจนผ่านฝูงผู้เข้าแข่งขันโดยที่ตัวเองไม่ออกไปนอกสนามแข่ง
ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาด เพราะถ้าพลาดขึ้นมาจนขาแตะนอกสนามแข่งจะถือว่าแพ้ทันที และถ้าชนกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นก็โดนปรับแพ้เช่นกัน
ผมก็เลยต้องบินให้สูงขึ้นอีกระดับเพื่อลอยผ่านหัวผู้เข้าแข่งขัน…
“อ๊ะๆ! ไม่ได้นะครับ! คุณซาตานจากจิตตฯ! ถ้าบินสูงกว่านั้นจะนับว่าออกนอกสนามแข่งแล้วโดนปรับแพ้นะครับ!!!”
“หา!? ก็สูงเท่ารอบที่แล้วไม่ใช่เรอะ!?”
“กรรมการเขาเตือนมาแบบนั้นครับผม!!! รบกวนช่วยบินต่ำลงกว่านั้นหน่อยครับ!”
…ต่ำกว่านี้งั้นเรอะ
จะบ้าหรือไง ต่ำกว่านี้ก็ไม่พ้นศีรษะผู้เข้าแข่งขันคนอื่นน่ะสิ
ผมไม่อยากโดยปรับแพ้ด้วยอะไรโง่ๆแบบนี้หรอกนะ
ผมจึงตัดสินใจร่อนลงสนามแข่ง ว่าจะวิ่งให้เลยกลุ่มผู้เข้าแข่งก่อนจะใช้เดดวิงขึ้นบินอีกครั้ง
ผมวิ่งแทรกกลุ่มคุณลุงคุณป้า
ระหว่างนั้นก็โดนทักด้วยเสียงสบายๆเหมือนไม่ได้อยู่ในงานแข่ง
“อ้าวๆ เป็นไงบ้างหลาน เร็วจังเลยนะ นี่นำหน้าพวกป้าไปรอบนึงแล้วสินะเนี่ย?”
“เด็กอย่างหนูคงไม่ได้ใช้จักรยานหรอกมั้ง? สุขภาพดีขนาดนี้ ถ้าได้มาแล้วไม่ได้ใช้จะเอามาให้ลุงก็ได้นะ?”
“ขะ ขอทางหน่อยครับ”
ผมแทรกตัวผ่านคุณลุงคุณป้าที่ชวนคุยราวกับรู้จักผมมาตั้งแต่เกิด และเมื่อผ่านพวกเขามาได้ ผมก็เจอกับชายหนุ่มสวมเสื้อกาวน์อีกครั้ง
“หึหึหึ ในที่สุดก็มาอยู่ในจุดเดียวกันสักทีนะ”
…เอ็งยังไม่ผ่านรอบแรกเลยไม่ใช่เรอะ
หนอย เจ้ายายสปีดนั่นลดความเร็วลงแถมยังหันกลับมามองผมเหมือนรออยู่ด้วยนะนั่น
เสื้อกาวน์เอื้อมมือลงไปที่เกราะขา ปลายนิ้วจ่ออยู่ตรงปุ่มสีแดงที่ติดตั้งไว้ข้างๆต้นขา
“ดูเหมือนจะถึงเวลาต้องใช้แล้วล่ะ เจ้านี้น่ะ สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ โดยแลกกับการที่ตัวเครื่องจะโอเวอร์ฮีทจนเร่งความเร็วไม่ได้อีก แต่ในเมื่อเป็นจุดตัดสินของการแข่งขันก็ต้องใช้แล้วล่ะ!”
“คุณพี่ยังไม่ผ่านรอบแรกเลยไม่ใช่หรือไงหา!?”
“หึหึหึ เตรียมแด*ฝุ่นพี่ได้เลยไอ้น้อง! เรดี้~~~โก!!!”
สิ้นเสียง ชายหนุ่มก็กดปุ่มสีแดงเสียงดังปิ๊บ…
ตูม…!!!
เสียงระเบิดดังกึกก้อง อีกทั้งแรงกระแทกจากระเบิดยังทำให้ผมตัวปลิวจนเกือบออกนอกสนามแข่ง
“ชิ…! เดดวิง!”
ผมใช้งานเดดวิง บินกลับมาเข้าสนามแข่ง …เส้นยาแดงผ่าแปดเลยแฮะ
และเมื่อฝุ่นจางลง ผมก็เห็นชายหนุ่มชุดกาวน์นั้น เนื้อตัวกำลังลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิง
ไม่ใช่เปลวเพลิงของจิตวิญญาณอะไรแบบนั้น…แต่แม่*คือไฟจริงๆ
“ระ ร้อน!!! ช่วยด้วย!!!”
“โอ๊ะๆ! ดูท่าสมาคมนักวิทยศาสตร์จะเกิดข้อผิดพลาดกับอุปกรณ์แล้วล่ะคร้าบบบ!!! เอ๊ะ!? หรือว่าไฟนั่นคือสิ่งที่เล็งไว้กันนะ?”
ส่วนไอ้พิธีกรบ้านี่ก็สนุกอยู่คนเดียวไม่หยุด ใครที่ไหนมันจะโง่ขนาดทำไฟคลอกตัวเองกันบ้างหา!?
“ขะ ขา! จะไหม้แล้ว…!!!”
“เอ…สงสัยจะไม่ใช่สิ่งที่เล็งไว้แฮะ โอ๊ะๆ หน่วยพยาบาลวิ่งเข้าไปแล้วครับบบ!!!”
ก็บอกว่าสนุกเกินไปไงเล่า!
ถึงอย่างนั้น ผู้ชมกลับชอบใจน่าดู ได้ยินเสียงเฮลั่นอย่างกับอยู่สนามมวย
“ผู้เข้าแข่งท่านอื่นไม่ต้องสนใจครับ! การแข่งขันจะไม่จบ ต่อให้จะมีใครตายก็ตาม! มุ่งหน้าสู่เส้นชัยได้เลยครับผม!!!”
ผมเริ่มบินอีกครั้ง ยายสปีดที่เห็นดังนั้นก็คลานต่อด้วยความเร็วเท่าเดิม
โดนดูถูกอยู่สินะ! …ส่วนเจ้าเสื้อกาวน์นั่นก็ขอให้โชคดีแล้วกัน
ผมเร่งความเร็วสูงสุด
…จนวนมาถึงรอบสุดท้ายของการแข่งขัน
“ผู้ที่นำโด่งตอนนี้คือยายสปีด! ส่วนที่ตามหลังมาติดๆคือซาตานจากจิตตฯ! ส่วนท่านอื่น…ไม่เป็นไรครับ! ไม่ต้องรีบร้อน ยังไงก็ไม่ทันอยู่แล้ว!!!”
ครบสามรอบ…ดังนั้น ใครที่ถึงจุดสตาร์ทได้ก่อนจะเป็นผู้ชนะ ขอแค่ผมสามารถแซงยายสปีดนี่ได้ก็พอ!!!
“แหม…ไม่คิดเลยว่าแค่จักรยานสองคันจะทำให้การแข่งขันร้อนระอุได้ขนาดนี้! มาถึงตอนนี้ก็ขอกล่าวขอบคุณสำหรับผู้สนับสนุนการแข่งขันครั้งที่หนึ่งร้อยเจ็ดครั้งนี้! เอ๊ะ…ร้อยสิบเก้าหรอกเหรอ? ช่างเถอะครับ! ขอขอบคุณผู้สนับสนุนได้แก่……”
ไม่ฟังหรอกว้อย!
ยายสปีดไม่ผ่อนความเร็วลงสักนิด
ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ผมได้เข้าเส้นชัยหลังยายสปีดช้ากว่านิดเดียวแน่นอน
ต้องแก้สถานการณ์
ผมยกมือขณะบิน เล็งฝ่ามือไปด้านหน้ายายสปีด
“เปลวเพลิงแห่งนรกจงปรากฏ! เฮลไฟเยอร์!!!”
เกิดกำแพงไฟขึ้นด้านหน้ายายสปีด พื้นสนามปริแตก อาคมทำการเรียกเปลวไฟจากขุมนรก
แน่นอนว่าผมไม่ได้คิดจะเผายายสปีดทิ้ง แค่ทำให้การเคลื่อนไหวชะงักเท่านั้น และกว่ายายสปีดจะเร่งความเร็วสูงสุดจากการชะงักนั้นได้ ผมก็แซงไปไกลแล้ว!
“โอ๊ะๆ! จู่ๆก็มีกำแพงไฟขึ้นมาซะอย่างนั้นครับ! ช่างเป็นไฟที่น่าขยะแขยงราวกับผุดขึ้นมาจากนรกไม่มีผิด!”
…จบนี่ต้องไปเคาะกระโหลกเจ้าพิธีกรสักตุ้บให้ได้เลยคอยดู
ยายสปีดหยุดชะงักตรงหน้ากำแพงไฟ
ผมบินแซงหน้าขึ้นมาพลางเหลือบมองและแสยะยิ้ม
ยายสปีดก็ไม่ได้แสดงท่าทีหงุดหงิด แต่เป็นสายตาที่ราวกับจะพูดว่า ‘ทำได้ดีนี่ พ่อหนุ่ม’
แต่ไฟนรกก็ทำได้แค่นั้น หลังยายสปีดตั้งหลักหรือตัดสินใจได้ แกก็คลานผ่านไฟนรกมาทั้งๆอย่างนั้น
“ช่างเป็นภาพที่หาดูยากอะไรแบบนี้!!! ยายสปีดที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงจนคลับคล้ายคลับคลาอย่างกับคลานขึ้นมาจากขุมนรก! กำลังคลานกรวดเข้าใส่ซาตานจากจิตตฯครับ!”
ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ดี เฮลไฟเยอร์จะเผาพลาญเฉพาะวิญญาณ แต่สำหรับยายสปีดที่ถือว่าเป็นคนที่มีเชื้อสายภูตผี เฮลไฟเยอร์ก็เหมือนเป็นไฟธรรมดา
ถ้าไร้ซึ่งความกลัวจะมอดไหม้ จะฝ่ามาทั้งๆแบบนั้นเลยก็ได้
แต่ว่า! อีกไม่กี่อึดใจผมจะถึงเส้นชัยแล้ว!!!
ด้านหน้าคือผ้าคาดยาวที่มีทีมงานสองคนดึงขึงเอาไว้ ขอแค่ผมบินผ่านก็ได้ที่หนึ่ง!
อะ หันไปมองอีกสักที อืม แบบนี้ตามไม่ทันแน่!
เสร็จตูล่ะ! ยายสปีด!
“ย้ากกก!!!”
ในจังหวะสำคัญ ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
เสียงซ่าๆเหมือนทราย พร้อมกับที่ร่างกายผมร่วงหล่นสู่พื้นราวกับอิคารัสที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากเกินไป
“เฮ้ย!?”
ร่างกายผมเสียสมดุล กลิ้งกลุกๆไปตามพื้นสนามอย่างปวดร้าว
เมื่อหันมองก็พบว่าเดดวิงหายไป
บ้าจริง…! จังหวะนี้เนี่ยนะ!
ที่จริงผมก็กลัวสถานการณ์แบบนี้ตั้งแต่เริ่มแข่งแล้ว เนื่องจากเป็นงานแข่งขันของชุมชนในย่านการค้า ผู้ที่มาเข้าแข่งรวมถึงที่มาดูการแข่งก็ล้วนแต่มาด้วยจิตแจ่มใส
และด้วยความที่ประชากรในงานมีแต่คนเช่นนั้น เดดวิงที่สร้างขึ้นจากจิตด้านลบของมนุษย์จึงไม่อาจคงสภาพไว้ได้นาน
ทันทีที่ดูดซับจิตด้านลบรอบๆจนหมดเมื่อไหร่ ปีกจะสลายไปทันที
“ปัดโธ่…ว้อย…!”
ถึงได้ไม่ชอบงานแบบนี้ไงเล่า!
ยายสปีดไล่หลัง
ผมฝืนลุกขึ้นและออกวิ่ง อีกแค่ไม่ถึงสิบเมตร เส้นชัยอยู่ตรงหน้า!
…เมื่อไม่มีเดดวิง สภาพร่างกายของผมก็ไม่ได้สูงกว่าเด็กวัยรุ่นอายุสิบเจ็ดปีมากนัก
เพราะงั้น ต่อให้กัดฟันวิ่งแค่ไหน…
ยายสปีดแซงขึ้นมาพร้อมทั้งพูดใส่ว่า
“น่าเสียดายนะ…พ่อหนุ่ม”
และเข้าเส้นชัยก่อนผมเพียงแค่เสี้ยววิ
“โอ้ววววว~~~!!! เราได้ตัวแชมป์ของการแข่งขันประชันความเร็วครั้งที่หนึ่งร้อยเท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้วครับผมมมม!!! ขอเสียงให้ยายสปีดหน่อยคร้าบบบบบ!!!!”
“ยายสปีด! ยายสปีด! ยายสปีด!!!”
ผมยืนรับเสียงเชียร์นั้นพร้อมกำหมัดแน่น
“บัดซบ…!”
ราวกับโดนปล้นที่หนึ่งไปต่อหน้าต่อตา ความจริงนั้นทำผมรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างถึงที่สุด
หลังจากอดกลั้นอารมณ์ไม่พึงประสงค์ ผมก็คลายการเกร็งกล้ามเนื้อ
“…ช่างเถอะ”
…งานแข่งก็แบบนี้ เราพลาดในตอนสุดท้าย เพราะงั้นก็ต้องรับผลที่เกิดขึ้นให้ได้
ยายสปีดกลับมาเดินสองเท้าและเดินเอื่อยๆมาทางผม เสื้อผ้าของยายแกไหม้ไปนิดหน่อย
“เป็นการแข่งที่สนุกมากเลย พ่อหนุ่มซาตาน”
และยื่นมือมาทางผม
ผมจับมือยายสปีด
“ผมก็สนุกเหมือนกันครับ หลานสาวยายคงภูมิใจนะครับ”
“โฮะๆ นั่นสินะ”
เสียงเชียร์ยังคงดังกระหึ่ม ไม่รู้เป็นเพราะเห็นภาพที่หนึ่งกับที่สองกำลังจับมือกันอย่างกับในการ์ตูนกีฬาหรือเปล่า
ผมยิ้มบางๆ
ถึงจะได้ตัวแชมป์แล้ว แต่ก็ยังต้องรอผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆที่กำลังวิ่งอย่างสบายใจเข้าเส้นชัยครบทุกคนต่ออีก เฮ้อ…สนุกกันจังเลยนะ
…จากนั้นก็เป็นงานรับรางวัล ยายสปีดยืนบนแท่นที่หนึ่งตามด้วยผมที่ได้ที่สองอยู่ข้างๆ ส่วนที่สามนั้น…ดูเหมือนจะเป็นคุณป้าสักคนในกลุ่มสมาคมแม่บ้าน
รางวัลที่ผมได้เป็นเพียง ขนมแพ็คจากผู้สนับสนุนการแข่ง ยี่ห้อห์บ้าอะไรก็ไม่รู้ แถมให้มาเป็นลัง เอาเถอะ…อย่างน้อยก็ใช้รับแขกที่สภาได้ และถ้ารสชาติมันหมาไม่แหลกขึ้นมาก็ค่อยเอาให้ดิวกินแล้วกัน รายนั้นแค่เข้าปากได้ก็โอเคแล้วล่ะ
ผมยกลังขนมขึ้นมาพร้อมกับเหรียญเงินที่คอ
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับยาย”
“อืม รีบไปหาเพื่อนๆเถอะ ยายก็ต้องไปหาหลานสาวที่น่ารักของยายเหมือนกัน”
พูดแล้วคุณยายก็โบกมือไปยังอัฒจรรย์
คุณยายหัวเราะพูดต่อ
“โฮะโฮะ ปีหน้าไว้แข่งกันใหม่นะ พ่อหนุ่ม”
“ไว้จะหาโอกาสมาแล้วกันครับ”
และการแข่งขันประชันความเร็วที่ผมเผลอตัวจริงจังกว่าที่คิดไว้ก็จบลง
…จากสนามแข่งขึ้นไปบนอัฒจรรย์ไม่ได้ ผมเลยนัดเจอกับสมาชิกสภาและเจ้าของเคสที่หน้าทางเข้าย่านการค้า
เมื่อมาถึงเจ้าของเคสก็ตะโกนใส่ทันที
“ไอ้สภาพน่าทุเรศนั่นมันอะไรกัน!!! ทำไมถึงลงไปกลิ้งแบบนั้นกันยะ!!!”
“งานมันครึกครื้นเกินไปจนคงสภาพเดดวิงไม่ได้นี่นา ฉันไม่ผิดสักหน่อย”
“ถ้ารู้แบบนั้นน่าจะให้พี่ต้นลงแข่งไม่ใช่หรือไงยะ!? เห็นมั่นใจนักมั่นใจหนาว่าจะได้ที่หนึ่งแท้ๆ!”
ถึงตรงนั้นพี่ต้นก็พูดขึ้น
“ต่อให้พี่ลงก็ไม่น่าชนะอยู่ดี ยายสปีดคนนั้นเร็วมากๆเลยนะ”
“…แล้วพี่ต้นก็ไม่อยากแข่งด้วย”
ดิวเสริมมาแบบนั้น
เจ้าของเคสฟืดฟาดอยู่ครู่นึงก่อนจะพ่นลมหายใจ
“เฮ้อ ช่างเถอะ อย่างน้อยก็ที่สอง ฉันถ่ายรูปมาหมดแล้วด้วย คงเอาไปทำข่าวได้แหละ …ถึงจะได้ที่สองก็เถอะ”
ย้ำว่าที่สองบ่อยเชียวนะหล่อน
พลอยพูดขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เห็นอย่างนี้ประธานก็พยายามเต็มที่แล้วนะคะ? ดิฉันไม่เคยเห็นประธานจริงจังกับงานแข่งไร้สาระแบบนี้มาก่อนเลย”
“ไร้สาระ!? คุณรองก็คิดเหมือนเจ้าบ้านี่เหรอเนี่ย!?”
เจ้าของเคสชี้นิ้วมาทางผม
พลอยยิ้มแห้งๆ
“อะฮะฮะ…”
“เป็นเหมือนกันทั้งสภา! มาหาว่าข่าวของฉันเป็นเรื่องไร้สาระมันเกินจะรับได้แล้ว! ฉันกลับล่ะ!”
เจ้าของเคสสะบัดก้นเดินหนีพวกผมไป
พลอยถามด้วยเสียงกล้าๆกลัวๆ
“เอ่อ…แบบนี้ไม่ใช่ว่าเธอจะเอาเรื่องของสภาไปเขียนเสียๆหายๆใช่มั้ยคะ?”
“ไม่หรอก ยัยนั่นก็แค่บ่นไปงั้นแหละ งานแข่งมันไม่มีอะไรแน่นอนสักหน่อย เผลอๆยัยนั่นคงพอใจแล้วล่ะที่จิตตฯของพวกเราได้ถึงที่สอง”
อีกอย่าง เธอก็ต้องการแค่ข่าวไปเขียนเท่านั้นแหละ แสนยานุภาพของจิตตฯอะไรนั่น คงไม่ได้สนใจขนาดนั้นหรอก
“ถ้าประธานว่าแบบนั้นก็โอเคค่ะ”
“ตามนั้นแหละ กลับกันเถอะ”
ก่อนจะแยกย้ายกลับบ้าน ก็มีเสียงทักจากด้านหลัง
“น้อง!”
พวกผมสี่คนบวกลูกเจี๊ยบหันไปมอง
ผมชายหนุ่มเสื้อกาวน์กับเสื้อกาวน์อีกทั้งกลุ่ม
“ถึงรอบนี้ฉันจะแพ้! แต่ปีหน้าเตรียมรับแรงกระแทกได้เลย!”
พลอบกระซิบ
“ประธานคะ…นั่นใช่คนที่ระเบิดตู้มรึเปล่าคะ?”
“เออ”
“เตรียมเชยชมสติปัญญาของสมาคมวิทย์ของพวกเราได้เลย! สปีดบูสเตอร์เวอร์ชั่นสามจุดศูนย์กำลังจะเริ่มพัฒนาตอนนี้แหละ! เวลาหนึ่งปีต้องทำให้พวกฉัน……”
“…กลับบ้านกัน”
“““อืม”””
ผมขี้เกียจจะฟังเลยปล่อยมันพูดไปคนเดียว จากนั้นสมาชิกสภาก็พากันแยกย้ายกลับบ้าน และปล่อยเรื่องงานแข่งนี้ไว้เบื้องหลัง
เคสที่ 32 ประชันความเร็ว (ยายสปีด) /จบ