สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 59 เคสที่ 30 เรื่องที่หลงลืม (2)
- Home
- All Mangas
- สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ
- ตอนที่ 59 เคสที่ 30 เรื่องที่หลงลืม (2)
“…ผีเจ้าที่? แล้วแย่ยังไงเหรอ?”
“คืองี้นะ ตามปกติวิญญาณจะต้องไปสู่สุคติ ถ้าเกิดเหตุผิดปกติหรือไปสู่สุคติช้ากว่าที่กำหนดล่ะก็ จะส่งผลให้บริเวณสถานที่เกิดพันธะของวิญญาณตัวนั้นจะ……จะแบบ ใช้คำว่า ‘เฮี้ยน’ ก็แล้วกัน”
ผมสรุปให้ดิวฟัง
“เดิมทีหมิงหมิงต้องไปสู่สุคติเมื่อหมดเวลาลงโทษ แต่ก็อย่างที่เห็น เพราะเจ้ายมบาลบ้านี่ดันคิดว่าฉันจะจัดการให้ เรื่องถึงได้เป็นแบบนี้ไง”
พร้อมชี้หาโรแลนด์
โรแลนด์บ่นพึมพำในลำคอ
“…ไม่ใช่กระผมผิดคนเดียวสักหน่อย”
ไม่ต้องมาโบ้ยให้ตูไปล่มหัวจมท้ายด้วยเลยนะว้อย แค่นี้ก็ปวดหัวอยู่แล้วเนี่ย
ดิวกอดอก
“…ยังงี้แสดงว่าวิญญาณห้ามอยู่ที่โลกนี้เลย? งั้นที่พวกเราเห็นอยู่ทุกวันล่ะ อย่างกุมารทอง?”
“มันมีกรณีที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่น่ะ แล้วมันจะลงลึกไปหน่อย เอาเป็นโฟกัสที่เรื่องของหมิงหมิงก็พอ ก่อนอื่นก็ต้องตรวจสอบตึกชมรมว่ามีตรงไหนผิดปกติหรือไม่ ไม่ก็หาวิธีส่งหมิงหมิงไปสู่สุคติก่อน…”
ผมไม่แน่ใจว่าควรทำอย่างไหนก่อนหลัง เพราะถ้าความเฮี้ยนที่ว่าเกิดขึ้นแล้ว ก็จำเป็นต้องเช็กความเรียบร้อยของตึกชมรม ไม่อย่างนั้นอาจเกิดอุบัติเหตุหรือเรื่องที่ร้ายแรงกว่านั้น
แต่ว่า ถ้าส่งหมิงหมิงไปสู่สุคติก่อนแล้วค่อยไปตรวจตึกชมรมอาจจะดีกว่ารึเปล่า? แต่ไม่รู้จะยุ่งยากขนาดไหนด้วย
อืม…คิดหนักเลยแฮะ
ดูเหมือนดิวจะยังไม่หมดคำถาม
“…สุคติ? ไม่ใช่เมื่อกี้ลองแล้วหรอกเหรอ?”
“อะ อ๋อ นั่นสินะ…คือถ้าสำเร็จก็ดีไป แต่คืองี้…วิญญาณของหมิงหมิงเหมือนจะเริ่มยึดติดกับสถานที่แล้ว การส่งไปสุคติตามปกติเลยไม่ได้ผล”
“…งั้นจะส่งไปยังไง?”
ถึงได้คิดหนักอยู่นี่แหละ
ถ้าครบกำหนดลงโทษ แล้วโรแลนด์ส่งไปสุคติเลยในจังหวะนั้น จะไม่มีการยึดติดกับสถานที่ กล่าวคือการส่งไปสุคติจะสำเร็จโดยง่าย
แต่ปัจจุบัน เมื่อเลยกำหนดมาแล้ว จึงใช้วิธีปกติส่งไปไม่ได้
อารมณ์เหมือนหมากฝรั่งที่ยิ่งทิ้งไว้นานยิ่งเอาออกยากนั่นล่ะ
ผมกวักมือเรียกโรแลนด์
เมื่อชุดคลุมดำลอยเข้ามา ผมก็กระซิบข้างหู
“…ยัยนั่นเผลออยู่ ลองดูอีกทีดีมั้ย?”
ผมเหลือบมองหมิงหมิงจนโรแลนด์มองตาม
“เอ…กระผมว่าผลน่าจะไม่ต่างจากเดิมนะครับ…”
หมิงหมิงชี้นิ้ว
“ซุบซิบอะไรกันน่ะ!? ฉันเห็นนะ!”
ผมละมาจากโรแลนด์
“เอ่อ…เธอช่วยไปสุคติง่ายๆได้มั้ย? แบบนี้มันลำบากโลกคนเป็นนะ?”
“นั่นมันเหยียดวิญญาณกันสุดๆเลยนะ! ถึงจะเป็นวิญญาณก็มีหัวจิตหัวใจนะขอบอก!”
หัวจิตหัวใจเธอควรมุ่งไปยังภพภูมิอื่นจะดีกว่า จะอยู่ให้ลำบากคนที่นี่ทำไมเล่า
หมิงหมิงส่ายศีรษะ
“ไหนๆก็ทำไม่ได้แล้วนี่ ฉันจะอยู่ที่นี่เลยแล้วกัน! ยังไงฉันก็เป็นสมาชิกสภานักเรียน!”
“…มันก็ใช่อยู่หรอก”
หลังจบเรื่องที่ผมไปจัดการวิญญาณในตึกเรียนเก่า แลกกับการให้หมิงหมิงคอยคุมพฤติกรรมพี่น้ำกับสไปรท์ ผมก็สัญญาว่าจะรับหมิงหมิงเข้าสภา
แม้จะยังไม่เป็นทางการ แต่ก็รับปากไปแล้ว
…คือหมิงหมิงเป็นสภานักเรียนไปแล้วนั่นแหละ
แต่ว่า
“เธอรู้มั้ย? การที่ให้วิญญาณอยู่โลกคนเป็นเกินกำหนดมันเกิดผลเสียอะไรบ้าง?”
“ไม่รู้!”
“เธออยากเห็นตึกชมรมถล่มทับจนนักเรียนตายกันเป็นเบือหรือไง? ถ้าจะเอาความเห็นแก่ตัวของตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นล่ะก็ มันไม่สมเป็นสภานักเรียนเลยนะ?”
หรือจะใช้มาตรการเด็ดขาดด้วยอาคมของผมก็ย่อมได้ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายก็เป็นคนรู้จักหน้าค่าตา ครั้นจะให้ใช้วิธีแบบนั้นก็ใจร้ายไปหน่อย
“เข้าใจนะ? ช่วยทำใจให้โล่งๆแล้วไปสู่สุคติได้มั้ย?”
หมิงหมิงกำมือแน่น
“…ทำพูดว่าสภาอย่างโน้นอย่างนี้ ใจจริงก็แค่อยากไล่ฉันไปให้พ้นๆสิท่า…”
“เอ่อ…ไม่ได้พูดถึงขนาดนั้นสักหน่อย”
“แค่ฟังก็รู้แล้ว! ถ้าตึกจะถล่มก็ปล่อยไปเลย! จะเป็นยังไงช่าง! ฉันไม่ยอมไปสู่สุคติแน่!”
“เฮ้ย!? จะไปไหน! หมิงหมิง!”
ต่อให้เรียกดังแค่ไหน หมิงหมิงก็ลอยออกไปจนหายไปจากสายตา
โรแลนด์ถาม
“ให้กระผมตามไปมั้ยครับ?”
“…ไม่ล่ะ ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจัดการเอง ยัยนั่นคงอยากได้เวลาส่วนตัว…”
โมโหขนาดนั้น ต่อให้ไปลากตัวกลับมาก็คุยกันไม่รู้เรื่องอยู่ดี …แล้วจากนี้จะทำยังไงต่อดีนะ
ปล่อยหมิงหมิงไว้เฉยๆก็ไม่ได้
ดิวดึงแขนเสื้อผม
“…รู้ว่าคริสโตเฟอร์ไม่ได้จะไล่หมิงหมิง แค่ไม่อยากให้นักเรียนคนอื่นเดือดร้อน…ใช่มั้ย?”
“อ่า…ตามนั้นแหละ เมื่อกี้ฉันอาจพูดแรงกับยัยนั่นไปหน่อย แต่ไม่รู้ต้องทำไงนี่นะ”
วิธีที่จะทำให้ตึกชมรมปลอดภัย ก็คือต้องส่งหมิงหมิงไปสู่เส้นทางที่ควร แต่การทำแบบนั้น ไม่ว่าใครจะมองเข้ามาและตัวหมิงหมิงเอง ก็ย่อมมองว่าผมจะรีบไล่เธอไปให้พ้นๆ
บริหารจัดการคนนี่ ลำบากใจจังแฮะ…
“ที่ทำได้ตอนนี้ คือตรวจความเรียบร้อยของตึกชมรมก่อน”
ส่วนเรื่องหมิงหมิงไว้ค่อยว่าอีกที
ดิวกับโรแลนด์พยักหน้า พวกผมเดินทางกลับตึกชมรม
เมื่อมาถึง ผมก็ไล่เช็กภายนอกอาคาร แม้ตัวอาคารจะเก่าเพราะใช้มาหลายปี แต่ยังไม่เห็นร่องรอยการบุบสลายหรือจุดที่น่ากังวล
ต่อไปก็เช็กห้องสภา แต่ที่จริงก็เข้ามาทุกวันอยู่แล้ว ถ้ามีสิ่งใดผิดปกติผมต้องเห็นแน่นอน เพราะงั้นห้องสภาจึงปกติ
จากนั้นก็ไล่ถามห้องชมรมอื่นๆ ว่ามีผนังหรือเพดานลั่นแปลกๆ หรือส่อแววจะพังแลมิพังแลหรือไม่ ซึ่งคำตอบส่วนใหญ่ที่ได้ก็คือ ไม่มีอะไรผิดปกติ
ผมกลับมาที่ห้องสภา
“อืม…เหลือแค่เช็กเสาเข็มสินะ บนหลังคาเมื่อกี้ก็ลองบินดูแล้วด้วย…”
“…ถึงขั้นต้องตรวจเสาเข็มเลย?”
“ควร แต่ทำไม่ได้ง่ายๆซะด้วย คงต้องปล่อยๆไปนั่นล่ะ …แต่น่าแปลกเหมือนกัน หมิงหมิงอยู่เกินกำหนดลงโทษมาตั้งนาน เพราะงั้นมันก็น่าจะมีร่องรอยแปลกๆแล้วสิ?”
มีกรณีที่ตึกชมรมอาจจะแปรเปลี่ยนเป็นสถานที่ดึงดูดวิญญาณร้าย แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ผมต้องสัมผัสกลิ่นอายของวิญญาณเหล่านั้นได้
สรุปข้อมูลที่ได้ตอนนี้ก็คือ ตึกชมรมที่เป็นสถานที่ชดใช้กรรมของหมิงหมิง กลับไม่มีสิ่งใดผิดปกติ
ถึงจะไม่ผิดปกติ แต่ก็นับว่าผิดปกติ
“นี่โรแลนด์”
“นี่คือขนมของยุคนี้สินะครับ ช่างอร่อยเด็ดดวงจริงๆ …หือ? ว่าไงครับคุณซาตาน”
โรแลนด์เคี้ยวขนมที่ดิวแบ่งให้พร้อมบ่นพึมพำด้วยอารมณ์คิดถึงอะไรสักอย่าง
“เป็นไปได้มั้ยว่าต่อให้ทิ้งหมิงหมิงไว้ สถานที่…ตึกชมรมนี้ก็จะไม่เกิดผลเสีย?”
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ วิญญาณแบบหมิงหมิง ไม่ว่าอย่างไรเมื่อชดใช้กรรมเรียบร้อยก็ต้องไปสุคติครับ ถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็อย่างที่คุณซาตานเข้าใจ”
จะทำให้สถานที่นั้นเฮี้ยน และคำว่าเฮี้ยนที่ว่าก็ไม่จำกัดขอบเขต ขอบเขตของมันจะอยู่แค่คำว่า ‘เลวร้าย’ เท่านั้น
“แต่ฉันไม่เจออะไรในตึกนี้ผิดปกติเลยนะ?”
“งั้นคงแค่ยังไม่เกิดเท่านั้นครับ …ไม่ก็อาจจะเกิดขึ้นกับเสาเข็มที่คุณซาตานว่า และตึกนี้ก็รอวันที่จะถล่มลงมาครับ”
“นายเป็นยมบาลนี่? ทะลุกำแพงได้ไม่ใช่เรอะ? นึกได้พอดี นายช่วยลงไปตรวจดูเสาเข็มใต้ดินให้หน่อย”
“ไม่ขัดข้อง แต่ว่า…ถึงกระผมลงไปก็มองไม่เห็นอยู่ดี ใต้ดินมันมืดนี่ครับ”
“นั่นสินะ”
ผมเท้าคางมองดิวกับโรแลนด์ที่อยู่โต๊ะรับแขกพลางครุ่นคิด
“…นายส่งหมิงหมิงไปสุคติไม่ได้ งั้น…ถ้ากรณีแบบนี้ ยมบาลจะทำยังไง?”
“เหตุแบบนั้นเกิดขึ้นน้อยครับ ยมบาลอย่างพวกเราทำงานกันเนี้ยบอยู่แล้ว ถ้าไม่มีเหตุไม่คาดฝันแบบที่ผมกับคุณซาตานกำลังเจอ ก็ไม่น่ามีเรื่องแบบนั้นครับ”
หมายถึงเหตุไม่คาดฝันที่เอ็งโยนงานมาให้ตูแบบไม่บอกไม่กล่าวสินะ
“แต่ว่า…ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธี”
“ว่ามา”
โรแลนด์รับคำพร้อมนั่งหลังตรง
“ระยะเวลาลงโทษของวิญญาณฆ่าตัวตาย จะอยู่ในช่วงเวลาก่อนที่วิญญาณจะเกิดพันธะกับสถานที่ครับ ถ้านับจากกรณีหมิงหมิงในตอนที่ผมพบกับคุณซาตาน ก็คือภายในสามสิบสองวันนั่นเองครับ ในสามสิบสองวันนั่น ตัวหมิงหมิงจะไม่มีทางเกิดพันธะกับสถานที่เด็ดขาด”
“อ่าหะ”
“ทันทีที่จบการลงโทษ เป็นหน้าที่ของยมบาลที่จะส่งวิญญาณไปสู่สุคติ …เรื่องนั้นพวกเราทราบกันดี แต่ว่า…เมื่อเกินระยะเวลาดังกล่าว ตัววิญญาณที่เกิดพันธะกับสถานที่นั้นจะไม่สามารถไปสู่สุคติด้วยวิธีปกติ”
“เรื่องนั้นรู้แล้ว”
“ฟังก่อนสิครับ…การที่ไม่สามารถใช้วิธีปกติได้นั้น เป็นเพราะวิญญาณเกิดพันธะกับสถานที่มากเกินไปเนื่องจากเกินระยะเวลา …ดังนั้นวิธีก็คือ ทำให้หมิงหมิงหมดความอาลัยอาวรณ์กับตึกนี้หรือก็คือไม่เหลือพันธะ จากนั้นการส่งไปสุคติก็สามารถทำได้ครับ เผลอๆอาจจะไม่ต้องถึงมือกระผมเลยด้วยซ้ำ”
“จะบอกว่า ถ้าทำให้หมิงหมิงหมดห่วงกับตึกชมรมได้ หมิงหมิงก็จะไปสู่สุคติโดยอัตโนมัติ?”
“หมดห่วงสินะครับ…ไม่คิดว่าซาตานอย่างคุณจะพูดคำนั้นออกมา แต่ว่าถูกต้องครับ ตามที่คุณซาตานพูดเลย”
ผมกุมคาง
“…ต้องหาตัวให้เจอสินะ รู้รึเปล่าว่าไปไหน?”
“กระผมไม่รู้หรอกครับ ตอนแรกจะตามไปก็ห้ามไว้นี่ครับ?”
“เออๆ”
ดิวยกมือ
“…หมิงหมิงน่าจะอยู่ที่นั่นนะ?”
“ที่นั่นเหรอ?”
มันมีที่ไหนที่หมิงหมิงจะไปอยู่นอกจากตึกชมรมด้วยเรอะ?
ดิวยืนยันด้วยเสียงเรียบๆ
“…อืม”
…เนินเขาที่อยู่ห่างจากโรงเรียนเล็กน้อย ผืนหญ้าสีเขียวขจีจนมองจากภายนอกแล้วจะพบกับเนินเขาสีเขียวสดใส
ดิวบอกว่าเคยพาเจี๊ยบมาบินเล่นแถวนี้ นานๆทีเจ้าลูกเจี๊ยบก็อยากสูดกลิ่นธรรมชาติบ้าง และมีอยู่วันหนึ่งที่บังเอิญเจอหมิงหมิงที่นี่พอดี
หมิงหมิงชอบเนินเขาลูกนี้ เพราะถ้ามองจากยอดเขา จะเห็นโรงเรียนทั้งโรงเรียนอยู่ในสายตา ราวกับว่าโรงเรียนกลายเป็นฟิกเกอร์ขนาดเล็ก
หมิงหมิงยังเล่าให้ดิวฟังอีกว่า …ครั้งที่เธอยังมีชีวิต เธอจะชอบมานั่งเล่นอยู่บนเนินเขาพร้อมกับเพื่อนสนิทของเธอตอนหลังเลิกเรียน
หมิงหมิงไม่มีความทรงจำดีๆมากนัก เพราะงั้นการที่นั่งมองโรงเรียนกับเพื่อนสนิทในช่วงเวลานั้น จึงทำให้เธอรู้สึกคิดถึงเสมอมา
…ผมกับดิวพร้อมด้วยโรแลนด์ ขึ้นมาถึงยอดของเนินเขา และก็พบกับวิญญาณที่ใส่เสื้อนักเรียนกำลังนั่งกอดเขา
แม้จะหันหลัง แต่แผ่นหลังก็ส่งความรู้สึกเศร้าสร้อยออกมา
ไม่รู้ว่าเพราะคิดถึงเรื่องสมัยก่อนหรือว่าอย่างไร…
“…ฉันคุยให้มั้ย? คริสโตเฟอร์”
“ไม่ต้อง ฉันเอง”
ผมก้าวช้าๆ ก่อนจะไปนั่งข้างๆวิญญาณสาว
“หนีมาไกลเหมือนกันนะ”
“หาฉันเจอได้ไง…”
“ดิวบอกน่ะ”
“งั้นเหรอ…ดิวดิวสินะ”
สายลมยามเย็นปลิวพัด พร้อมกับดวงอาทิตย์ที่ใกล้ลับขอบฟ้า
“…มองจากตรงนี้ โรงเรียนเล็กนิดเดียวเองเนอะ”
“อืม เล็กนิดเดียว”
“…ฉันน่ะนะ เคยมานั่งตรงนี้กับเพื่อนสนิทน่ะ”
“อ่า”
“ดีที่เนินเขานี้ยังอยู่ในบริเวณที่ฉันมาได้ ต้องขอบคุณที่ให้ฉันไปชดใช้กรรมที่จิตตฯล่ะนะ ไม่งั้นคงไม่ได้เห็นภาพแบบนี้อีกแน่”
“…จำได้ว่าเธอเคยเถียงกับโรแลนด์ว่าไม่อยากโดนทำโทษที่นี่ไม่ใช่หรือไง?”
หมิงหมิงหัวเราะ
“ฮะฮะ จำได้ด้วยเหรอ?”
“ความจำฉันดีที่สุดเท่าที่มนุษย์จะมีได้แล้วล่ะ”
“อืมๆ …ที่ไม่อยากเพราะกลัวว่าจะคิดถึงจนทนไม่ได้น่ะ แต่ว่า…หลังจากที่คริสโตเฟอร์ย้ายฉันไปที่ตึกชมรม ฉันก็ใช้เวลาว่างมาที่นี่บ่อยเลยล่ะ …ตอนนี้ก็ยังมีความรู้สึกแบบนั้นอยู่ แต่ฉันกลัวจะไม่ได้เห็นภาพนี้อีกมากกว่า”
ว่าแล้วเธอก็ทอดสายตามองไปด้านหน้า ทิวทัศน์ของโรงเรียนที่โดนแสงอาทิตย์ย้อมจนเป็นสีส้ม
“ตอนก็เริ่มปล่อยวางได้แล้วแหละ อีกอย่าง…เพื่อนฉันก็คงใช้ชีวิตไปไหนต่อไหนแล้ว ฉันที่เป็นแค่วิญญาณฆ่าตัวตาย จะมัวแต่คิดถึงก็คงไม่ดี”
“ตามนั้นแหละ เธอเป็นวิญญาณ ไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยวกับคนเป็น ที่ได้รู้จักกับสมาชิกสภาก็ถือซะว่าเป็นโบนัสแล้วกัน”
เพราะนั่นคือสิ่งที่วิญญาณทุกตนได้รับ ต่อให้อยากคุยกับคนที่เคยรู้จักมากแค่ไหนก็ไม่มีสิทธิ์ การที่หมิงหมิงกลัวว่าเมื่อมาที่นี่แล้วจะเกิดคิดถึงเพื่อนคนนั้นจนไม่กล้ามา ก็นับว่าเป็นจุดที่เข้าใจได้
เพราะต่อให้คิดถึงมากแค่ไหน ก็ไม่มีวันได้คุย
“คริสคริสนี่ บางทีก็พูดแรงจังเนอะ?”
“ก็เป็นซาตานนี่นะ”
“อืมๆ~”
“แล้วตอนนี้…รู้สึกยังไง?”
เมื่อผมถามแบบนั้น หมิงหมิงก็ยิ้มบางๆ
“ไม่รู้สิ เธอก็คงลืมฉันแล้วด้วย คนที่เห็นความสำคัญของช่วงเวลานั้นคงเหลือแค่ฉันแล้วล่ะ”
“งั้นเหรอ”
“แต่ว่า…ฉันจะคิดถึงพวกคริสคริสน่ะ ฉันอยู่มาตั้งนาน แต่พวกเราไม่ได้เล่นกันเท่าที่ควรเลยนี่?”
“ทำไงได้ สภานักเรียนนี่นะ ไม่มีเวลาเล่นมากนักหรอก งานของสภาคือช่วยเหลือนักเรียน”
พูดถึงตรงนั้น หมิงหมิงก็หัวเราะร่า
ก่อนจะเปลี่ยนน้ำเสียงและถามด้วยเสียงหงอยๆ
“…คริสคริสจะส่งฉันไปสุคติสินะ”
“ที่จริงก็ไม่อยากหรอก แต่ผลเสียของวิญญาณอย่างเธอเมื่ออยู่โลกคนเป็นมันร้ายแรง ฉันไม่สามารถมองผ่านไปเฉยๆ”
“เข้าใจล่ะ งั้นถือซะว่าเป็นคำสั่งของประธานนักเรียนแล้วกันเนอะ?”
“อะไร? ถ้าฉันสั่งแต่แรกก็จะทำหรือไง?”
“แหม เป็นสมาชิกสภาไม่ฟังคำสั่งหัวหน้าได้ยังไงกัน”
เป็นคำตอบที่อยากให้สภาคนอื่นมาได้ยินจริงๆ
หมิงหมิงพูดต่อ
“แต่ว่า…ก่อนจะไป ช่วยอะไรฉันอย่างได้มั้ย?”
“ถ้าไม่ยากล่ะก็นะ”
พอผมตอบแบบนั้น หมิงหมิงก็เอี้ยวตัวลงมานอนหนุนตักผมทันที
แม้จะไม่รู้สึกหนักเพราะอีกฝ่ายเป็นวิญญาณ แต่ก็ทำผมประหลาดใจ
หมิงหมิงเอ่ย
“ลูบหัวหน่อยสิ”
“ฉันจับเธอได้ที่ไหนกันเล่า?”
“เถอะน่า แค่แกล้งๆทำก็ได้”
“เฮ้อ…”
ผมลูบหัวหมิงหมิง ขณะที่เธอมองไปยังโรงเรียน
“ตอนนั้น…เพื่อนฉันจะชอบให้ฉันนอนหนุนตักแบบนี้แหละ”
“เหรอ”
“น่าเศร้าเนอะ ทั้งที่คิดว่าตายไปจะไม่ขึ้นสวรรค์ก็ลงนรกแท้ๆ กลับได้มาป้วนเปี้ยนชดใช้กรรมแต่กลับไม่ได้เจอซะนี่”
“วิญญาณก็งี้แหละ”
“ว่าแต่…คริสคริสเป็นซาตานนี่นา? บอกหน่อยได้มั้ยว่านรกเป็นยังไง?”
“…เอาไว้ไปถึงก็รู้เอง”
ผมตอบปัดๆไปแบบนั้น
อยากเจอแต่ก็ไม่ได้เจอ นั่นคือข้อเสียของวิญญาณ ต่อให้จะเดินผ่านก็ไม่สัมผัสหรือเอ่ยทัก แม้โลกในปัจจุบันจะมีสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นให้เห็นมากมาย แต่กรณีแบบนี้ก็ยังมีอยู่
ยิ่งกับหมิงหมิงที่เป็นวิญญาณฆ่าตัวตายด้วย
…ผ่านพ้นความเงียบที่ได้ยินแต่เสียงลมปลิวพัดสักพัก…
หมิงหมิงก็ยิ้มก่อนจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนสปริง
“เอาล่ะ! ไม่ขึ้นสวรรค์ก็ลงนรก! สู้ตาย!”
พร้อมชูมือขึ้นฟ้าตะโกนแบบนั้น
“เมื่อกี้ฮาปะ? บอกว่าสู้ตายทั้งๆที่ตายแล้ว”
“เต็มสิบให้ประมาณสี่”
“มาตรฐานสูงจังนะเนี่ย? …ว้า อีกเดี๋ยวก็จะไม่ได้คุยกับคริสคริสแล้วสินะ ดิวดิวก็ด้วย ที่จริงอยากอยู่ต่ออีกสักหน่อยน้า”
ทำได้ก็ดีอยู่หรอก…ผมยังไม่รู้จักหมิงหมิงดีพอเลยด้วย
เพราะตอนแรกคิดว่าอีกเดี๋ยวก็ไปแล้ว ไม่คิดว่าจะอยู่เกินเวลามาขนาดนี้
แต่…จากที่คุยกัน ก็พอทำให้รู้จักหมิงหมิงมากขึ้นล่ะนะ
“เอาเลย คริสคริส”
“อืม โชคดีล่ะ …โรแลนด์…”
“ครับ”
จากนั้น…โรแลนด์ก็เริ่มส่งหมิงหมิงไปสู่สุคติ สีหน้าหมิงหมิงตอนนี้ ดูเหมือนจะไม่มีห่วงอะไรแล้ว
…ยึดติดสถานที่งั้นเหรอ ถึงยมบาลหรือตัวตนที่เกี่ยวข้องจะว่าแบบนั้น แต่ในมุมมองของผมแล้ว สิ่งที่วิญญาณยึดติดน่ะ ไม่ใช่สถานที่หรอก…
เป็นผู้คนต่างหาก
แสงสว่างก้อนกลมจากปลายเคียวลอยละล่องเข้าสู่ร่างวิญญาณ ก่อนที่จะเกิดแสงสว่างเจิดจ้า
“คริสคริส! ดิวดิว! ไว้เจอกันน้า!”
ผมกับดิวโบกมือให้หมิงหมิง และเสียงนั้นก็เงียบลง
…ผ่านไปราวสามวัน
วันนี้เป็นวันที่ผมกับดิวอยู่สภากันสองคนอีกแล้ว
ถึงก่อนหน้านี้ผมจะทำหูทวนลมให้เสียงพูดของหมิงหมิง จนลืมไปแล้วว่าเธออยู่ที่นี่ แต่พอตอนนี้กลับรู้สึกว่าห้องสภาเงียบแปลกๆ
“…หมิงหมิงจะเป็นยังไงบ้างนะ”
ดิวเงยหน้ามองด้านบนพลางว่าแบบนั้น
“ชดใช้กรรมเรียบร้อยแล้ว อีกไม่นานก็ได้ไปเกิดเองแหละ ฉันไม่ค่อยเข้าใจระบบจัดการโลกหลังความตายของประเทศนี้เท่าไหร่ แต่เอาเป็นว่าไม่ต้องห่วงแล้วกัน”
“…อืม”
“ส่วนพวกเรายังไม่ตาย ก็อย่ารั้งคนตายด้วยการคิดถึงเลยจะดีกว่า”
“…นานๆที คริสโตเฟอร์ก็พูดอะไรดีๆเป็น?”
“ขอบใจ”
หลังจากที่หมิงหมิงจากไป ผมก็ตรวจเช็กความเรียบร้อยของตึกชมรมอีกครั้ง แต่ก็อย่างที่เช็กไปตอนแรก ไม่มีส่วนไหนผิดปกติให้ต้องกังวล
หรือก็คือ…การมีอยู่ของหมิงหมิงไม่ได้สร้างความเฮี้ยนให้ตึกชมรมเลย
พอรู้แบบนั้น ผมกลับยิ่งรู้สึกผิดที่ให้เธอไปสู่สุคติ
แต่โรแลนด์ก็ย้ำแล้ว ที่ไม่มีอะไรผิดปกติก็แค่ยังไม่เกิดขึ้น ยังไงถ้าปล่อยหมิงหมิงเอาไว้ สักวันนึงก็ต้องเกิดเรื่องเลวร้ายกับตึกชมรม…
“เฮ้อ…”
ผมถอนหายใจโดยไม่ทราบสาเหตุ
ขณะนั้นเองที่ได้ยินเสียงเคาะกระจก
เมื่อหันกลับไปมอง ผมก็พบกับร่างเสื้อคลุมดำพร้อมด้วยเคียวสีดำในมือ
ผมเปิดกระจก
“อย่าเอาเคียวเคาะกระจกสิเฮ้ย โรแลนด์ มันเป็นรอย”
“แหม…มือกระผมมันมีแต่ควันนี่ครับ ไม่เอาไอ้นี่เคาะจะได้ยินได้ไงครับ?”
“ทะลุกำแพงได้ไม่ใช่เรอะ?”
“มันเสียมารยาทนี่ครับ?”
เออๆ แล้วแต่เลย
ผมกวักมือ
“แล้วมีเรื่องอะไร? ยมบาลยุ่งไม่ใช่เรอะ?”
“ก็…ฟังแล้วอย่าโกรธกระผมนะครับ ครือแว่…มีเรื่องผิดพลาดนิดหน่อย กระผมเลยต้องนำมาส่งที่นี่น่ะครับ”
“ส่ง? พูดถึงอะ…เหวอ!!!?”
วิญญาณที่แอบอยู่ด้านหลังโรแลนด์ชะโงกหน้าออกมาส่งยิ้มให้ผมกับดิว
วิญญาณผิวแทน ผมสั้น พร้อมด้วยชุดนักเรียนไทยโบกมือรัวๆ
“หวัดดี! กลับมาแล้ว!”
“โรแลนด์ว้อย! ทำไมถึงเอาหมิงหมิงมาที่นี่กันหา!?”
ผมกระชากคอเสื้อโรแลนด์พร้อมออกแรงดึง
โรแลนด์ตอบเสียงสั่น
“ครือ…ที่ตึกชมรมไม่เกิดเหตุผิดปกติ เพราะหมิงหมิงยังชดใช้กรรมไม่ครบน่ะครับ”
“พูดบ้าอะไรเนี่ย!?”
“…ดูเหมือนช่วงที่ผ่านมา พอไม่มีคนคอยคุม หมิงหมิงเลยชดใช้กรรมบ้าง ไม่ชดใช้กรรมบ้างน่ะครับ ระยะเวลาลงโทษของเธอเลยยังเหลืออีกตั้งยี่สิบกว่าวัน…”
“นั่นมันลดไปไม่ถึงครึ่งเลยไม่ใช่เรอะ!?”
โรแลนด์ผงกหัวแรงๆ
“ปกติกระผมจะเป็นคนคอยคุมให้เธอชดใช้กรรมทุกวันน่ะครับ และก็อย่างที่เข้าใจว่าผมฝากให้คุณซาตานจัดการ ก็เลย…”
“จะโทษว่าฉันผิดหรือไง!?”
“…ผิดทั้งคู่ก็ได้ครับ”
ไม่ต้องมาก็ดงก็ได้เลยนะเฮ้ย ฟังจากน้ำเสียงแล้วรู้เลยว่าไอ้ยมบาลนี่กะโทษเป็นความผิดผมเต็มๆ
ผมเอามือก่ายหน้าผาก
“สรุปคือ…เพราะยัยนี่ยังชดใช้กรรมไม่ครบ ทางโน้นเขาเลยตีกลับมาสินะ”
“ใช่ครับ ที่ตอนแรกส่งไปสุคติไม่สำเร็จก็เพราะทางโน้นเขาไม่รับน่ะครับ …พอส่งไปอีกรอบ ทางโน้นที่ยังงงๆก็เลยรับแล้วเรียกผมไปคุยน่ะครับ”
ตอนส่งหมิงหมิงไปสู่สุคติครั้งแรกที่ทำไม่ได้นั่นเพราะทางโน้นเขาไม่รับเองสินะ…
“สุดท้ายก็เลยโดนตีกลับมาน่ะครับ แล้วเนื่องจากยังชดใช้กรรมไม่ครบกำหนด พันธะจึงยังไม่เกิด…จึงยังไม่ส่งผลกระทบต่อตึกชมรมครับ”
หมิงหมิงแทรกขึ้นมา
“ตามนั้นเลย! เพราะงั้นถ้าฉันทิ้งการโดดตึกไปเรื่อยๆล่ะก็ ฉันก็สามารถอยู่ที่นี่ไปได้ตลอดเลยไงล้า!”
แบบนั้นมันก็ใช่อยู่หรอก…แต่ตามหลักการแล้ว การที่วิญญาณใช้วิธีเลี่ยงกฎแบบนั้น ยมบาลจะไม่โดนลงโทษเอาเรอะ?
ผมใช้สายตาที่แฝงคำถามนั้นมองโรแลนด์
โรแลนด์โบกเคียว
“ไม่ต้องห่วงครับ กระผมโยนเคสหมิงหมิงให้คุณซาตานแล้ว ต่อจากนี้คุณซาตานจะจัดการต่อยังไงก็ตามสะดวก เป็นทางการแล้วครับ”
“ไม่เอาว้อย!!!”
“กระผมขอตัวก่อนนะครับ ขอให้เจริญๆนะครับ!”
และโรแลนด์ก็หายไปเหมือนดีดนิ้ว ทิ้งผมไว้กับวิญญาณฆ่าตัวตาย
หมิงหมิงลอยเข้ามาในห้อง
“กลับมาอย่างสมบูรณ์!!!”
“ไม่มีบ้าอะไรสมบูรณ์ทั้งนั้น! มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย!”
“ดิวดิว! เจี๊ยบเจี๊ยบ! คิดถึงมากเลย! มากินขนมดูหนังอย่างทุกทีกันเถอะ!”
“จิ๊บ!”
ดิวกับเจี๊ยบยิ้มให้หมิงหมิง โดยที่ไม่ได้สนใจอาการไมเกรนถามหาของผมเลยสักนิด
ให้ตายเถอะ…สุดท้ายก็ยังไม่จบปัญหากับยัยวิญญาณฆ่าตัวตายนี่อีกเหรอเนี่ย…
ต่อให้จะตัดพ้อเช่นนั้น แต่ไม่รู้ทำไม…ผมกลับยิ้มออกมาเล็กน้อย
เคสที่ 30 เรื่องที่หลงลืม /จบ