สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 54 เคสที่ 27 รถยนต์ (2)
“อืม…”
หญิงสาวรูปงามตรงหน้า คือแม่ย่านาง
วิญญาณจำพวกเทพหรืออะไรสักอย่าง แต่อย่างผมไม่สนใจหรอกว่าจะมียศถาบรรดาศักดิ์เป็นเช่นไร
ที่สำคัญกว่าคือการแต่งตัวที่เหมือนกับผีนางรำไม่มีผิด …คือผมก็แยกไม่ค่อยออกหรอกนะว่าชุดของผีนางรำกับชุดไทยแท้ๆมันต่างกันยังไง แต่ไอ้ที่เห็นอยู่นี่ก็ผีนางรำชัดๆ
“เจ้ารึ? คนที่เรียกข้า”
“เออ”
ผมตอบแม่ย่านางแบบนั้น
พลอยกระทุ้งแขนใส่
“ประธาน! พูดดีๆหน่อยสิคะ!”
“ก่อนจะไปเรื่องนั้น ตกลงไม่ใช่ผีนางรำจริงๆเรอะ?”
ผมสงสัย แม่ย่านางก็ตอบกลับมา
“ชุดที่ข้าใส่นั้น แม้จะคล้ายกับชุดที่นางรำใส่ก็จริง แต่ก็ไม่ได้เป็นสิ่งเดียวกัน”
“อ่าหะ?”
“แล้วถ้าเจ้าแยกประเภทวิญญาณแค่จากเสื้อผ้าที่ใส่ล่ะก็ ข้าว่าก็สมแล้วที่เจ้าเป็นปีศาจ”
“ปีศาจงั้นเหรอ…ผิดไปครึ่งนึงนะ แม่ย่านาง ฉันเป็นเทพปีศาจต่างหาก”
ซาตานที่ผมเป็นคือสิ่งมีชีวิตแบบนั้น อยู่คั่นกลางระหว่างเทพและปีศาจ
“หึหึหึ เทพงั้นรึ…เอาเถอะ ถ้าเจ้าสะดวกใจเช่นนั้นข้าก็ไม่ตำหนิ”
“ถึงโดนเธอตำหนิฉันก็ไม่เก็บมาใส่ใจหรอก”
“โอหังเสียจริง”
ถึงแม่ย่านางจะถอนหายใจ แต่ท่าทีก็ไม่ได้หงุดหงิด คงไม่ใช่เห็นผมเป็นเด็กเลยไม่อยากมีเรื่องใช่มั้ย? ไม่งั้นมันจะอีหรอบเดียวกับไอ้กุมารทองนั่นเลยนะ
ครูใหญ่จับไหล่ผม
“ถึงครูจะไม่ได้ยินที่แม่ย่านางพูดก็เถอะ …แต่คริสโตเฟอร์ใช้คำพูดให้สุภาพขึ้นสักนิดได้มั้ย? เอาสักประมาณคุยกับครูก็ได้”
ดูเหมือนจะจริงจังกับการนอบน้อมแม่ย่านางกันจริงนะ ทั้งครูสมศักดิ์ ทั้งพลอย
ต่อให้เป็นคำขอครูใหญ่ แต่ผมมีคติว่าถ้าคุยกับวิญญาณจะไม่อ่อนข้อให้เด็ดขาด…
ผมพยักหน้าให้ครูใหญ่
ครูใหญ่ทำสีหน้าโล่งอก
“เข้าเรื่องเลยนะ เธอเป็นบ้าอะไรถึงมาทำให้รถครูใหญ่ใช้ไม่ได้กัน?”
“คริสโตเฟอร์~~~!”
ผมโดนครูใหญ่กระชากไหล่และดันไปมา
“ได้ฟังที่ครูบอกมั้ยเนี่ย!?”
“ฟังสิครับ”
“แล้วทำไมถึงพูดแบบนั้นกัน!?”
“แหม จะให้พูดกับวิญญาณไร้เหตุผลด้วยการลงท้ายครับค่ะแล้วกระดากปากชอบกลน่ะครับ”
“แล้วไอ้ที่พยักหน้าให้ครูเมื่อกี้ล่ะ!?”
“เฮ้อ…เอาเป็นว่าตรงนี้ผมจัดการเองดีกว่าครับ ครูใหญ่ไปรอในบ้านเถอะ”
จากนั้นครูใหญ่ก็กลับเข้าบ้านไปด้วยสีหน้ากังวลใจอย่างถึงที่สุด แต่เชื่อมือผมเถอะ จะมองว่านี่เป็นเคสของสภาแล้วกัน
เพราะงั้นถ้าไม่จบเรื่องให้เรียบร้อย ก็เสียชื่อสภานักเรียน
ผมยืนจ้องหน้าแม่ย่านาง ดวงตาสีดำก็จ้องกลับมา
“เพราะเป็นครึ่งเทพ จึงเลือกที่จะสนทนากับข้าโดยอยู่ในระดับเดียวกันงั้นรึ?”
“เออสิ ส่วนเธอเป็นเทพรึเปล่าฉันก็ยังไม่แน่ใจ”
เพราะงั้นทำไมผมต้องยอมก้มหัวให้ด้วยล่ะฮึ?
“เรื่องนั้นข้าไม่ขอยืนยัน อย่างไรก็เป็นเรื่องของความศรัทธาส่วนบุคคล เจ้าอยากจะลบหลู่ข้าเยี่ยงไรก็แล้วแต่เจ้าเถอะ เทพปีศาจ”
…เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเป็นคนคุยรู้เรื่องหรือไม่กันแน่ เจ้าแม่ย่านางนี่
“สรุปเรียกข้ามาเพราะนี่สินะ? รถที่ข้าสถิต”
แม่ย่านางชี้ไปยังรถครูสมศักดิ์
พลอยก้มศีรษะ
“ใช่ค่ะ พอดีอยากทราบว่าทำไมท่านถึงได้ทำให้รถเกิดปัญหา พวกหนูจะได้ช่วยกันหาวิธีแก้น่ะค่ะ”
“ตามนั้นแหละ ที่พวกฉันจะบอกก็คือ มีปัญหาอะไรก็รีบๆพ่นมา แล้วทำให้รถกลับเป็นปกติสักที”
“…หนูไม่ได้หมายความแบบนั้นนะคะ”
แม่ย่านางลอยไปนั่งบนรถ
“เข้าใจล่ะ พวกเจ้ามาแก้ปัญหาให้สมศักดิ์ งั้นพวกเจ้ารู้ถึงต้นเหตุที่ข้าต้องทำให้รถมีสภาพเช่นนี้หรือไม่?”
““ไม่ทราบค่ะ/ไม่รู้””
“พวกเจ้าสองคนลองเข้าไปในรถสิ”
นี่ก็เป็นครั้งที่สอง แต่ผมก็เข้าไปในรถกับพลอยแต่โดยดี
“เห็นรึเปล่า?”
“เห็นอะไร? มีอะไรผิดปกติด้วยเรอะ?”
“ดวงตาช่างขุ่นมัว วงเวทที่สลักดวงตาบดบังการมองเห็นเจ้าอยู่หรือไง?”
ไม่ต้องมาแซวลูกกะตาผมเลยนะ คือในรถมันก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลยสักนิด …จะมีก็แค่ ขยะจำพวกถุงขนมมากมาย แถมยังมีกล่องข้าวเซเว่นอีกเต็ม
และถ้าจะบอกว่าความสกปรกแค่นี้เป็นปัญหาสำหรับแม่ย่านางล่ะก็ ผมคิดว่าคงไม่น่าใช่ จึงลงความเห็นว่าในรถปกติ…..
“ขยะเยอะแบบนี้ใครจะอยากสิงกันล่ะ?”
“ไร้สาระโคตร!!!”
“ไร้สาระตรงไหนกัน!? เป็นหน้าที่ของมนุษย์ที่ต้องทำความสะอาดภายในตัวรถให้เรียบร้อยไม่ใช่รึ? นี่ถือว่าไม่ให้เกียรติแม่ย่านางเลยนะ!”
“คนนั่งมันก็ไม่ใช่เธอไม่ใช่เรอะ!? แค่สิงรถเฉยๆ จะเรื่องมากหาอะไรหา!?”
เจ้าของรถเขายังไม่ซีเรียส แล้วหล่อนเป็นแค่วิญญาณสิงสถิต จะมาวุ่นวายทำไม?
“เจ้าอาจไม่เข้าใจ แต่นั่นคือวิธีการเคารพแม่ย่านางอย่างถูกต้อง”
“วิธี??? มันต้องมีวิธีด้วยเรอะ!?”
“มีสิ อย่างแรกต้องรักษาความสะอาดให้เรียบร้อย ล้างสิ่งสกปรกภายนอกอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง…”
“ไม่รู้หรอกนะว่าเหลืออีกกี่ข้อ แต่ฉันขอไม่ฟัง พลอย! ขอคัตเตอร์!”
“หึหึหึ คิดว่าแค่กรีดรอยเจิมแล้วข้าจะหายไปหรือไง? อ่อนหัดเสียจริง”
ฟังถึงตรงนั้นผมก็ปริ๊ดแตก
“เก่งมากใช่มั้ยหา!? เปลวเพลิงแห่งนรก จงปราก…อื้อ!?”
“พอได้แล้วค่ะประธาน!!!”
พลอยอุดปากผม ส่วนผมก็จะวิ่งเข้าใส่แม่ย่านาง
สุดท้ายก็ปรับอารมณ์เสียใหม่
เอาล่ะ ลองว่ากันอีกที
เคสนี้คือการทำให้รถกลับมาสตาร์ทติดอีกครั้ง ซึ่งเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าต้นเหตุมาจากแม่ย่านาง วิญญาณที่สิงสถิตรถยนต์
ที่จริงใช้เฮลไฟเยอร์เผาทิ้งเลยก็ได้ ต่อให้ไม่แน่ใจว่าแม่ย่านางจะรับผลจากเฮลไฟเยอร์หรือไม่ …แต่ถ้าสุดทนจริงๆ การเผารถทิ้งก็เป็นหนึ่งในทางเลือก
แต่ทางเลือกนั้นก็โดนพลอยห้ามเอาไว้
เพราะงั้นคงเหลือแค่หาวิธีประณีประณอมกับแม่ย่านางสินะ…
เหนื่อยใจจริง…คิดถูกคิดผิดที่เอาพลอยมาด้วยกันเนี่ย
“ดิฉันจะนั่งฟังเงียบๆ ประธานก็หารือกับแม่ย่านางให้เรียบร้อยนะคะ?”
“เอาจริงนะ เริ่มจะรำคาญแล้วสิ เธอช่วยจัดการแทนฉันให้เสร็จๆได้มั้ย?”
“ไม่ได้ค่ะไม่ได้ เคสนี้ประธานเป็นคนรับมาเองนะคะ? ต้องจัดการให้เรียบร้อยสิคะ”
“เออๆ”
ผมจำใจรับปากพลอยและหันมาคุยกับแม่ย่านาง
“เดี๋ยวฉันทำความสะอาดรถให้ ล้างให้ด้วย โอเคมั้ย?”
“อืม…ข้าก็คงสำราญน่าดูถ้าเห็นปีศาจอย่างเจ้ามาล้างที่อยู่ของข้า แต่แค่นั้นแก้ปัญหาไม่ได้หรอก”
…พูดจาใหญ่โตจริง ปัญหาก็อยู่ที่ตัวแกแท้ๆ…
“ต่อให้เจ้าจะขัดจนสะอาดเพียงไหน ถ้าต้นเหตุที่ทำให้รถสกปรกยังอยู่ ข้าก็ไม่ยอมรับ”
“ครูใหญ่สินะ…เออๆ เดี๋ยวฉันบอกครูเขาให้รักษาความสะอาดให้แล้วกัน”
แม่ย่านางลอยมาตรงหน้าผมพร้อมโบกนิ้วชี้
“ผิดแล้ว ต้นเหตุไม่ใช่สมศักดิ์หรอก”
“หา? แต่ครูเขาเป็นเจ้าของรถไม่ใช่เรอะ?”
“ไม่ผิด แต่ขยะโสมมพวกนี้ ไม่ได้มาจากสมศักดิ์”
อยากเล่นทายปัญหาหรือไง…ทำไมคุยกับเทพหรือบ้าอะไรของประเทศนี้ทีไร ถึงได้น่าเหนื่อยใจแบบนี้กันนะ
ผมกอดอก
“เฉลยมาได้แล้ว”
เมื่อโดนเร่งเร้า แม่ย่านางก็กำหมัดแน่น
“เจ้ามนุษย์นั่นน่ะสิ ทิ้งขยะลงที่อยู่ของข้ายังไม่พอ ยังชอบป้ายมือบนเบาะของข้า แถมยังเปิดเพลงเสียงดังจนหูข้าแทบแตกอีก”
“เอ่อ…”
“ชั่วร้ายเสียจนข้าไม่อยากเจอหน้าเลยล่ะ เผลอๆจะยิ่งกว่าเจ้าที่เป็นปีศาจเสียอีก”
ถึงตรงนั้น ความสงสัยของผมก็เด่นชัด
ผมหันไปหาพลอย เธอก็เหมือนจะเข้าใจเหมือนกัน
ผมจึงถามแม่ย่านาง
“อย่าบอกนะว่า…มนุษย์ที่เธอหมายถึงคือ…”
“เด็กเปรตลูกของสมศักดิ์ไง”
เด็กชายเมฆ ลูกของครูใหญ่สมศักดิ์เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
แต่แหม…ว่าไงดีล่ะ ผมคิดว่าต้นเหตุจริงๆมันก็มาจากเจ้าวิญญาณนี่ซะทั้งหมดน้านแหละ แต่ก็นะ ในเมื่อถ้าไม่แก้ที่ต้นเหตุให้เรียบร้อย เคสก็ไม่จบ
เพราะเจ้าแม่ย่านางคงไม่ยอมปล่อยผ่านไปเฉยๆแน่
ดังนั้น ผมเลยต้องเข้ามาในบ้าน
เดินตรงไปยังห้องที่อยู่ชั้นสอง
ผมเคาะประตู
“เมฆ”
“พี่ซาตานเหรอ? เข้ามาสิ”
อีกฝากของประตูขานรับอย่างว่าง่าย
ผมรู้แค่ว่าห้องของเมฆอยู่ชั้นสองเท่านั้น ผมไม่ได้มาบ้านครูใหญ่บ่อย ถึงจะมาก็ไม่เคยเข้าห้องของเด็กคนนี้มาก่อน
ภายในห้องก็เป็นห้องเด็กผู้ชายทั่วๆไป ที่เด่นก็ของจำพวกฟิกเกอร์ โปสเตอร์แปะผนัง
เมฆนอนอยู่บนเตียงพลางกดโทรศัพท์ พอเห็นผมเข้ามาก็ดันตัวขึ้น
“คือ…”
“เดี๋ยวๆ! ขอผมเดาก่อน!”
“หา?”
เมฆเอานิ้วแตะหน้าผากก่อนครางในลำคอ
“อืม…ซาตานมาหาถึงห้องแบบนี้ ต้องเป็นการแจ้งข่าวร้ายหรือลางไม่ดีอะไรสักอย่าง…”
“…”
บ่นอะไรอยู่นั่น?
เมฆคิดต่ออีกสักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้น
“จะมาบอกผมว่าไอ้แก่นั่นตายแล้วสินะ!?”
“ยังไม่ตาย! แล้วเอ็งยังไม่เลิกอยากให้ครูสมศักดิ์ตายอีกหรือไงหา!?”
“ไม่เลิกหวังหรอก ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าชีวิตความเป็นอยู่ของผมในจิตตฯมันบัดซบขนาดไหน…”
“ก็เลยอยากให้ครูเขาตาย จะได้ย้ายโรงเรียนสินะ…”
“พี่ซาตานก็จำได้นี่นา?”
“ฝังใจเลยล่ะ”
เด็กชายที่น่าจะตายไปเป็นเปรตลุกขึ้นจากเตียงและนั่งบนเก้าอี้โต๊ะคอม
“พี่ซาตานก็นั่งก่อนสิ”
“ขอบใจ…แต่ที่จริงนายไม่ต้องลุกก็ได้ ฉันมาคุยแป๊บเดียว”
“ให้นอนตอนมีผู้ชายเข้ามาในห้อง น่าขนลุกจะตาย ผมขอนั่งดีกว่า”
เรื่องของเอ็งเถอะ
“ว่ามาสิ”
เมฆกล่าวด้วยน้ำเสียงขอไปที ผมเข้าประเด็น
“คืองี้นะ นายรู้จักแม่ย่านางรึเปล่า?”
“รู้จักสิ? พี่ซาตานไม่รู้จักเหรอ?”
“รู้สิ ไม่งั้นจะถามได้ไง?”
ต่อให้จะพึ่งรู้เมื่อสิบนาทีก่อนก็เถอะ แต่ผมก็รู้จักแม่ย่านางแล้วน่ะนะ
ผมพูดต่อ
“นายชอบทิ้งขยะบนรถใช่มั้ย?”
“ใช่! เวลามือเปื้อนก็เช็ดเบาะด้วย!”
ตอบซะภูมิใจเลยนะ
“เออๆ นั่นแหละๆ คือแม่ย่านางเขาไม่ชอบที่นายทำแบบนั้น ฉันเลยมาบอกให้นายเลิกน่ะ”
“แม่ย่านางพูดแบบนั้นเหรอ?”
“ใช่ๆ แม่ย่านางอยู่หน้าบ้านกับพลอย แต่ต่อให้นายไปก็มองไม่เห็นหรอก”
เมฆไม่มีเชื้อสายภูตผี จะครูสมศักดิ์หรือภรรยาก็มนุษย์ธรรมดา จึงมองไม่เห็นวิญญาณ
…ดูหน้าแล้วเหมือนจะยังงงๆ แฮะ
เมฆกุมคาง
“แสดงว่าที่ตอนนี้รถไอ้แก่ใช้ไม่ได้ เป็นเพราะแม่ย่านาง?”
“ถูกต้อง”
“งั้นก็ดีเลยสิ ผมจะได้ไม่ต้องไปโรงเรียน แถมถ้าไอ้แก่เข้างานสายบ่อยๆ อาจจะโดนลดตำแหน่งหรือโดนไล่ไปทำงานที่อื่น ถึงตอนนั้นผมก็จะได้ย้ายโรงเรียนไง”
มองการไกลจริงนะ แต่เป็นถึงครูใหญ่จะโดนอะไรแบบนั้นได้ด้วยเร้อ…
ผมส่ายศีรษะ
“คืองี้นะ ฉันรับงานครูใหญ่มา ยังไงก็ต้องแก้ปัญหาให้เสร็จ ถือว่าช่วยๆกันได้มั้ย?”
“อือ…ผมไม่ชอบทำงานให้ใครฟรีซะด้วย แล้วถ้าผมต้องทำอย่างที่พี่ซาตานว่าจริงๆ ก็คือผมไม่สามารถทิ้งขยะบนรถหรือป้ายมือบนเบาะได้เลยน่ะสิ?”
“ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน รักษาความสะอาดเป็นหน้าที่ของเด็กดีนะ”
“นี่พี่ซาตานกะจะตะล่อมผมด้วยคำพูดหลอกเด็กแบบนั้นจริงดิ?”
เมฆยิ้มเยาะ ฉลาดเกินเด็กไปไกลเลยนะ อายุพึ่งเข้าเลขสองหลักมาหมาดๆเองไม่ใช่เรอะ?
“ผมไม่ช่วยพี่ฟรีๆหรอก พี่ต้องหาอะไรมาแลกเปลี่ยน”
“ฉันไม่เอายาพิษให้นายไปฆ่าครูใหญ่หรอกนะ…”
“รู้น่าๆ เคยโดนปฎิเสธไปแล้ว ผมไม่ขอเรื่องเดิมซ้ำหรอก อืม…เอาเป็นอะไรดีน้า”
“นี่เมฆ แค่ช่วยฉันสักหน่อยมันยากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เอาอะไรดีน้า…”
ไม่ฟังกันเลย
และเมฆก็คิดออก
“งั้นผมขอเรื่องง่ายๆแล้วกัน ถือซะว่าช่วยพี่ซาตานแค่ครึ่งนึง”
“เคี่ยวจริงนะ แต่ก็ขอบใจ…แล้วจะขออะไร”
“ผมอยากเห็นแม่ย่านางอะ อย่างรู้ว่าผีผู้หญิงหน้าตาเป็นไง”
“ถ้าแบบนั้น…ฉันน่าจะพอช่วยได้อยู่แหละ…”
จากนั้นผมก็กลับมาที่หน้าบ้าน ซึ่งพลอยกับแม่ย่านางรออยู่ โดยที่พาเด็กชายเมฆมาด้วย
เมฆมองซ้ายมองขวา
ขณะเดียวกันที่แม่ย่านางชี้
“เจ้าเอาเด็กเปรตนี่มาทำไม!?”
“อย่าพึ่งโมโหน่า”
“พี่ซาตานพูดกับแม่ย่านางอยู่เหรอ?”
“เออ พอดีแม่ย่านางไม่ค่อยชอบขี้หน้านายเท่าไหร่”
“ให้ตายสิ แค่ทิ้งขยะมันจะอะไรขนาดนั้น”
เมฆบ่นพึมพำ แต่ผมก็คิดคล้ายๆแบบนั้นนั่นแหละ ไม่รู้จะทำให้เป็นปัญหาทำไม เจ้าแม่ย่านางนี่
พลอยดึงแขนผมไปคุย
“ประธานคะ…คงไม่ใช่เรียกน้องเมฆมาเพราะจะกวนแม่ย่านางใช่มั้ยคะ?”
“ไม่ใช่สักหน่อย พอดีเมฆรับปากว่าจะช่วยรักษาความสะอาด แลกกับที่ฉันจะทำให้เมฆมองเห็นแม่ย่านาง”
“อ๋อ มนุษย์จะอยากเห็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติก็ไม่แปลกสินะคะ อืมๆ เข้าใจแล้วค่ะ”
พลอยก็เข้าใจว่าทำไมเมฆถึงขอแบบนั้น
แต่ว่า…ผมกับพลอยมันก็สามารถเรียกว่าสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติได้ไม่ใช่เหรอ
ช่างประไร อย่างน้อยก็ขออะไรที่ง่ายกว่าที่คาดไว้หลายเท่า จะบ่นไปก็ใช่ที
ผมหันไปหาแม่ย่านาง
“เธอ”
“อะไร?”
“เมฆอยากเห็นเธอน่ะ ไม่ทำอะไรมากกว่านั้นหรอก แล้วหลังจากนี้จะช่วยรักษาความสะอาดให้”
“เป็นเด็กเปรตที่จะทำอะไรทีต้องมีข้อแลกเปลี่ยนสินะ…เฮ้อ จะอย่างไรก็ช่าง แล้วมันเป็นมนุษย์ไม่ใช่รึ? จะมองเห็นข้าได้เยี่ยงไร?”
“ไม่ต้องห่วง พอดีฉันเป็นเทพที่มีความสามารถกว่าพวกเธอเยอะ”
ผมลบหลู่แบบเหมารวม เพราะมั่นใจว่าตัวผมอเนกประสงค์กว่าแม่ย่านางหรือวิญญาณจำพวกคล้ายๆกันแน่นอน
ผมพาเมฆมาตรงหน้าแม่ย่านาง
“หลับตา”
“ลืมตาขึ้นมาแล้วผมจะเห็นเลยใช่ปะ?”
“รู้ดีจริงนะ”
จากนั้น ผมจับศีรษะเมฆและหลับตาเช่นกัน
ประสานดวงตาของตัวเองให้เมฆ เพียงแค่นี้เมฆก็จะมองเห็นเหมือนที่ผมเห็น …ผมไม่ค่อยอยากใช้วิธีนี้นักหรอก เพราะต่อให้มีผลชั่วครู่ แต่ยังเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงในอนาคตด้วย
แต่ก็ช่างมันเต๊อะ อย่างเมฆคงไม่เป็นไรร้อก~
“รู้สึกคันๆตาไงไม่รู้”
“ทนหน่อยเถอะ …เอ้า ลืมตาได้แล้ว”
ผมปล่อยมือ การประสานคงอยู่ได้ราวๆสองสามนาทีล่ะมั้ง? น่าจะเหลือเฝือสำหรับสิ่งที่เมฆขอ
เมื่อเมฆลืมตา ก็จ้องแม่ย่านางตรงหน้าพลางกะพริบตาปริบๆ
“ว่าไงเด็กเปรต”
“…”
เมฆเงียบ
แม่ย่านางที่เห็นแบบนั้นก็เบนสายตามาทางผม
“นี่มองเห็นข้าแล้วจริงๆรึ?”
“ต้องเห็นสิ… เฮ้ยเมฆ เป็นไงบ้าง? ทำไมเงียบงั้นล่ะเนี่ย?”
ผมเดินมาด้านหน้าเมฆที่นิ่งเป็นรูปปั้น
…เดี๋ยวนะ นี่มันหน้าแดงอยู่เรอะ?
ผมเอามือพัด
“ฮัลโหล ได้ยินเปล่า?”
และแล้วเมฆก็หลุดจากภวังค์ ก่อนจะล็อกคอผมทันที
“พะ พี่ซาตาน!”
“อะไรของนาย?”
“มะ มะ มะ ไม่เห็นจะบอกเลยว่าแม่ย่านางสวยขนาดนี้!”
“สวย? ก็ไม่นะ ฉันว่าธรรมดา”
“ธรรมดาที่ไหนกัน! แย่แล้ว แย่แล้ว ไม่อยากโดนคนสวยแบบนั้นเกลียดขี้หน้าเลยอะ!”
“เข้าทางพอดีเลย แค่นายรักษาความสะอาด แม่ย่านางคงไม่เกลียดนายแล้วล่ะ”
“จริงเหรอ!?”
“อ่า”
“ซุบซิบอะไรกัน?”
แม่ย่านางที่เห็นพวกผมซุบซิบก็ยื่นหน้าเข้ามาในวงสนทนา
เมฆดีดตัวเหมือนสปริง ยืนตัวเกร็งพลางพูด
“ผมจะไม่ทิ้งขยะในรถแล้วครับ!”
“งะ งั้นรึ…”
แม่ย่านางรับท่าทีกะทันหันของเมฆไม่ถูกเลยเสียงตะกักตะกุก
“จะไม่ป้ายมือบนเบาะด้วย!”
“ก็…ดี…?”
พริบตาต่อจากนั้น เมฆก็หันไปพร้อมใช้นิ้วชี้ป้ายประตูรถ
“ให้ตายสิ ฝุ่นเยอะขนาดนี้ได้ยังไงกัน ต้องล้างให้สะอาด”
“อะ เอ่อ…เจ้าจะล้างรถให้ข้ารึ?”
“หืม? อ้าว ได้ยินด้วยเหรอครับ? แฮะๆ คือผมไม่ชอบให้รถสกปรกอยู่แล้วน่ะครับ เดี๋ยวผมว่าจะล้างรถอยู่พอดี”
ท่าทีเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตี*
ช่วงเข้าวัยรุ่นเรอะ? แค่เห็นคนสวยหน่อยก็เปลี่ยนไปถึงขนาดนี้…
เมฆหยิบสายฉีดน้ำขึ้นมา ดูเหมือนจะล้างรถจริงๆซะด้วย
“แต่ว่านะ แต่ว่าน้า…บางครั้งบางทีผมอาจจะลืมล้างก็ได้ พะ เพราะงั้นถ้ารถเริ่มสกปรกเมื่อไหร่ คะ คุณแม่ย่านางก็เข้าฝันมาบอกผมก็ได้นะครับ”
เพราะรู้ว่าผมจากการประสานดวงตาจะหมดลง และต่อจากนี้จะไม่ได้เห็นหน้าแม่ย่านางอีก ถึงได้บอกแบบนั้นสินะ หัวแหลมชะมัด
“ได้สิ …นี่ปีศาจ เจ้าทำอะไรกับเด็กเปรตรึ? ทำไมถึงได้น่ารักขึ้นมาทันทีแบบนี้กัน”
ผมตอบคำถามแม่ย่านางด้วยการส่ายศีรษะ
“ผลลัพธ์ออกมาดีก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง? ถึงฉันจะไม่ได้ทำอะไรก็เถอะ”
แล้วถามจริงเหอะ ไม่รู้จริงๆเหรอว่าเพราะอะไรน่ะ? เห็นอยู่ตำๆตาแท้ๆ
เอาล่ะ ดูเหมือนจะจบเคสได้แล้ว
ที่จริงควรจะต้องลาครูใหญ่ก่อน แต่ตอนนี้ผมเหนื่อยเกินกว่าจะทำแบบนั้น ขอรีบกลับบ้านดีกว่า
ผมโบกมือให้เมฆ
“ฉันกลับก่อนนะ ไว้เจอกัน”
“ไว้เจอกัน พี่ซาตาน พี่พลอยก็ด้วย!”
“อะค่ะ! ไว้เจอกัน แล้วก็ขอลาแม่ย่านางด้วยนะคะ”
แม่ย่านางยิ้มส่งให้พลอย
ส่วนผมไม่มีความคิดจะบอกลาวิญญาณ จึงออกมาจากบ้านครูใหญ่ทั้งๆแบบนั้น ต่อจากนี้คงไม่มีเรื่องเกี่ยวกับแม่ย่านางแล้วล่ะ
ดูทรงเมฆก็หลงเสน่ห์แม่ย่านางไปเต็มเปา แก่แดดชะมัด แต่ผลลัพธ์ก็คือผมสามารถวางสมองกับเรื่องนี้ได้แล้ว
พลอยเอ่ย
“อืม…ทำไมจู่ๆน้องเมฆถึงได้ว่าง่ายขึ้นมาล่ะคะนั่น?”
“เธอก็ไม่รู้เรอะ?”
“ไม่นะคะ”
“เมฆเห็นว่าแม่ย่านางสวย เลยอยากทำตัวดีเอาใจ”
“คะ แค่นั้นเองเหรอคะ?”
“แค่นั้น”
และแล้ว ก็จบเคสแม่ย่านางไปแบบงงๆ ซึ่งก็อย่างที่ผมบอกไว้ ผมไม่คิดจะเก็บมาใส่ใจในอนาคต ถ้าจะเกิดอะไรขึ้นอีก ค่อยให้แม่ย่านางไปเข้าฝันเมฆแล้วคุยกันเอง ผมขอเซกู๊ดบาย ซาโยนาระ
…อันที่จริง ถึงผมจะมองออกว่ารูปลักษณ์แบบไหนคืองดงามก็เถอะ แต่ผมก็ไม่คิดว่าแม่ย่านางจะสวยถึงขั้นที่เมฆจะหลงขนาดนั้น
ที่สำคัญ คือถ้าให้ผมเทียบแม่ย่านางกับผีนางรำนี่แล้ว…
ผมว่าพลอยสวยกว่านะ
…เอาเถอะ นั่นก็แค่มุมมองผมคนเดียว ของอย่างนี้มันก็แล้วแต่บุคคลล่ะนะ…
เคสที่ 27 รถยนต์ (แม่ย่านาง) /จบ