สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 45 เศษเสี้ยวเรื่องราวที่หนึ่ง พี่น้ำ (3)
- Home
- All Mangas
- สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ
- ตอนที่ 45 เศษเสี้ยวเรื่องราวที่หนึ่ง พี่น้ำ (3)
เย็นวันต่อมา
ตึกชมรม
พวกฉันสามคนกำลังเดินหาห้องสภานักเรียน
เนื่องจากรู้แค่ว่าอยู่ในตึกชมรม และก็มีหลายชมรมอยู่ที่นี่ อีกทั้งพวกฉันไม่ได้สังกัดชมรมใดๆ จึงไม่ค่อยได้แวะมาที่ตึกนี้เท่าไหร่ เลยต้องเดินหากันอยู่สักพัก
สุดท้ายก็เจอกับห้องที่หน้าประตูแปะแค่ป้ายกระดาษที่เขียนไว้ด้วยลายมือไก่เขี่ยว่า ‘สภานักเรียน’
“หนีไม่ได้แล้วเนอะ?”
นิดหัวเราะแห้งๆ เมื่อคิดว่าต้องเข้าไปเจอกับคริสโตเฟอร์
“จะหนีทำไมกันเล่า! แค่ทำงานแป๊บเดียวก็ไม่โดนไล่ออกแล้ว!”
นุ่นที่เหมือนจะพอใจกับข้อเสนอนั้นกว่าที่คิดก็ตำหนินิด
ฉันกำลูกบิดประตู
“เข้าๆไปก่อนเถอะ คงไม่ร้ายแรงมากหรอก”
เมื่อฉันเปิดประตู ก็พบว่าภายในนั้นดูกว้างกว่าที่คิด
ไม่มีของระเกะระกะ มีเพียงโต๊ะสำนักงานที่อยู่ด้านในสุด และโต๊ะรับแขกพร้อมโซฟาแค่นั้น
เป็นภาพของสภานักเรียนที่ไม่เหมือนกับที่เคยเห็นในมังงะเลยสักนิด
คริสโตเฟอร์นั่งอยู่โซฟา เมื่อเห็นพวกฉัน เขาก็ลุกขึ้น
“มาแล้วสินะ ไปกันได้แล้ว”
“ดะ เดี๋ยวสิ! จะไปไหนเนี่ย!?”
ฉันถามคริสโตเฟอร์ที่เดินผ่านพวกฉันไปทางประตู
คริสโตเฟอร์หันคอกลับมา
“ชดใช้ไง? ทำไม นึกว่าจะให้มานั่งเล่นในสภาเรอะ?”
“นี่น้อง! อื้อ!?”
ทันทีที่นุ่นตะโกน เธอก็โดนนิดอุดปากทันที
ดีแล้วๆ อย่าไปเถียงกับเจ้าซาตานนี่เลย ได้ไม่คุ้มเสียหรอก
“ดูเหมือนจะฉลาดขึ้นมาบ้างนะ”
คริสโตเฟอร์พึมพำและเดินนำออกไป
ระหว่างเดินในตึกชมรมตามคริสโตเฟอร์ โดยที่นุ่นกับนิดเดินตามหลังฉันมาอีกต่อหนึ่ง ฉันก็เอ่ย
“อะ เอ่อ…น้องคะ”
“เออ”
“วันนี้ประธานนักเรียนไม่อยู่เหรอ?”
“ยัยนั่นกลับบ้านไปอ่านหนังสือ งานสภาช่วงนี้ฉันเลยต้องทำคนเดียว”
“เพราะเป็นช่วงสอบสิเนอะ?”
“เออ รู้ไว้ด้วยว่าที่พวกแกทำ ทำให้อาจารย์ต้องลำบากออกข้อสอบใหม่อีกรอบ เพราะงั้นสำนึกในความเมตตาของยัยนั่น แล้วทำงานชดใช้ให้มันดีๆด้วย”
“นี่ พวกพี่ก็ยอมรับผิดกันแล้วไง ช่วยพูดกันดีๆหน่อยไม่ได้เหรอคะ?”
ฉันใช้เสียงที่น่าจะฟังแล้วรื่นหูที่สุด
ที่พูดไปแบบนั้น เพราะคิดว่าถ้าได้ยินคริสโตเฟอร์พูดน้ำเสียงแบบเมื่อกี้อีก มีหวังปริ๊ดแตกแน่
ซึ่งถ้าปริ๊ดแตกขึ้นมา ฝั่งที่ลำบากจะเป็นฉันเองนี่แหละ ดังนั้นใช้เหตุผลคุยให้หมอนี่พูดด้วยดีๆดีกว่า
คริสโตเฟอร์เงียบ
“…ทำไมฉันต้องพูดกับพวกแกดีๆด้วย?”
“เป็นรองประธานไม่ใช่เหรอ? ท่าทีของลูกน้องมันส่งผลถึงภาพลักษณ์ของหัวหน้านา ถ้าน้องพูดจาไม่ดี คนอื่นจะมองคุณประธานคนนั้นเสียๆหายๆได้ เนอะ?”
“…”
ไม่รู้จะซื้อรึเปล่ากับเหตุผลนั้น แต่ฉันพยายามสุดๆได้แค่นี้แหละค่ะ
“ชิ…”
โดนเดาะลิ้นใส่ซะงั้น คงไม่ไหวสินะ…
…สถานที่ที่คริสโตเฟอร์พามาคือบริเวณสนามกีฬาที่นักเรียนต้องมาเข้าแถวทุกเช้า เนื่องจากเป็นช่วงเย็น จึงไร้นักเรียนในสายตา จะเห็นก็แค่ที่กำลังกลับบ้านประปราย
คริสโตเฟอร์ชี้นิ้ว
“ไปหยิบไม้กวาด ที่โกยขยะมาซะ”
นุ่นขมวดคิ้วถาม
“อะไรเนี่ย? จะให้พวกฉันทำความสะอาดเหรอ?”
“เออ”
ขณะนุ่นยิ้มเยาะนั่นเอง คริสโตเฟอร์ก็พูดเสริม
“ถ้าฉันเห็นขยะหรือใบไม้แม้แต่ชิ้นเดียว ฉันจะไม่ให้พวกแกกลับบ้าน”
“พูดบ้าอะไรอยู่เนี่ย!?”
“แล้วก็ไม่ได้ให้ทำแค่วันเดียว ฉันจะให้พวกแกทำอย่างนี้ทุกเย็นจนกว่าจะปิดเทอม …นับๆแล้วก็จนถึงหลังสอบเองนี่นะ”
เขาพึมพำเหมือนกำลังคิดว่าบทลงโทษน้อยไปรึเปล่า
แต่ก็แค่ไม่กี่วันจริงๆนั่นแหละ อีกเดี๋ยวก็จะสอบ ต่อจากนั้นก็เปิดเทอม อย่างมากก็สัปดาห์กว่าๆเอง
เทียบกับความผิดที่พวกฉันขโมยข้อสอบ อาจจะน้อยอย่างที่คริสโตเฟอร์ว่าก็ได้
กระนั้น ในเมื่อฝั่งนั้นพูดแล้ว ฉันก็ขอเอาตามนั้น! ไม่ยอมให้เพิ่มเงื่อนไขกว่านี้หรอกค่ะ!
ฉันจ้ำไปทางที่ทิ้งขยะของโรงเรียน เพื่อไปเอาของที่คริสโตเฟอร์บอก
“หืม…ว่าง่ายกว่าที่คิดแฮะ”
เชิญแอ็คไปเถอะย่ะ ทำความสะอาดแค่นี้ไม่คณามือหรอก!
…พวกฉันลงมือกวาดเศษใบไม้ตรงสนามกีฬา รวมถึงต้องเก็บขยะตรงพุ่มไม้อีกด้วย พอตอนนี้ก็เริ่มจะโมโหพวกที่ทิ้งขยะไม่เป็นที่ซะแล้วสิ
ขณะพวกฉันทำงานชดใช้ คริสโตเฟอร์ก็ไม่ได้หายไปไหน เขายืนกอดอกนิ่งเป็นรูปปั้นมอง …กะพริบตาบ้างมั้ยเนี่ย?
นิดที่จับไม้กวาดเก้ๆกังๆพูดขึ้น
“เหนื่อยจังเนอะ…ต้องทำงี้อีกหลายวันเลยเหรอ…”
นุ่นพูดเสริม
“ทำลวกๆไปเถอะ อย่างเด็กนั่นคงไม่อะไรมากหรอก”
ฉันถอนหายใจตอบนุ่น
“เดี๋ยวก็ไม่ได้กลับบ้านจริงๆหรอก…”
ตอนนี้ก็ปาเข้าไปจะชั่วโมงแล้วที่ทำความสะอาด ทำไมสนามมันถึงกว้างแบบนี้เนี่ย แล้วเป็นที่เปิดแบบนี้ต้องกวาดอีกกี่ชาติถึงจะสะอาดกัน ใบไม้นี่ก็ปลิวลงมาไม่หยุดเลย
นุ่นโยนไม้กวาด
“เสร็จแล้วๆ พอๆ น้ำกับนิดไม่ต้องทำแล้ว”
““เอ๋””
ฉันกับนิดขมวดคิ้ว
นุ่นโบกมือเรียกคริสโตเฟอร์
“นี่นาย! พวกฉันทำเสร็จแล้ว!”
ที่จริงก็เริ่มจะเหนื่อยอย่างที่นิดว่าจริงๆนั่นแหละ อีกอย่างทำมากกว่านี้ไปก็ไม่สะอาดขึ้นด้วย
คริสโตเฟอร์เดินตรวจรอบๆ แม้จะดูเหม่อๆ แต่สายตาก็มองทุกรายละเอียด จากนั้นก็…
“นี่คือเสร็จของพวกแกเรอะ?”
นั่นไงล่ะ…อย่างที่คิดจริงด้วย
“ก็เสร็จน่ะสิ! เอาสะอาดกว่านี้ก็ต้องเอาน้ำยาขัดห้องน้ำมาถูแล้ว! นี่คอนกรีตนะ มันจะไปสะอาดกว่านี้ได้ไง!”
“ความคิดดีนะ งั้นแกไปหยิบน้ำยาที่ว่านั่นมาหน่อย”
“หา!?”
นุ่นทำท่าจะเดินไปคว้าคอเสื้อคริสโตเฟอร์
ฉันยกมือห้ามไว้
“คืองี้นะน้อง ต่อให้ใช้อะไร พวกพี่ก็ทำให้สะอาดกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะ แถมพวกพี่ก็พยายามกันสุดๆแล้วนะ”
“เรอะ?”
“อืม”
ฉันจ้องตาคริสโตเฟอร์ คริสโตเฟอร์ที่รู้ว่าฉันไม่มีหัวแต่ก็จ้องกลับ ไม่ได้นึกแปลกใจในร่างของฉันเลยสักนิด
“เออ…พวกแกกลับได้ พรุ่งนี้ก็มาสภาอย่าสายด้วย”
ดูเหมือนจะปล่อยไปง่ายกว่าที่คิด
พวกฉันสามคนทำหน้างงๆ แต่ก็ยกไม้กวาดกับที่โกยขยะไปเก็บ
…คงไม่ต้องบอกลาเป็นเรื่องเป็นราวหรอกมั้ง? งั้นกลับบ้านเลยดีกว่า
แต่ขณะที่กำลังจะแยกย้ายกันกลับนั่นเอง ที่คริสโตเฟอร์ตามเข้ามาตรงที่เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดแถวที่ทิ้งขยะ
“พวกแก”
“อะ ค่ะ!”
ฉันตอบ ส่วนนิดกับนุ่นนิ่งเงียบด้วยสีหน้าอารมณ์คนละทาง
คริสโตเฟอร์พ่นลมหายใจ
“…ฉันลืมไปว่าใกล้ช่วงสอบ ถ้าพวกแกต้องทำความสะอาดทุกวัน จะไม่มีเวลาอ่านหนังสือ”
“อ่านหนังสือ?”
“ไม่อ่านกันหรอกเรอะ?”
ฉันพยักหน้าจนคอแทบหลุด
“อ่านสิอ่าน! ช่วงสอบก็ต้องติวหนังสือสิ! ใช่มั้ย!?”
เมื่อฉันหันไปถามเพื่อนทั้งสอง พวกเธอก็พยักหน้า
“ตามนั้น …จะให้มาชดใช้ตอนเทอมหน้าฉันก็ขี้เกียจ เพราะงั้นจะยื่นข้อเสนอให้พวกแก”
“““ข้อเสนอ?”””
ว้าว… ใจดีกว่าที่คิดไว้สุดๆเลยนะเนี่ย หรือว่าๆจริงแล้วน้องคนนี้จะแค่ปากไม่ตรงกับใจเฉยๆรึเปล่านะ?
ขณะกำลังคิดเช่นนั้นนั่นเอง
“เงินที่พวกแกได้จากการขายข้อสอบทั้งหมด เอามาให้ฉันซะ แล้วฉันจะยุติการลงโทษไว้แค่นี้”
…คำพูดนั้น ทำให้ฉันตึงเครียด
ไม่ใช่ใจดีแล้วแบบนี้ นี่เล่นคิดจะเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองเพื่อจบเรื่องเนี่ยนะ? นี่มันติดสินบนชัดๆ!
คริสโตเฟอร์ถามย้ำ
“เอาไง? ให้ตัดสินใจ ไม่งั้นก็มาทำความสะอาดต่อนั่นแหละ ยังไงเงินพวกนั้นก็ไม่ใช่เงินที่พวกแกสมควรได้อยู่แล้วด้วย”
“แล้วน้องคิดว่าตัวเองสมควรได้เงินนั้นหรือไงคะ?”
ฉันเสียงแข็ง คริสโตเฟอร์ส่งเสียงในลำคอ
“หึ…เข้าใจล่ะ เงินที่พวกแกหามาทั้งที คงอยากเก็บไว้ใช้เองสินะ?”
“นั่นมัน…”
“แล้วแต่พวกแกแล้วกัน เงินนั่นไม่ได้อยู่ในแผนของยัยนั่นด้วย พวกแกจะเอาไปใช้สนองบ้าอะไรก็เชิญ ฉันแค่ลองเสนอดู”
นุ่นที่ฟังมาสักพักก็ชี้หน้าคริสโตเฟอร์
“ทำพูดดี! ก็แค่อยากได้เงินใช่มั้ยล่ะ!? นายน่ะ!”
“แล้วมันต่างจากพวกแกตรงไหน?”
“คิดจะชุบมือเปิบง่ายๆหรือไง!? ถ้าฉันเอาเรื่องนี้ไปฟ้องประธานนักเรียนล่ะ!?”
“อยากฟ้องก็ฟ้องไป …เอ้า ตกลงจะให้หรือไม่ให้”
เมื่อโดนถามอย่างหนักแน่นเช่นนั้น พวกฉันจึงซุบซิบกัน
“เอาไงดี เงินเกือบหมื่นเลยนะ”
“แลกกับการไม่ต้องทำความสะอาดเนี่ย…มันจะคุ้มแน่เหรอ?”
“แต่ฉันว่า…”
ก่อนที่ฉันจะเสนอความเห็นให้ทั้งสองคนฟัง คริสโตเฟอร์ก็แทรกขึ้นมา
“ฉันขอเป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดจากพวกแกทั้งสามคนเลยนะ ไม่เอาแบบตามน้ำตามคนอื่น เข้าใจนะ?”
“…ไอ้บ้านั่นพูดอะไรของมันเนี่ย?”
นุ่นนินทาเสียงค่อย
จากท่าทีแล้ว ที่จริงก็ควรคิดได้อย่างเดียวว่าคริสโตเฟอร์อยากได้เงินพวกนี้ โดยแลกกับการที่พวกฉันจะได้สบาย ซึ่งใครจะมองก็คงเห็นว่าคริสโตเฟอร์กำลังทำเรื่องไม่ถูกต้อง
อารมณ์เหมือนตำรวจก่ออาชญากรรมล่ะมั้ง…?
แน่นอนว่านิดกับนุ่นก็คงคิดคล้ายๆกัน
ทว่า…ฉันกลับรู้สึกว่า วิธีคิดของคริสโตเฟอร์ มันไม่น่าจะง่ายๆแค่นั้น
ลองเชื่อสัญชาตญาณตัวเองดูดีมั้ยนะ…
ฉันพูดกับทั้งสองคนด้วยเสียงจริงจัง
“นิด นุ่น …เชื่อใจฉันได้มั้ย?”
“น้ำจะทำอะไรเหรอ?”
“นั่นสิ…ฟังดูน่ากังวลจัง”
ก็ไม่มีอะไรยืนยันหรอกว่าเป็นความคิดที่ดีหรือไม่ แต่ฉันก็ตัดสินใจได้แบบนี้
“เอาเงินให้เขาไปน่ะสิ”
นุ่นตาโต
“หา!? ทำไมเป็นงั้นล่ะ!?”
ตะโกนมาแบบนั้น
ฉันอธิบาย
“เงินพวกนี้ไม่ใช่ของพวกเรา ที่จริงทำความสะอาดก็ไม่ได้หนักหนาหรอก แต่ฉันว่าพวกเราไม่ควรเก็บเงินพวกนี้ไว้เองน่ะ”
คำพูดของฉันกำกวมจนตัวเองก็ไม่เข้าใจ
แต่ที่แน่ๆ คือฉันคิดว่าคริสโตเฟอร์กำลังทดสอบอะไรกับพวกฉันอยู่
ซาตาน…สินะ
นิดยิ้มแย้ม
“เข้าใจล่ะ ฉันเอาตามที่เพื่อนน้ำว่าเลย”
นุ่นที่ดื้อดึงที่สุด พอได้ฟังฉันพูดก็ถอนหายใจ
“ก็ได้ๆ เพราะน้ำเป็นหัวหน้าหรอกนะ”
“คิกคิก ขอบคุณมากนะ”
ฉันหัวเราะและหันไปเผชิญหน้ากับซาตาน
“เสร็จแล้วเรอะ?”
“อืม พวกพี่จะเอาเงินให้…”
…จากนั้น ฉันก็เอาเงินที่ได้จากการขายข้อสอบที่อยู่ในกระเป๋านักเรียนมาให้คริสโตเฟอร์ทั้งหมด แบงก์ร้อยแบงก์พันมากมายหลายใบที่เห็นแล้วรู้สึกเสียดาย
เสียดายก็เรื่องหนึ่ง …ที่แน่ๆคือฉันจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจนี้
คริสโตเฟอร์คลี่เงินเล่นโดยไม่แม้แต่จะนับ
“ดีมาก”
เขาพูดสั้นๆ
และร่ายอาคม
“ด้วยนามแห่งข้า เปลวเพลิงแห่งนรกจงปรากฏเพื่อดับสูญทุกสิ่ง เฮลล์ไฟเยอร์”
สิ้นเสียง เปลวไฟสีแดงส้มอันร้อนระอุก็ปะทุขึ้นในฝ่ามือ เผาเงินทั้งหมดเป็นเถ้าถ่านในพริบตา
“อ๊ะ!”
นุ่นส่งเสียง
ฉันพึมพำเบาๆ
“อย่างที่คิดจริงๆด้วย…”
เมื่อเปลวไฟดับลง คริสโตเฟอร์ก็กอดอก
“ไม่รู้ว่าทำไมถึงตัดสินใจกันแบบนี้ เพราะกลัว? เพราะโง่? เพราะบังเอิญ? แต่เอาเถอะ…ฉันจะมองพวกแกสูงขึ้นมานิดนึงก็แล้วกัน”
“น้องแค่ไม่อยากให้พวกพี่เก็บเงินไว้สินะคะ?”
“อ่า เงินพวกนี้คือที่นักเรียนคนอื่นจ่ายพวกแกเพื่อซื้อข้อสอบ คิดว่าหลังสอบเสร็จแล้วเห็นว่าข้อสอบที่พวกแกขายกับที่ออกสอบจริงไม่เหมือนกันจะเป็นยังไง?”
“คงโดนโกรธล่ะมั้ง?”
คริสโตเฟอร์หัวเราะในลำคอ
“หึ… ถ้าแค่นั้นก็ดีสิ พวกนั้นจะให้พวกเธอหาเงินมาชดใช้ต่างหาก แล้วยิ่งถ้าพวกเธอเอาเงินไปใช้หมด แล้วจะเอาที่ไหนไปคืน?”
“ถ้าเรื่องนั้น…ปล่อยให้พวกพี่จัดการกันเองก็ได้นี่คะ?”
กรณีที่เอาไปใช้หมดแล้วจริงๆ การจะหาเงินจำนวนนั้นไปคืนก็ลำบากๆจริงนั่นล่ะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่คริสโตเฟอร์ต้องใส่ใจนี่นา…
คริสโตเฟอร์ถอนหายใจจนสุดปอดพร้อมกล่าว
“…จากเมื่อวาน ยัยนั่นตัดสินใจรับพวกเธอเป็นลูกเคส”
“ลูกเคส?”
ฉันพูดทวนแต่คริสโตเฟอร์ไม่สนใจ
“เพราะงั้นฉันเลยจำเป็นต้องแก้ปัญหาให้หมดจดที่สุด เรื่องต่างๆที่จะตามมา ฉันจัดการให้ …ขอแค่พวกแกตัดสินใจที่จะไม่เก็บเงินนี่ไว้ ฉันก็ไม่มีอะไรไปแย้งยัยนั่นแล้ว”
ดูเหมือนจะตัดสินใจถูกนะ…โชคดีจัง
“หลังจากนี้จะไม่มีพวกที่ซื้อข้อสอบกับพวกแกมารังควานเด็ดขาด ฉันรับรอง”
เขาพูดแค่นั้นและเดินจากไป
ดูเหมือนจะเป็นคนที่อยากพูดอะไรก็พูด ไม่คิดจะสนใจคนอื่น
นุ่นบ่นให้พวกฉันฟัง
“อะไรของมันล่ะนั่น? ตัดสินใจเองหมดเลย”
“แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ? ที่จริงฉันก็กังวลนิดหน่อย ว่านักเรียนที่ซื้อข้อสอบพวกเราไปจะว่ายังไงบ้าง…”
นิดกล่าวเสียงค่อยพร้อมทำหน้าโล่งอก
ส่วนฉัน…
“สรุปทำความสะอาดก็ไม่ต้องทำแล้วสินะ? ให้ตายสิ เจ้าเด็กนั่นจะทำให้เป็นเรื่องยากแต่แรกทำไม …น้ำ?”
“เพื่อนน้ำ?”
พวกเธอแสดงท่าทีสงสัยเมื่อเห็นฉันมองเด็กหนุ่มผมชมพูด้วยอารมณ์ที่ตัวเองก็อธิบายไม่ถูก…
“…ซาตานงั้นเหรอ…”
ฉันพึมพำกับตัวเอง
…เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปหลายวันหลายคืน
แม้ช่วงที่ผ่านมาจะไม่ต้องทำความสะอาดแล้ว แต่หลังจากหมดสัปดาห์แห่งการสอบที่ฉันก็น่าจะตกหลายวิชาเหมือนเดิม ฉันก็มาที่ตึกชมรม ทั้งๆที่ไม่ได้สังกัดชมรมใดๆ
เป็นสัปดาห์ที่มีแต่การสอบจริงๆนั่นล่ะ …และก็ไม่รู้ทำไม ฉันถึงได้ติดใจกับเขาคนนั้นมาตลอด
ด้วยเหตุนั้น ฉันจึงมาที่ห้องสภาโดยที่นิดกับนุ่นไม่ได้มาด้วย
ฉันเคาะประตูและก็ได้ยินเสียงตอบกลับจากด้านใน
“เชิญ”
เมื่อฉันเปิดประตู ก็พบคริสโตเฟอร์นั่งอยู่ที่โซฟารับแขก
คริสโตเฟอร์เหลือบมอง
“มีอะไร?”
“ปะ เปล่าค่ะ…แค่อยากมาขอบคุณ หลังจากวันนั้นก็ไม่ได้เจอกันเลยนี่”
“ไม่มีอะไรต้องขอบคุณ ฉันแค่ทำตามหน้าที่ ส่วนแกก็แค่บังเอิญผ่านเกณฑ์ของฉันแค่นั้น”
“งะ งั้นเหรอ…”
“เสร็จธุระรึยัง?”
ที่ฉันมาก็คงอยากพูดขอบคุณเพียงแค่นั้น แต่ว่า…ในใจกลับมีความรู้สึกแปลกๆต่อเด็กหนุ่มคนนี้
บางที..ก็คงแค่อยากให้เขาสนใจสักนิดล่ะมั้งคะ?
แต่ดูจากท่าทีแล้ว คงไม่สนใจบ้าอะไรเลยสินะ…
ถึงจะปากร้ายไปหน่อย ไม่รู้เพราะรสนิยมฉันมันแปลกกว่าชาวบ้านหรือเปล่า แต่คริสโตเฟอร์ก็ไม่ได้ดูบ้าๆบอๆเหมือนคนอื่นๆ
คริสโตเฟอร์มองด้วยแววตาฉงน
ก่อนที่เขาจะทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้
“จริงสิ… ยัยนั่นบอกไว้นี่นะ จะไม่ทำก็ไม่ได้”
“บอกอะไรเหรอ?”
คริสโตเฟอร์ลุกขึ้นเกาศีรษะ
“ปีหน้าฉันต้องขึ้นเป็นประธาน …ยัยนั่นบอกให้หาสมาชิกมาช่วยงาน ไม่งั้นปีหน้าฉันจะต้องทำงานสภาคนเดียว”
“อะ เอ๊ะ?”
แสดงว่าสภานักเรียนนี่ มีสมาชิกแค่ประธานกับรองเนี่ยนะ?
ระหว่างฉันสงสัย คริสโตเฟอร์ก็พูดต่อ
“ฉันรู้จักคนไม่เยอะ ที่จริงก็ว่าจะหาเอาส่งๆเป็นพวกพันทางในโรงเรียน แต่ดันมาเจอกับพวกแกซะก่อน”
“หืม…?”
“ถ้าเทียบแกกับอีกสองคนที่เหลือ แกน่าจะได้เรื่องสุด เพราะงั้น…”
“เพราะงั้น?”
ฉันถามย้อน
คริสโตเฟอร์ทำหน้าลำบากใจจนรู้สึกว่าน่ารักอยู่หน่อยๆ
และเขาก็พูดเสียงเรียบๆ
“เพราะงั้น…สนใจเข้าสภานักเรียนมั้ย? ดูลาฮาน”
พร้อมยื่นมือมาหาฉัน
มองดีๆแล้ว เป็นคนต่างชาติสินะเนี่ย? ที่จริงจากชื่อคริสโตเฟอร์ก็พอเดาได้อยู่แล้วด้วย…
ฉันหัวเราะร่า
“ฮะฮะฮ่ะ!”
“ขำอะไร?”
“เปล่าค่ะเปล่า…อืม สภานักเรียนงั้นเหรอ…เอ เอาไงดีน้า?”
“ไม่ได้บังคับ ไม่เข้าก็ไม่เป็นไร”
“เข้าสิเข้า! แค่ล้อเล่นนิดเดียวเอง!”
“เรอะ? งั้นพรุ่งนี้เขียนใบสมัครมาด้วย”
“ค่าๆ แล้วก็ไม่ใช่ดูลาฮานสักหน่อย ผีไร้หัวต่างหาก”
ในที่สุดก็ได้แก้ความเข้าใจผิดสักที
คริสโตเฟอร์เอียงคอ
“ต่างกันด้วยเรอะ?”
“ต่างสิ ฉันไม่ได้หิ้วหัวตัวเองไปไหนสักหน่อย”
“จะว่าไปก็จริง…งั้นก็ ขอต้อนรับสู่สภา ผีไร้หัว”
“น้ำ”
“หา?”
“พี่ชื่อน้ำน่ะ เรียกว่าพี่น้ำดีกว่าผีไร้หัวเป็นไหนๆเลยเนอะ?”
เขานิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า
“เหรอ น้ำสินะ…”
และแล้ว ฉันก็ได้เข้าสภานักเรียน
ที่จริงอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ไม่คิดหน้าคิดหลังเกินไปก็ได้ แต่ก็นะ…ฉันในตอนนี้อยากทำแบบนี้นี่นา!
ฉันพูดกับคริสโตเฟอร์ด้วยเสียงเย้ายวน
“แล้วก็น้า…ไหนๆพี่ก็เป็นสภานักเรียนแล้ว ช่วยพูดกันดีๆ…ไม่สิ! ช่วยสนใจพี่หน่อยก็ดีนะ!”
“ทำไมฉันต้องสนใจคนอย่างแกด้วย?”
พอคริสโตเฟอร์หงุดหงิดเช่นนั้น ฉันก็คิดว่า…ถ้าช่วงที่ทำงานสภาแล้วโดดงานบ่อยๆ คริสโตเฟอร์จะหันมาสนใจมากขึ้นรึเปล่านะ?
เอาเถอะ ไว้ว่ากันอีกทีแล้วกันค่ะ!
+ +
นี่ก็เลยเวลารับผลสอบมาสักพักแล้ว มองเห็นผู้คนบางตา
ฉันกับน้องคริสนั่งอยู่ที่ม้านั่งพลางรำลึกถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้น
“กลับกันเลยมั้ยครับ? พี่น้ำ”
น้องคริสว่าเช่นนั้นพร้อมลุกขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“แหม~ น้องคริสอยากกลับพร้อมพี่เหรอ?”
“งั้นผมกลับคนเดียวก็ได้”
“หยอกๆเอง อย่าซีเรียสนักซิ๊~”
เวลาเห็นน้องคริสทำหน้าหงุดหงิดทีไร หัวใจมันก็กระชุ่มกระชวยแปลกๆ แหม…ช่างเป็นคุณประธานนักเรียนที่น่าแกล้งจริงๆเลยค่ะ
จังหวะกำลังจะกลับนั่นเอง เสียงทักจากด้านหลังก็ดังขึ้น
“น้ำ!”
“เพื่อนน้ำ!”
เมื่อฉันหันกลับไป ก็พบกับเพื่อนสาวทั้งสองคน
นิดกับนุ่นนั่นเอง
…หลังจากที่ขึ้นมอหก พอน้องคริสขึ้นเป็นประธานก็เลยต้องช่วยงานนิดหน่อย(?) แต่ที่จริงก็เริ่มทำงานสภาตั้งแต่เทอมสองปีที่แล้วแล้วล่ะนะ
อย่างไรก็ดี ความจริงก็คือปีนี้ฉันไม่ได้ตัวติดกับสองคนนี้มากนัก อีกทั้งยังโดนจับแยกไปอยู่คนละห้อง เพราะงั้นช่วงที่ผ่านมาเลยได้คุยกันไม่มาก
แต่ความสนิทยังเหมือนเดิม!
“หวัดดีจ้า!”
ฉันทักทายเสียงใส
“จะกลับบ้านเหรอ? ฉันกลับด้วยสิ!”
“บังเอิญจังเลยเนอะ ยังงี้ไม่ต้องรีบกลับหรอก ไปเที่ยวกันดีกว่า”
พวกเธอว่ามาแบบนั้น แต่เมื่อสังเกตเห็นเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างฉันๆ ก็พากันขมวดคิ้ว
“เอ๋? นายมันไอ้เด็กรองประธานนักเรียนนี่!”
“…คนน่ากลัวนี่นา”
คริสโตเฟอร์มองพร้อมยกมือไหว้
“สวัสดีครับ แล้วตอนนี้ผมเป็นประธานนักเรียนแล้วต่างหากครับ พี่นุ่น พี่นิด”
สองเพื่อนสาวดึงฉันไปกระซิบทันที
“เดี๋ยวนะ…ไอ้เด็กมารยาทดีคนนี้ใครกันเนี่ย???”
“ไม่เห็นน่ากลัวเหมือนตอนที่เจอครั้งก่อนเลย…”
ไม่แปลกที่พวกเธอจะคิดอย่างนั้น ทั้งสองคนไม่ได้เข้าสภานักเรียน เลยไม่รู้จักน้องคริสเท่าฉัน แถมคงไม่ได้สนใจสภาด้วย ขนาดนุ่นยังคิดว่าน้องคริสเป็นรองประธานอยู่เลย
แล้วน้องคริสก็เริ่มเปลี่ยนแปลงก็ตอนประมาณช่วงที่ขึ้นมอห้านั่นแหละ นิสัยนี่เรียกว่าต่างจากตอนมอสี่ที่พวกฉันเจอเขาครั้งแรกหน้ามือเป็นหลังเท้า
“น้องคริสก็เป็นงี้แหละ!”
“สนิทกันจังนะเนี่ย?”
“อ๊ะ…เพื่อนน้ำ อย่าบอกนะว่า…”
นิดมองฉันด้วยความประหลาดใจ
กับเพื่อนสนิทสองคนนี้ ต่อให้ฉันจะเป็นผีไร้หัว แต่พวกเธอก็รับรู้อารมณ์ของฉันได้ชัดเจน และฉันที่ไม่มีความคิดจะปิดบังนั้น
ก็พูดออกไป
“อื้ม! ฉันเจอคนที่ถูกใจแล้วล่ะ!”
“เล่นของนอกเลยเหรอ…”
“โอ้ พยายามเข้านะ เพื่อนน้ำ!”
น้องคริสที่ยืนรออยู่ห่างๆ ก็สะกิดฉันเบาๆ
“ถ้าพี่น้ำจะกลับกันเพื่อน งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
สองเพื่อนสนิทที่รู้ดีกว่าที่จำเป็น ก็รัวคำพูดใส่น้องคริสทันที
“ไม่ต้องๆ! นายกลับกับน้ำไปเถอะ! เดี๋ยวพวกฉันต้องไปธุระต่อ!”
“ใช่ๆ! ส่งให้ถึงบ้านเลยนะ คุณประธานนักเรียน”
น้องคริสทำหน้างงๆ สุดท้ายก็ก้มหัวให้
“ก็ได้ครับ…เอ้า พี่น้ำ กลับกันเถอะครับ”
“อะ อื้ม! ไว้เจอกันน้า! ทั้งสองคน”
““เจอกาน!””
ฉันโบกมือลานิดกับนุ่น และกลับบ้านพร้อมกับน้องคริส
ระหว่างทาง ฉันก็มองน้องคริสพร้อมเอ่ย
“น้องคริสนี่…น่ารักขึ้นจริงๆแหละเนอะ?”
“วันนี้ชมอย่างนั้นสองรอบแล้วนะครับ? ล้อเล่นอะไรผมอยู่รึเปล่าเนี่ย?”
“เปล่านี่คะ~”
เศษเสี้ยวเรื่องราวที่หนึ่ง พี่น้ำ /จบ