สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 42 เคสที่ 21 รับผลสอบ
เช้าวันจันทร์
วันรับผลสอบ
แม้วันนี้จะเป็นวันที่ว่า แล้วเดี๋ยวจะค่อยมีการสอบซ่อมในภายหลัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโรงเรียนเช้า
เวลารับผลสอบคือตั้งแต่แปดโมงจนถึงบ่ายสอง เพราะงั้นสำหรับคนที่ล้าจากการสอบจนเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาก็ยังพักไม่พอนั้น สามารถนอนตื่นสายแล้วค่อยมาหลังกินข้าวเที่ยงก็ยังทัน
กระนั้น ผมก็ต้องมาแต่เช้าอยู่ดี
“ขอบคุณที่มาช่วยนะคริสโตเฟอร์ พอดีช่วงปิดเทอมมีอาจารย์บางท่านรีบกลับบ้านต่างจังหวัดน่ะ …คนไม่พอนั่นแหละ ได้เธอมาช่วยนี่ ครูอุ่นใจขึ้นเยอะ”
ครูใหญ่สมศักดิ์เดินมาหาผมที่นั่งอยู่แถวชานบันไดพร้อมกับกาแฟกระป๋อง อีกทั้งยังซื้อมาเผื่อด้วย
“ขอบคุณที่ซื้อให้นะครับ”
“ไม่เป็นไร เล่นรบกวนเธอกว่านักเรียนคนอื่นแบบนี้ ที่จริงก็อยากตอบแทนอะไรที่มันมากกว่าน้ำกระป๋องล่ะนะ”
“กับผมไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ยังไงก็เป็นหน้าที่สภานักเรียนอยู่แล้ว”
ในแง่ไหนก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือนักเรียน ผมที่แบกตำแหน่งที่ชื่อว่าประธานนักเรียน กับแค่ช่วยงานอาจารย์นิดหน่อยน่ะ ไม่ลำบากหรอก
ครูสมศักดิ์หัวเราะ
“ฮะฮะ…นับวันเธอยิ่งจะคล้ายประธานคนเก่าเข้าไปทุกทีนะ”
“คล้าย ‘ยัยนั่น’ งั้นเหรอ… ฟังดูไม่ค่อยเหมือนคำชมเท่าไหร่เลยนะครับนั่น?”
“แหม อย่าเรียกรุ่นพี่แบบนั้นสิ คริสโตเฟอร์”
“โทษทีครับ เผลอไปหน่อย”
ที่จริงฝั่งโน้นก็คงไม่คิดอะไรหรอก แล้วยังเรียนจบไปแล้วด้วย ป่านนี้คงมีความสุขในมหาลัยแล้วล่ะ
ครูสมศักดิ์กระดกกาแฟจนหมดแล้วพูดขึ้น
“ใกล้แปดโมงแล้ว …เดี๋ยวครูให้คริสโตเฟอร์ไปประจำชั้นของมอสี่นะ เด็กมอสี่น้อยกว่าชั้นอื่นๆด้วย …ถึงจะยังถือว่ารบกวนก็เถอะ แต่เธอจะได้ไม่เหนื่อยมาก”
“ก็บอกว่าไม่เป็นไรไงครับ อีกอย่าง ผมได้ค่าจ้างมาแล้วนี่ไง?”
ผมพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพลางชูกระป๋องกาแฟ
“ฮะฮะ เข้าใจล่ะๆ งั้นครูไปก่อนนะ มีปัญหาอะไรก็ถามครูท่านอื่นๆ ไม่ก็โทรหาครูก็ได้”
“รับทราบครับ”
และครูสมศักดิ์ก็จากไป แม้หลังจากนี้จะไม่มีการเรียนการสอนจนถึงเปิดเทอม แต่กับเขาที่เป็นถึงครูใหญ่ก็มีเรื่องให้จัดการเยอะล่ะนะ
อืม…ส่วนผลสอบของเรา ไว้ค่อยไปเอาตอนจะกลับแล้วกัน ยังไงก็ไม่ได้รีบอยากเห็นคะแนนตัวเองอยู่แล้ว มันก็คะแนนเต็มเหมือนเดิมนี่นะ…
ที่จริงหน้าที่ที่ผมต้องทำก็ไม่มีอะไรมาก แค่นั่งประจำอยู่ชั้นหนึ่งที่เป็นสถานที่รับผลสอบของมอสี่ แล้วรอให้เหล่านักเรียนที่มารับผลสอบมาหาก็เท่านั้น
นักเรียนที่มาก็หลายรูปแบบ ทั้งมาคนเดียว ทั้งมาพร้อมเพื่อน และยังรวมถึงพาผู้ปกครองมาด้วย
ผมก็เช็กชื่อจากใบรายชื่อ ก่อนจะหยิบผลสอบประจำปลายภาคเรียนที่หนึ่งให้
หลักๆก็ประมาณนั้น
ถึงจะเป็นงานสบายๆก็เถอะ ทำไปทำมาก็แอบเบื่อเหมือนกัน แล้วก็ไม่ยุ่งอย่างที่คิดด้วย อย่างว่า…ไม่ใช่จะมารับผลสอบตอนเช้ากันทุกคนหรอก
ช้าสุดก็คงมาตอนจวนเจียนจะหมดเวลานั่นแหละ
“เง๊อะ?”
เด็กสาวที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามทำเสียงเอ๋อๆ เมื่อสายตาจ้องมาทางผม
ผมโบกมือ
“ไง สไปรท์ มาเร็วจังนะ”
รุ่นน้องเสือสมิงของผมนั่นเอง ตอนครูสมศักดิ์บอกให้มาประจำชั้นของมอสี่ ก็คิดไว้แล้วว่าต้องเจอ
โอ้? ที่มาไม่ได้มีแค่สไปรท์ด้วยสิ
ด้านหลังสไปรท์ มีหญิงสาวที่หน้าตาคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นแม่เดินมาด้วย
ผมยกมือไหว้เธอคนนั้น
“คุณแม่ของสไปรท์สินะครับ? สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ คุณครู”
“อะ เอ่อ…”
นี่หน้าผมมันถึงขั้นโดนมองว่าเป็นครูได้แล้วเรอะ? เสียความมั่นใจแฮะ…
สไปรท์หัวเราะก๊าก
“โธ่ม๊า! พี่คริสโตเฟอร์ไม่ใช่ครูสักหน่อย! ถึงจะเป็นคนติวสอบให้หนูก็เต๊อะ!”
“ตายจริง…ประธานนักเรียนที่ลูกพูดถึงคนนั้นน่ะเหรอ?”
…โดนสไปรท์พูดถึงงั้นเหรอ เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าพูดเรื่องดีหรือเรื่องร้าย
คุณแม่สไปรท์ก้มศีรษะ
“ขอโทษด้วยค่ะ ที่คิดว่าเป็นคุณครู”
“มะ ไม่เป็นไรครับ”
“…แต่ได้เจอแบบนี้ก็ดีเลย อยากขอบคุณที่ช่วยดูแลลูกสาวป้ามาตั้งนานแล้ว ขอบคุณจริงๆค่ะ!”
“คะ ครับ”
ทำตัวไม่ถูกเลยล่ะ
…ทำไมความเป็นผู้เป็นคนมันถึงต่างจากสไปรท์หน้ามือเป็นหลังเท้าแบบนี้ล่ะเนี่ย …นิสัยมันไม่ได้ส่งผ่านพันธุกรรมหรอกเรอะ?
คุณแม่สไปรท์มองผมด้วยความฉงน
“เอ…พวกเราเคยคุยกันครั้งนึงแล้วสินะคะ? ตอนวันที่ให้สไปรท์กลับดึกๆ?”
“อ๋อ…ใช่ครับ ต้องขอโทษที่รบกวนลูกสาวจนมืดค่ำนะครับ”
“อย่าขอโทษเลยค่ะ สไปรท์เธอก็สนุกด้วย …แถมน้องคริสโตเฟอร์ยังมาส่งสไปรท์ถึงบ้านเลยไม่ใช่เหรอ?”
“จะให้สไปรท์กลับคนเดียวดึกๆ ก็เป็นห่วงน่ะครับ”
ผมตอบพร้อมค้นปึกแฟ้มที่เรียงรายบนโต๊ะหาผลสอบของสไปรท์
ระหว่างนั้นที่เธอซุบซิบกับลูกสาว
“นี่ลูก…เด็กคนนี้เป็นผู้ใหญ่สุดๆเลยนะ จากที่คุยก็ดูนิสัยดีด้วย ถ้าแม่ได้ลูกเขยแบบนี้คงหมดห่วงอนาคตของลูกได้เลยล่ะ”
โหๆ…ชมกันขนาดนี้ก็เขินแย่ เอ๊ะ…เดี๋ยวนะ ลูกเขย?
สไปรท์หัวเราะตอบ
“วะฮะฮ่า! พี่คริสโตเฟอร์มีพี่พลอยอยู่แล้วนี่นา! อย่างหนูไม่มีหวังร้อก!”
ไม่ๆ ตูไม่ได้เป็นอะไรกับพลอยทั้งนั้น แล้วก็ไม่สนผีไทยด้วย
แม่สไปรท์ลูบแก้ม
“น่าเสียดายจัง แต่ถ้ามีแฟนอยู่แล้วก็ช่วยไม่ได้…”
“เอ่อ โทษนะครับ คือผมได้ยินชัดเลยครับ”
ผมพูดแทรกไปแบบนั้นจนคุณแม่สไปรท์หน้าแดง
“งะ งั้นเหรอคะ…ขอโทษจริงๆค่ะ!”
พอผมหาผลสอบของสไปรท์เจอ ก็ยื่นส่งให้
“เอ้านี่ ฉันยังไม่ได้เปิดดู หวังว่าจะตกไม่ถึงครึ่งอย่างที่สัญญากันไว้ล่ะ”
“ค่า~!”
สไปรท์รับพร้อมรีบเปิดทันที ท่าทีอย่างกับเด็กได้ของขวัญคริสมาสต์
“แล้วก็! ไว้ใจหนูได้เล้ย! ไหนดูสิ… …โห…โห…โห!!!”
ผมขมวดคิ้วเมื่อเห็นสไปรท์ดูผลสอบด้วยดวงตาลุกวาว
และถามออกไป
“อย่าบอกนะว่าตกทุกวิชา?”
“ไม่ช่ายๆ ผ่านหมดทุกวิชาเลยต่างหากเล่า!!!”
เธอตะโกนจนนักเรียนที่มารอผลสอบหันมอง
ผมเพ่งมอง
“ไม่ตกจริงด้วยแฮะ…ถึงจะมีบางวิชาข้ามเส้นไปหน่อยก็เถอะ”
“ฮูเร่ ฮูเร่! ม๊า! วันนี้หนูอยากกินข้าวนอกบ้านอะ! ฉลองที่สอบไม่ตกไง! ครั้งแรกตั้งแต่หนูเกิดมาเลยนะเนี่ย!!!”
…นี่หล่อนอยู่มาตั้งสิบกว่าปีโดยที่สอบตกทุกเทอมเลยงั้นเรอะ นึกภาพตามแล้วก็อนาถใจแปลกๆ
คุณแม่สไปรท์เผยสีหน้าประหลาดใจ
“ไม่ตกจริงด้วย…ไม่อยากจะเชื่อเลย”
คนเป็นแม่ยังแทบไม่เชื่อสายตาเลยสินะ…
หญิงสาวยิ้มกว้าง แม้น่าจะอายุสามสิบกว่าๆ แต่ตอนยิ้มกลับหน้าเด็กจนมองแล้วคิดว่ายังยี่สิบต้นๆ
“อยากกินอะไรบอกแม่ได้เลยนะ”
“วู้ว~~~!”
“เอ…แต่น้องคริสโตเฟอร์เป็นคนติวให้สินะ? ป้าก็อยากขอบคุณสักหน่อยเหมือนกัน เธอเสร็จงานเมื่อไหร่เหรอ? กินข้าวกับพวกป้ามั้ย?”
ผมรีบปฏิเสธ
“ไม่เป็นไรครับ เวลาฉลองกับครอบครัว เอาผมไปด้วยคงไม่ดีหรอกครับ”
“แหม เป็นเด็กดีจังเลยนะ…อยากได้มาเป็นลูกเขยจริงๆนะเนี่ย”
“เรื่องนั้น…คงไม่ได้หรอกครับ แต่ว่าก่อนผมเรียนจบ สัญญาเลยว่าจะขุนให้สไปรท์เป็นผู้เป็นคนกว่านี้แน่ครับ”
“เอ๊อะ? ไอ้นั่นพูดให้หนูได้ยินด้วยได้เหยอ?”
สไปรท์ทำหน้าอึนๆ
ผมหัวเราะ
“เธอคงไม่คิดอะไรหรอก ใช่มั้ยล่ะ?”
“ตามนั้นส์! งั้นไว้เจอกันนะพี่คริสโตเฟอร์! บั๊ยบ๊าย~!”
“ขอบคุณมากๆนะคะ”
ผมยกมือไหว้แม่สไปรท์พลางโบกมือเบาๆให้สไปรท์
…ถึงเราจะเป็นคนติวให้ก็เถอะ เล่นทำให้สไปรท์ที่สอบครั้งก่อนยังตกทุกวิชามาสอบผ่านได้แบบนี้ หรือเราไปทำอาชีพเป็นติวเตอร์หรืออะไรทำนองนั้นดีมั้ยนะ?
ไม่สิ เราไม่ได้ร้อนเงินขนาดต้องหางานเสริมสักหน่อย
…พอมาคิดดูแล้ว นอกจากผลสอบของสไปรท์ที่อยากรู้ สำหรับเด็กมอสี่ ยังมีอีกคนที่ผมต้องรู้ให้ได้อยู่นี่นา
คิดไม่ทันไร คนที่ตามหาก็มารับผลสอบพอดี
ผมเงยหน้ามอง เด็กชายมอสี่ที่วันนี้ก็ยังสวมเสื้อยืดสีเหลืองทับเครื่องแบบนักเรียน
“โอ้ว! หวัดดี โนบิตะคุง!”
“…ผมไปได้ชื่อนั้นตอนไหนครับเนี่ย…”
อีกฝ่ายดันแว่นด้วยสีหน้าหนักใจ
และเด็กชายคนนี้ก็คือ หนูลองยาที่ผมให้ไปลองรับอิทธิฤทธิ์จากไอ้กุมารทองนั่นเอง
ถ้าให้เท้าความอิทธิฤทธิ์ของกุมารทองแบบพอสังเขป ก็ง่ายๆคือ ใครที่เอาน้ำแดงไปถวายจะสอบผ่านแน่นอน
อีกทั้งยังได้การยืนยันจากโนบิตะคุง(ชื่อชั่วคราว)มาแล้วว่า ไม่ว่าจะอ่านหนังสือมากแค่ไหนก็ทำข้อสอบไม่ได้ จะตรวจความโม้เหม็นของขุนทองได้ก็ต้องน้องคนนี้นี่แหละ! ฝากด้วยนะ โนบิตะคุง!
โนบิตะคุงนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม
“ทำไมพี่ประธานนักเรียนถึงมาเป็นคนแจกผลสอบล่ะครับ?”
“พอดีมีครูบางท่านติดธุระน่ะ พี่ที่เป็นประธานเลยมาช่วยงานนิดหน่อย”
“งั้นเหรอครับ…ว่าแต่ ที่ให้ผมทำตอนนั้น…”
“ก็นี่ไงล่ะ! รู้มั้ยพี่ตั้งตารอเจอน้องขนาดไหน!?”
ถ้ารู้ชื่อแส่สักหน่อยคงแอบดูผลสอบไปก่อนแล้ว แต่เพราะไม่มีข้อมูลนั้น ถึงได้แต่รออย่างใจจดใจจ่อ และก็ถึงเวลาสักที!
“ขอชื่อหน่อยสิ!”
“พี่ประธานตื่นเต้นกว่าผมอีกนะครับนั่น …ธีระครับ มอสี่ทับสาม”
“ธีระสินะ…” ผมค้นอยู่สักพักจนสุดท้ายก็ยกมันขึ้นมาเหมือนเวลาแมวตัวสีฟ้าๆหาของวิเศษเจอ “เจอแล้ว ผลสอบของธีระ!(เสียงสูง)”
“…ผมเริ่มจะเคืองหน่อยๆแล้วนะครับ…”
“ทะ โทษที พี่อินไปหน่อย …อย่าว่างั้นงี้เลยนะ พี่ขอดูด้วยมั้ย? จะได้ไปเคลมกับกุมารทองนั่นถูก”
“ครับๆ…”
ธีระเปิดผลสอบด้วยสีหน้าหน่ายๆ
ก่อนที่จะขมวดคิ้วดันแว่น
“นี่มัน…”
ด้วยเสียงเหมือนไม่เชื่อสิ่งที่ตาเห็น
…เช้ดครก อิทธิฤทธิ์ของกุมารทองเป็นของจริงงั้นรึ!?
ผมรีบคว้าผลสอบในมือธีระ
“ผ่านหมดจริงๆงั้นเหรอ!? ขอพี่ดูเดี๋ยวนี้เลย!”
เมื่อผมคว้าเชิงแย่งผลสอบมาจากธีระสำเร็จ ก็กลอกสายตาไล่ตั้งแต่วิชาแรกไปยังวิชาสุดท้าย …ทำไมรู้สึกมันโล่งๆแปลกๆ…
ที่เห็นตรงหน้าคือเลขหลักเดียวที่เรียงรายจนแทบจะสลักลงไปในดวงตา…
‘0 0 0 0 0 0 0 0 0’
“เช้ดเข้! ไอ้ขุนทองว้อย!!!”
แน่นอนว่าข้างบนนั่นไม่ใช่ไข่ไก่แต่อย่างใด แต่มันคือคะแนนของโนบิตะคุงที่อยู่ในผลสอบ
โนบิ…ธีระถอนหายใจเฮือกใหญ่
“มะ ไม่คิดเลยว่าจะได้ศูนย์ทุกวิชาแบบนี้…ปกติถึงสอบไม่ผ่านก็ยังพอมีคะแนน…”
และเห็นหยดน้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาจากดวงตาใต้แว่นหนาเตอะ
ผมลุกขึ้นช้าๆ บีบไหล่ธีระเบาๆด้วยความเจ็บช้ำไม่แพ้กัน
“เรื่องกุมารทองนั่นไม่ต้องห่วง…เดี๋ยวพี่จัดการให้”
“…ไม่เป็นไรครับ ผมโง่เอง ไม่เกี่ยวที่ใครหรอกครับ”
โอ้โห ปลงตกจนผมรู้สึกแย่แทน
ช่วยไม่ได้ เราใช้น้องเขาเป็นหนูทดลองก็ต้องรับผิดชอบหน่อยล่ะนะ ถึงไม่รู้ว่าที่ได้ศูนย์ทุกวิชาเป็นเพราะกุมารทองนั่นรึเปล่าก็เถอะ
“สอบครั้งหน้า…มาหาพี่ที่สภานะ เดี๋ยวจะติวข้อสอบให้”
“จะ จริงเหรอครับ!? เทอมก่อนผมเห็นว่าพี่สอบได้ที่หนึ่งของชั้นปีเลยไม่ใช่เหรอครับ!?”
หึหึหึ ไม่ใช่แค่เทอมก่อนหรอกนะ ถึงจะยังไม่ได้ดูผลสอบตัวเอง แต่เทอมนี้ผมก็ที่หนึ่งเหมือนกัน!
ผมพยักหน้า
“อืม…ไว้ใจได้เลย สอบรอบหน้าน้องสอบผ่านแน่นอน”
“ขะ ขอบคุณมากครับ! อะ เอ่อ! ผมขอตัวไปอ่านหนังสือเตรียมสอบซ่อมก่อนนะครับ!”
ว่าแล้วธีระก็จากไปพร้อมกับผลสอบ และอีกไม่กี่วันก็ต้องมาสอบซ่อมอีกต่างหาก ให้ตายสิ…ทำไมกับคนที่พยายามขนาดนี้ พระเจ้าถึงไม่ให้พรเรียนเก่งกับเขาบ้างเลยนะ…
ผมเงยหน้ามองเพดาน
“พวกแกนี่นะ…วันๆจะไม่ทำอะไรกันเลยเรอะ?”
และพูดใส่เพดานไปทั้งๆแบบนั้น…
เนื่องจากชั้นมอสี่มีนักเรียนไม่มาก แถมยังมารับผลสอบกันเร็วกว่าชั้นปีอื่นๆ ประมาณเที่ยงนิดๆ งานของผมก็เสร็จ
ที่จริงก็น่าจะเฉพาะปีนี้ที่เด็กเข้าใหม่น้อยกว่าปีอื่นๆ ส่งผลให้เด็กชั้นมอสี่น้อยกว่า ครูใหญ่ที่รู้แบบนั้นถึงให้ผมมาประจำที่มอสี่
และพอไม่รู้ว่าจะกลับบ้านไปทำอะไร ลงท้ายก็เลยเดินแกร่วอยู่ในโรงเรียน แน่นอนว่าช่วงที่ว่างก็ไปรับผลสอบมาแล้วด้วย อย่างที่คิดไว้ เต็มทุกวิชา
คือแบบ…เก่งเลยอะ
ขณะกำลังซดน้ำเปล่าที่ม้านั่งในสวนหน้าตึกเรียนด้วยอารมณ์สุนทรีย์นั่นเอง
“น้องคริส?”
ผมหันไปตามเสียง
พบกับสาวรุ่นพี่ผีไร้หัวที่วิ่งเยาะๆมาทางผมจนหน้าอกส่ายไปมา
ผมยกมือไหว้
“หวัดดีครับพี่น้ำ…ใกล้บ่ายสองแล้วนะครับ มาเวลาเจียดจะไม่ทันเลยนะครับนั่น?”
“พี่คำนวณเวลามาอย่างดีแล้วต่างหากล่ะคะ!”
เธอยกผลสอบตัวเองขึ้นโชว์
“ทันก็ดีแล้วครับ แล้วมีตกบ้างรึเปล่า?”
เมื่อผมถาม พี่น้ำก็พ่นลมหายใจและนั่งลงข้างๆ
“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ…ที่ต้นติวให้ก็ดีอยู่หรอก แต่ปกติพี่เป็นคนเรียนไม่ค่อยเก่งอยู่แล้วด้วย…”
ยังไม่ได้เปิดดูหรอกเรอะ
“…ในฐานะประธาน ถ้าพี่ตกไม่ถึงครึ่ง ผมจะให้อยู่เกณฑ์ที่รับได้แล้วกันครับ”
“เอ๋? ทำไมวันนี้น้องคริสใจดีกับพี่จัง?”
“เกณฑ์เดียวกับสไปรท์เลยล่ะครับ บอกไว้ก่อนว่ายัยนั่นผ่านทุกวิชา”
พี่น้ำค้างไปครู่นึง
“…มันมีเรื่องที่เหมือนปาฏิหาริย์แบบนั้นเกิดขึ้นได้ด้วยเหรอ?”
ถามผมแล้วผมจะไปถามใครต่อกันเล่า แล้วก็หัดดีใจกับรุ่นน้องซะบ้างสิ สนิทกันไม่ใช่เรอะ?
พี่น้ำพูดต่อ
“ที่จริงพี่ว่าจะเก็บไปลุ้นที่บ้านน่ะ แต่ไหนๆก็เจอน้องคริสด้วย มาลุ้นพร้อมพี่ดีกว่าเนอะ?”
“ก็ดีครับ…ผมจะไม่หวังสูงแล้วกัน”
พี่น้ำหัวเราะในลำคอ ดึงผลการสอบออกมา
และก็คอตกทันใด
“ตกตั้งสองวิชาแหนะ…”
“สองวิชา?”
“ค่ะ…”
ผมขมวดคิ้ว
“จะซึมทำไมครับเนี่ย? แค่สองวิชาเองนะครับ! ดีใจกว่านี้หน่อยสิ!”
“…พี่กะว่าจะให้น้องคริสภูมิใจน่ะค่ะ…”
“เฮ้อ พี่น้ำครับ แค่นี้ผมก็ภูมิใจแล้ว …กับคนที่ก่อนหน้านี้ตกเกือบครึ่ง เหลือตกอยู่แค่นี้น่ะ ผมไม่ใจร้ายถึงขั้นตำหนิหรอกครับ”
“จริงเหรอ…?”
“ผมจะโกหกทำไมล่ะครับ?”
เรียกว่าผ่านเกณฑ์ที่ตั้งไว้แบบไร้ข้อกังขา แสดงถึงพัฒนาการในด้านดี ผมไม่ได้เข้มงวดจนต้องผ่านหมดหรอก แค่นี้ก็พอใจแล้ว
ส่วนยัยสไปรท์นั่น…เรียกว่าเกินกว่าที่คาดไว้เกินไปต่างหาก
พี่น้ำจ้องมาที่ผม
ผมขมวดคิ้ว
“มีอะไรติดหน้าผมเหรอครับ?”
“เปล่าๆ… พอมาย้อนดูแล้ว ปีนี้น้องคริสเปลี่ยนไปจากปีก่อนเยอะเลยนะ”
“งั้นเหรอครับ?”
“แบบว่า…น่ารักขึ้นหลายเท่าเลยล่ะ!”
“ฮะฮะ…”
โดนชมว่าน่ารักแบบนั้น ก็ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไงเลย
พี่น้ำเก็บผลสอบก่อนบิดขี้เกียจสุดตัว
“เฮ้อ~ ช่วงที่เจอกับน้องคริสครั้งแรก ก็ช่วงนี้เหมือนกันนี่เนอะ?”
“…นั่นสินะครับ… ช่วงสอบปลายภาคของเทอมหนึ่งสินะครับ?”
“ใช่ๆ ผ่านไปแป๊บเดียวเองเนอะ?”
“ไม่รู้สิ…มุมผมรู้สึกว่าช่วงนี้มีแต่เรื่องปวดหัวจนเวลาผ่านไปช้าไงไม่รู้”
“คิกคิก เพราะน้องคริสกดดันตัวเองไปต่างหาก หัดผ่อนคลายกว่านี้หน่อยสิ~”
ว่าแล้วพี่น้ำก็เอานิ้วจิ้มแก้มผมด้วยความเอ็นดู
ผมยอมให้เธอทำไปเรื่อยๆ …ถือว่าเป็นรางวัลที่ผลสอบออกมาดีแล้วกัน
เมื่อเธอพอใจ ก็ลดมือลงพร้อมเอ่ยด้วยเสียงราวกับกำลังรำลึกความหลัง
“ตอนนั้น…ถ้าไม่เจอน้องคริสก็ไม่รู้จะเป็นไงเลยล่ะ”
“คงโดนไล่ออกน่ะครับ”
“จ้าๆ ไม่ต้องย้ำหรอก~”
คงเพราะพากันนึกถึงเรื่องสมัยก่อน สุดท้ายผมกับพี่น้ำก็พากันหัวเราะอย่างสนุกสนาน…
เคสที่ 21 รับผลสอบ /จบ
→บทต่อไป เคสอดีต เศษเสี้ยวเรื่องราวที่ 1 (พี่น้ำ)