สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 38 เคสที่ 18 ติวสอบ (2)
เช้าวันเสาร์
ผมนั่งรออยู่ที่บ้าน
ถ้าจะถามหาความแฟนตาซีจากบ้านผม ขอบอกเลยว่าต้องผิดหวัง เพราะสถานที่ซุกหัวนอนของผมเป็นแค่บ้านเช่าสองชั้นที่มีผมอาศัยอยู่คนเดียวเท่านั้น
หืม? ทำไมอยู่คนเดียวต้องใช้เป็นบ้านเช่าด้วยงั้นเหรอ? หาเป็นห้องเช่าอยู่ดีกว่ามั้ยงั้นเหรอ? สำหรับคำถามนั้นก็ขอตอบสั้นๆเลยว่า เงินมันเหลืออะเนอะ
หืม? ถ้าเงินเหลือจริง ทำไมไม่ซื้อไปเลยงั้นเหรอ? แหมๆ ผมใช้เพื่อพักอาศัยในช่วงเรียนเท่านั้นแหละ ครั้นจะให้ซื้อเลยก็ไม่ฉลาดเท่าไหร่ เดี๋ยวหลังเรียนจบก็ต้องย้ายออกอยู่ดี
พักเรื่องที่อยู่ผมไปดีกว่า นี่คือเช้าตรู่วันเสาร์ หนึ่งคืนผ่านไปหลังจากที่ผมติวหนังสือให้สไปรท์ที่ห้องสมุด
แน่นอนว่านัดสมาชิกสภาให้มารวมหัวติวกันที่บ้านผมแล้ว ซึ่งก็น่าแปลกใจที่พี่ต้นกับพี่น้ำดันไม่มาซะงั้น พวกเขาให้เหตุผลว่า…
‘เดี๋ยวพี่ติวให้น้ำที่อื่นดีกว่า ไม่อยากรบกวนพวกน้องประธานน่ะ ยังไงมอหกก็มีแค่พวกพี่สองคนอยู่แล้วด้วย’
ตามนั้น …ผมขอข้ามเรื่องที่พี่น้ำเถียงกับพี่ต้นไปดีกว่า แต่หลักๆก็ประมาณนั้นแหละ
ถึงไม่รู้ว่าสองคนนั้นจะไปติวกันที่ไหน ผมก็ไม่ใส่ใจ นอกเวลางานพวกเขาก็คือรุ่นพี่นี่นะ สะดวกแบบไหนก็เชิญเลย
และสมาชิกคนอื่นๆก็ตอบรับข้อเสนอของผมกันหมด ไม่รู้ว่ามีใจอยากติวหนังสือหรือแค่เบื่ออยู่บ้านกันแน่
เท่ากับว่า วันนี้จะมีสมาชิกที่ประกอบด้วย พลอย ดิว และก็สไปรท์
“บ๊อก! บ๊อก!”
ผมหันไปตามเสียงเรียกอันน่าเอ็นดูนั่น
“อีกเดี๋ยวก็มากันแล้ว พวกแกอย่าซนล่ะ”
“““บ๊อก!”””
ผสานเสียงกันซะด้วย …ดิวน่าจะเอาเจี๊ยบมานี่นะ หรือที่จริงควรเก็บเจ้าพวกนี้เข้าไปในห้องก่อน เพื่อกันความวุ่นวายดี…
ระหว่างกำลังคิดแล้วคิดอีก เสียงออดก็ดังพอดี
ผมเดินไปเปิดประตู
คิดว่าคนที่มาถึงคนแรกจะเป็นพลอย แต่กลับกลายเป็นคนอื่นแทนซะงั้น
“ดีค่า! โห! บ้านใหญ่สุดๆเลย!”
สไปรท์ที่สวมชุดนอนสีน้ำเงินอ่อนมองบ้านผมด้วยตาเป็นประกาย
เดี๋ยวนะ ชุดนอน?
“นี่เธอใส่เสื้ออะไรมา หา?”
“อื๋อ? นึกว่าใส่อะไรก็ได้ซะอีก”
“ไม่ได้มีกฎตายตัวหรอก แต่เล่นใส่ชุดนอนมาเลยนี่ก็…”
“หรือพี่คริสโตเฟอร์อยากให้หนูเสียเวลาแต่งตัวจนมาสายหรือไงฮึ?”
…คือแม่นี่ลุกจากเตียงแล้วก็รีบมาบ้านผมเลยสินะ ล้างหน้าล้างตารึยังเนี่ย
“เออใช่ๆ มีผ้าขนหนูปะ? หนูว่าจะขออาบน้ำล้างหน้าสักหน่อย”
ตูว่าแล้ว…
ผมถอนหายใจ
“ชั้นสองห้องขวาสุด…”
ไม่รู้ว่าผมคำนวณล่วงหน้าเกินไปหรือไม่ แต่ในห้องน้ำก็เตรียมทั้งผ้าขนหนูและเสื้อสำหรับเปลี่ยนไว้ให้แล้ว
“ของในนั้นหยิบใส่ได้เลย ฉันเตรียมไว้ให้ ผ้าขนหนูก็ใช้ตามสบาย”
“ช่างเตรียมพร้อมดีจริมๆ พี่คริสโตเฟอร์พาเพื่อนมาบ้านบ่อยเหยอ?”
“เตรียมไว้เพราะรู้ว่าเธอจะมาต่างหาก”
“แหะๆ พิเศษเฉพาะหนูเลยสินะเนี่ย เขินจุง”
สไปรท์เกาศีรษะแกรกๆ พร้อมเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าเบิกบาน และก็เดินขึ้นไปชั้นสอง
ผมมองส่งก่อนจะปิดประตู แต่แล้วประตูกลับถูกดันเอาไว้
สมาชิกคนที่สองมาถึงพอดีนั่นเอง
“จิ๊บ!”
“…สวัสดี”
ดิวกับเจี๊ยบบนไหล่ก็ทักทายขณะดิวเอามือดันประตู
“โอ้ โทษที …ว่าแต่เธอไม่ใส่ชุดนอนเรอะ?”
“…พูดถึงอะไร?”
เธอเอียงคอฉงน
เสื้อยืดกางเกงขาสั้นดูสบายตัว กระนั้นก็ยังคลุมฮู้ดสีม่วงที่เห็นจนชินตามาด้วย …ก็เนี่ยแหละ ไม่ต้องแต่งซะเลิศเล่อ แค่ให้มันดูเป็นผู้เป็นคนหน่อยผมก็โอเคแล้ว
ผมพยักหน้าอยู่คนเดียวจนดิวสงสัย
“ช่างเถอะ เข้ามาก่อนสิ…ขาดแค่พลอยสินะ ผิดคาดเลยแฮะ”
นึกว่ายัยนั่นจะถึงคนแรกซะอีก
“…สไปรท์มาแล้วเหรอ?”
“อืม อาบน้ำอยู่ชั้นบนน่ะ”
“…เหรอ”
เหมือนดิวจะแค่ถามไปงั้นๆ
…ผมพาดิวมารอที่ห้องรับแขก เนื่องจากบ้านนี้ผมอาศัยคนเดียว จึงไม่มีความจำเป็นต้องพาพวกเธอขึ้นไปห้องของผมแต่อย่างใด อยู่กันที่ห้องรับแขกแหละดี
ถึงจะว่าแบบนั้น แต่ห้องรับแขกก็หรูหราพร้อมด้วยโซฟาหลายที่นั่งนุ่มสบาย เผลอๆจะดีกว่าไปห้องผมที่แทบไม่มีอะไรนอกจากเตียงด้วยซ้ำ
“…มีขนมมั้ย?”
“เออๆ เดี๋ยวหยิบให้”
ช่างเป็นแขกที่ไร้มารยาทจนน่าหงุดหงิด แต่ทำไงได้ ปอบนี่นา
ขณะกวาดถุงขนมจากห้องครัวลงตะกร้าเพื่อเอาไปให้คุณเพื่อนดิวรับประทาน ผมก็เหลือบเห็นถุงอาหารนกที่เคยซื้อมากะจะให้เจี๊ยบอยู่ด้วย
พอดีเลย เอาไปให้เจ้าตัวที่ไม่รู้ใช่ลูกเจี๊ยบรึเปล่าสักหน่อยแล้วกัน
ผมกลับมาถึงห้องรับแขกอีกครั้ง ส่งตะกร้าขนมให้ดิวและวางอาหารนกไว้บนโต๊ะ
สายตาอึนๆจ้องก่อนเธอเงยหน้าพูด
“…ฉันไม่กินอาหารนก”
“ไม่ได้เอาให้เธอกินสักหน่อย ให้เจี๊ยบต่างหาก”
“จิ๊บ!”
เจี๊ยบก็โบกปีกด้วยความดีใจ…มั้งนะ
ผมนั่งลงข้างๆดิว คว้าอาหารนกมาแกะ
“ฉันเคยอ่านเจอ…ถ้าเอาให้ลูกเจี๊ยบกินต้องละลายน้ำก่อน ต้องทำรึเปล่า?”
ดิวส่ายศีรษะ
“…ไม่ต้องหรอก เจี๊ยบกินได้ทุกอย่างนั่นล่ะ”
เก่งเกินลูกเจี๊ยบไปไกลเลยนะแก
ขณะกำลังให้เจี๊ยบกินอาหารในอุ้งมือ สไปรท์ก็ลงมาจากชั้นสองพร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย
“สบู่ของพี่คริสโตเฟอร์หอมๆสุดเลยอะ!”
“ขอบใจ”
“ยาสีฟันก็อร่อย!”
“ใครใช้ให้แด*เข้าไปไม่ทราบ เดี๋ยวก็ท้องเสียหรอก”
ดิวก็พูดแทรกขึ้นมา
“…ไม่เสีย บางยี่ห้อฉันก็กิน”
“รู้สึกเหมือนได้ความรู้แปลกๆที่ไม่อยากรู้แฮะ…”
สไปรท์ทิ้งตัวลงโซฟาจนกลิ่นสบู่ที่ผมใช้จนชินลอยฟุ้ง
“พี่พลอยเมื่อไหร่มานิ?”
“นั่นสิ ปกติยัยนั่นไม่น่าช้าขนาดนี้…”
งานสภาก็ทำได้ไม่บกพร่อง ยิ่งเรื่องตรงต่อเวลาก็ไม่มีจุดไหนให้บ่น ทำหน้าที่สมรองประธานอย่างดี แต่นี่เล่นเลยเวลานัดเกือบครึ่งค่อนชั่วโมงแล้วยังไม่เห็นตัวก็แปลกอยู่นะ
หรือเพราะติวหนังสือมันไม่นับเป็นงานสภาหว่า
ผมเปิดหนังสือ
“เริ่มติวกันก่อนเถอะ ดูจากที่ติวให้สไปรท์เมื่อวาน คงต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง จะให้รอคนคนเดียวแล้วไม่เริ่มสักทีก็ยังไงอยู่”
“…ฉันล่ะ?”
“เดี๋ยวฉันไฮไลท์ส่วนที่น่าจะออกสอบให้ เธอก็อ่านตรงนั้นไปก่อน ไว้พลอยมาก็ค่อยทบทวนอีกที”
“…อืม”
ผมจัดการเอาหนังสือวิชาวิทยาศาตร์และสมุดจดของดิวมาไฮไลท์ แล้วค่อยให้พลอยมาเน้นทีหลัง
เนื่องจากตอนนี้ผมควรต้องให้ความสำคัญกับสไปรท์มากกว่า
ถึงดิวจะเรียนโง่กว่าสไปรท์ก็เถอะ…
“เอาล่ะ วันนี้ทบทวนอังกฤษเพิ่มสักหน่อย แล้วค่อยไปวิชาอื่น”
สไปรท์โบกมือรัวๆ
“ไม่ต้องก็ได้ ก่อนนอนหนูอ่านไปอีกรอบแล้ว”
“หา? อย่ามาหลอกซะให้ยาก อย่างเธอน่ะนะจะอ่านหนังสือ?”
สไปรท์ย่นคิ้วด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“พูดงี้หนูโกรธนา หนูอุตส่าห์ยอมทนอ่านเพราะกลัวว่าพี่คริสโตเฟอร์จะเสียแรงฟรีเลยนะเนี่ย”
“…ระ เหรอ…โทษที”
เอาซะรู้สึกผิด ใครจะไปคิดล่ะว่าอย่างยัยนี่จะมีหัวคิดทำอะไรทำนองนั้นด้วย สงสัยจะตั้งมาตรฐานไว้ต่ำไป คงต้องยกระดับให้อีกสักนิดนึง…
ขณะผมกำลังจัดการระดับมาตรฐานของสไปรท์ในสมอง เธอก็เอ่ยเสียงใส
“คิดๆดูแล้ว ติวอีกสักรอบก็ดีเหมือนกัน กลัวลืมอะ”
“ซื่อสัตย์ดีมาก ฉันขอชมจากใจ”
“ข่อมค่า~”
และแล้ว ก็เริ่มติวเรียงตามรายวิชาที่อ่อนสุดไปเก่งสุดของสไปรท์ ระหว่างนั้นก็ช่วยสอนให้ดิวนิดหน่อยด้วย
ที่จริงสองคนนี้ก็ไม่ได้หัวขี้เลื่อยขนาดนั้นหรอก แค่ขี้เกียจกันมากกว่า เพราะงั้นถ้ามีคนมาจับมือให้เรียนก็น่าจะทำข้อสอบได้…
อืม พลอยจะมาเมื่อไหร่กันนะ…หายไปไหนของเขากันล่ะนั่น?
จนแล้วจนรอด…ก็บ่ายสองเข้าไปแล้ว
ผมลุกบิดขี้เกียจ
“หิวกันยัง?”
พร้อมถามไปแบบนั้น
“…นิดหน่อย”
“หิวสุดๆ! จะเอาอะไรมาให้กินก็รีบๆเลย! ช้ากว่านี้ที่เข้าสมองไปได้ไหลออกหมดแน่!”
ไม่เข้าใจเลยว่าอยากสื่ออะไร แต่ยัยเด็กนี่ตี๊ต่างว่าผมต้องทำอะไรมาให้กินชัวร์ๆเลยสินะ?
จู่ๆ ดิวที่คิดว่าผมน่าจะลำบากใจก็เอ่ย
“…ของฉันทำมาเท่ากับที่สไปรท์กินก็ได้…”
“ไม่ต้องหรอก อยากกินเท่าไหร่ก็เอาเลย ต้องรับรองแขกให้ดีนี่นะ”
“…อือ?”
ใครบอกว่าผมจะทำอาหารกันล่ะ แค่หาข้าวให้กินมันไม่ต้องลงแรงขนาดนั้นหรอก แถมมีสำรองอยู่เต็มตู้เย็นเลยด้วย ต่อให้ดิวกินหมดก็ค่อยซื้อใหม่…
ผมเดินไปยังห้องครัว จังหวะนั้นเองที่สมาชิกอีกคนในบ้านวิ่งผ่านขาผมไป
“เฮ้ย!? เซอบี้!”
“““บ๊อก! บ๊อก!”””
เจ้าพวกนั้นวิ่งตรงไปยังห้องรับแขก จนผมต้องเดินตามกลับมา
เจ้าพวกนั้นกำลังเลียหน้าสไปรท์อยู่
“อะ โอ้ว! เป็นหมาที่แปลกดีจัง! แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ!”
“““บ๊อก! แบ๊ก!”””
“วะฮะฮ่า! เอาขนมมั้ย? ว่าแต่ต้องป้อนปากไหนกันเนี่ย? พี่คริสโตเฟอร์~!”
ผมถอนหายใจและอุ้มเซอบี้ขึ้นจากตักสไปรท์
“อย่าเสียมารยาทกับแขกสิ หิวหรือไงแก?”
“บ๊อก!”
“สรุปคือหิวสินะ เออๆ”
ผมหันหลัง ขณะกำลังจะเดินไปห้องครัวพร้อมหิ้วเซอบี้ไปด้วย
สไปรท์ก็ตะโกน
“จะเอาน้องไปไหนน่ะ! หนูอยากเล่นกับน้องอะ!”
“เอาเวลาไปทบทวนที่ฉันสอนเถอะ เล่นกับเจ้าพวกนี้ไปก็ไม่ได้อะไร”
“โนๆ มาบ้านเพื่อนก็ต้องเล่นกับสัตว์เลี้ยงของเพื่อนสิ ไม่งั้นจะเป็นเที่ยวบ้านเพื่อนได้ไง”
“เฮ้ยๆ เจ้าพวกนี้ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงสักหน่อย”
แล้วก็ไม่ใช่เที่ยวด้วย ติวหนังสือต่างหาก
“อื๋อ? ก็หมาไม่ใช่เหรอ? แล้วถ้าไม่ใช่สัตว์เลี้ยงแล้วจะเป็นอะไรอะ???”
ทันทีที่สไปรท์พูด
ผมก็ยกหน้าสิ่งมีชีวิตในมือไปประจันหน้ากับสไปรท์
“อะ ลองดูอีกที ว่าเจ้าพวกนี้ใช่หมารึเปล่า?”
“หมาสิ ถึงจะมีสามหัวก็เถอะ”
“หมาบ้านเธอมีสามหัวเรอะ!?”
“““บ๊อกๆ!”””
ขอแนะนำอย่างเป็นทางการ เจ้าพวกนี้ชื่อเซอบี้ ส่วนเหตุผลที่ใช้สรรพนามว่าเจ้าพวกนี้ ก็เพราะพวกมันมีสามหัวที่แต่ละหัวมีนิสัยเฉพาะ
สิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายสุนัข ขนสีดำ พร้อมด้วยปลอกคอหนามไม่คมเหมือนใส่ไว้เป็นแฟชั่น ศีรษะทั้งสามประกอบด้วยแก้วตาคนละสี
แน่นอนว่าไม่ใช่สัตว์เลี้ยง แค่สิ่งมีชีวิตจากนรกที่ผมเอาติดมาด้วยก็เท่านั้น หน้าที่หลักๆก็…เฝ้าบ้าน
“สมัยนี้แล้ว จะมีหมาแบบนี้ก็ไม่แปลกร้อก! เนอะ~”
สไปรท์พูดหยอกล้อ เอียงศีรษะให้เซอบี้
ดูเหมือนจะไม่ต้องอธิบายให้ยัยสไปรท์เข้าใจ ท่าทีก็เหมือนจะปักใจเชื่อว่าเป็นหมาไปแล้ว
แต่อีกคนไม่เป็นอย่างนั้น
“…ตัวอะไรเหรอ? คริสโตเฟอร์”
ผมหันไปหาคำถามพร้อมปล่อยให้เซอบี้เล่นกับสไปรท์ไปก่อน
“ ‘เซอร์เบอรัส’น่ะ… สิ่งมีชีวิตเฝ้าประตูนรก เจ้าพวกนี้เป็นลูกของตัวใหญ่ที่นรกอีกที ฉันสนิทกับพวกมันเลยเอามาที่นี่ด้วย”
ตอนนี้เซอบี้ตัวเล็กเท่าหมาชิวาว่า จึงไม่มีสิทธิ์ได้ทำหน้าที่ตามแม่ของมัน ดังนั้นถึงผมจะเอาติดมาด้วยก็ไม่มีปัญหา
“…ชื่อ?”
“เซอบี้”
“…น่ารักดี”
“ขอบใจ”
“…เอามาจากนรกสินะ? ทำไม…?”
“เจ้าพวกนี้อยากตามมาด้วยน่ะ ลงท้ายก็เลยให้รับหน้าที่เฝ้าบ้าน”
“…ถ้าเฝ้าบ้าน ก็เหมือนหมาทั่วๆไป?”
“อย่าเอาเลเวลการเฝ้าบ้านของสัตว์น่าขนพวกนั้นมาเทียบกับเซอร์เบอรัสนา ระดับมันห่างกันคนละเรื่อง”
“…เหรอ”
ยัยนี่แค่ถามไปงั้นจริงๆด้วย…
สไปรท์อุ้มเซอบี้ขึ้นลงราวกับกำลังเล่นกับเด็กเล็กๆ
“พี่คริสโตเฟอร์! พี่คริสโตเฟอร์!”
“แปลกใจที่ยังมีแรงเล่นขนาดนั้นนะ …เอาเถอะ มีอะไร?”
“น้องชื่อเซอบี้สิเนอะ! แถมมีตั้งสามหัว ถ้าหนูตัดทิ้งสักหัว มันจะตายอะเปล่า?”
“…เธอน่าจะตายก่อนได้ตัดคอมันนะฉันว่า”
“ท้าหนูเหยอ?”
“เตือนต่างหาก”
เป็นเสือสมิงก็อย่าทำอะไรเกินขอบเขตตัวเองเถอะนะขอล่ะ ผมขี้เกียจเก็บศพ
“แต่หนูไม่ทำหรอก! น้องน่ารักซะขนาดนี้!!!”
ดีแล้ว …เห็นตัวเล็กๆ แต่ก็เป็นสิ่งมีชีวิตจากนรก ถ้าเข้าหาด้วยจิตอาฆาตจนมันรู้สึกระแวงขึ้นมาล่ะก็ ได้เลือดสาดแน่
ดูเหมือนจะไม่ปล่อยเซอบี้ง่ายๆสินะ ยัยนี่…ยิ้มซะหน้าบานขนาดนั้น
ผมปัดมือเชิงปลงใจ
“เล่นกันไปก่อนแล้วกัน ฉันอยู่ที่ห้องครัว มีอะไรก็เรียกได้ …เออใช่ ดิว”
“…หือ?”
“ดูเจี๊ยบให้ดีๆล่ะ”
ดิวฟังแล้วก็ชี้นิ้ว
“…ถ้ากลัวเจี๊ยบจะโดนกัด …ไม่ต้องห่วง …สนิทกันแล้วด้วย”
“เร็วไปมั้ยเนี่ย!?”
ผมมองเจี๊ยบที่กำลังโดดเหยงๆบนหัวเซอบี้ด้วยสีหน้าตกใจ
“จิ๊บๆ!”
เห็นแกสนุกก็สบายใจไปเปลาะนึงล่ะนะ…แกนี่เข้ากับคนอื่นเก่งกว่าเจ้าของอีกนะนั่น
เคสที่ 18 ติวสอบ /มีต่อ