สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 35 เคสที่ 17 การทำงานร่วมกันของสภานักเรียน (4)
- Home
- All Mangas
- สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ
- ตอนที่ 35 เคสที่ 17 การทำงานร่วมกันของสภานักเรียน (4)
ระหว่างทางไปตึกเรียนเก่า เวลานี้ก็ทุ่มกว่าๆจะสองทุ่มแล้ว เพราะงั้นในจังหวะที่เดินจากตึกชมรมผ่านตึกเรียนหลัก ผมก็ทำการไล่เด็กนักเรียนที่ยังไม่กลับบ้านกลับช่องให้รีบๆออกไปจากเขตโรงเรียน
ถึงจะมีตอบกลับมาแนวไม่สบอารมณ์ประมาณ… ‘แล้วทำไมพวกนายถึงยังอยู่ได้ล่ะ?’ …ซึ่งคำตอบก็แน่นอนอยู่แล้ว พวกตูเป็นสภานักเรียนไงเล่า
ถามจริงเถอะ ใครที่ไหนจะมาอยู่โรงเรียนดึกๆดื่นๆกันบ้างล่ะฮึ? คิดว่าไอ้ที่ผมทำอยู่ที่นี่ตอนนี้มันเป็นสิทธิพิเศษมากพอจะให้อิจฉาหรือไงกัน?
ก็แค่โดนครูใหญ่ใช้งานมาก็เท่านั้น
ไล่วิญญาณในตึกเรียนเก่า เพื่อการบูรณะใหม่ในภายภาคหน้าจะได้ไม่เกิดปัญหา
สมาชิกทั้งหกรวมผม จ้องไปยังตึกเรียนเก่าที่ส่งกลิ่นไม่ค่อยดี
“อยากกลับบ้าน…”
ผีนางรำเห็นบรรยากาศมาคุที่แทรกซึมไปทั้งตัวตึกก็เอ่ยเช่นนั้น
“วะฮะฮ่า! พี่พลอยไม่ต้องกลัวหรอก! เพราะมีหนูอยู่ด้วยไงล้า!”
“เอ่อ…น้องสไปรท์จับคู่กับพี่น้ำไม่ใช่เหรอคะ?”
“นั่นสิโน๊ะ ลืมไปเลย!”
“แหมๆ ถึงน้องคริสจะเป็นคนจัดแจงเองก็เถอะ ที่จริงแล้วให้น้องพลอยมาอยู่กลุ่มเดียวกับพี่ก็ได้นี่? ปล่อยน้องคริสทำงานคนเดียวไปก็ได้”
พี่น้ำก็พูดขึ้นพลางหัวเราะคิกคักใส่ผม
ผมชี้นิ้ว
“จะบ้าหรือไงครับ? ผมคนเดียวจะไปจัดการทั้งสองชั้นไหวได้ไง? อย่างน้อยก็ต้องมีคนมาช่วยสักคน หยุดพิรี้พิไรเถอะครับ ผมจัดมาดีแล้ว”
“ค่าๆ แต่นี่ก็ถือเป็นงานทำฟรีไม่ได้ค่าจ้างนี่นะ จบงานนี้เมื่อไหร่ น้องคริสหาอะไรมาตอบแทนพี่ด้วยล่ะ?”
“…พี่คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ขออะไรแบบนั้นด้วยเหรอครับ…”
งานสภาที่นานๆผมจะขอให้ช่วยสักที ถ้าแค่นี้ยังต้องการของตอบแทนก็รีบๆยื่นใบลาออกมาเดี๋ยวนี้เลย ผมจะเซ็นอนุมัติให้อย่างไวเลยล่ะ
ผมเดินไปหาพี่ต้นกับดิวที่กำลังจัดอุปกรณ์ตรวจจับผีที่ยืมมาจากครูใหญ่
“ไม่ต้องใช้ก็ได้ครับพี่ ของแบบนั้น”
พี่ต้นหยุดมือ
“หืม? ก็นะ… ไหนๆครูแกก็ให้ยืมมาแล้ว ว่าจะเอาติดๆไปด้วยเผื่อมีประโยชน์”
ดิวก็ผงกหัวให้คำพูดของพี่ต้น
“…ดูน่าสนุก …เจี๊ยบก็อยากลองใช้”
“จิ๊บๆ!”
“อ่า…โอเคๆ งั้นทั้งสองคนจัดการเอาเองเลยนะ”
““อืม/อือ””
สำหรับสองคนนี้คงไม่มีอะไรต้องห่วง ก็แค่ไล่วิญญาณเอง ถ้าสบายใจที่จะเอาของแบบนั้นไปใช้ก็ตามสบาย ผมขอแค่งานออกมาเรียบร้อยก็พอ
“งั้นก็! ตามที่ฉันจับคู่ไว้ให้ กลุ่มพี่ต้นจัดการชั้นหนึ่งกับสอง กลุ่มพี่น้ำชั้นห้ากับหก ส่วนกลุ่มของฉันจะจัดการชั้นที่เหลือเอง…”
สไปรท์ยกมือ
“ค่าๆ! มีคำถามค่า!”
“โอ้? แปลกใจนะเนี่ย? คิดว่าอย่างเธอจะไม่สนอะไรซะอีก…จะถามอะไรเหรอ?”
“ทำไมหนูต้องไปชั้นบนสุดด้วยอะ! ขี้เกียจขึ้นบันได!”
…ควรตอบดีมั้ยเนี่ย คำถามบ่งบอกสติปัญญาและความรับผิดชอบชัดๆ และยัยนี่ก็ไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำของผมทุกอย่างเลย
“ก็…จริงๆคู่เธอกับคู่พี่ต้นจะสลับชั้นกันก็ได้ ที่สำคัญคือคู่ฉันต่างหาก ที่ต้องอยู่คั่นกลางเพราะเผื่อมีปัญหาอะไรจะได้ไปๆมาๆสะดวก เพราะงั้นถ้าไม่อยากขึ้นชั้นบน ก็ลองขอพี่ต้นกับดิวเอาแล้วกัน”
สุดท้ายผมก็อธิบายไปอยู่ดี
สไปรท์พยักหน้าแรงๆ และเดินไปหาพี่ต้น
“พี่ต้นพี่โต้น~”
“อืม ได้ยินแล้วล่ะ …น้องดิวโอเครึเปล่า?”
“…อือ”
ดิวตอบเสียงเรียบๆ
พี่ต้นก็หันไปทางสไปรท์
“เดี๋ยวพี่กับน้องดิวไปชั้นบนให้ น้องสไปรท์กับยัยน้ำจัดการชั้นล่างไปก็ได้”
“รับทราบ! ช่างใจบุญจริงๆ! ไม่เหมือนพี่คริสโตเฟอร์! อุ๊บ!”
…หล่อนไม่ต้องแกล้งอุดปากเลยนะ พูดดังขนาดนั้น จะหมาที่ไหนก็ต้องได้ยินมั้ยหา?
นึกว่าจะเรียบร้อยแล้ว แต่พลอยกลับดึงแขนเสื้อผมเบาๆ
“อะ เอ่อ ประธานคะ…”
“ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ? คู่พวกเราเปลี่ยนชั้นไม่ได้หรอก”
“ได้ยินค่ะ …แต่ว่าถ้าตามหนังสยองขวัญที่ดิฉันเคยดู ชั้นกลางๆจะเฮี้ยนสุดๆเลยนะคะ…”
“มีฉันอยู่จะกลัวอะไรอีกเล่า?”
ผมก็พูดไปแบบไม่คิดอะไร
แต่พี่น้ำที่ได้ยินก็โพล่งแทรกขึ้นมาเสียงดัง
“น้องคริส! คำพูดที่เหมือนพระเอกอนิเมะแบบนั้นไม่เหมาะกับน้องคริสสักหน่อย! ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“…หนวกหูจริง…”
ผมพึมพำเสียงค่อย พยายามไม่ให้ความสนใจกับรุ่นพี่ผีไร้หัวที่หาเรื่องจะขัดทุกคำ
ผมพูดกับพลอย
“อยากให้เข้าใจหน่อย นี่ก็แค่ตึกเรียนที่ทิ้งร้างไว้ ล่าสุดที่ฉันมาก็เจอวิญญาณทั่วๆไปเท่านั้นเอง ไอ้ความรู้จากหนังที่เธอเคยดูมันเชื่อถือไม่ได้หรอก อย่าเอามาคิดให้หนักสมองได้มั้ย?”
แล้วก็นะ จะชั้นไหน ถ้ามันจะมีเฮี้ยนๆสักตัวจริงๆ มันก็ไม่แน่หรอกว่าจะอยู่ชั้นกลางๆ เรียกว่าน่าจะตามอุปนิสัยของวิญญาณตัวนั้นมากกว่า
พลอยทำหน้าเหมือนฝืนให้เข้าใจ ก่อนจะถอนหายใจไหล่ตก
“ก็ได้ค่ะ…แต่ถ้ามีอะไรขึ้นมา ประธานต้องช่วยฉันให้ไวเลยนะคะ”
“รู้แล้วน่า แล้วนี่คือเธอยอมรับว่ากลัวผีแล้วใช่มั้ย?”
“จะยังไงก็ได้ทั้งนั้นแหละค่ะ…”
ห่อเหี่ยวซะจริ๊ง เห็นงี้ก็รู้สึกสงสารเหมือนกันแฮะ
ทีแรกว่าจะหาอะไรแกล้งเอาคืนสักหน่อย แต่มาทรงนี้เปลี่ยนเป็นคิดหาวิธีให้ยัยผีนางรำนี่กลับบ้านแบบไม่มีแผลใจติดตัวน่าจะดีกว่า…
“เอาล่ะ! ในเมื่อพร้อมแล้ว…อ้าว? พี่ต้นกับดิวไปไหนแล้วล่ะ?”
“เอ๊อะ? เมื่อกี้พวกพี่เขาเข้าไปแล้วอะ เห็นบอกว่าจะรีบทำงานให้เสร็จ”
“สุดยอดจริงๆเลยนะสองคนนั้น …เธอก็ดูไว้เป็นแบบอย่างซะล่ะ”
“โธ่ๆ พี่คริสโตเฟอร์ล่ะก็ จะล้อเล่นก็ให้มันน้อยๆหน่อยซิ๊! ถ้าอย่างหนูทำงานได้แบบพี่ต้น ป่านนี้พี่คริสโตเฟอร์คงชมหนูจนลอยแล้วล่ะ”
ก็รู้ตัวนี่หว่า ว่าประสิทธิภาพการทำงานตัวเองมันต่ำเตี่ยเรี่ยดินขนาดไหน…จะบอกว่าฉลาดหรือโง่ดีล่ะเนี่ย
พวกพี่ต้นก็เริ่มงานไปแล้ว จะเอ้อระเหยอยู่แบบนี้ก็ใช่ที ถึงจะเป็นงานสภาที่ต้องทำอย่างเสียไม่ได้ ก็ไม่ควรใช้เวลานานเกินไป …ดึกแล้วด้วยสิ
ผมปัดมือไล่พี่น้ำกับสไปรท์
“เอ้าๆ พวกพี่ๆก็เข้าไปได้แล้ว จะคุยจะขู่อะไรก็ได้ ขอแค่ให้วิญญาณออกไปจากตึกให้หมดก็พอ”
“จ้าๆ รู้แล้วๆ”
พี่น้ำตอบด้วยท่าทางสบายๆ
ผมพูดเสริมไปอีกหน่อย
“ถ้าเจออะไรแปลกๆ หรือเกินรับมือ ตะโกนเรียกผมได้เลยนะครับ”
“ไม่ขอให้น้องคริสช่วยหรอกค่ะ ไปกันเถอะน้องสไปรท์ ..อะ เอ่อ หมิงหมิงก็ด้วย”
“เยปๆ!”
ว่าแล้ว สไปรท์ก็เดินแกว่งแขนเข้าไปในตึกเรียนเก่าพร้อมกับพี่น้ำและหายไป ผมส่งสัญญาณทางสายตาให้หมิงหมิงที่ตามไปด้วย สื่อประมาณ ‘ถ้าเห็นอู้เมื่อไหร่ก็จัดการได้เลย’
หมิงหมิงคลี่ยิ้มและลอยหายเข้าไปด้านในเช่นกัน
ผมหรี่ตามองพลอยที่คอตกมาตั้งแต่เมื่อกี้
“หยุดซึมได้แล้วน่า”
“…ก็มัน …ไม่ค่อยถูกกับของพวกนี้นี่คะ…”
“เฮ้อ ให้ตายสิ …ถึงจะเหมือนกินแรงคนอื่น แต่เดี๋ยวฉันจะพยายามจัดการเองก็แล้วกัน เธอแค่เดินตามเฉยๆก็ได้”
คนอื่นคงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง? เห็นยัยพลอยหน้าซีดเป็นไก่ต้มขนาดนี้ จะบังคับให้ไปคุยกับวิญญาณก็ใจร้ายไปหน่อย
“งั้นฉันปิดตาแล้วเดินตามหลังประธานได้มั้ยคะ?”
“นี่พลอย ถึงฉันจะไม่ได้ดูหนังผีเยอะเท่าคนอื่น แต่ไอ้การปิดตาเข้าตึกร้างน่ะ มันฆ่าตัวตายชัดๆเลยไม่ใช่เรอะ?”
แม้ผมจะว่าเช่นนั้น พลอยก็หยิบผ้ามาจากไหนก็ไม่ทราบ นำมาผูกปิดตาตัวเองซะมิด
“พร้อมแล้วค่ะ!”
“…เออๆ”
และแล้ว ผมกับพลอยที่เป็นคู่สุดท้ายก็เดินเข้าไปในตึกเรียนร้าง
ชั้นสาม
ผมตัดสินใจว่าจะจัดการให้เสร็จๆไปทีละชั้น ดังนั้นจึงทำการเดินวนรอบไปตามระเบียงทางเดิน บรรจบระหว่างบันไดฝั่งตะวันตกไปทางตะวันออก
เมื่อเดินครบรอบหนึ่ง คราวนี้ก็เดินย้อนศร โดยครั้งนี้จะเข้าไปในห้องเรียนทีละห้อง เพื่อคุยกับวิญญาณสิงสถิตให้ไปที่อื่น
ส่วนยัยพลอยก็เดินตามมาอย่างเงียบเชียบ จนเหมือนผมเดินอยู่คนเดียว จะรู้ว่ามีเธออยู่ด้วยก็คือจากความรู้สึกที่แผ่นหลังซึ่งโดนเธอดึงเสื้อเอาไว้ ก็ปิดตานี่เนอะ ถ้าไม่เกาะผมไว้ก็เดินไม่ถูกหรอก
“อือ…”
“จะกลัวอะไรมากมายเนี่ย… …รู้สึกวิญญาณชั้นนี้จะน้อยน่าดู อ๊ะ เจออีกคนแล้ว เฮ้! หวัดดีคร้าบ!”
พลอยวิ่งตามพร้อมกำเสื้อผมไว้แน่น
เมื่อเข้ามาด้านในห้อง ผมก็ไปคุยกับวิญญาณที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้
“สภานักเรียนครับ”
“…อือ”
วิญญาณตอบอย่างเย็นชา
“อีกเดี๋ยวตึกนี้จะบูรณะใหม่น่ะครับ ขอรบกวนให้ไปที่อื่นหน่อยได้มั้ย? หรือจริงๆจะอยู่ต่อก็ได้แหละ แต่นายก็คงไม่อยากโดนทุบทิ้งไปพร้อมตึกใช่มั้ยล่ะ?”
“…อือ”
“เข้าใจมั้ยครับเนี่ย?”
“…เข้าใจ ที่จริงก็ไม่อยากอยู่ที่นี่หรอก แค่ไม่มีคนเชิญออก…เลยไปไหนไม่ได้”
“งั้นก็พอดีเลยครับ ผมขอเชิญออกจากตึกเดี๋ยวนี้เลย”
“…ขอบคุณมาก”
วิญญาณลุกขึ้น และกำลังจะลอยออกไปทางหน้าต่าง แต่แล้วความสงสัยในคำพูดแปลกๆของวิญญาณก็ทำผมขมวดคิ้ว
“เดี๋ยวครับ!”
จึงรั้งตัวไว้ก่อน
“…อือ?”
วิญญาณหยุดนิ่งและหันคอร้อยแปดสิบองศามาทางผม …ถ้ายัยพลอยเห็นล่ะก็ช็อคตายแน่
“ทำไมถึงบอกว่าไม่อยากอยู่ที่นี่น่ะครับ? ที่มาสิงในตึกนี้ก็น่าจะเพราะอาลัยอาวรณ์ที่นี่ไม่ใช่เหรอ? ว่างั้นมั้ย? พลอย”
“…คิดว่าค่ะ”
พูดน้อยจริงนะ
…คืออย่างนี้ ถ้าวิญญาณมาสถิตในตึกเรียนนี้เพราะเหตุผลอะไรสักอย่าง ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะมีห่วงกับสถานที่ เพราะงั้นก็ไม่ควรจะมีความรู้สึกแบบ ‘ไม่อยากอยู่ที่นี่’ สิ
วิญญาณเริ่มพูดด้วยเสียงกังวล
“…ตอนแรกก็ดีอยู่หรอก …แต่หลังจาก ‘เจ้านั่น’ มา …ทุกอย่างก็เลวร้าย”
“เจ้านั่น? หมายถึงใครเหรอครับ?”
“วิญญาณที่โหดร้าย…และบ้าคลั่ง”
พลอยที่ได้ยินดังนั้นก็กำเสื้อผมแน่นกว่าเดิม…ก็น่าจะกลัวไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมถึงได้ยินเหมือนพลอยหัวเราะเบาๆด้วยนะ?
ผมถามต่อ
“ก็คือเฮี้ยนสุดๆเลยใช่มั้ยครับ? เข้าใจเลยๆ ผมเคยเจอวิญญาณกร่างๆที่คอยแกล้งตนอื่นๆอยู่ไม่น้อย คงลำบากแย่เลยนะครับ”
“…อือ ขอบคุณมากนะสภานักเรียน วิญญาณตัวอื่นๆก็คงขอบคุณเหมือนกัน”
“ไม่เป็นไรครับ ยังไงผมก็จะไล่ไปให้หมดทุกตนอยู่แล้ว รวมถึงเจ้านั่นด้วย”
สิ้นคำ วิญญาณก็นิ่งไปครู่หนึ่ง
หลังจากคิดอะไรบางอย่าง เขาก็เอ่ย
“…นาย…ไม่ต้องไล่เจ้านั่นได้มั้ย?”
“หมายความว่าไงครับ?”
“เจ้านั่นมันโหดร้ายเกินไป…จะทุบตึกใช่มั้ย? ปล่อยให้เจ้านั่นโดนฝังไปพร้อมๆกันเถอะ”
“เอ่อ คงไม่ได้หรอกครับ”
ผมต้องปฎิบัติกับวิญญาณทุกตัวอย่างเท่าเทียม ไม่รู้หรอกนะว่าเจ้านั่นที่ว่าทำเรื่องแบบไหนมาบ้าง แต่จะให้โดนทุบไปพร้อมตึกก็โหดร้ายไปนิด
แถมถ้าทำให้วิญญาณโกรธ เผลอๆจะทำให้สิ่งที่สร้างขึ้นมาทับตึกนี้มีปัญหาหนักกว่าเดิมด้วย
เพราะงั้น ยังไงก็ต้องไล่ๆไปให้หมดนั่นแหละ
วิญญาณพยักหน้า
“…อือ …คงขอมากไป …ยังไงก็ขอบคุณมาก”
“ครับๆ โชคดีล่ะ ขอให้เกิดใหม่เป็นลูกคนรวยนะ”
“…ชาติหน้ามีอยู่จริงด้วยเหรอ?”
ผมสะอึกให้คำพูดไม่คิดของตัวเอง และรีบพูดแก้ไปทันที
“เอ่อ…ไม่รู้เหมือนกันครับ แค่คิดว่าอวยพรวิญญาณน่าจะต้องพูดแบบนั้น…”
เกือบหลุดข้อมูลเชิงลึกไปแล้วสิ
ให้เขาไปเจอเอาเอง เดี๋ยวก็รู้เองแหละ
“…งั้นเหรอ …โชคดีล่ะ นายก็กล้าน่าดูเลยนะ ตึกนี้วิญญาณค่อนข้างเยอะเลยแท้ๆ”
“ผมเป็นลูกซาตานนี่นา …แล้วถึงจะไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ แต่ผมก็มีผู้ช่วยอยู่ด้วย!”
ผมป้ายนิ้วไปทางพลอยที่อยู่ด้านหลัง
“…?”
วิญญาณทำหน้าฉงนก่อนจะส่ายศีรษะและลอยออกไปทางหน้าต่าง
ผมหันคอไปทางพลอยที่อยู่ด้านหลัง
“ชั้นนี้เหลือเก็บตกอีกนิดก็เรียบร้อย เร่งกันหน่อยดีกว่า คนอื่นก็น่าจะใกล้เสร็จแล้วด้วย”
“…อือ”
“เธอเนี่ยน้า ซึมกระทือแบบนี้ไม่สมเป็นเธอเลย เข้าใจอยู่หรอกว่ากลัว แต่ช่วยทำตัวน่าโมโหเหมือนปกติหน่อยได้มั้ย?”
พลอยรับคำถามด้วยความเงียบ
เอาเถอะ คงไม่อยากพูดอะไรมากล่ะมั้ง? เอาไรมากกับคนกลัวผีจนต้องเอาผ้าปิดตา
“เฮ้อๆ รีบไปตรวจห้องที่เหลือเถอะ จะได้ไปชั้นสี่ต่อ”
“ค่ะ…”
และก็อย่างที่คาด ห้องอื่นๆก็ไม่มีวิญญาณอยู่เลยสักตน ดังนั้นเมื่อตรวจห้องสุดท้ายของชั้นสาม ผมก็มุ่งหน้าไปชั้นสี่ต่อ
…ว่าแต่ ทำไมพลอยถึงได้กลัวผีขนาดนี้กันล่ะเนี่ย? ที่สำคัญคือไอ้ความฮึกเหิมก่อนเข้ามามันหายไปไหนหมดล่ะนั่น?
ไม่ค่อยชินกับยัยผีนางรำที่เป็นแบบนี้เท่าไหร่เลยแฮะ…
+ +
ผมกับน้องดิวเดินลงบันไดจนมาถึงชั้นหนึ่ง ทำการไล่วิญญาณที่สิงอยู่ชั้นห้าและหกเรียบร้อย ตอนนี้คงต้องไปรอคู่ๆอื่นที่หน้าตึก
กลุ่มน้องประธานยังไม่ออกมา ไม่งั้นก็คู่ของผมเข้าไปเร็วเกินไปหน่อย
น้องดิวหยิบขนมที่ซุกไว้ในฮู้ดขึ้นมากิน
“…วิญญาณดูตกใจกับไอ้นั่นของพี่ต้นมากเลยนะ”
“กระด้งฝัดข้าวนี่น่ะเหรอ? ก็นะ ไม่ใช่ว่าจะเคยเห็นกระหังทุกคนสักหน่อย คงแปลกตาล่ะมั้ง? เด็กนักเรียนใส่ของแบบนี้”
ด้วยลักษณะของกระหัง ผมจึงจำเป็นต้องสวมใส่กระด้งฝัดข้าวไว้ตลอดเวลา และวิญญาณในตึกเรียนเก่าเมื่อครู่ก็พากันสงสัยน่าดู
…มาว่าที่ผลลัพธ์ คิดว่าคงจัดการเรียบร้อย หลักๆก็แค่คุยกับวิญญาณเฉยๆเท่านั้น แน่นอนว่าอุปกรณ์ที่ยืมจากครูใหญ่ ซึ่งผมกับน้องดิวเอาติดไปด้วยก็ไม่ได้ใช้
“จิ๊บ! จิ๊บ!”
จู่ๆ เจี๊ยบก็ร้องขึ้นมาแบบนั้น พร้อมชี้ปีกมาที่กระด้งฝัดข้าวของผม
“เจี๊ยบพูดว่าอะไรเหรอ?”
“…บอกว่าอยากใส่บ้าง”
“ฮะฮะ อยากนายไม่ต้องใส่ก็บินได้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วเจ้านี่ก็ไม่ได้เท่สักหน่อย”
“จิ๊บ! จิ๊บ!”
“…พี่ต้น …ลูกเจี๊ยบบินไม่ได้”
น้องดิวแปลภาษาเจี๊ยบให้ผมอีกครั้ง
ผมลูบต้นคอด้วยใบหน้าเขินๆ
“อ้าวเหรอ…ขะ ขอโทษนะเจี๊ยบ”
“…แล้วก็ …เจี๊ยบบอกว่าเท่ดี”
ถึงจะสงสัยว่าแปลออกได้ไงก็เถอะ แต่สายตาลูกเจี๊ยบมองว่าของแบบนี้เท่หรอกเหรอ? ดีใจนิดหน่อยแฮะ
ผมนึกสนุกเลยถามออกไป
“แล้วน้องดิวล่ะ? คิดว่าไง?”
“…ความเห็นหนูไม่สำคัญหรอก”
“ไม่ได้ถามเรื่องนั้นสักหน่อย”
“ก็…เฉยๆ?”
“คำตอบสมเป็นน้องดิวดีนะ”
“จุ๊บ! จิ๊บ!”
จู่ๆ เจี๊ยบก็บินมาเกาะไหล่ผมแทน …ไว้ว่างๆไปหากระด้งฝัดข้าวอันเล็กๆมาให้มันใส่ดีมั้ยนะ?
พอออกมาจากตึกเรียนเก่า ก็เห็นยัยน้ำกับน้องสไปรท์เดินออกมาพอดี
ผมตำหนิ
“น้ำ เสร็จเร็วไปรึเปล่า? ทำงานขอไปที เดี๋ยวน้องประธานก็โกรธหรอก”
น้ำที่ได้ยินก็หันมาโหวกแหวกใส่ทันที
“ไม่ได้ขอไปทีสักหน่อย! ถามหมิงหมิงเลยก็ได้!”
“ใช่ๆ ทำงานเรียบร้อยดี วิญญาณในชั้นที่พวกฉันจัดการหายเกลี้ยงเลยล่ะพี่ต้น!”
“โอ้ว! สุดยอดเลยพี่หมิงหมิง! นานๆทีจะมีคนเห็นดีเห็นงามกับพวกหนูบ้าง ก็รู้สึกสุดยอดสุดๆไปเลยนะเนี่ย!!!”
ดูเหมือนน้องสไปรท์จะสนิทกับหมิงหมิงขึ้นมาหน่อยแล้วสิ มองว่าเป็นเรื่องดีได้มั้ยนะ?
ก่อนที่จะได้สงสัย ปลายสายตาผมก็เห็นเด็กสาวพร้อมด้วยชฎาบนศีรษะนั่งอยู่ตรงม้านั่งฝั่งขวาของตึกเรียนเก่าที่ผมพึ่งออกมา
“น้องพลอย?”
เด็กสาวได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมา
“พี่ต้น? เสร็จงานแล้วเหรอคะ? พวกพี่น้ำก็ด้วย”
“อืม แต่ของยัยน้ำ พี่ไม่รู้นะว่าเสร็จจริงรึเปล่า”
“เดี๋ยวเถอะต้น! ฉันจะโกรธจริงๆแล้วนะ!”
“อะฮะฮะ ค่ะ ค่ะ”
น้องพลอยยิ้มแห้งๆ …จะให้น้องเขาลำบากใจที่ผมตีกับยัยน้ำตลอดก็ไม่ดีด้วยสิ เพลาๆลงหน่อยแล้วกันเรา
ผมที่คิดเช่นนั้น ก็ถามน้องพลอย
“แล้ว…น้องประธานล่ะ? อย่าบอกนะว่ากลับไปแล้ว?”
“ฉันยังไม่เห็นเลยนะคะ?”
“หืม? ไม่ใช่ว่าเข้าไปพร้อมกันหรอกเหรอ?”
“อะ เอ่อ ที่จริงก็น่าอายนิดหน่อยน่ะค่ะ …คือว่า”
น้องพลอยคิดไม่ตก
สุดท้ายก็เล่าออกมาให้ผมกับคนอื่นๆฟัง
…ก่อนที่น้องพลอยจะเข้าไปในตึกเรียน จู่ๆก็รู้สึกกลัวจนทนไม่ไหวเลยวิ่งออกมา ทิ้งน้องประธานให้เข้าไปในตึกเรียนคนเดียว
น้องพลอยก็นึกสงสัยว่าทำไมน้องประธานถึงไม่ทักท้วงอะไรเลย แต่ก็คิดว่า น้องประธานน่าจะไม่อยากให้คนกลัวผีอย่างเธอต้องเข้าไป จึงปล่อยเลยตามเลยไปแบบนั้น
ด้วยเหตุดังกล่าว น้องพลอยจึงมานั่งรอที่ม้านั่งตรงนี้ ‘ตั้งแต่ต้น’
“ก็อย่างที่ว่าแหละค่ะ…ขอโทษทุกคนด้วยนะคะ”
น้ำเท้าสะเอวรับคำพูด
“ก็รู้อยู่หรอกว่าน้องพลอยกลัวผี แต่น้องคริสจะให้สิทธิพิเศษเพราะความพิศวาสเป็นรายบุคคลแบบนี้นี่ใช้ไม่ได้เลย!”
“ยะ อย่าไปโทษประธานเลยค่ะ หนูผิดเอง ไว้จะทำงานอื่นชดเชยทีหลัง…”
“ไม่ต้องๆ น้องคริสต่างหากต้องรับผิดชอบ…เดี๋ยวนะ …ถ้ายังงี้พี่ก็มีเรื่องไปต่อรองน้องคริสเพิ่มแล้วสิ! ทำได้ดีมาก น้องพลอย!”
ผมแทรกผีไร้หัวที่วางอำนาจซะเต็มที่ออกไป
“เธอไม่มีสิทธิ์ไปต่อรองอะไรทั้งนั้น อย่างเธอน่ะ เข้าสภาทุกวันให้ได้ก่อนเถอะ”
“ต้นไม่ต้องยุ่งหรอก”
“…นี่เธอ”
ผมละคำพูดไว้แค่นั้น เถียงมากไปกว่านี้ก็ไม่ได้อะไร
ผมมองไปยังตึกเรียนเก่า ดูเหมือนน้องประธานจะขึ้นไปชั้นสี่แล้ว มองเห็นไฟตามระเบียงทางเดินที่เปิดเอาไว้ ส่วนพวกผมก็เปิดแค่ตอนที่ตรวจสอบ หลังเสร็จกิจก็ปิดไปเรียบร้อย
“พี่คริสโตเฟอร์ไม่กลัวผีจริงๆด้วยเนอะ! กล้าเข้าไปคนเดียวด้วย! ถึงหนูจะไม่ค่อยกลัวก็เถอะ แต่เมื่อกี้ถ้าไม่มีพี่น้ำกับหมิงหมิงก็หวั่นๆอยู่นิดหน่อย”
“นั่นสินะ เพราะเป็นลูกซาตานล่ะมั้ง? พี่ไม่เคยเห็นน้องคริสกลัวอะไรซะด้วยสิ”
“ช่ายๆ! ฉันเคยเห็นคริสคริสเถียงกับยมบาลด้วย!”
“…อันนั้นฉันก็อยู่”
ทั้งสี่คนพูดพร้อมหัวเราะคิกคัก ส่วนผมก็มองไปยังน้องประธานที่เดินอยู่ชั้นสี่พร้อมขมวดคิ้ว
…ตาฟาดรึเปล่านะ
ทันทีที่คิดแบบนั้น น้องพลอยก็พูดขึ้น
“อะ เอ่อ ทุกคนคะ…”
“““““หืม?”””””
น้องพลอยชี้นิ้วไปยังน้องประธาน ปลายนิ้วเรียวยาวขาวสวยที่สั่นไหว
และถามคำถามเดียวกับที่ผมสงสัย
“ใครเดินตามหลังประธานอยู่เหรอคะ…?”
เคสที่ 17 การทำงานร่วมกันของสภานักเรียน /มีต่อ