สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 34 เคสที่ 17 การทำงานร่วมกันของสภานักเรียน (3)
- Home
- All Mangas
- สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ
- ตอนที่ 34 เคสที่ 17 การทำงานร่วมกันของสภานักเรียน (3)
+ +
“เป็นไงบ้างคะ ประธาน”
พลอยเอ่ยถาม เมื่อผมคุยกับครูสมศักดิ์ผ่านโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อย
“เดี๋ยวครูเขาขับมาส่งน่ะ รู้สึกแย่จังแฮะ”
“นั่นก็เพราะประธานลืมน้องสไปรท์เองไม่ใช่เหรอคะ?”
“ที่ลืมไม่ใช่ฉันคนเดียวสักหน่อย พี่ต้นก็ด้วย”
อย่างน้อยๆก็ไม่ใช่ความผิดผมคนเดียว และถ้าให้โทษใครสักคนล่ะก็ ยัยสไปรท์นั่นแหละที่อาบน้ำบ้าอะไรไม่รู้นานสุดๆ
เอาเถอะ คงต้องรอสไปรท์อยู่ที่นี่ไปก่อน ถ้าขับรถมาก็คงใช้เวลาไม่นานมาก กว่าจะถึง ทั้งพี่ต้นกับดิวที่ไปเซเว่นก็คงกลับมาพอดี แล้วค่อยเริ่มไปตึกเรียนเก่าเอาตอนนั้น
ตอนนี้ในห้องสภา ก็มีผม พลอย และก็พี่น้ำ
พี่น้ำโบกนิ้ว
“ต้นมันก็เซ่อๆแบบนี้ล่ะน้า น้องคริสนั่นแหละ ชอบคิดไปเองว่าต้นเอาการเอางานที่สุด”
“นี่พี่น้ำ พี่ต้นเขาพลาดแค่ทีเดียว อย่ามาลดระดับพี่ต้นให้อยู่ระดับเดียวกับพี่ได้มั้ยครับ?”
“หึหึหึ ของพี่ก็แค่เข้าสภาน้อยไปหน่อย แต่เรื่องเมื่อกี้น่ะ ลืมคนทั้งคนเลยนะคะ? น้องคริสคิดดูดีๆ ก็ต้องรู้สิว่าอันไหนผิดมากกว่า”
อย่างคุณพี่ใช้คำว่า ‘น้อยไปหน่อย’ ไม่ได้หรอก …ใช้คำว่า ‘ไม่เข้าเลย’ น่าจะถูกกว่า
ผมปัดมือ
“รู้สึกพี่น้ำจะเคยบ่นเรื่องที่พี่ต้นไปช่วยงานชมรมหญิงล้วนใช่มั้ยครับ? แต่หลังจากวันนี้ผมมีมาตรการที่จะให้พี่ต้นไม่ต้องไปยุ่งกับชมรมพวกนั้นแล้ว จะได้รู้กันไปเลยว่าพี่ต้นทำงานดีแค่ไหน ถ้าพี่เขามาสภาทุกวัน”
“โอะ โอ๊ะ โอ๋? ที่พูดขึ้นมาคือน้องคริสอยากให้พี่มาเข้าสภาทุกวัน เพื่อวัดประสิทธิภาพการทำงานระหว่างตัวพี่กับต้นใช่มั้ยคะ?”
“ถือว่าเป็นโอกาสดีเลยนะครับ? ถัดจากสไปรท์ก็มีพี่นี่แหละ ที่เสี่ยงจะโดนไล่ออกจากสภาที่สุด”
เมื่อผมพูดไปแบบนั้น
พี่น้ำก็ส่งเสียงสะอื้น
“กระซิก กระซิก…ตอนไม่มีคนก็บังคับพี่เข้าสภา พอปีกกล้าขาแข็งก็คิดจะไล่สมาชิกรุ่นบุกเบิกอย่างพี่ออกแล้วเหรอ…? กระซิก กระซิก”
“นี่พี่ ถึงผมจะเป็นคนรวบรวมสมาชิกตอนนี้มาจนเป็นรูปเป็นร่างก็เถอะ แต่จำกันได้มั้ยว่าก่อนพวกคุณๆทั้งหลายจะเข้าสภาน่ะ อยู่ในสภาพแบบไหนกัน? หา?”
“อย่าไปสนอดีตสิน้องคริส อยู่กับปัจจุบันดีกว่า”
พี่น้ำปรับน้ำเสียงอย่างรวดเร็ว หนอย…พอจะเข้าตัวก็รีบดิ้นออกเลยนะ ยัยผีไร้หัวนี่
ช่างประไร เรื่องใน‘อดีต’ไว้ค่อยพูดกันทีหลังนั่นแหละ ตอนนี้มาสนใจว่าจะเอายังไงกับของที่ครูสมศักดิ์ให้ยืมดีกว่า
พวกผมทั้งสาม พากันหยิบของในถุงออกมา อุปกรณ์ตรวจจับผีที่ครูสมศักดิ์ซื้อตามเกมที่เคยเล่น
พี่น้ำหยิบมาตรวจสอบก่อนพูดขึ้น
“เป็นของคุ้นหน้าคุ้นตาจังนะเนี่ย? คิดว่าในเกมแค่โมเมขึ้นมาเองซะอีก …จริงๆเขาก็ใช้ของแบบนี้กันเหรอ?”
ไม่ผิดหวัง พี่น้ำรู้จักเกมที่ว่านั่นจริงๆ
ส่วนผมไม่รู้จักสักนิด
พลอยหยิบเทียนที่เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ขึ้นมา
“ฉันไม่เข้าใจเลยค่ะ เทียนนี่เอาไว้ทำอะไรเหรอคะ?”
“ไว้ให้ความสว่าง แล้วถ้าตั้งทิ้งไว้แล้วเทียนเกิดดับขึ้นมา ก็จะรู้ได้ว่ามีผีมาเป่าเทียนน่ะ!”
พี่น้ำใช้ความรู้จากไหนไม่รู้มาตอบพลอยเช่นนั้น
พลอยกุมคาง
“เอ…ถ้าให้ความสว่างเฉยๆ ก็ใช้ไฟฉายก็ได้นี่คะ? อีกอย่างพวกเราก็มองเห็นผีกันอยู่แล้วด้วย…”
“ไฟฉายก็ต้องใช้ค่ะ! แต่ว่านะ! ต่อให้ไม่นับเรื่องนั้น การใช้เทียนจะได้อารมณ์มากกว่า! น้องพลอยเคยดูหนังสยองขวัญแล้วตัวเอกพกไฟฉายมั้ยล่ะ!?”
“ก็…หลายเรื่องเลยนะคะ?”
“ไม่ไหวๆ น้องพลอยนี่น้า~”
เดี๋ยวๆ พอเห็นว่าจะเถียงแพ้เลยบ่ายเบี่ยงงั้นเรอะ?
ถึงผมจะคิดแบบนั้น แต่พลอยก็บื้อเกินกว่าจะรู้ทันเหลี่ยมรุ่นพี่คนนี้ จึงได้แต่ทำหน้างงๆแต่ก็พยักหน้าเข้าใจ
“น้องคริสล่ะคะ? เคยเห็นตัวเอกที่ไหนใช้ไฟฉายรึเปล่า!?”
“หยุดเอาหนังกับความจริงมารวมกันสักทีเถอะครับ ผมขี้เกียจตบมุก”
“น้องคริสเป็นตัวตบมุกตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย? ไม่ใช่ประธานนักเรียนหรอกเหรอ?”
“เฮ้ย…”
“ไม่ไหวๆ ลืมตำแหน่งตัวเองแบบนี้ได้ไงกัน~”
คนลืมไม่น่าใช่ผมแต่เป็นคุณพี่มากกว่า ถามจริงเหอะ จำตำแหน่งตัวเองได้รึเปล่ายังไม่รู้เลย เล่นไม่เข้าสภาเป็นว่าเล่นแบบนี้
พี่น้ำค้นข้าวของอยู่สักพัก
“เอ๊ะ ครูใหญ่เขาไม่ได้ให้กล้องถ่ายรูปมาด้วยเหรอ?”
“กล้อง? ไม่เห็นต้องใช้เลยนี่ครับ?”
“อ้าว? แล้วจะถ่ายรูปผียังไง?”
“ถ่ายเพื่อ?”
“รางวัลตอนจบด่านจะได้เยอะขึ้นไงคะ?”
“ก็บอกว่าอย่าเอาเกมมารวมกับความจริงไงว้อย!!!”
“ว้ายๆ! พูดผิดๆ! เมื่อกี้น้องคริสพูดว่าอย่าเอาหนังมารวมกับความจริงต่างหาก!”
“หุบปาก! …พลอย! ปล่อย!!!”
พลอยที่เห็นว่าผมโมโหจัดก็เข้ามาล็อคตัวผมเอาไว้
“ใจเย็นก่อนค่ะประธาน! พี่น้ำเป็นรุ่นพี่นะคะ!?”
“อายุไม่เกี่ยวใส่เดี่ยวได้หมดว้อย! เฮ้ย!? จะหนีไปไหน!? กลับมานี่!!!”
ผมตะโกนไล่หลังพี่น้ำที่วิ่งเยาะๆด้วยท่าทางกวนส้นเท้าจนหายเข้าไปในห้องเก็บของ ประจวบเหมาะกับที่พี่ต้นกับดิวกลับมาพอดี
สองคนนั้นมองมายังพลอยที่กำลังล็อคตัวผมด้วยแววตาฉงน
“น้องประธานกับน้องพลอยเล่นอะไรกันอยู่น่ะ? แล้วนั่นยัยน้ำวิ่งไปไหนเนี่ย?”
พี่ต้นถามพร้อมวางถุงขนมที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อลงที่พื้นข้างโซฟา
ดิวก็ก้าวเท้าเงียบๆก่อนจะนั่งที่โซฟา และโซ้ยขนมด้วยความเงียบไม่ต่างกัน
ผมที่เริ่มปรับอารมณ์ได้แล้ว ก็เข้าไปลากพี่น้ำออกมาจากห้องเก็บของ
“อุ๊ย? น้องคริสคะ ถึงพวกเราจะสนิทกันก็เถอะ แต่มาดึงแขนรุ่นพี่แบบนี้ไม่น่ารักเลยนะคะ?”
“เฮ้อ…”
ผมถอนหายใจให้พี่น้ำที่กำลังหยอกล้อผมด้วยคำพูดเย้ายวนแปลกๆ
พี่น้ำตำหนิ
“ถอนหายใจหนึ่งครั้ง ความสุขจะหายไปหนึ่งอย่างนะ? น้องคริสอย่าถอนหายใจบ่อยๆสิ”
“ไปจำมาจากการ์ตูนอะไรอีกล่ะครับนั่น? อีกอย่าง ความสุขคนเรามันติดลบไม่ได้หรอก”
“จะเล่นบทเป็นหนุ่มแซดบอยที่ไม่มีความสุขในชีวิตรึไงกัน? น้องคริสอาจจะคิดว่าเท่นะ แต่ในมุมพี่คิดว่าเสร่อสุดๆเลยแหละ”
“ไม่ได้คิดว่าเท่ แล้วก็ไม่ได้กำลังทำอย่างที่ว่าด้วย …พี่ลองมาเป็นผมสักครั้งจะเข้าใจเองแหละครับ”
ตั้งแต่เรียกสมาชิกสภามารวมกัน ผมก็รู้สึกปวดขมับจนไม่รู้จะบ่นยังไงแล้ว ความสุขเหรอ? ตอนนี้ขอแค่จบงานนี้ให้ไวๆก็สุขสุดๆแล้วล่ะ
อืม…เริ่มรู้สึกว่าก่อนหน้านี้ที่สมาชิกสภามากันไม่ค่อยครบ เป็นเรื่องดียังไงไม่รู้สิ…
พี่ต้นมองของบนโต๊ะ
“แล้วใครหยิบออกมาเนี่ย? เดี๋ยวต้องเอาไปด้วยนะ”
“ค่าๆ ฉันรื้อออกมาเองแหละ ทำไมเหรอ? ต้น”
พี่น้ำกับพี่ต้นทำท่าจะใส่กันอีกยกแล้ว…
“หยิบออกมาก็เก็บกลับเข้าไปด้วย รอให้ใครมาเก็บหรือไง?”
“ต้นก็เก็บเองสิ”
“พูดอะไร? คนรื้อมันก็เธอไม่ใช่เรอะ?”
พลอยที่วันนี้น่าจะรับหน้าที่เป็นกรรมการสนามมวยก็เอ่ยด้วยเสียงร้อนรน
“อะ เอ่อ…เดี๋ยวหนูเก็บให้ก็ได้ค่ะพี่ต้น เพราะหนูก็อยากรู้เหมือนกันว่าของที่ครูใหญ่ให้ยืมมีอะไรบ้างน่ะค่ะ…”
“น้องพลอยไม่ต้องไปให้ท้ายยัยนี่หรอก ขี้เกียจจนติดเป็นนิสัย …เอ้า มาเก็บได้แล้ว”
พี่น้ำก็ส่ายศีรษะ…หมายถึงท่าทางดูเป็นอย่างนั้นนั่นแหละ
“ต้นไม่ใช่หัวหน้าฉันสักหน่อย คนที่สั่งฉันได้มีแต่น้องคริสเท่านั้นแหละ”
“…รบกวนอย่าเอาผมเข้าไปเกี่ยวได้มั้ยครับ…”
ตูไล่กลับให้หมดทุกคนเลยดีมั้ยเนี่ย? ถึงจะลำบากหน่อย แต่งานไล่วิญญาณผมทำคนเดียวก็ได้
พี่ต้นมองค้อนใส่พี่น้ำ ส่วนพี่น้ำก็จ้องตากลับโดยไม่หันหนี…ไอ้จุดที่คาดว่าจะเป็นตานั่นแหละ
“จิ๊บ! จิ๊บ! จิ๊บ!!!”
เจี๊ยบบนไหล่ดิวก็ตะโกน ไม่รู้พยายามจะห้ามหรือจะร่วมวงด้วย
แต่แล้ว…ดิวที่เงียบมาตั้งแต่เมื่อครู่ก็วางมือจากการกินขนม และลงมือเก็บอุปกรณ์ตรวจจับผีที่วางเกลื่อนกลาดด้วยตัวเอง
พี่ต้นกับพี่น้ำขมวดคิ้ว
““น้องดิว?””
“…เสียงดัง …ไม่ชอบ …เดี๋ยวหนูเก็บเอง”
““…””
ต่อให้จะเป็นรุ่นพี่สองคนนี้ พอเจอดิวที่ปกติเงียบๆพูดแบบนั้นเข้าไป ก็หยุดทะเลาะกันทันที และเริ่มช่วยกันเก็บอุปกรณ์ลงถุงตามเดิมด้วยความเงียบ
นานๆทีก็รู้สึกยัยผีปอบที่อ่านบรรยากาศไม่ค่อยจะออกนี่ ทำตัวให้น่าภูมิใจอยู่เหมือนกันนะ?
สุดท้ายก็เลยมานั่งเงียบๆ รอสมาชิกคนสุดท้ายที่ลืมไว้ที่บ้านครูสมศักดิ์กลับมา ต่างคนต่างมีกิจกรรมทำเป็นของตัวเอง ดิวกินขนม พี่ต้นกอดอกหลับตา พี่น้ำใส่หูฟังดูการ์ตูน ส่วนพลอยก็กำลังเย็บผ้า…
“เธอเย็บผ้าเป็นงานอดิเรกเรอะ?”
ผมถามพลอยไปแบบนั้น
เธอส่ายศีรษะ
“ไม่ใช่ของเลิศเล่อขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่ว่างเท่านั้นเอง”
“เห…”
“ประธานก็เถอะ ไม่มีอะไรทำแก้เบื่อบ้างเลยเหรอคะ?”
“ในหัวฉันตอนนี้กำลังนึกวิธีจัดการบุคลากรในสภานักเรียนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอยู่น่ะ”
“เป็นการฆ่าเวลาที่จริงจังเอาเรื่องเลยนะคะนั่น?”
ว่าแล้วพลอยก็หัวเราะคิกคัก
ที่จริงผมก็มีเรื่องอยากทำอยู่ล่ะนะ แก้มือโป๊กเกอร์กับเจ้าเจี๊ยบไงล่ะ แต่ว่าอีกเดี๋ยวก็จะได้เริ่มงานแล้ว ไว้โอกาสหน้าดีกว่า
พลอยหยุดมือและหันไปมองนาฬิกา
“นี่ก็หกโมงจะทุ่มแล้วนะคะ พวกเราจะเริ่มกันกี่โมงเหรอคะ?”
“นั่นสินะ…สไปรท์น่าจะใกล้ถึงแล้วด้วย มาถึงเมื่อไหร่ก็ไปเลยแล้วกัน”
“ถึงดิฉันจะรู้ว่าต้องไล่วิญญาณในตึกออกก็เถอะ แต่หลักๆต้องทำอะไรบ้างเหรอคะ?”
“ทำอะไรบ้างงั้นเหรอ…นั่นสิ ยังไม่ได้คิดเลยแฮะ แต่คงแบ่งกันเป็นกลุ่มแล้วไปคุยกับวิญญาณตามชั้นต่างๆของตึกเรียนเก่า…”
“อารมณ์แบบ…ล่าท้าผีเหรอคะ?”
“อารมณ์แบบทำงานต่างหาก ล่าท้าผีมันก็แค่การละเล่นเด็กเล็กๆ”
…ขั้นต้นก็น่าจะประมาณนั้น แต่ก็ยังเหลือว่าจะจับคู่ยังไงให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ตึกเรียนเก่ามีหกชั้น แม้จากที่เคยไปครั้งก่อนจะไม่เห็นวิญญาณเฮี้ยนๆ แต่จะให้ไปกันคนละชั้นซึ่งพอดีกับสมาชิกก็รู้สึกว่าเสี่ยงไปหน่อย
เพราะงั้นจับกลุ่มสองคนน่าจะดี
เอาใครคู่กับใครบ้างดีนะ…?
ไม่ทันจะคิดเสร็จ ประตูห้องสภาก็เปิดออกอย่างแรงจนคนในห้องหันไปมองเป็นตาเดียว
“ยะโห้! หนูกลับมาแล้น!!!”
สไปรท์ตะโกนด้วยความสดใส
เธอกระโจนมานั่งที่โต๊ะ แทรกกลางระหว่างพี่ต้นกับดิว ก่อนจะลงมือกินขนมไปด้วย
ผมกอดอกถาม
“ครูใหญ่่ล่ะ? กลับไปแล้วเหรอ?”
“งืมๆ… ช่ายๆ ส่งหนูเสร็จก็รีบกลับเลยอะ เห็นบอกจะไปดูละคร”
“ไว้ค่อยไปขอโทษทีหลังแล้วกัน …แล้วนี่เธอใส่เสื้อบ้าอะไรของเธอ?”
สไปรท์ดึงเสื้อตัวเอง
“นี่เหยอ? เสื้อของน้องเมฆแหละ”
หมายถึงไอ้เด็กประถมที่ตายไปน่าจะเป็นเปรตนั่นน่ะเหรอ? ที่บ้านครูเขาไม่มีเสื้ออื่นให้ใส่แล้วรึไงกัน? แปลกใจก็ด้วยที่เธอใส่เสื้อผ้าของเด็กประถมได้
…ก็นะ สไปรท์ตัวเล็กอยู่แล้วด้วยสิ และพอใส่เสื้อแบบนี้ก็ดูเข้ากับสติปัญญาดีเหมือนกัน…
“พี่คริสโตเฟอร์นินทาไรหนูอยู่เปล่าเนี่ย?”
“อย่ามาหลอกถามซะให้ยาก เสือสมิงอ่านใจไม่ได้สักหน่อย”
“ฮึ่ม!”
สไปรท์ไม่ได้ใส่ชุดนักเรียน ก็มันเปียกจากที่ตกคลองนั่นแหละ ที่ใส่อยู่ตอนนี้คือเสื้อยืดลายไอ้มดแดง พร้อมด้วยกางเกงขาสั้น
ไม่นับเรื่องลายที่ไม่เหมาะกับเด็กมัธยม ก็นับว่าเป็นชุดที่เคลื่อนไหวง่าย เหมาะกับงานที่กำลังจะไปทำสุดๆ
พี่น้ำดึงหูฟังออก
“เสื้อสวยจังเลยนะคะ น้องสไปรท์”
“ตาถึงเหมือนกันนี่พี่น้ำ!”
“อืมๆ แต่พักไว้แค่นั้นก่อนดีกว่า น้องคริสไม่ชอบที่พี่เล่นมุกเกี่ยวกับการ์ตูนเท่าไหร่…เอ๊ะ หรือว่าโทคุจะไม่นับกันนะ?”
ผมไม่สนใจคำพูดเชิงกระแหนะกระแหนของพี่น้ำ พลางคิดอย่างจริงจังว่า…เมื่อกี้รุ่นพี่ผีไร้หัวใส่หูฟังอีท่าไหนกันแน่
ช่างน่าพิศวงจริงๆ จะให้ใส่ให้ดูใหม่ก็รู้สึกเสียมารยาท ช่างๆไปแล้วกัน
ผมลุกขึ้นตบมือ
“เอ้าๆ ไหนๆก็มากันครบแล้ว…”
“เดี๋ยวสิ! หนูยังไม่ได้พักเลยนะ!”
คนจะเข้าเรื่องก็มีมารมาผจญได้ตลอดเลยนะ น่าเหนื่อยใจจริงๆ
“เออๆ เดี๋ยวให้พัก ตอนนี้ก็ฟังไปก่อนว่าถึงตึกเรียนเก่านั่นแล้วจะแบ่งคนกันยังไง”
“ถ้าหนูไม่ได้พักล่ะก็ หนูจะโกรธพี่คริสโตเฟอร์สักครึ่งวันเลยนะ คอยดู”
โทษที ต่อให้หล่อนจะโกรธสักสิบปี ผมก็ไม่เก็บมาใส่ใจหรอก …หือ ครึ่งวัน?
ช่างมัน
ผมตัดสินใจสาธยายแผนการที่คิดไว้ให้สมาชิกสภาทั้งหมดฟัง
“ตึกเรียนเก่ามีสภาพภายในเหมือนกับตึกเรียนหลักของพวกเราเป๊ะ มีทั้งหมดหกชั้น ฉันจะแบ่งออกเป็นกลุ่มละสองคนจัดการกลุ่มละสองชั้น …เชิญ”
ผมผายมือไปทางพลอยที่ยกมือขึ้นมา
“ถ้ามีหกชั้นก็แบ่งไปชั้นละคนเลยก็ได้นี่คะ? พอดีสุดๆเลยนะคะ?”
“กล้าพูดนะ…เธอกลัวผีไม่ใช่เหรอ?”
“มะ ไม่ได้กลัวสักหน่อย! และถึงจะกลัว…ซึ่งไม่กลัวก็เถอะค่ะ! ประธานก็ควรนึกถึงการแบ่งงานให้ได้ประโยชน์สูงสุดนี่คะ!?”
ตำแหน่งรองประธานที่พยายามหาข้อผิดพลาดของผมมันทำให้พูดออกมา ทั้งๆที่กลัวการสำรวจตึกเรียนร้างคนเดียวสินะ น่านับถือ น่านับถือ
“คืองี้ ฉันไม่รู้ว่าวิญญาณในตึกนั้นมีเลเวลเท่าไหร่บ้าง เผื่อมีตัวจิ๊ดๆที่แรงอาฆาตเยอะๆน่ะ ให้จับกลุ่มสองคนจะปลอดภัยมากกว่า”
“…ฟังแล้วรู้สึกอยากกลับบ้านขึ้นมาทันใดเลยนะคะนั่น…”
“แค่เผื่อในกรณีเลวร้ายที่สุดเอง อาจจะไม่มีอะไรแบบนั้นก็ได้”
คิดในกรณีเลวร้ายที่สุด ต่อให้จะผิดพลาดยังไง ก็ยังอยู่จุดที่แก้ไขได้
ผมพูดต่อ
“ส่วนการจับคู่…”
สไปรท์กับพี่น้ำยกมือแทรกขึ้นมาพร้อมกัน
““จับไม้สั้นไม้ยาว!””
“สนุกกันจริงนะ…แต่ไม่ได้หรอก ฉันคิดการจับกลุ่มที่เป็นการปกปิดจุดอ่อนกันและกันไว้แล้ว”
““บู้ว””
เดี๋ยวปั๊ดตีปากแตกเลยนี่
ผมถอนหายใจอีกครั้ง
“พี่ต้นกับดิว พี่น้ำกับสไปรท์ ส่วนผมกับพลอย”
“ไอ้การจับคู่ที่เหมือนหวยล็อคแบบนั้นมันอะไรกันน่ะ!?”
พี่น้ำลุกขึ้นและชี้หน้า
“หวยล็อคก็แย่แล้วพี่ …งั้นผมจะไล่เป็นคู่ๆให้ฟังนะครับ พี่ต้นที่ทำงานดีสุด ที่จริงจะให้จับคู่กับพี่น้ำไม่ก็สไปรท์ที่กเฬวรากที่สุดก็ได้ …แต่ถ้าให้ไปกับพี่น้ำ ผมกลัวว่างานจะไม่เดินแทนและถ้าเป็นสไปรท์ก็น่าจะกรณีเดียวกัน”
ทั้งสองคนทำหน้าเหมือนจะพูด ‘ดูถูกกันสุดๆเลยนี่นา’ อยู่ แต่ผมไม่สนใจร้อก
“ดังนั้น การจับคู่พี่ต้นกับดิวจะเป็นการจับกลุ่มที่ดีที่สุดสำหรับสมาชิกในตอนนี้”
พลอยยกมือเป็นครั้งที่สอง
“ถ้าประธานว่าแบบนั้น ให้พี่น้ำกับน้องสไปรท์คู่กันจะไม่วินาศสันตะโรกว่าเดิมเหรอคะ?”
“น้องพลอยพูดแรงจัง…”
“นั่นจิ หนูเสียใจนะ”
คู่วินาศสันตะโรพากันพึมพำด้วยความน้อยใจ พลอยก็หัวเราะแห้งๆ
ผมตอบคำถามนั้นด้วยเสียงภาคภูมิใจ
“ตามหลักการก็ควรเป็นแบบนั้น…แต่ฉันมีหลักประกันน่ะ หมิงหมิง!”
พริบตานั้นเองที่เกิดเสียงระเบิดควันเด็กเล่น ตามมาด้วยเด็กสาวชุดนักเรียนไทยผิวสีแทน
“มาแล้วๆ! หมิงหมิงเองจย้า!”
“ตามที่เข้าใจ สองตัวบาทคู่นี้คงเอาตัวไม่รอด เพราะงั้นเลยจะแถมไปให้อีกหนึ่ง แน่นอนว่ายัยผีฆ่าตัวตายนี่ก็เหลวแหลกไม่ต่างกัน แต่ฉันยื่นข้อเสนอไปว่า ถ้าทำให้พี่น้ำกับสไปรท์ทำงานจนเสร็จลุล่วง จะยอมบรรจุเข้าสภา …เพราะงั้นเตรียมตัวรับแรงกระแทกได้เลย”
“น้องสไปรท์กับน้ำน้ำสินะ!? อย่าให้เห็นว่าอู้ล่ะ! ไม่งั้นจะไปหลอกทุกคืนให้เข็ดเลย!!!”
เริ่มจะไม่เข้าใจวิธีการเรียกชื่อของหมิงหมิงเข้าไปทุกที
และนี่ก็ถือว่าเป็นการใช้ประโยชน์จากที่ผมโดนพูดกรอกหูเรื่องขอเข้าสภาทุกเมื่อเชื่อวันได้อย่างมีประสิทธิผลสูงสุดแล้วล่ะนะ
พี่น้ำกับสไปรท์ทำหน้างงๆ ผมยกมือห้ามไว้ก่อน
“ไว้ค่อยไปแนะนำตัวกันทีหลังเถอะ ยังมีเวลาคุยอีกเยอะ …กลับมาที่การจับคู่ที่ยังข้องใจกัน ที่ฉันต้องคู่กับพลอยน่ะ อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าพลอยกลัวผีเข้าไส้”
“““““อืมๆ”””””
คนอื่นๆพากันตอบเป็นเสียงเดียว
“กลัวที่ไหนกั…เอ๋! ทำไมเห็นด้วยกันหมดเลยคะเนี่ย!???”
“เกิดกรณีเจอวิญญาณเฮี้ยนขึ้นมาจริงๆ ฉันที่เป็นซาตานก็สามารถไล่ให้ได้อยู่แล้ว ต่อให้จะเป็นมาตรการสุดท้ายที่ไม่ค่อยอยากทำ ก็ยังนับว่าเป็นการจับคู่กับคนกลัวผีเข้าไส้แบบพลอยได้ดีที่สุด”
“““““อืมๆ”””””
“ทุกคนหยุดอืมๆกันได้แล้วค่ะ!!!”
“ในเมื่อจัดแจงเรียบร้อย! ก็เล็ทโกสู่ตึกเรียนเก่าได้เลย! ไปโลด!!!”
พี่ต้นยกมือแทรกขึ้นมาเป็นการถามประเด็นสุดท้าย
“แล้ว…ของที่ครูใหญ่ให้ยืม ต้องเอาไปรึเปล่า?”
“เอาไปแล้วค่อยหาที่ทิ้งทีหลังครับ!”
เคสที่ 17 การทำงานร่วมกันของสภานักเรียน /มีต่อ