สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 32 เคสที่ 17 การทำงานร่วมกันของสภานักเรียน (1)
- Home
- All Mangas
- สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ
- ตอนที่ 32 เคสที่ 17 การทำงานร่วมกันของสภานักเรียน (1)
“นี่คริสโตเฟอร์ ครูอะนะ อ่านจดหมายที่เธอส่งมาแล้วล่ะ”
ครูใหญ่สมศักดิ์ที่ก่อนหน้านี้รักษาตัวอยู่โรงพยาบาล ดูเหมือนจะอาการดีขึ้นเร็วกว่าที่หมอวินิจฉัยนิดหน่อย และตอนนี้ผมกับครูเขาก็อยู่กันที่ห้องครูใหญ่
ราววันสองวันที่แล้ว ผมได้เอาจดหมายทำนอง…ร้องเรียน? น่าจะเป็นแนะนำซะมากกว่า วางทิ้งไว้ที่โต๊ะครูเขา และทันทีที่พี่แกออกจากโรงพยาบาล ก็เรียกผมให้มาพบทันทีเมื่อเจอจดหมายที่ว่า
“ตึกเรียนเก่านั่นสินะ? เข้าใจๆ ยังไงก็ไม่ได้ใช้อยู่แล้วด้วย ถ้าทุบทิ้งไปก็น่าจะเอาพื้นที่ไปสร้างสนามกีฬาเพิ่มได้”
“ที่จริงไม่ต้องถึงกับทุบทิ้งก็ได้ครับ แค่หาประโยชน์ให้มันสักนิดก็ยังดี ที่แน่ๆ อย่าปล่อยให้มันร้างก็พอครับ”
“เข้าใจๆ …แต่แหม ที่เธอพูดแบบนี้ แสดงว่าเจ้าตึกเก่านั้นคงสร้างปัญหาอะไรสักอย่างให้เธอสินะ? คริสโตเฟอร์”
“จะว่างั้นก็ได้ครับ”
แล้วครูสมศักดิ์ก็ลุกขึ้น ผสานมือไว้ด้านหลังและเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ครูก็มีคิดๆไว้อยู่ก่อนแล้วล่ะ แต่มันติดปัญหานิดหน่อย…”
“ปัญหา… เหรอครับ?”
“ค่อนข้างยุ่งยากพอดูเลยล่ะ ครูก็เป็นคนธรรมดาซะด้วย… จริงสิ! ไหนๆก็ไหนๆ พวกเธอสภานักเรียนช่วยครูหน่อยได้มั้ย?”
ครูสมศักดิ์เอ่ยด้วยความสดใส
…มาทรงนี้ รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีไงไม่รู้
กระนั้น สภานักเรียนก็มีหน้าที่ช่วยเหลือซะด้วยสิ ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นใคร ผมก็ปฎิเสธไม่ได้ รับๆเรื่องมาก่อนแล้วกัน
ผมถอนหายใจ
“งั้น…จะให้ช่วยอะไรครับ?”
+ +
“เพราะงั้นแหละ วันนี้สมาชิกสภานักเรียนทุกคนต้องไปทำงานกับฉันด้วย ใครที่มีธุระต่อจากนี้ ก็รีบๆจัดการให้เรียบร้อยซะ”
หลังเลิกเรียน ผมมาถึงห้องสภา โดยที่แจ้งเหตุฉุกเฉินไว้ในไลน์กลุ่ม ผลลัพธ์ก็คือ สมาชิกสภานักเรียนทั้งหมด ได้มารวมกันอยู่ที่ห้องสภาอย่างที่นานทีปีหนจะเกิดขึ้นสักครั้ง…
แหม…ก็พูดไปเนอะ ผมพึ่งเป็นประธานนักเรียนกับสมาชิกกลุ่มนี้ได้ไม่ถึงปีเอ๊ง
พี่ต้นยกมือ ผมผายมือไปทางพี่เขา
“ว่ามาเลยครับพี่ต้น!”
“คือพี่ยังไงก็ได้น่ะ ยังไงวันนี้ก็บอกชมรมพวกนั้นไปแล้วว่าติดธุระ”
สรุปก็คือไม่มีธุระต่อจากนี้สินะ
ส่วนดิวก็ผงกศีรษะยอมรับๆง่าย ตอนนี้ก็ได้มาสองคนแล้ว
ผมหรี่ตามองสไปรท์ ที่กำลังเล่นเกมโทรศัพท์
“เฮ้ย สไปรท์”
“ว่าไงเหยอ?”
“ได้ฟังที่พูดเมื่อกี้มั้ยเนี่ย?”
ถึงผมจะถามไปแบบนั้น สไปรท์ก็ยังก้มหน้าก้มตา จนผมต้องไปกระชากโทรศัพท์ออกจากมือ
“อ๊ะ! พี่คริสโตเฟอร์ทำไรเนี่ย!? เอาคืนมานะ!”
“วันนี้โทรไปบอกที่บ้านด้วยว่ากลับช้า ไม่งั้นโทรแล้วเอาให้ฉันคุยก็ได้ เดี๋ยวจะอธิบายพวกเขาให้”
“หือ? เกิดไรขึ้นอะ? พี่คริสโตเฟอร์จะคุยกับพ่อแม่หนูทำไม???”
เจริญจริงๆ เหมือนคุยกับเด็กอนุบาล เหนื่อยใจชะมัด
ผมถือวิสาสะเปิดดูรายชื่อในโทรศัพท์สไปรท์ หาเบอร์ของพ่อไม่ก็แม่ และกดโทรออก
ใช้เวลาสักพัก หลังการคุยด้วยความนอบน้อมและอธิบายถึงเหตุผลอย่างจริงจัง คุณพ่อคุณแม่สไปรท์ก็เหมือนจะเข้าใจดี อีกทั้งผมยังอาสาว่าจะไปส่งเธอถึงบ้านหลังจบเรื่องด้วย
เมื่อผมยื่นโทรศัพท์คืนสไปรท์
“ตกลงพี่คริสโตเฟอร์ทำไรอะเมื่อกี้? วันนี้หนูไม่ได้จะกลับบ้านช้าสักหน่อย”
“…นี่พี่ต้น ดิว จับตาดูยัยนี่ดีๆล่ะ ถ้าเธอทำท่าจะกลับเมื่อไหร่ ก็เอาขังไว้ในห้องเก็บของเลยก็ได้”
พี่ต้นฟังแล้วก็ยิ้มแห้งๆ ดิวก็ผงกศีรษะอย่างว่าง่าย …ส่วนสไปรท์…ยังทำหน้างงๆเหมือนเดิม หรือที่จริงควรเอาไปขังตั้งแต่ตอนนี้เลยนะ?
“ประธานคะ ฉันบอกคุณพ่อคุณแม่เรียบร้อยแล้วค่ะ…”
จู่ๆพลอยก็พูดขึ้นมาเช่นนั้นพร้อมวางโทรศัพท์ที่พึ่งพิมพ์ข้อความลงบนตัก
“โอ้ว โทษทีนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ…แต่ว่า งานนี้ต้องใช้ดิฉันด้วยจริงๆเหรอคะ?”
“ก็จริงน่ะสิ งานแบบนี้มีคนเยอะๆก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว ถือว่าดีนะ อย่างน้อยจบงานนี้ไป เธออาจจะเลิกกลัวผีก็ได้”
“มะ ไม่ได้กลัวสักหน่อยค่ะ!”
เถียงได้เถียงดีจริงๆ เอาเถอะ อย่างน้อยก็มัดรวมมาได้สี่คนแล้ว เหลืออีกก็แค่สาวรุ่นพี่ผีไร้หัวคนเดียวเท่านั้น
ผมเหลือบมองพี่น้ำที่เงียบเป็นเป่าสาก ซึ่งผิดปกติกว่าทุกที
“พี่น้ำ โทรบอกที่บ้านรึยังครับ?”
“…พี่โตแล้ว จะกลับดึกแค่ไหนก็ไม่ต้องแจ้งใครหรอกค่ะ”
“อ๋อเหรอ”
โตกว่าแค่ปีเดียวจะเต๊ะท่าทำไมล่ะเนี่ย? ไม่เข้าใจเลยแฮะ
จากนั้นพี่น้ำก็ลุกขึ้นและพูดเสียงดัง
“และถึงต่อให้ใครจะห้าม! พี่ก็ไม่สนใจหรอกค่ะ! ไอ้งานที่น้องคริสจะให้ทำคือการปราบผีแบบโกสต์บัสเตอร์สินะคะ!!!”
…พูดถึงบ้าอะไรอยู่วะนั่น
“อ่า ถึงว่าทำไมต้องเรียกมาทุกคนแบบนี้ ที่จริงแล้วนี่คืออีเว้นท์ใหญ่ของสภานักเรียนที่พวกเราต้องร่วมแรงร่วมใจกันทำสินะคะ …แต่พี่มีจุดขัดใจนิดหน่อย ถ้ายังไงช่วยคัดคนออกสักสองคนได้มั้ย? โกสต์บัสเตอร์มันต้องมีสี่คน…”
พลอยยกมือขึ้นทันที
“งั้นตัดหนูออกได้เลยค่ะ! พี่น้ำ!”
“จัดปาย!!!”
“จัดไปก็แย่แล้วครับพี่!!!”
หยุดเออออห่อหมกแบบไม่สนความเห็นผมสักทีเหอะ นานๆทีจะได้คุมสมาชิกสภารวดเดียวห้าคนก็รู้สึกเหนื่อยหน่ายใจสุดๆ ถ้ายังพ่นบ้าพ่นบออะไรแบบไม่สนความเห็นผมแบบนี้ มีหวังงานไม่เดินแน่
ผมกระแอมเบาๆ และพูดใส่สมาชิกสภาทั้งห้าที่นั่งอยู่โต๊ะรับแขก
“สรุปก็คือ วันนี้พวกเราต้องไปตึกเรียนเก่าและทำการไล่วิญญาณสิงสถิตที่อยู่ในนั้นออกไปให้หมด เพราะถ้าทุบตึกทิ้งดื้อๆ โดยที่ไม่จัดการเจ้าพวกนั้นให้เรียบร้อย เผลอๆจะทำให้วิญญาณโกรธแค้น จนอะไรสักอย่างที่จะสร้างขึ้นมาทับตึกนั้นเกิดเหี้ยนขึ้นมาได้”
และนั่นก็คือที่ครูใหญ่สมศักดิ์ไหว้วาน
ครูเขาก็มีความคิดจะทุบตึกทิ้งมาตั้งนานแล้ว แต่เพราะติดปัญหาเรื่องที่วิญญาณบางตัวมาสิงสถิตอยู่ในตึกเก่านั่น ลงท้ายจะให้ทุบทิ้งโดยไม่ทำการไล่วิญญาณให้หมด ก็จะเกิดปัญหาตามมา
แม้วิญญาณที่ว่าจะไม่ได้สร้างความเดือดร้อน จะปล่อยทิ้งไว้ก็ได้ แต่ก็อย่างที่ว่าไป บูรณะซะใหม่ดีกว่า อย่างน้อยก็จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบตอนยัยหมิงหมิงอีก
เพราะงั้น เพื่อตัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเพื่อให้พื้นที่ได้ใช้ประโยชน์สูงสุด ผมจึงตกลงรับคำไหว้วานจากครูสมศักดิ์
“เข้าใจแล้วค่ะประธาน …แต่ถ้าจะไล่วิญญาณจริงๆ ก็ต้องมีอุปกรณ์สักหน่อยรึเปล่าคะ? บางตนก็อาจจะยอมไปเฉยๆ แต่บางตนอาจจะโกรธเอาก็ได้”
“อืมๆ เพราะงั้นแหละ เดี๋ยวฉันคงต้องแวะไปเอาของที่บ้านครูสมศักดิ์สักหน่อย มีใครจะไปช่วยหน่อยมั้ย? ของน่าจะเยอะน่าดูเลยล่ะ”
““““……””””
นางรำ ไร้หัว ปอบ เสือสมิง ใบ้รับประทาน…อยากชกสักเปรี้ยงจริงๆ
ส่วนคนสุดท้ายที่ไว้ใจได้เสมอก็ลุกขึ้น
“เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อนแล้วกัน …ให้ผู้ชายสองคนยกของน่าจะดีที่สุดแล้ว”
“ดีมากต้น จริงๆต่อให้นายไม่เสนอตัว ฉันก็จะบังคับให้นายไปอยู่ดี”
พี่น้ำกอดอกพูดแทรกมาแบบนั้นจนพี่ต้นหันไปหา
“เงียบเถอะน้ำ อย่างเธอที่นานๆจะเข้าสภาที แถมงานก็ไม่ทำ ไม่มีสิทธิ์บังคับฉันสักหน่อย”
“แล้วนายจะให้น้องคริสไปคนเดียวหรือไงกัน!?”
“งั้นเธอก็ไปด้วยกันสิ”
เมื่อพี่ต้นว่าด้วยสีหน้าเรียบเฉย พี่น้ำก็ส่ายศีรษะ…จุดที่ควรจะเป็นศีรษะนั่นแหละ
“ไม่เอาอะ ขี้เกียจ งานใช้แรงก็ต้องให้หนุ่มๆทำกันไม่ใช่เหรอ?”
“หยุดหาข้ออ้างไปเรื่อยสักที…”
ก่อนที่จะรุนแรงไปมากกว่านี้ ผมก็รีบพูดออกไป
“คืองี้นะครับ ผมสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศซะด้วยสิ ที่จริงก็ไม่ได้เจาะจงว่าต้องเป็นเพศไหนหรอกครับ เพราะงั้นก็อยากได้ไปช่วยอีกสักคน…”
พี่ต้นได้ยินเช่นนั้นก็แสยะยิ้มมองพี่น้ำ
“ได้ยินแล้วนี่? รีบๆลุกได้แล้ว น้ำ”
“เอ~ นายนี่เข้าใจอะไรยากจังน้า ก็บอกอยู่ว่าขี้เกียจๆนี่ไง”
…ไม่น่าพูดเลยแฮะ เหมือนไปเติมเชื้อเพลิงไงไม่รู้สิ
“สันหลังยาวแล้วนะเธอน่ะ ช่วงนี้ที่น้ำหนักขึ้นก็เพราะขี้เกียจแบบนี้ไง”
“หา!? ไม่ได้อ้วนสักหน่อย! ฉันแค่ตัวสูงเฉยๆ!”
“อะ เอ่อ…”
พลอยที่รับฟังรุ่นพี่สองคนเถียงกันก็อ้าปากเหมือนจะห้ามอะไรสักอย่าง ส่วนดิวก็มองด้วยสีหน้ากังวล
ผมก็ไม่ได้อยากบังคับใครซะด้วยสิ …ช่วยไม่ได้
“ไม่เป็นไรครับพี่ต้น ผมกับพี่ไปกันสองคนก็ได้”
“จะดีเหรอ?”
“ก็…ดีแหละครับ”
ดีไม่ดีไม่รู้ แต่ถ้าไม่ตัดบทเอาตอนนี้ คงได้เห็นผีไร้หัวกับกระหังซัดกันแน่ …สองคนนี้รู้จักกันมาตั้งนานแล้วสินะ? นานทีๆพึ่งจะเคยเห็นอยู่ด้วยกัน ทะเลาะกันหนักน่าดู
จู่ๆ สไปรท์ก็ดีดตัวขึ้นเหมือนสปริง
“วู้ว! ได้SSRด้วย!”
…ตูก็นึกว่าจะไปด้วย ที่ไหนได้…แล้วมาดีใจอะไรกับของสมมุติในเกมกันล่ะนั่น…
สไปรท์มองผมกับพี่ต้นที่กำลังจะออกจากสภา
“หือ? จะกลับกันแล้วเหยอ? พี่น้ำ พวกเราก็กลับกันเถอะ”
“ไม่ได้หรอกค่ะน้องสไปรท์ วันนี้พวกเราโดนประธานนักเรียนน่าเลือดขู่เข็ญว่าต้องช่วยงานตอนกลางคืนน่ะ”
“เอ๋~~~! ไม่เอาอะ!”
ผมชี้นิ้ว
“นี่สไปรท์! ถ้าจะไม่ไปก็รอทำงานอยู่เฉยๆเถอะน่า! หัดทำงานให้สมเป็นสภานักเรียนบ้างมันไม่ตายหรอก! ส่วนพี่น้ำก็อย่าทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้มั้ย!?”
“นี่หนูอยู่สภานักเรียนด้วยอ๋อ???”
…จู่ๆ ก็อยากต่อยอะไรสักอย่าง แต่เพราะทำไม่ได้ ผมจึงได้แต่กุมหน้าร้องไห้
สมาชิกสภานักเรียนมันมีแต่บ้าอะไรวะเนี่ย เริ่มเกินที่จิตใจจะรับไหวแล้วนะ
พี่ต้นจับไหล่ผมเบาๆ
“น้องประธาน ถ้าอยากไล่ใครออกล่ะก็ …เริ่มที่ยัยน้ำได้เลยนะ”
“ต้น! ฉันได้ยินนะ! นายต่างหากที่ต้องออกคนแรก! วันๆเอาแต่ช่วยชมรมหญิงล้วนไม่ใช่หรือไง!? ถึงน้องคริสจะขอไว้ก็เถอะ ฉันรู้นะว่านายไปช่วยเพราะอยากอยู่ในดงเด็กผู้หญิงน่ะ!”
ผมห่อไหล่และพึมพำ
“พี่ต้นครับ…ไม่ต้องพูดอะไรแล้วก็ได้ครับ”
“ระ เหรอ โทษที…”
…จากนั้น ผมกับพี่ต้นก็ออกจากโรงเรียน เดินไปตามโลเคชั่นที่ครูสมศักดิ์ส่งมาให้ บ้านของครูสมศักดิ์อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโรงเรียน แต่เพราะไม่เคยไปมาก่อน จึงต้องใช้เทคโนโลยีช่วย
ดวงอาทิตย์เริ่มตกดิน ขณะพวกผมทอดน่องไปตามเส้นทาง
“ว่าแต่ ของที่ครูใหญ่ให้ไปเอานี่ มีอะไรบ้างเหรอ?”
พี่ต้นก็ถามมาแบบนั้น
“ก็…รู้สึกจะเป็นพวกอุปกรณ์ตรวจจับกับไล่ผี ที่‘หมอผี’เขาใช้กันน่ะครับ ที่จริงผมก็จะเตรียมไปเองแหละ แต่พอต้องใช้ของแบบนั้นก็จนปัญญา รบกวนให้ครูใหญ่ที่เป็นคนธรรมดาเตรียมให้น่าจะดีกว่าน่ะครับ”
“พวกเราก็เป็นผีไม่ใช่เหรอ? ไม่ต้องใช้ของแบบนั้นก็น่าจะจัดการกันได้นะ?”
“นั่นก็จริงครับ… แต่ครูเขาอุตส่าห์เตรียมให้ ก็ลองๆเอามาใช้ดูก่อนเถอะครับ อาจจะสบายขึ้นก็ได้”
“อืมๆ”
“…เออใช่ ที่จริงผมว่าจะถามพี่ต้นอยู่เรื่องนึงน่ะครับ”
“อืม แต่ก่อนจะถาม…”
“ครับ?”
“น้องประธานรู้ใช่มั้ย? ว่าน้องสไปรท์ตามมาด้วย?”
“หะ?”
…ใครตามมานะ
ผมขมวดคิ้วไปมองด้านหลัง
เด็กสาวผมทรงวินเทลบวกหนึ่ง กำลังเดินตามมาพร้อมกับกดโทรศัพท์ในมือด้วยสีหน้าเคร่งเครียด กำลังเล่นเกมอะไรสักอย่างอยู่
“สไปรท์…”
“แป๊บนึง พี่คริสโตเฟอร์”
“ไม่ปงไม่แป๊บอะไรทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าเธอจะรออยู่สภาหรอกเรอะ?”
เมื่อเด็กสาวได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้น
“อ้าว? นี่หนูอยู่ไหนเนี่ย?”
“คือ…พวกฉันกำลังไปบ้านครูสมศักดิ์…”
“อ๋อ? ใช่ๆ เพราะฟังดูน่าสนุก หนูเลยว่าจะไปด้วยน่ะ ลืมไปซะสนิทเลยแฮะ แหะๆ เกมนี่มันทำให้คนเราหลงลืมกันง่ายจริงเนอะ? พี่คริสโตเฟอร์กับพี่ต้นก็คิดงั้นใช่ปะ?”
ผมกับพี่ต้นแค่ถอนหายใจ ก่อนที่พี่ต้นจะดันหลังสไปรท์ให้มาด้านหน้า
“พี่ต้นให้หนูมาหัวแถวทำไมอะ?”
“ให้น้องอยู่ข้างหลังเดี๋ยวจะหลงเอาน่ะสิ เล่นเกมตอนเดินด้วยไม่ใช่เหรอ?”
“โว้ว! ช่างเป็นรุ่นพี่ที่ประเสริฐจริงๆ งั้นจะให้เลี้ยวตรงไหนก็บอกหนูด้วยล่ะ!”
ว่าแล้วก็กลับไปเล่นเกมต่อ ดีหน่อยที่แถวนี้ไม่ค่อยมีรถ ต่อให้จะเล่นโทรศัพท์ระหว่างเดินก็ไม่อันตรายมากนัก แค่ระวังอย่าให้ตกคลองก็แล้วกัน
เมื่อจัดการกับสไปรท์ที่ตามมาได้ไงก็ไม่รู้ได้แล้ว พี่ต้นก็วกกลับมาที่เรื่องเดิม
“น้องประธานจะถามอะไรเหรอ?”
“ก็…ส่วนใหญ่พี่ต้นต้องไปช่วยงานจิปาถะกับชมรมพวกนั้นใช่มั้ยล่ะครับ? ผมคิดว่าช่วงหลังๆจะได้ใจกันมากไปหน่อย ถ้าพี่ต้นอยากให้ผมจัดการ เดี๋ยวผมจัดการให้ก็ได้นะครับ”
ต่อให้นั่นจะถือเป็นงานสภา แต่ที่พี่ต้นต้องไปช่วยอยู่บ่อยๆ หลักๆก็เป็นแค่งานที่เหมือนยืมตัวไปคุยเล่นเท่านั้น พวกชมรมบ้านั่นแค่อยากจีบพี่ต้นเท่านั้นเอง
และงานที่ทำส่วนใหญ่ก็เป็นแค่เก็บของหรือทำความสะอาด จะบอกว่าเอาลูกน้องดีเด่นของผมไปใช้เป็นเบ๊หวังมีซัมติงก็ไม่ผิด
ส่วนพี่ต้นก็แค่เห็นว่าเป็นงานสภาเลยยอมทำ จากที่ผมเคยสังเกตการณ์ พี่เขาก็ไม่ได้ชอบบรรยากาศแบบนั้นด้วย
พี่ต้นกุมคาง
“…พอดีเลย พี่ก็กะจะคุยเรื่องนี้กับน้องประธานอยู่เหมือนกัน”
“งั้นเหรอครับ?”
“ที่จริงก็เริ่มรู้สึกว่าที่ทำอยู่ ไม่ค่อยจะเหมือนงานเข้าไปทุกวันน่ะ แต่ว่า…พวกเธอก็มาขอร้อง พี่ที่เป็นสภานักเรียนก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วยสิ”
“งั้นผมขอถามชัดๆเลยนะครับ ที่พี่ต้นไปช่วยน่ะครับ หลักๆแล้วต้องทำอะไรบ้าง?”
“อืม เก็บบอลเข้าห้องเก็บของ ขัดพื้นให้สะอาด กวาดเศษขยะกับเอาถุงขยะไปทิ้ง …นั่นก็มองว่าเป็นงานได้อยู่หรอก แต่พวกเธอเห็นพี่ทำทีไร ก็ชอบลากตัวให้มานั่งกินขนมเป็นเพื่อนตลอด”
“แสดงว่า สุดท้ายก็เหมือนไปนั่งเล่นเฉยๆสินะครับ?”
“อืม พี่ก็พยายามปลีกตัวอยู่หรอก แต่พวกเธอไม่ยอมนี่สิ…”
หล่อไปเลยมีคนจีบเยอะ ส่วนชมรมพวกนั้นก็พากันอาศัยช่องโหว่ที่พี่ต้นเป็นสภานักเรียนเพื่อเอาไปช่วยงานและหวังจีบไปในตัว …ก็ไม่ได้ต่างจากที่ผมคิดเท่าไหร่
จากที่คุยเมื่อกี้ก็สัมผัสได้ว่า พี่ต้นก็รู้สึกไม่ค่อยดีเหมือนกัน
เพราะงั้น ผมที่เป็นประธานก็ต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดสินะ
ผมกอดอก
“เอางี้นะครับ เดี๋ยวผมจะออกกฎว่าห้ามเอาคนของสภานักเรียนไปช่วยงานที่ตัวชมรมต้องทำเองแล้วกันครับ …ยังไงทั้งเก็บขยะ ขัดพื้นสนาม สมาชิกชมรมกีฬาก็ต้องทำกันเองอยู่แล้วด้วย”
ชมรมกีฬาจะมีสนามฝึกซ้อมประจำชมรม ที่จริงต่อให้ไม่ต้องออกกฎชัดๆ เรื่องการรักษาความสะอาดก็เป็นหน้าที่ของคนใช้สนามอยู่แล้ว
ส่วนกฎที่ผมจะออก ก็จะแก้ปัญหาเรื่องที่พี่ต้นจะโดนยืมตัวไปทำงานที่ไม่สมกับเป็นงานสักที ทีนี้ก็จะได้มีเวลามาที่สภามากขึ้น
พี่ต้นตาโตเล็กน้อย
“เข้าใจคิดเหมือนกันนะ …พี่ก็จะไม่โดนเรียกไปช่วยงานทั่วๆไป และงานที่จะเข้ามาก็จะเป็นงานที่เหมาะสมกับงานสภาจริงๆ”
“ตามนั้นแหละครับ”
“เข้าใจล่ะ งั้นขอรบกวนน้องประธานด้วยนะ”
เรียบร้อย ทีนี้ก็อย่าหวังจะได้พี่ต้นไปง่ายๆเลยนะ พวกชมรมเส็งเคร็งนั่น
ผมหัวเราะในลำคอ
พี่ต้นมองหน้าจอโทรศัพท์ก่อนเรียกเด็กสาวด้านหน้า
“น้องสไปรท์”
สไปรท์หันกลับมาทั้งๆที่ยังมองโทรศัพท์ เดินถอยหลังช้าๆ
“ฟังอยู่ค่า~!”
“เดี๋ยวเลี้ยวซ้ายนะ”
“เยปๆ!…”
ตู้ม!
เสียงน้ำสาดกระเซ็น เด็กสาวที่เมื่อกี้ยืนอยู่ด้านหน้าก็หายไปราวกับโดนธรณีสูบ
สไปรท์ที่เลี้ยวซ้ายตามที่พี่ต้นบอก ร่วงจากถนนลงคลองข้างๆ
“ฮะ เฮ้ย!? สไปรท์!”
ผมกับพี่ต้นมองไปที่คลองข้างๆที่สไปรท์กำลังจะจมหายลงไป ก่อนที่เธอจะชูโทรศัพท์และโผล่หน้าขึ้นเหนือน้ำ
“ไม่เป็นไร! หนูยกทัน! น้ำไม่เข้าเครื่องเลยสักกะติ๊ด!”
“ปัญหามันอยู่ตรงนั้นที่ไหนกันเล่า!!!”
พี่ต้นเกาศีรษะ
“พี่ว่าพี่ก็บอกถูกแล้วนะ…”
“สไปรท์มันง่าวกว่าที่พี่คิดเยอะเลยครับ…”
เพราะยัยเสือสมิงหันหน้ากลับมาฟังพี่ต้นนั่นแหละ พอบอกซ้ายปุ๊บก็ออกซ้ายของตัวเองปั๊บ …หรือก็คือขวาของพวกผม…
ผมมองสไปรท์ที่ยิ้มแย้มในคลองก่อนกุมศีรษะอย่างละเหี่ยใจ
“ดีนะที่หนูว่ายน้ำเป็น!”
“ก็บอกอยู่ว่าปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้นไงว้อย!!!”
และผมกับพี่ต้นก็ลากตัวสไปรท์ที่ชุ่มโชกขึ้นมา สงสัยคงต้องรบกวนห้องน้ำครูใหญ่ …ต้องขอยืมเสื้อด้วยสินะ
เคสที่ 17 การทำงานรวมกันของสภานักเรียน /มีต่อ