สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 30 เคสที่ 16 ไร้กำหนดการ (1)
- Home
- All Mangas
- สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ
- ตอนที่ 30 เคสที่ 16 ไร้กำหนดการ (1)
เนื่องจากวันนี้ไม่มีชมรมไหนขอให้ผมไปช่วย ซึ่งน่าแปลกใจสำหรับผมอย่างยิ่ง แต่เพราะเหตุนั้น จึงตัดสินใจไปที่ห้องสภาทันทีที่รู้เช่นนั้น หลังจากที่ไม่ได้ทำมานาน
ตามจริงก็ควรจะเข้าสภาช่วงเย็นทุกวันตามหน้าที่ แต่เพราะมีชมรมมาขอร้องแทบทุกวัน ลงท้ายก็เลยบอกน้องประธานเอาไว้
น้องประธานก็เข้าใจดี ‘งั้นถ้าวันไหนไม่มีงานก็มาห้องสภาด้วยละกันครับ ผมให้พี่ต้นเป็นกรณีพิเศษเลยนะ!’…นั่นคือที่น้องประธานพูดไว้
อย่างว่าล่ะนะ น้องเขาก็ไม่ใช่คนประเภทชอบสั่งอยู่แล้วด้วย ถึงจะมีความเป็นผู้นำสูง แต่เรื่องไหนที่อยู่ในหลักเหตุผล ก็จะไม่มีการตำหนิ
อะไรประมาณนั้น
ต่อให้น้องประธานจะเป็นอย่างที่ผมว่า แต่ก็ยังมีอีกสองหน่อที่จะโดนบ่นอยู่ตลอด…
“ต้น~!”
ว่าแล้วหนึ่งในนั้นก็ทักผมพอดี
สมาชิกสภาที่เรียกผมห้วนๆ ไม่มีคำนำหน้าก็มีอยู่คนเดียว เด็กสาวที่อยู่มอหกเช่นเดียวกับผม
“อ่า บังเอิญจังนะ เธอก็จะไปสภาเหมือนกันเหรอ?”
“บ้าหรือไงยะ? แค่ผ่านมาเจอเฉยๆต่างหากล่ะ!”
น้ำ เพื่อนร่วมรุ่นผีไร้หัวที่ไม่มีความคิดจะทำตามหน้าที่ทั้งๆที่ว่างอยู่ทุกวันนั่นเอง
ผมถอนหายใจ
“งั้นจะไปไหนก็ไปเถอะ เกิดน้องประธานเห็นเข้า เดี๋ยวก็โดนว่าเอาหรอก”
“ไล่กันเลยเหรอ? แล้วก็นะ ถึงน้องคริสจะเห็นก็ไม่เป็นไรร้อก~”
“คือไง? ใจจริงก็อยากเจอน้องประธานงี้เหรอ?”
“เรื่องนั้นก็ใช่อยู่หรอก …คือฉันก็อยากเจอน้องคริสบ่อยๆอยู่นะ แต่ก็ขี้เกียจไปสภาน่ะสิ”
สำนึกในหน้าที่เข้าขั้นเลวร้าย
ผมถอนหายใจอีกครั้ง
“ไม่ไปเจอบ่อยๆ เดี๋ยวก็เสร็จคนอื่นเอาหรอก”
“นั่นสิน้า น้องคริสก็หน้าตาดีซะด้วยสิ ถึงนักเรียนคนอื่นๆจะกลัวเพราะเป็นซาตานก็เถอะ แต่ถ้าได้รู้จักก็รู้เองแหละว่าเป็นเด็กนิสัยดีคนหนึ่ง”
“อ่า”
“แล้วก็! เป็นเด็กนอกด้วยนะ! อารมณ์เหมือนเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนที่เจอในมังงะเลยใช่มั้ยล่ะ!?”
น้ำกล่าวด้วยเสียงตื่นเต้น จนผมแทบจะพ่นลมหายใจอีกครั้ง
“ไม่เข้าใจ ฉันไม่อ่านการ์ตูน”
“อ้าว? แล้วที่ฉันให้ยืมไปตั้งหลายเล่มล่ะ?”
“จะเอาคืนเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน ปกติน้องฉันเอาไปอ่าน”
“น้องสาวนายน่ะเหรอ? ไม่ได้เจอนานแล้วเหมือนแฮะ แต่อย่างน้อยก็ยังได้สื่อสารกันผ่านมังงะ!”
พูดมาแต่ละเรื่องเข้าใจยากสุดๆ เอาเถอะ ผมก็ค่อนข้างชินกับนิสัยของยัยนี่พอตัวเลยล่ะ
ผมรู้จักกับน้ำมาตั้งแต่เด็กๆ สนิทกันก็พอประมาณ ส่วนน้องสาวของผม น้ำก็เคยเจออยู่บ้าง …ตอนเจอครั้งแรกก็พูดว่า ‘นี่มันตัวละครน้องสาวที่จะได้รับความนิยมสูงนี่นา!’ อีกด้วย นั่นล่ะ…ยัยนี่ติดการ์ตูนมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว
แต่นั่นก็เรื่องเมื่อนานมาแล้ว ได้มาเจอเธออีกทีก็ตอนช่วงมอปลาย …อะไรน้า… อ้อ ‘งั้นนายก็เป็นเพื่อนสมัยเด็กที่ต้องเป็นแฟนฉันน่ะสิ?’ …ใช่ๆ น่าจะพูดประมาณนั้น
สุดท้ายก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เป็นเพื่อนสมัยเด็กมันมีนัยยะสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ?
อีกอย่าง ยัยนี่แอบปลื้มน้องประธานอยู่ด้วย และผมกับเธอก็แค่เพื่อนที่สนิทกันเท่านั้น ไม่มีทางพัฒนาเป็นความสัมพันธ์เชิงคู่รักได้แน่นอน
…และผม ตอนนี้ก็มีคนที่ค่อนข้างสนใจอยู่ด้วย
“คิดไรอยู่น่ะ? ต้น”
“เปล่า”
“คิดอยู่ชัดๆ”
“…คิดว่าเธอนี่ไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลยสักนิด”
“ขอบคุณ?”
น้ำตอบด้วยเสียงไม่แน่ใจ
ผมยืนยัน
“คำชมนั่นแหละ ฉันไม่ถนัดประชดใคร”
“แหม อย่างนายที่ทำได้แทบทุกอย่าง มีเรื่องไม่ถนัดกับเขาด้วยเหรอ?”
จะให้ผมถนัดเรื่องการประชด…ก็คงได้เป็นคนไม่น่าคบหาแน่ ถึงผมจะถนัดหลายอย่าง แต่บางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องทำหรอก
ผมลูบคอตัวเองเบาๆ พลางเบี่ยงประเด็น
“จะถึงห้องสภาแล้วนะ จะไปไหนก็รีบไปเถอะ”
น้ำฟังแล้วก็หัวเราะ
“คิกคิก รีบไล่กันจังนะ ฉันแค่รู้สึกว่าช่วงนี้ไม่ได้คุยกับนายเท่าไหร่นี่นา”
“คิดงั้นก็มาสภาให้มันบ่อยๆหน่อยเถอะ”
“นายก็ไม่ได้เข้าสภาเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันติดต้องช่วยชมรมอื่น แต่ถ้าว่างเหมือนวันนี้ฉันก็ไปนั่นแหละ”
“ตำแหน่งนายมันฝ่ายควบคุมความประพฤติไม่ใช่เหรอ? มัวแต่ช่วยชมรมหญิงล้วนที่หวังจีบแบบนั้น มันจะได้อะไรกัน?”
“งานมันก็คืองาน มีนักเรียนมาขอให้ช่วยก็ปฏิเสธไม่ได้”
ต่อให้ฝั่งโน้นจะมีเป้าหมายอย่างไร ถ้ามาขอให้ช่วย ผมที่เป็นสภานักเรียนก็ต้องทำ จะว่ามีสำนึกในหน้าที่มากเกินไปก็ได้ แต่จากที่รบกวนน้องประธานไว้เยอะ อย่างน้อยก็อยากช่วยแบ่งเบาภาระงานสภาให้ได้สักนิด
“ที่จริงฉันก็อยากเห็นนายทำเคสสักหน่อยเหมือนกันน้า”
“…ก็พึ่งช่วยน้องประธานไปเคสนึงเอง แค่เธอไม่อยู่เลยไม่เห็น”
“ว้า เสียดายจัง นายชอบทำอะไรเปิ่นๆตอนจังหวะสำคัญซะด้วยสิ”
เป็นงั้นเหรอ คงไม่มั้ง? เคสกระสือนั่น ผมก็ไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ……รึเปล่านะ?
คงเพราะคุยเพลินไปหน่อย จึงมาถึงหน้าห้องสภาเป็นที่เรียบร้อย ส่วนน้ำก็ยังไม่ไปไหน
ด้านหน้าประตู มองเห็นเด็กสาวที่สวมชุดคลุมสีม่วง เส้นผมขาวสว่างที่หน้าตาเหมือนง่วงนอน พร้อมด้วยลูกเจี๊ยบบนไหล่อีกหนึ่งตัว
เด็กสาวไม่สังเกตเห็นพวกผม กระนั้น สิ่งมีชีวิตบนไหล่ก็ส่งเสียงทัก
“จิ๊บ! จิ๊บ จิ๊บ!!”
และเธอก็หันศีรษะมาทางผมกับน้ำ
“…พี่น้ำ …พี่ต้น…”
พร้อมยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะน้องดิว แหม เข้างานทุกวันเลยน้า พี่เห็นแล้วรู้สึกหมั่นเขี้ยวเลยนะเนี่ย”
“…เดี๋ยวโดนคริสโตเฟอร์บ่น…”
นี่ไงล่ะ ขนาดน้องเขาเด็กกว่าหล่อนตั้งปีนึง ยังมีสำนึกในหน้าที่มากกว่าหลายขุม หวังว่าฟังแล้วจะปรับปรุงตัวเองนะ ผีไร้หัวเพื่อนสมัยเด็ก
ผมเหลือบมองน้ำที่อยู่ข้างๆ …อืม ไม่มีท่าทีว่าจะเก็บไปพิจารณาเลยสักนิด
“…พี่ต้น …จะเข้ามาเหรอ?”
“อะ อืม วันนี้พี่ไม่มีงานน่ะ เลยว่าจะเข้าสภาสักหน่อย”
“…เหรอ”
ดิวเกาแก้มเบาๆ ส่วนยัยน้ำก็เอาไหล่สะกิด
“นี่ๆ นายกับน้องดิวมีซัมติงอะไรรึเปล่าเนี่ย? บอกให้เพื่อนคนนี้ฟังก็ได้นะ?”
“รีบๆไปสักทีเถอะน่า ไม่งั้นฉันจะเรียกน้องประธาน”
“อุ๊ย? เล่นเรื่องนี้ไม่ได้เลยเหรอ? โทษทีๆ งั้นฉันไปล่ะ! ไว้เจอกันนะคะน้องดิว!”
น้องดิวก็พยักศีรษะให้ และน้ำก็จากไป …ไม่คิดจะทำงานทำการจริงๆสินะ
ผมเดินจนมาหยุดอยู่ข้างน้องดิว และก่อนที่ผมจะเปิดประตู
“อะ เอ่อ…พี่ต้น”
“ครับ?”
“ขะ…ขอบคุณที่ซื้อขนมมาให้ …ถึงจะนานแล้วแต่ยังไม่ได้ขอบคุณเลย…น่ะ”
นานสุดๆเลยนั่นละ… อย่างว่า ผมก็แทบไม่ได้เจอน้องดิวเลยนี่นา ที่จริงไม่ต้องเป็นพิธีขนาดนี้ก็ได้ ผมก็เต็มใจซื้อให้ซะด้วย
“ไม่เป็นไรๆ แค่น้องดิวชอบก็พอแล้วล่ะ”
“อือ…”
เป็นเด็กที่แปลกกว่าคนอื่นจริงๆนั่นล่ะ คนส่วนใหญ่ที่เข้าหาผมก็มีแต่พวกเสียงดังๆทั้งนั้น แต่กับน้องดิวแล้ว อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสงบใจมากเลยล่ะ
“งั้น…วันนี้พี่คงจะอยู่สภาจนหมดเวลาชมรม ถึงจะทำไม่ได้เท่าน้องประธาน แต่ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะ”
“…อือ”
“อืม รีบเข้าไปกันเถอะ”
ผมเปิดประตู
จากนั้นก็มีเสียงตะโกนที่คุ้นหู…
“ก็บอกว่าอย่าทำความสะอาดตอนลูกเคสอยู่ไงเล่า! นี่เธอจะให้ฉันต้องเตือนอีกกี่รอบกันหา!?”
“แล้วฉันก็บอกประธานไปตั้งหลายรอบแล้วนี่คะ! ว่าถ้าไม่ทำความสะอาดให้เรียบร้อย เดี๋ยวคนที่เข้ามาสภาก็ป่วยกันพอดีน่ะค่ะ!”
“ฝุ่นนิดหน่อยมันไม่ทำให้ป่วยง่ายขนาดนั้นหรอกว้อย! ทำความสะอาดในจังหวะนั้นมันถือเป็นการไล่แขก! ไม่รู้หรือไงหา!?”
“มันจะไปไล่ตรงไหนกันล่ะคะ!? ฉันไม่ได้เอาไม้กวาดไปกวาดบนหัวแขกสักหน่อย! แล้วก็ไม่ได้กวาดบนหัวประธานด้วย!!!”
“หา!? ว่าไงนะ! ยัยผีนางรำนี่!”
น้องประธานกับน้องพลอยกำลังเถียงกันอย่างดุเดือด แต่จากที่มองในห้องก็ไม่เห็นคนอื่นอยู่เลย คงกำลังพูดถึงเรื่องก่อนหน้านี้สินะ? สงสัยผมจะมาไม่ทัน
ถ้ามาเร็วกว่านี้สักหน่อยอาจจะได้ช่วยเคสนั่นก็ได้ แต่เราก็มาเร็วๆสุดแล้วนะ
ทั้งสองสังเกตเห็นพวกผมที่เปิดประตู
“ไงดิว! …หืม? พี่ต้นก็มาด้วยเหรอครับ?”
“พอดีวันนี้ว่างน่ะ เลยว่าจะมารอช่วยงาน”
“แปลกดีนะครับนั่น? หรือว่าผู้หญิงพวกนั้นจะตรัสรู้กันแล้วว่าต่อให้ทำยังไง ก็จีบพี่ต้นไม่ติด?”
“อาจจะเพราะใกล้สอบแล้วด้วยมั้ง? น่าจะอยากเอาเวลาไปอ่านหนังสือกันมากกว่า”
“คงงั้นแหละครับ… แต่มาก็ดีเลยครับพี่! พี่คิดว่าเราควรทำความสะอาดตอนที่แขกอยู่มั้ยครับ!?”
“ประธานอย่าหาพวกสิคะ! ผิดก็ยอมรับผิดสิคะ!!”
…สองคนนี้จะตีกันตลอดเลยรึเปล่านะ พูดงี้ก็อาจใจร้าย แต่อย่าเอาผมเข้าไปเกี่ยวได้มั้ยนะ…
ผมมองน้องดิวพร้อมยิ้มแห้งๆ
เธอก็พึมพำ
“…ถ้ามาสภาบ่อยๆ …เดี๋ยวก็ชิน”
“งะ งั้นเหรอ…”
ว่าแล้วคุณประธานนักเรียนลูกซาตานกับรองประธานผีนางรำก็ทะเลาะกันด้วยคำพูดอีกยก ส่วนผมก็ย้ายมานั่งที่โต๊ะรับแขกกับน้องดิว อย่างน้อยวันนี้ก็อยากช่วยสักเคสล่ะนะ
…หลังจากนั้นห้องก็กลับมาเงียบสงบ ผมที่ไม่ได้มานั่งแบบนี้นานแล้ว ก็ทำเอาสงสัยว่าตอนนี้หรือเสียงดังๆ เมื่อกี้คือบรรยากาศปกติกันแน่…
น้องประธานตรวจเอกสารที่โต๊ะประจำตำแหน่ง ส่วนน้องพลอยที่ย้ายมานั่งข้างน้องดิวก็จิบน้ำพร้อมขมวดคิ้ว …คงยังโมโหเรื่องเมื่อกี้อยู่ล่ะมั้ง?
ส่วนผม…ไม่มีอะไรทำ เลยได้แต่เหลือบมองสลับโต๊ะรับแขกกับประตู โดยหวังว่าจะมีเคสสักเคสมาให้ทำ นี่เราอยากทำงานขนาดนั้นเลยเหรอ? สงสัยติดจากที่ยุ่งมาทุกวันนั่นล่ะ…
“…….น”
“หืม?”
ผมหันข้างไปยังเสียงแผ่วๆเหมือนพูดไม่จบประโยคที่ดังขึ้นข้างหู
น้องพลอยที่เห็นดังนั้นก็เอียงคอ
“เป็นไรไปคะ? พี่ต้น ยุงกัดเหรอคะ?”
“เปล่า…แค่รู้สึกเหมือน …ช่างเถอะ”
ผมตอบ และลองมองน้องประธาน ก็ไม่มีอะไรผิดปกตินี่นา ถ้ามีอะไรสักอย่างแปลกๆ คงไม่ใช่ผมที่รู้ตัวคนแรก น่าจะเป็นน้องประธานมากกว่า
“…ต้น”
“เฮ้ย!?”
เมื่อได้ยินอีกครั้ง ผมก็ผวาจนลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว รุ่นน้องทั้งสองมองพร้อมขมวดคิ้ว
“…พี่ต้น?”
“คือพี่ต้นเป็นอะไรคะนั่น? หนูเริ่มจะกลัวแล้วนะคะ”
นี่ผมหูฝาดใช่มั้ยนะ? น้องพลอยกับน้องดิวก็ไม่ได้แสดงท่าทีผิดสังเกตด้วย มีแต่ผมคนเดียวที่ได้ยิน …แต่ก็ ถ้าลองถามน้องประธานก็คงบอกว่าเป็นเรื่องไร้สาระแน่ๆ
ที่จริง ที่นี่ก็โรงเรียนของภูตผีอยู่แล้ว จะได้ยินเสียงแว่วแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ว่าตลอดเวลาที่เรียนอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยประสบมาก่อน…
ผมตัดสินใจเดินไปหาน้องประธาน
“มีไรครับ? พี่ต้น หน้าซีดเชียว ไม่สบายรึเปล่าครับ?”
“…คือ น้องประธานอยู่ห้องสภาบ่อยสินะ?”
อีกฝ่ายเลิกคิ้วรับคำถาม
“แทบตลอดเลยนะครับ ทำไมเหรอ?”
“น้องประธานเคยได้ยินเสียงอะไรแปลกๆมั้ย?”
“เสียงแปลกๆ? ถ้าไม่นับเสียงปุ้งปั้งที่ดังจากห้องชมรมข้างๆ ก็ไม่มีนะครับ”
“ไม่ได้หมายความแบบนั้น …หมายถึง ‘หูแว่ว’ น่ะ”
น้องประธานกะพริบตาไปสองสามที เปิดลิ้นชักข้างตัวและค้นข้าวของอยู่สักพัก
และก็หยิบของที่หาขึ้นมา…
“ผมมีไม้แคะหูอยู่ครับ ที่พี่พูดอ้อมๆตั้งแต่เมื่อกี้คืออยากได้ไอ้นี่ใช่มั้ยครับ? แหม กับผมไม่ต้องเขินก็ได้”
“เอ่อ…”
“แต่ไม่ได้ใช้นานแล้วอาจจะสกปรกไปหน่อย พี่ต้นเอาไปล้างสักทีแล้วก็ตากให้แห้งก่อนใช้แล้วกันครับ เดี๋ยวหูชื้น”
“ไม่ใช่อย่างนั้น…”
แม้ผมจะพยายามเถียง น้องประธานก็ลุกขึ้น นำไม้แคะหูวางลงที่มือผมอย่างแผ่วเบา
และยังพยักหน้าด้วยอารมณ์ประมาณ ‘ไม่ต้องพูดแล้วครับพี่ ผมเข้าใจ’ อีกด้วย
ผมที่ทำอะไรไม่ถูก ก็กำไม้แคะหูกลับมาที่โต๊ะรับแขก จ้องมองมันด้วยดวงตาลอยๆจนน้องพลอยถาม
“พี่ต้นไปคุยอะไรกับประธานเหรอคะ?”
“เรื่อง…หูชื้นน่ะ”
“อะไรล่ะคะนั่น?”
น้องพลอยสงสัยจนออกนอกหน้า
อาการหูแว่วนี่ ถ้ามองว่ามันเกี่ยวกับเรื่องผีที่ตามตัวมาล่ะก็ ไปถามน้องประธานก็คงไม่เข้าใจนั่นล่ะ น้องเขาเป็นเด็กนอกซะด้วยสิ
ถ้างั้นถามน้องพลอยหรือน้องดิวน่าจะดีกว่า
“เอ่อ ทั้งสองคน เคยได้ยินเสียงแปลกๆบ้างมั้ย? ตอนอยู่ที่นี่น่ะ?”
“…ถ้าไม่นับเสียงปุ้งปั้งที่ดังจากห้องชมรมข้างๆ …ก็ไม่มีนะ”
น้องดิวตอบเหมือนที่น้องประธานพูดเมื่อกี้เป๊ะเลย
ทว่า…น้องพลอยกลับตาค้าง ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจนชฎาบนศีรษะเกือบร่วง
และเอาฝ่ามือปิดปากผมทันที
“…อู้อี้!”
ผมพยายามส่งเสียง แต่น้องเขาก็กดไว้ซะแน่น
“พี่ต้นได้ยินเสียงแปลกๆเหรอคะ!?”
“…อื้อ”
“ตอบมาสิคะ!”
ไม่ๆ ผมน่ะตอบแล้ว แต่คุณน้องเล่นกดไว้ขนาดนั้นมันจะไปส่งเสียงเป็นเรื่องเป็นราวได้ไงครับ?
น้องประธานสังเกตเห็นก็ตะโกน
“พลอย! ทำอะไรพี่ต้นเนี่ย!? ปล่อยพี่เขาเลยนะ!”
“เงียบไปเลยค่ะ! ดิฉันกำลังช่วยพี่ต้นในเรื่องที่ประธานโง่เกินกว่าจะเข้าใจอยู่นะ!”
คงเพราะเห็นว่าน้องพลอยเสียงจริงจังสุดๆ น้องประธานจึง…
“งั้นเหรอ? งั้นฝากพี่ต้นด้วยละกัน!”
…สองคนนี้เป็นอย่างนี้ตลอดเลยใช่มั้ยนะ…
น้องพลอยพูดต่อ
“พี่ต้นได้ยินเสียงแปลกๆแว่วเข้ามาในหูสินะคะ!”
“…อื้ม!”
“ตอบให้มันชัดถ้อยชัดคำหน่อยสิคะ!?”
น้องดิวที่อยู่ข้างๆก็ดึงแขนเสื้อน้องพลอยเบาๆ
“…พลอย …ปล่อยพี่ต้นก่อน”
“เอ๊ะ? นะ นั่นสินะ”
ว่าแล้วเธอก็ดึงมือออก ผมหอบหายใจเล็กน้อย
ไม่ทันจะพูดอะไร น้องพลอยก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน
“คืองี้นะคะ พี่ต้นเคยได้ยินความเชื่อที่ว่า ‘เวลาได้ยินเสียงแปลกๆ ห้ามทักตอบ’ รึเปล่าคะ?”
“เคยสิ พี่ไม่ใช่น้องประธานสัก…”
“เมื่อกี้พี่ต้นว่าอะไรนะครับ?”
“เปล่าๆ…”
ผมโบกมือให้น้องประธานที่หูดีกว่าที่คิดและพูดต่อ
“…พี่ก็คนไทยนะ แต่เสียงแปลกๆที่ว่าน่ะ เขาห้ามตอบกลับเฉพาะตอนกลางคืนไม่ใช่เหรอ? นี่พึ่งจะช่วงเย็นเอง ไม่น่าจะเกี่ยวกับความเชื่อนั้นเท่าไหร่นะ”
“ที่พี่ต้นพูดก็จริงนะคะ แต่ว่า…เราก็ไม่ควรเสี่ยงใช่มั้ยล่ะคะ? เพราะงั้นต่อให้พี่ต้นจะได้ยินเสียงอะไร ห้ามตอบเด็ดขาดเลยนะคะ! ว่าแต่…”
“ครับ?”
“เสียงนั่นพูดอะไรกับพี่ต้นเหรอคะ?”
เวลาเหมาะเจาะจนน่าตกใจ จู่ๆเสียงแว่วก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“…ต้น”
ผมไม่ได้ตอบกลับไป แต่ก็พูดกับน้องพลอย
“เรียกชื่อน่ะ”
“…อันตรายสุดๆเลยนะคะ ก็ไม่รู้หรอกนะว่าจะเป็นอีกกี่วัน อย่างที่หนูบอก ห้ามพี่ต้นตอบกลับเด็ดขาดเลยนะคะ!”
“โอเค…”
และการมานั่งห้องสภาช่วงเย็นที่ไม่ได้ทำมานานของผม ก็ต้องทนรับเสียงเรียกแปลกๆที่แว่วเข้ามาในหู โดยห้ามตอบกลับเด็ดขาด…
น่ารำคาญจังนะ…
เคสที่ 16 ไร้กำหนดการ /มีต่อ