สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 28 เคสที่ 14 เกมกระดาน (2)
แม้สไปรท์จะสวดเรียกวิญญาณและเริ่มการเล่นเป็นที่เรียบร้อย แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกเลยว่ามีวิญญาณมาร่วมเล่นด้วย หรือผมความรู้สึกช้าไปเองก็ไม่ทราบ
“แล้ว…ไงต่อ?”
“ก็เหมือนคุยกับคนนั่นแหละพี่คริสโตเฟอร์ อย่างแรกก็ให้เขาแนะนำตัวมาก่อนไง!”
“งั้นเราต้องทำด้วยมั้ย?”
“หือ? ไม่ต้องนี่”
“…”
บอกให้อีกฝั่งแนะนำตัวแต่ตัวเองไม่ต้องงั้นเรอะ…
สไปรท์เอ่ยด้วยเสียงใสๆเหมือนคุยกับเพื่อน
“เธอชื่ออะไรหรอ?”
สิ้นเสียง จู่ๆแก้วก็ขยับไปยังตัวพยัญชนะบนกระดาน
“เห…”
ผมครางในลำคอ
เป็นวิญญาณขยับจริงๆงั้นเหรอ? แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าสไปรท์หรือพี่น้ำทำ อาจจะสร้างสถานการณ์นี้ขึ้นมาเพื่อแกล้งผมเล่น
กระนั้น แม้จะลองมองหาวิญญาณรอบๆ ก็ไม่พบอะไร
ถ้างั้น คนที่ขยับก็น่าจะเป็นสไปรท์นั่นแหละ ดูจากนิสัยน่ะนะ
“ไม่แน่ใจหรอกนะว่าเป็นใคร แต่คงเป็นเธอสินะ? สไปรท์ ที่ขยับแก้วน่ะ”
ผมถามเสียงเรียบๆ ทว่า เด็กสาวกลับตอบกลับเสียงดัง
“หนูเปล่าสักหน่อย! วิญญาณต่างหากล่ะ!”
ผมที่ได้ฟังดังนั้น ก็หันมองรอบข้างอีกครั้ง
…ไม่เห็นวี่แววเลยสักกะตัว หรือจะแค่ไม่ได้โชว์ตัวให้เห็น? ซึ่งนั่นก็เป็นหนึ่งในความเป็นไปได้ แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่านี่ฝีมือสไปรท์แน่นอน
พี่น้ำงั้นรึ? คิดไปคิดมาก็ไม่น่าใช่แฮะ พี่เขาอยากให้สไปรท์เลิกเล่นนี่นา แถมยังจริงจังขนาดนั้นด้วย ดังนั้นพี่เขาจึงไม่มีความจำเป็นต้องตามน้ำหรือแกล้งขยับแก้ว
ตอนนี้ก็คิดไปว่าเป็นฝีมือสไปรท์ก่อนแล้วกัน
“ออ…ไม้หันอากาศ…คอ…รอ…”
สไปรท์อ่านออกเสียงพยัญชนะที่แก้วเลื่อนไป
“สระเอ…ดอ…ชอ…”
เมื่อสไปรท์พูดถึงตรงนั้น แก้วก็หยุดเคลื่อนไหว
“อ๋อ! เธอชื่ออัครเดชสินะ!”
ใครวะนั่น…
ถึงผมจะสงสัย แต่แก้วก็เลื่อนไปยังช่องที่เขียนว่า ใช่
สรุปหมอนี่ชื่ออัครเดช…เหรอ
“รู้ชื่อแล้ว… ไงต่อ? อย่าบอกนะว่าแค่เรียกมาถามชื่อเฉยๆ?”
“ก็ต้องไม่ใช่อยู่แล้วซี่ ส่วนใหญ่ก็จะถามเรื่องอนาคตน่ะ ทั้งเรื่องความรัก การเรียน การงาน ไรเงี้ย!”
…ไปหาหมอดูแทนมั้ยหล่อน
อีกอย่างนะ ต่อให้นี่จะเป็นวิญญาณจริงๆไม่ใช่สไปรท์แกล้งทำ แต่วิญญาณก็แค่คนธรรมดาที่ตายเท่านั้นแหละ มันจะไปมีอภินิหารรู้อนาคตได้ไงเล่า ถ้ารู้จริงป่านนี้คงไม่มาเป็นวิญญาณหรอก
ผมที่เห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระจริงๆ ก็พยายามจะดึงนิ้วออก
พี่น้ำก็เตือนทันที
“น้องคริส!”
“เออๆ ครับๆ รู้แล้วๆ”
ไหนๆก็ไหนๆ จะเลิกก็ไม่ให้เลิก งั้นผมขอทำอย่างที่คิดไว้ตอนแรกเลยแล้วกัน หาข้อเท็จจริงให้แน่ใจไปเลยว่าของจริง ไม่ใช่สไปรท์แกล้ง
ถ้าเป็นวิญญาณ …งั้นเจ้าอัครเดชนี่ก็ต้องตอบคำถามของโลกหลังความตายได้
จากที่อุตส่าห์มาร่วมเล่นการละเล่นแปลกๆของเด็กมัธยม แสดงว่ามีโอกาสสูงที่จะเป็นวิญญาณที่ยังไม่ได้ไปสู่สุคติ และอยู่ว่างๆ
ผมลับสายตา
“ขอฉันถามได้มั้ย?”
“เอาสิ! ผีถ้วยแก้วก็ต้องให้หลายๆคนช่วยกันถามนี่แหละ!”
“เข้าใจล่ะ”
ผมตรวจสอบว่านิ้วยังวางไว้ที่ก้นแก้ว ก่อนจะถามออกไป
“ขอชื่อยมทูต…ยมบาลที่ดูแลแกหน่อย อัครเดช”
“โว้ว? คำถามแอดวานซ์สุดๆเลยนะ พี่คริสโตเฟอร์”
“ทำไม? ตอบไม่ได้หรือไง?”
“แล้วมาถามหนูทำไมเนี่ย!? ก็บอกอยู่ว่าหนูไม่ได้ขยับน่ะ!”
ถ้าจะยืนยันแบบนั้นก็เชิญเลย …ยมทูตที่ตรวจตราบริเวณนี้น่ะ จากที่ผมสืบๆมาก็มีแค่โรแลนด์คนเดียว และคนที่รู้จักโรแลนด์ก็มีแค่ดิวเท่านั้น
ในกรณีที่ตอบเป็นชื่ออื่น ก็แสดงว่ามีคนแกล้งผมแล้วล่ะ
หึๆ… ถ้าจะมั่วทรงก็ยากหน่อยนะ ใครจะไปคิดล่ะว่ายมทูตหนึ่งเดียวในโรงเรียนจะส่งตรงมาจากต่างประเทศกันล่ะ?
ขณะกำลังแสยะยิ้ม แก้วก็เลื่อนไปตามช่องต่างๆ…
โ…ร…แ…ล…
“เฮ้ย?”
ผมเผลออุทาน
สไปรท์กะพริบตา
“โรแลนด์? อะไรล่ะนั่น? ชื่ออย่างกับพี่คริสโตเฟอร์เลย”
“หมายความว่าไงหา?”
“เปล๊า~ แล้วถูกอะเปล่า?”
“…”
ถูกเป๊ะเลยล่ะ แต่แค่นี้ยังยืนยันอะไรไม่ได้หรอก!
ผมหยิบโทรศัพท์ โทรหาดิว
รอสักพัก ปลายสายก็รับ ผมรีบถาม
“ดิว เธอได้บอกเรื่องโรแลนด์กับพี่น้ำหรือสไปรท์รึเปล่า?”
“พี่คริสโตเฟอร์ยังคิดว่าหนูแกล้งอีกเหรอ!? แถมยังจะโทษพี่น้ำด้วย!”
ผมฟังเสียงบ่นของสไปรท์โดยไม่ให้ความสนใจ
ผมคุยกับดิวอยู่สักพัก และก็วางสายด้วยสีหน้าบอกบุญไม่ค่อยรับเท่าไหร่
“เป็นงาย?”
“สไปรท์ วันนี้เธอจะกวนโอ๊ยมากไปแล้วนะ”
จากที่คุยกันเมื่อกี้ คือดิวไม่ได้บอกเรื่องโรแลนด์กับใครเลย
ดิวไม่โกหกซะด้วยสิ ถึงจะพูดน้อย แต่ก็ไม่เคยพูดโกหกกับผม…เท่าที่รู้อะนะ
อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่า สไปรท์ไม่ได้ข้อมูลของโรแลนด์มาจากดิว ส่วนพี่น้ำที่ผมตัดไปแล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็น่าจะไม่มีข้อมูลนี้เช่นกัน
สไปรท์ย่นริมฝีปาก
“ก็พี่คริสโตเฟอร์ไม่ยอมเชื่อสักทีนี่นา ผีถ้วยแก้วไม่ใช่เรื่องหลอกลวงสักหน่อย คุยกับวิญญาณเลยนะ! ไม่มีใครเขาล้อเล่นกันหรอก!”
พี่น้ำก็แทรกขึ้นมา
“พี่เข้าใจที่น้องคริสสงสัยนะ ตอนแรกพี่ก็สงสัยเหมือนกัน แต่หลังจากได้ลองเล่นดูก็…”
ผมดูท่าทีของพี่น้ำ ก็เข้าใจเลยว่าพี่เขาอยากพูดอะไร
…งั้น ชื่อโรแลนด์อาจจะง่ายไป ต้องใช้คำถามที่ลึกกว่านั้นอีก
ผมรัวคำถามใส่อัครเดช
“แกตายยังไง!?”
…ป่…ว…ย
“ตายที่ไหน!? ตอนตาย โรแลนด์ให้ทำอะไรบ้าง!?”
…โรงพยาบาล …กรอกเอกสารสำหรับสู่สุคติ …เริ่มต้นที่สี่สิบเก้าวัน …ตอนนี้เหลืออีกหกวัน
“สภาพร่างกายหลังกลายเป็นวิญญาณ!?”
…ทรุดโทรม …ทว่า มีฟังก์ชันรีเซ็ทให้กายวิญญาณกลับเป็นปกติ
เนื่องจากคำถามที่ผมถามทั้งหมดล้วนแต่มีความยาวของประโยคในการตอบเมื่อต้องเลื่อนไปที่พยัญชนะและสระทีละตัว หลังจากใช้เวลาถามต่ออีกหลายอย่าง ก็ได้ข้อสรุปว่า…ความรู้ของอัครเดชนั้น แน่นเอี๊ยดเหมือนคนที่ตายจริงๆ…
สไปรท์กับพี่น้ำรับฟังผมที่รัวคำถามใส่อัครเดชด้วยความกังวล
“ต่อไป! …แล้วพระเจ้…”
ไม่ทันจะถามจบ พี่น้ำก็ดึงแขนผม
“น่าจะยืนยันได้แล้วนะน้องคริส พอเถอะ”
“นะ นั่นสินะครับ…”
สงสัยจะติดลมไปหน่อย …ยืนยันได้แล้วว่าวิญญาณที่ชื่ออัครเดชเป็นคนขยับแก้ว …ที่จริงก็หวังว่าให้เป็นยัยสไปรท์แกล้งล่ะนะ จะได้น่าปวดหัวน้อยลง
เอาเถอะ ในเมื่อแน่ใจ งั้นก็มาเข้าที่เนื้อหาสำคัญเลยดีกว่า
หาวิธีให้สไปรท์ขยาดผีถ้วยแก้ว
“อืม~ พี่คริสโตเฟอร์จะถามอะไรอีกปะ?”
“ไม่ล่ะ เชิญเลย”
“โอเค๊!”
จากนั้น สไปรท์ก็ถามคำถามอัครเดชอย่างที่ปัญญาชนคนเล่นผีถ้วยแก้วถามกัน ส่วนคำถามของผมเมื่อกี้น่าจะเกินเบอร์ไปหน่อย
ระหว่างนี้ก็มาคิดหาวิธีให้สไปรท์เลิกเล่นผีถ้วยแก้วดีกว่า พี่น้ำก็หวังให้ผมทำอย่างนั้นซะด้วย
ผมใช้ความคิดพลางมองสไปรท์ที่คุยกับวิญญาณอย่างสนุกสนาน
จากที่รู้จักกันมา สไปรท์เป็นพวกเบื่อง่าย ที่จริงต่อให้ปล่อยทิ้งไว้ก็น่าจะเบื่อแล้วเลิกเล่นไปเอง
แต่ที่พี่น้ำเป็นห่วงน่าจะเป็นเรื่องผีเข้านั่นแหละ
ซึ่งจะโดนผีเข้าได้ก็ต้องมาจากทำผิดกฎของการเล่น สไปรท์ที่อินจัดขนาดนี้ ก็ไม่น่ามีปัญหาเรื่องนั้นนี่นา…
ผมกระซิบพี่น้ำ
“พี่น้ำครับ”
“หืม?”
“คือพี่กลัวว่าสไปรท์จะโดนผีเข้าสินะครับ? แต่ถ้าเล่นไปตามกฎ ก็ไม่น่าจะมีปัญหานี่ครับ?”
พี่น้ำก็กระซิบกลับมา
“คือที่ผีเข้าน่ะนะ บางคนที่โดนก็เล่นตามกฎนั่นล่ะ แต่วิญญาณที่มาเล่นด้วยเฮี้ยนไปหน่อย …พี่ก็ไม่รู้ว่าสไปรท์จะโดนแบบนั้นรึเปล่านี่สิ…”
เข้าใจล่ะ เพราะวิญญาณที่มาเล่นด้วยไม่รู้ว่าก้าวร้าวขนาดไหนสินะ ต่อให้เล่นตามกฎก็อาจถูกผีเข้าอยู่ดี
อันตรายเหมือนกัน พอรู้แบบนี้ ต่อให้พี่น้ำไม่ขอ ผมก็อยากให้สไปรท์เลิกเล่นแฮะ
“โห! หนูจะโชคดีงั้นเหรอ!? พี่คริสโตเฟอร์! ขอยืมเงินมาเปิดกาชาหน่อยสิ!”
สไปรท์ที่ได้รับคำทำนายจากอัครเดชก็ยื่นมือมาทางผม
“…ปกติน่าจะเอาดวงไปซื้อหวยกันไม่ใช่เหรอ”
“หนูไม่ได้อยากได้ตังค์นี่ อยากได้SSRต่างหาก”
“งั้นก็ไม่ต้องมายืมเงินฉัน”
“อืม~ แต่หนูอยากเอาตังค์มาเปิดกาชานี่นา สับสนจังเลยนะเนี่ย…”
คุยกับสไปรท์ทีไร ก็ให้อารมณ์เหมือนคุยกัยเด็กประถมทุกครั้งเลยแฮะ
“ช่างเถอะ ถามเสร็จรึยัง? ฉันเมื่อยแล้ว”
“อื๋อ? ก็เสร็จแล้วนะ พี่น้ำอะ? จะถามไรพี่อัครเดชมะ?”
พี่น้ำส่ายศีรษะ
“…ไม่เป็นไร”
“โอเชๆ งั้นก็…”
แล้วสไปรท์ก็เชิญวิญญาณออก และการเล่นผีถ้วยแก้วก็จบลง
สไปรท์ลุกบิดขี้เกียจ
“ฮ้า~! สนุกจังเลย เย็นนี้เล่นกันอีกมะ? เดี๋ยววันนี้หนูจะยอมถ่อมาสภาก็ได้”
“ถ้าจะมาเล่นเฉยๆก็ไม่ต้องมาหรอก”
“บู้ๆ ช่างเถอะ หนูกลับไปเรียนต่อละ! พี่ๆก็อย่าแอบจู๋จี๋กันจนเข้าเรียนสายล่ะ!”
เธอก็ออกไปจากสภาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และก็ยกกระดานผีถ้วยแก้วไปด้วย …จะเอาไปเล่นในห้องเรียนเลยหรือไงหา?
“กลับห้องเรียนกันเลยมั้ย? น้องคริส”
ผมรับคำถามพร้อมเหลือบมองนาฬิกา
“เหลืออีกห้านาทีครับ …ไม่ต้องรีบหรอก อีกอย่างผมยังไม่หมดธุระเลยด้วย”
“ธุระ?”
“ครับ …อัครเดชใช่มั้ย? ออกมาคุยกันหน่อยซิ”
ผมหันมองรอบห้องและเรียกหาวิญญาณตัวที่เล่นผีถ้วยแก้วกับพวกผม
แต่ก็ไม่มีปฎิกิริยาอะไรเลย
“รีบออกมาได้แล้วน่า ไม่งั้นเดี๋ยวฉันจะบอกโรแลนด์ให้ลากแกลงนรก …สิงในโรงเรียนก็น่าจะรู้ใช่มั้ย? ฉันเป็นซาตาน กะอีแค่คุยกับยมบาล ไม่เกินมือฉันหรอก”
ทันใดนั้นเอง ที่มีเสียงพูดเรียบๆของเด็กชายดังขึ้น
“สะ สวัสดีครับ…เดชเองครับ”
“มีแค่เสียงเหรอ? โชว์ตัวให้เห็นหน่อย ไม่งั้นจะเป็นการสนทนาได้ไงเล่า?”
“เอ่อ น้องคริส…จะทำอะไรคะเนี่ย?”
พี่น้ำถามด้วยเสียงกังวล หันซ้ายหันขวารับเสียงของวิญญาณ
“ช่วยให้สไปรท์เลิกเล่นผีถ้วยแก้วไงครับ”
และผมก็คุยกับอัครเดชต่อ
“เอาไง?”
“…คะ คือผมใช้พลังขยับแก้วไปเยอะน่ะครับ จะให้แสดงตัวก็เหนื่อย…”
“เหรอ? โอเคๆ งั้นไม่ต้องก็ได้ …แกช่วยไปบอกวิญญาณที่รู้จักหน่อยได้มั้ย? ต่อไปนี้ห้ามไปร่วมเล่นผีถ้วยแก้วกับคนในโรงเรียนอีก”
ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม… แต่ไอ้ที่ผมทำอยู่ตอนนี้ก็เหมือนแก้ที่ปลายเหตุล่ะนะ แต่ว่า ถ้าไม่มีวิญญาณตัวไหนไปเล่นด้วยล่ะก็ เดี๋ยวผีถ้วยแก้วก็เลิกฮิตกันไปเอง
คงไม่มีใครอยากมานั่งจ้องแก้วที่ขยับไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ?
ทั้งๆที่คิดว่าปัญหาจะคลี่คลายโดยง่าย เพราะอีกฝ่ายเป็นแค่วิญญาณ แต่อัครเดชกลับตอบมาแบบนี้
“…จะให้ผมไปห้ามคนอื่นๆ ทำไม่ได้หรอกครับ …วิญญาณส่วนใหญ่ก่อนจะไปสู่สุคติก็อยู่ว่างๆ การที่มีคนเป็นๆมาคุยด้วยก็ทำให้แก้เหงาไปได้บ้างน่ะครับ”
“หืม…”
พูดมาแบบนั้นก็ทำให้วิตกไม่น้อย ผมค่อนข้างรู้ดีว่าวิญญาณที่รอสู่สุคติว่างขนาดไหน …ไม่อยากไปห้ามเด็ดขาดแบบนั้นเลย
อัครเดชพูดเสริม
“ถ้าผมคนเดียวก็ได้อยู่หรอก…แต่ถ้าจะห้ามทุกคนเลย นายคงต้องไปคุยตัวต่อตัวเอง…”
“เข้าใจล่ะ…ขอบใจมากนะ นายไปเถอะ”
“อะ อืม”
เสียงก็เงียบลง
…เมื่ออัครเดชจากไป ไม่สิ เพราะไม่เห็นตัวเลยอาจจะยังอยู่ก็ได้ แต่พี่น้ำก็ถามขึ้นมา
“ปล่อยไปง่ายๆงี้เลยเหรอ? แล้วจะช่วยน้องสไปรท์ได้ยังไงกันเนี่ย?”
“เอาจริงๆมันเป็นปัญหาที่ตัวนักเรียนที่ดันมาฮิตของบ้าๆแบบนี้ต่างหากล่ะครับ ถึงไม่รู้ว่าจะเบื่อกันตอนไหน แต่จะให้ผมไปห้ามวิญญาณแบบนั้น …ก็รู้สึกว่าน่าสงสารไปหน่อย”
“ก็จริงอยู่หรอกค่ะ แล้วเรื่องน้องสไปรท์ล่ะ?”
ใช่แล้ว การที่ปล่อยไปโดยไม่ทำอะไร ก็คือยัยสไปรท์จะยังคงเล่นผีถ้วยแก้วต่อ
…ถึงจะพูดงั้นก็เถอะ แต่ผมมีวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายกว่านั้น โดยเป็นวิธีที่คำนึงถึงนิสัยของยัยเสือสมิงนั่นด้วย
ผมลุกขึ้น
“พี่น้ำครับ ช่วงนี้ช่วยลากยัยสไปรท์มาสภาหน่อยได้มั้ยครับ?”
“ก็ยากอยู่นะ ปกติน้องเขาไม่ชอบเข้าสภาด้วยสิ พี่ก็เหมือนกัน”
“สักหน่อยไม่ตายหรอกครับพี่ แล้วนี่ผมกำลังทำตามที่พี่ขออยู่นะ?”
“เฮ้อ…งั้นจะให้บอกน้องสไปรท์ว่าไงล่ะ? ถ้าให้มาสภาเฉยๆคงไม่ยอมแน่ ต่อให้พี่จะเป็นคนพูดก็เถอะ”
…นี่ใช่คำตอบที่ควรออกมาจากปากสมาชิกสภามั้ยฮึ?
ถึงจะหงุดหงิด ผมก็พูดพร้อมสะบัดข้อมือ
“บอกว่าผมอยากเล่นผีถ้วยแก้วน่ะครับ”
“เอ๋? น้องคริสก็จะเอากับเขาด้วยเหรอ?”
“ไม่ใช่ครับ การละเล่นที่ไว้ใช้คุยกับวิญญาณมันไม่สร้างความบันเทิงให้ผมหรอก …แต่ถ้าบอกว่าผมอยากเล่น สไปรท์ก็จะมาสภาใช่มั้ยล่ะ?”
“อืม ก็น่าจะนะ…”
“ตามนั้นครับ”
“ถึงจะยังไม่เข้าใจว่าน้องคริสจะทำอะไรก็เถอะ…แล้วต้องมาสภากี่วันเหรอ?”
“เรื่องนั้น…”
+ +
…ผ่านไปสามวัน อืม ใช้เวลาน้อยอย่างที่คาด เพราะอีกฝั่งเป็นสไปรท์ด้วยน่ะนะ…
“ไม่เอาแล้ว! พี่คริสโตเฟอร์! ให้หนูพักหน่อยสิ!”
“พักบ้าพักบออะไรเล่า! ฉันยังถามไม่เสร็จเลยนะ!”
“แขนหนูปวดไปหมดแล้วนะ! แค่ที่เล่นกับพี่คริสโตเฟอร์ช่วงนี้ก็เยอะกว่าที่หนูเล่นมาทั้งชีวิตแล้ว! คุยกับวิญญาณทั้งโรงเรียนแล้วม้าง!”
“หุบปาก! ยังไม่ครบสักหน่อย! โอ้? นี่ก็เป็นคำถามนี่นา? เฮ้ยแกน่ะ วิญญาณที่ยังไม่เคยคุยกับฉันเหลืออีกกี่ตัว?”
…สามสิบกว่า…
“เห็นมั้ยล่ะ! ยังเหลืออีกตั้งเยอะ! ฉันจะไม่หยุดเล่นจนกว่าจะคุยให้ครบทุกตัวเลยคอยดู!”
และนั่นก็คือการเถียงของผมกับสไปรท์ ขณะที่เล่นผีถ้วยแก้วในห้องสภาช่วงเย็นติดต่อกันเป็น ‘วันที่สาม’
เนื่องจากผมก็ค่อนข้างห่วงสไปรท์พอดู และในเมื่อไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนเธอจะเบื่อ เกิดไปเล่นกับคนอื่นและดันบังเอิญเจอวิญญาณเฮี้ยนๆจนโดนผีขงผีเข้าขึ้นมา ก็รู้สึกผิดกับพี่น้ำ
เพราะงั้นวิธีแก้ปัญหา ก็คือไอ้ที่ผมกำลังทำอยู่นี่แหละ
เล่นผีถ้วยแก้วมาราธอนตลอดหลายวันจนหมดเวลาชมรม นับแค่แอร์ไทม์ต่อวันก็เกือบสี่ชั่วโมงเข้าไปแล้ว รวมตอนนี้ก็ผ่านประสบการณ์การเล่นผีถ้วยแก้วอย่างโชกโชนมาถึงสิบสองชั่วโมง
ระหว่างผมถามคำถามด้วยความสนุกสนาน จู่ๆสไปรท์ก็ดึงนิ้วออกจากแก้ว
“สไปรท์?”
“ไม่ลงไม่เล่นมันแล้ว! พี่คริสโตเฟอร์เล่นไปคนเดียวเลย!”
“เอานิ้วออกก่อนมันผิดกฎนา? โอ๊ะ? ไหนๆก็ไหนๆ เฮ้ยแกน่ะ มีคนเอานิ้วออกกลางคันแหนะ จะสิงก็สิงเลยนะตอนนี้”
“แง!!!”
สไปรท์ที่โกรธหรือกลัวจนร้องไห้ก็ไม่รู้ วิ่งออกจากสภาไปทันที
ส่วนพี่น้ำกับพลอยที่สังเกตการณ์มาสามวันก็พูดขึ้น
“ประธานทำน้องเขาร้องไห้เลยนะคะ…”
“ถึงพี่จะขอไว้ก็เถอะ แต่รุนแรงไปหน่อยมั้ยเนี่ย?”
ผมผายมือให้ทั้งสอง
“ฉันไม่ผิดนา …แค่จากนิสัยยัยสไปรท์ที่เบื่อง่าย อีกเดี๋ยวก็คงเลิกเล่นไปเอง ฉันแค่เร่งเวลาให้เบื่อเร็วขึ้นก็เท่านั้น”
“ก็เป็นวิธีที่ดีน่ะนะ …แต่พี่สงสารน้องเขาไงไม่รู้สิ”
“คิดซะว่ามอบสิ่งดีๆให้ยัยนั่นแล้วกันครับ”
มองย้อนกลับมาก็นึกขอบคุณผมซะด้วยล่ะ ผมต้องทนเล่นผีถ้วยแก้วตั้งหลายวันเพื่อให้หล่อนเบื่อเลยนะ สไปรท์
พี่น้ำถอนหายใจ
“อือๆ …แล้วที่น้องสไปรท์เอานิ้วออก ทำไมถึงไม่โดนผีเข้า? หรือเพราะน้องคริสอยู่ด้วย”
พลอยก็พยักหน้าให้คำพูดของพี่น้ำ
“นั่นสิคะ ฉันก็สงสัยนิดหน่อย”
“หือ? อ๋อ ก็อย่างที่ว่านั่นแหละ ถ้าฉันอยู่ด้วย ต่อให้สไปรท์โดนผีเข้าขึ้นมาจริงๆ ฉันก็ไล่ได้ง่ายๆ …แต่ก็ไม่รู้จะเสี่ยงไปทำไม เลยใช้วิธีที่ง่ายกว่านั้น”
““วิธีที่ง่ายกว่านั้น?””
ผมชี้ไปที่แก้ว แก้วที่ใช้เล่นผีถ้วยแก้วและยังไม่ได้เชิญวิญญาณออก
“ฉันเป็นคนขยับแก้วเอง เพราะงั้นไม่มีวิญญาณมาเกี่ยวข้องเลยสักนิด”
“เอ๊ะ? จะบอกว่าสามวันมานี้ น้องคริสคุยคนเดียวอยู่ตั้งหลายชั่วโมงน่ะนะ???”
“ใช่ครับ มีจุดแปลกๆอยู่หลายจุดเลยล่ะ อย่างว่า ผมไม่ใช่นักแสดงซะด้วย …ต้องขอบคุณที่สไปรท์ฉลาดน้อยน่าดู”
พูดจบ ผมก็หยิบกระดานผีถ้วยแก้วขึ้นมา ก่อนจะหักทิ้งและโยนลงถังขยะ
“สมเป็นน้องคริสดีนะ…”
“พี่น้ำไม่ต้องไปชมหรอกค่ะ…”
จะชมจะบ่นก็ตามสบาย เพราะผมได้ทำตามที่ขอไว้เรียบร้อยแล้วไงล่ะ ต่อจากนี้คงไม่เห็นสไปรท์เฉียดเข้าใกล้ผีถ้วยแก้วอีกแล้ว
จบเคสอย่างง่ายดาย และยังใช้เวลาน้อยกว่าที่คาดการณ์ เรานี่มันเก่งจริงๆ
พลอยมองกระดานที่หักเป็นสองครึ่ง
“อะ เอ่อ ไม่ใช่ว่านั่นเป็นของชมรมไสยศาสตร์เหรอคะ?”
“ใช่ๆ ของชมรมนั่นแหละ ถ้าเป็นห่วงเรื่องค่าเสียหายล่ะก็ เดี๋ยวไว้ฉันไปจ่าย”
“ประธานนี่นะ…”
…ต่อจากนั้นไม่นาน ผีถ้วยแก้วก็เลิกฮิตจนได้ นับว่าเป็นโชคดีสองชั้นเลยล่ะ เพราะขนาดช่วงที่ยังฮิตอยู่ ก็ไม่มีเคสผีเข้ามาให้สภานักเรียนช่วยเลยสักครั้ง หรือก็คืออีเว้นท์ผีถ้วยแก้วจบลงโดยที่ผมวุ่นอยู่กับสไปรท์แค่คนเดียว
ก็หวังว่า…ต่อจากนี้จะไม่ฮิตบ้าอะไรแปลกๆกันอีกก็แล้วกัน
เคสที่ 14 เกมกระดาน (ผีถ้วยแก้ว) /จบ