สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 27 เคสที่ 14 เกมกระดาน (1)
“น้องคริสๆ!”
เสียงอันแสนร่าเริงของสาวรุ่นพี่ผีไร้หัว
ผมหันคอกลับไป
“อย่าวิ่งบนระเบียงครับ พี่น้ำ”
ช่วงพักเที่ยง ระหว่างทางไปห้องสภา คุณสาวรุ่นพี่ตำแหน่งเหรัญญิกของสภาก็ส่งเสียงทักพร้อมวิ่งเข้ามาจนหน้าอกหน้าใจกระเด็นกระดอน
…โรงเรียนนี้ก็ไม่ได้เคร่งเรื่องการแต่งกายนักหรอก แต่กับคนที่อายุแค่นี้แต่มีรูปร่างอย่างกับผู้ใหญ่แบบพี่น้ำน่ะ ควรจะแต่งกายให้มันสมกับรูปร่างหน่อยรึเปล่า? เพราะนี่ก็โดนเด็กผู้ชายรอบๆมองกันตาเป็นมันเลยล่ะ
“แค่วิ่งเยาะๆเอง! น้องคริสอย่าดุพี่สิ!”
“มีคำว่าวิ่งก็ไม่ได้แล้วครับ ยิ่งเป็นช่วงพักเที่ยงที่คนเยอะๆด้วย เกิดหกล้มแล้วไปชนคนอื่นจะทำยังไงล่ะครับ?”
“จะบอกว่าน้องคริสไม่เคยวิ่งบนระเบียงเลยเหรอ?”
“ไม่เคยครับ”
ผมตอบทันควันจนพี่น้ำเอียงคอ
“ตอบเร็วเกินไปจนไม่รู้ว่าโกหกหรือพูดจริงเลยนะนั่น?”
“พูดจริงสิ …แล้วมีเรื่องอะไรครับ? หรือจะไปสภากับผม?”
“ไม่ใช่สักหน่อย นอกจากน้องคริสกับน้องพลอยก็ไม่มีใครไปสภาตอนกลางวันสักหน่อย”
อย่าว่าแต่ตอนกลางวันเลย ขนาดตอนเย็นผมก็ยังไม่เห็นหัวรุ่นพี่คนนี้เลยสักนิด …ไม่เห็นหัวกับผีไร้หัวเหรอ? คงใช้คำผิดไปหน่อยแฮะ
พี่น้ำผสานมือและเดินตาม
“น้องคริสรู้จัก ‘ชมรมบอร์ดเกม’ รึเปล่า?”
“ผมว่า…ชมรมที่ผมได้ยินช่วงนี้ …มันน่ายุบทิ้งหลายชมรมเลยนะครับนั่น”
“นี่ๆ ชมรมนี้ไม่เหมือนชมรมวิจัยอนิเมะหรอกนะ พวกเขามีงานมีการเป็นกิจจะลักษณะ และยังไม่ลืมที่จะสานต่อความสัมพันธ์ไปยังคอมมูนิตี้บอร์ดเกมของโรงเรียนอื่นด้วย”
…ไม่เหมือนชมรมอนิเมะงั้นเหรอ แต่สำหรับผมจะชมรมไหนที่มีชื่อประมาณนี้ ก็น่ายุบทิ้งมันทุกชมรมนั่นแหละ
พี่น้ำเอาไหล่ชนเบาๆ
“อย่าเอะอะก็จะยุบชมรมสิ เดี๋ยวคนอื่นก็มองว่าเป็นพวกเจ้ากี้เจ้าการหรอก”
“ใครจะมองยังไงก็ได้ทั้งนั้นแหละครับ ผมแค่อยากให้โรงเรียนเป็นอย่างที่ควรเป็นก็พอ”
“งั้นชมรมน่าสนุกพวกนั้นก็ต้องมีไม่ใช่เหรอ? ชมรมน่ะนะ จะตั้งทั้งทีก็ต้องเป็นชมรมที่ดูน่าสนุกเข้าไว้สิ!”
“ที่พูดนี่ …คงไม่ใช่ว่าแอบไปให้สิทธิพิเศษอะไรกับชมรมบอร์ดเกมนั่นสินะครับ?”
“หว๋าย ความเชื่อใจหายไปไหนหมดเนี่ย? พูดงี้พี่เสียใจนะน้องคริส กระซิก…กระซิก”
ยัยรุ่นพี่ที่ทุจริตเอางบประมาณไปให้ชมรมอนิเมะซื้อการ์ตูนอ่านฟรีแบบพี่น่ะนะ จะให้ผมเอาความเชื่อใจจากไหนมาให้กันเล่า?
เมื่อพี่น้ำเห็นว่าการแกล้งร้องไห้ใช้ไม่ได้ผล ก็กระแอม
“อะแฮ่มๆ คืองี้นะคะน้องคริส พอดีชมรมบอร์ดเกมที่น้องสไปรท์ชอบไปคลุกตัวอยู่ช่วงเย็นน่ะ เกิดฮิตการละเล่นอย่างหนึ่งที่ดูน่าเป็นห่วง…”
“เดี๋ยวนะครับ ขอย้อนกลับไปนิดนึง”
“หืม? ทำไมเหรอ?”
“พี่จะบอกว่าที่ยัยสไปรท์ชอบหายหัวไม่เข้าสภา คือไปจุ่มอยู่ที่ชมรมนั่นเหรอครับ?”
“พี่พูดตกไปหน่อย …หมายถึงที่นานๆทีน้องสไปรท์จะชอบไปคลุกตัวต่างหากล่ะ”
…คงต้องคิดเรื่องไล่ออกเสือสมิงนั่นจริงๆจังๆซะแล้วสิ แล้วถ้าว่ากันตามตรง พี่น้ำก็เข้าข่ายโดนผมไล่ออกอยู่เหมือนกัน รีบๆปรับปรุงพฤติกรรมกันให้ไวเลยนะ
พี่น้ำเท้าสะเอว
“น้องคริสอย่าหาบ่นไปเรื่อยสิ มีใจจะฟังที่พี่พูดมั้ยเนี่ย?”
“ครับๆ ขอโทษที่เสียมารยาท”
“เป็นคนอื่นพี่โกรธไปแล้วนะ แต่เพราะเป็นน้องคริส พี่จะไม่ว่าอะไรแล้วกันค่ะ!”
….ได้ใจไปหน่อยมั้ยฮึ? ให้ตายสิ
ผมกำลุกบิดประตู ตอนนี้ก็มาถึงห้องสภาแล้ว
“คุยข้างในแล้วกันครับ ผมไม่ค่อยชอบเดินคุยเท่าไหร่ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ”
“แหม ได้ทีก็ชวนพี่เข้าห้องเลยนะ? สายเลือดอินคิวบัสตื่นพอดีเหรอ? ที่จริงพี่ก็ไม่ได้รังเกียจน้องคริสหรอกนะ…แต่น้องคริสยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยนี่นา…”
พี่น้ำกุมมือบิดตัวไปมา จนเห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้
ผมถอนหายใจเปิดประตู
“ผมไม่สนผีไทยครับ”
“น้องคริสนี่น้า~ ขี้อายจังเลยนะคะ”
“ส่วนพี่ก็น่าโมโหสุดๆเลยล่ะครับ”
“อะ เอ๊ะ? พูดยังงี้จะลงโทษอะไรพี่เหรอ!?”
ถึงจะไม่มีศีรษะ แต่ก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังหน้าแดง …คิดเรื่องแบบไหนอยู่กันนะ
นานๆจะได้เจอตัวสักที ก็ทำให้ปวดขมับในทันใด หวังว่าเรื่องที่พี่น้ำจะพูดจะไม่น่าปวดหัวแบบนี้นะ แล้วก็ขออย่าให้เจออะไรน่าปวดกบาลอีกก็พอ…
…ไม่รู้เพราะใช้คำพูดแสดงว่าผมเหนื่อยใจซ้ำไปหรือไม่ แต่ก็เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง…
“โอ้ว!? พี่คริสโตเฟอร์กับพี่น้ำนี่นา? บังเอิญจังเนอะ!”
ทันทีที่เปิดประตู ก็เห็นเด็กสาวผมทรงทวินเทลบวกหนึ่งที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะรับแขกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจนเห็นฟันเขี้ยว ส่วนผีนางรำที่คิดว่าจะอยู่ดันไม่อยู่ซะนี่…
ผมว่า วันนี้ผมได้เส้นเลือดในสมองแตกตายแน่ๆ…
ผมมานั่งที่โต๊ะรับแขกโดยมีพี่น้ำกับสไปรท์อยู่ฝั่งตรงข้าม และยังต้องลำบากผมไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาให้อีก นี่ยังเห็นผมประธานอยู่มั้ย?
ผมที่คิดแบบนั้นก็เบ้ปาก
“วันนี้พี่คริสโตเฟอร์อารมณ์ไม่ดีเหยอ?”
“คิดว่ามันเป็นเพราะใครกันล่ะ?”
“อืม~ คงไม่ใช่เพราะหนูสิเนอะ?”
“ผิดไปครึ่งนึง เพราะอีกครึ่งมาจากพี่น้ำ”
“เดี๋ยวสิพี่คริสโตเฟอร์! ถ้าจะพูดยังงั้นโทษหนูมาเลยดีกว่า! อย่าไปลงกับพี่น้ำนะ!”
“ก็หมายถึงพวกเธอทั้งหมดแหละว้อย!!!”
ร้อยวันพันปีไม่เคยจะเห็นหน้า แต่วันนี้กลับนั่งหน้าสลอนกันอยู่ในสภาอย่างหาได้ยาก คิดซะว่าคงมีเรื่องอะไรมารบกวนผมแน่นอน ไม่งั้นคงไม่มาสภาแน่ๆ
พี่น้ำจ้องไปที่ของที่วางบนโต๊ะ
…สงสัยเรื่องที่จะพูดคงเกี่ยวกับไอ้นี่ด้วยล่ะมั้ง? ว่าแต่มันคืออะไรกันล่ะเนี่ย?
ลักษณะของมันก็คล้ายๆเกมกระดาน แต่ช่องต่างๆกลับเป็นตัวพยัญชนะไทย แถมรอบข้างยังมีรูปบ้านกับคำว่า ใช่ และ ไม่ อยู่ด้วย
“พี่น้ำครับ?”
ผมเอ่ยทักพี่น้ำที่มองกระดานด้วยความเหม่อลอย
เธอสะดุ้งเบาๆ
“อะ ค่ะ! ว่าไงคะ น้องคริส”
“ผมขอสันนิษฐานว่าเรื่องที่พี่จะพูด คงเกี่ยวกับกระดานแปลกๆนี่ด้วยใช่มั้ยครับ?”
“อืม…ใช่เลยล่ะ ว่าแต่น้องสไปรท์เอามาสภาทำไมเหรอ?”
สไปรท์รับคำถามก่อนยืนขึ้น
“ก็เห็นว่ามันสนุกดีไงล้า! เลยว่าจะเอามาให้คนในสภาเล่นกัน!!!”
“งะ งั้นเหรอ…”
ไม่รู้ทำไมพี่น้ำถึงทำท่าไม่แน่ใจแบบนั้น กระดานนี่มันมีอะไรผิดปกติรึเปล่าเนี่ย?
ผมกอดอกพูดกับสไปรท์
“ฉันฟังจากพี่น้ำมาหน่อยแล้วล่ะ ช่วงนี้เธอไปชมรมบอร์ดเกมบ่อยสินะ”
“ใช่แล้น! สนุกกว่าสภาเยอะเลย! ไว้วันไหนพี่คริสโตเฟอร์ก็ไปด้วยกันสิ!”
…รู้ตัวมั้ยเนี่ยว่ากำลังชวนใครอยู่กันหา?
ผมหยิบกระดานนั่นขึ้นมาพินิจพิจารณา
“บอร์ดเกมที่สร้างที่ไทยเหรอ? ฉันไม่รู้จักซะด้วยสิ”
สไปรท์โบกมือ
“ไม่ใช่ๆ นั่นไม่ใช่บอร์ดเกมหรอกนะ!”
“ไม่ใช่ว่าเอามาจากชมรมนั้นหรอกเรอะ?”
“แต่อันนี้ยืมมาจากชมรมไสยศาสตร์แหละ ช่วงนี้ในโรงเรียนฮิตกันสุดๆเลยนา เจ้านี่น่ะ!”
พร้อมแย่งกระดานไปจากมือผม
ยืมมาจากชมรมไสยศาสตร์ แถมยังฮิตกันสุดๆ…สินะ
ฟังแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องน่าปวดหัวไงไม่รู้…
“ไหนๆก็ว่างแล้วด้วย! ถ้างั้นพวกเราสามคนมาเล่นด้วยกันเถอะ!!!”
สไปรท์ที่เออออห่อหมกไปเองแบบนั้น ก็ลุกขึ้นและหายไปทางห้องเก็บของของสภา …ไปไหนล่ะนั่น? ไม่ใช่ว่าจะลองเล่นกันหรอกเรอะ?
ผมจ้องกระดานเขม็ง
ทำไม…กระดานแปลกๆนี่มันถึงให้ความรู้สึกคล้าย ‘วีจาบอร์ด’ ที่ผมเคยเห็นตอนก่อนมาไทยนิดหน่อยแฮะ …อย่าบอกนะว่าของประเภทเดียวกัน?
“พี่น้ำครับ”
“อื้ม?”
“อย่าบอกนะว่าเจ้านี่คือวีจาบอร์ด?”
“วีจา…หมายถึงอะไรล่ะเนี่ย?”
ผมขี้เกียจอธิบายเลยค้นอากู๋และเปิดรูปให้พี่น้ำดู
พี่น้ำมองพร้อมกุมคาง พยักหน้าอืมๆ จากนั้นก็ชูนิ้วชี้ขึ้นเหมือนนึกขึ้นได้
ผมถามออกไป
“รู้จักใช่มั้ยครับ?”
“ที่บาคุระจากเรื่องเกมกลคนอัจฉริยะใช้สินะ?”
“งั้นเรียกดาร์กเนโครเฟียมาด้วยเลยแล้วกัน …จะบ้าเรอะ!?”
เอะอะอะไรก็วนเข้าเรื่องการ์ตูนตลอด แล้วก็นะ ไม่ใช่ทุกคนจะรู้จักการ์ดเกมจนเก็ทสักหน่อย หัดเล่นมุกอะไรให้มันอยู่ในขอบเขตที่คนอื่นเข้าใจหน่อยได้มั้ย?
ส่วนผมก็ผิดด้วยส่วนนึงที่ดันไปรู้จักนี่แหละ
ผมส่ายศีรษะ
“สรุปรู้จักใช่มั้ยครับ?”
“อืมๆ วิธีเล่นก็เหมือนกับกระดานนี่เลยล่ะ แค่พี่ไม่เคยได้ยินคำว่าวีจาบอร์ดเฉยๆ”
พี่น้ำตอบ ชี้ไปที่กระดานบนโต๊ะ
เห…สรุปแล้วก็ไอ้นั่นเองสินะ กระดานที่ไว้ติดต่อกับวิญญาณ
“ถ้าน้องคริสพูดว่าเดสตินี่บอร์ดแทน ก็คงไม่ต้องเปิดรูปให้พี่ดูแล้วล่ะ”
“เอ้าๆ หยุดเล่นมุกการ์ตูนได้แล้วครับพี่ …ตกลง ไอ้ที่กำลังฮิตกันอยู่ตอนนี้คือวีจาบอร์ดของไทยสินะ?”
“ถ้าของที่นี่จะเรียกกันว่า ‘กระดานผีถ้วยแก้ว’ น่ะ”
“ผี…ถ้วยแก้ว…?”
ระหว่างกำลังสงสัยว่าแก้วมาเกี่ยวอะไรด้วย สไปรท์ที่เดินหายไปในห้องเก็บของก็เดินกลับมา
“ฟู่! หาตั้งนานแหนะ พี่คริสโตเฟอร์จะเก็บไว้ลึกเกินไปแล้วน้า! เอ๊ะ? หรือเป็นพี่พลอยกันล่ะเนี่ย?”
สไปรท์โหวกแหวกพร้อมกับแก้วน้ำธรรมด๊าธรรมดาในมือ
“อย่างเธอที่นานๆจะเข้าสภาที ไม่ต้องมาบ่นเรื่องการเก็บของของสภาเลยนะ แล้วถ้าอยากโทษจริงๆก็ไปโทษยัยพลอยโน่น”
“โอ้ว? เป็นพี่พลอยจริงๆด้วยสินะ!? ก็ว่าอยู่ อย่างพี่คริสโตเฟอร์คงไม่ขยันจัดข้าวจัดของ ฮะฮ่าๆ!”
ส่วนหล่อนก็ไม่ขยันทำบ้าอะไรเลยสักนิด
ผมเหน็บแนมในใจ จังหวะนั้นเองที่พี่น้ำดึงคอเสื้อผมจากฝั่งตรงข้าม
เธอกระซิบข้างหู
“ก่อนจะเล่นจบ น้องคริสช่วยทำไงก็ได้ให้น้องสไปรท์เลิกเล่นทีได้มั้ย? เอาแบบให้ขยาดจนไม่กล้าเล่นอีกเลยน่ะค่ะ!”
“ที่บอกว่าน่าเป็นห่วงคือไอ้นี่จริงๆสินะ…”
“ใช่สิ! คุยกับวิญญาณคนตายเลยนะ!? พี่เคยได้ยินมาว่ามีคนเสียสติจากการเล่นผีถ้วยแก้วด้วย!”
เอิ่ม…พวกคุณพี่ก็มีสายเลือดผีสางกันไม่ใช่เรอะ? คุยกับวิญญาณมันจะไปต่างกับคุยกับคนอื่นตรงไหนกันเล่า?
ผมพ่นลมหายใจตอบ
“สไปรท์ก็สติสตังไม่ค่อยจะดีอยู่แล้วครับ หนักกว่านี้ก็คงไม่เห็นความต่างเท่าไหร่…”
“พี่จะโกรธแล้วนะ? น้องคริส”
พี่น้ำทำเสียงจริงจังผิดไปจากทุกที คงเป็นห่วงสไปรท์เอาเรื่องเลยนะนั่น
ช่วยไม่ได้…คิดซะว่าเป็นเคสเคสนึงก็แล้วกัน
ผมตัดสินใจเช่นนั้น
“แค่ให้เด็กนี่เลิกเล่นก็พอสินะครับ ผีถ้วยแก้วน่ะ”
“เอาให้ขยาดไปเลยค่ะ!”
“เข้าใจแล้วครับ… ปล่อยมือได้แล้วครับ”
ถ้าพี่น้ำมีร่างกายเหมือนคนปกติ ตอนนี้ผมกับพี่เขาคงจะจูบกันไปแล้ว เล่นดึงมาใกล้จนไม่รู้จะใกล้ยังไง แต่ก็นะ…พี่เขาไม่มีหัวนี่นา
และไม่รู้ทำไม พี่น้ำที่รู้สึกตัวก็ออกอาการเขินอายและปล่อยคอเสื้อผม
“ขะ ขอโทษ เผลอไปหน่อย”
“ตามสบายครับ ผมไม่สนผีไทย”
“…ฮึ่ม”
ผมจัดท่านั่งให้เรียบร้อยรับเสียงหงุดหงิดเล็กๆของพี่น้ำ และเมื่อเหลือบมองไปที่สไปรท์ เธอก็ยืนทำหน้าเหม่อๆมองพวกผม
“เป็นไรไป? ไม่เล่นแล้วเรอะ?”
“มะกี้พี่คริสโตเฟอร์กับพี่น้ำจู๋จี๋กันเหยอ? ให้หนูไปรอข้างนอกก่อนมะ?”
“หยุดไร้สาระได้แล้วน่า…”
…ผมฟังการเล่นกระดานผีถ้วยแก้วจากสไปรท์ที่อธิบายด้วยดวงตาเป็นประกายคร่าวๆ มีวิธีการเล่นคล้ายวีจาบอร์ดอย่างที่คิดจริงๆ
ส่วนคนที่ไม่รู้ว่าผีถ้วยแก้วมันเล่นยังไง …งั้นผมจะทวนกับตัวเองอีกทีก็แล้วกัน
กระดานจะมีช่องต่างๆทั้งตัวเลข พยัญชนะและสระ เริ่มเล่นด้วยการให้ผู้เล่นวางนิ้วไว้ด้านบนของแก้วที่คว่ำหน้าลงกับกระดาน จากนั้นอัญเชิญให้วิญญาณมาร่วมเล่นด้วย
ถามคำถามที่ต้องการถามกับวิญญาณ…วิญญาณจะทำการเลื่อนแก้วไปตามช่อง เพื่อผสมมาเป็นคำตอบให้ผู้เล่น
ก็ประมาณนั้น…
“งั้นเริ่มเลยเนอะ!? พี่คริสโตเฟอร์อยากเป็นคนสวดเรียกวิญญาณมะ?”
สไปรท์ถามด้วยความสนุกสนาน โดยมีพี่น้ำที่อยู่ในอารมณ์จริงจังอยู่ข้างๆ
ส่วนผมก็…ไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ
“ถ้าให้ฉันเรียก คงไม่มีวิญญาณตัวไหนกล้ามาหรอก…”
“นั่นสิเนาะ? งั้นหนูเรียกเองแล้วกัน! อย่าลืมน้า! แค่วางนิ้วไว้เฉยๆก็พอ ห้ามขยับเด็ดขาดเลยนา?”
ตามนั้น กฎของเกมนี้คือให้ผู้เล่นวางนิ้วลงบนแก้ว แต่ห้ามขยับเด็ดขาด คนที่ขยับได้มีเพียงวิญญาณเท่านั้น
ก่อนสไปรท์จะเริ่มสวดเรียกวิญญาณ เธอก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
“เออช่ายๆ พี่คริสโตเฟอร์”
“หืม?”
“คือหนูก็รู้นะว่าพี่คริสโตเฟอร์ไม่กลัวผีน่ะ ออกทรงจะลบหลู่ด้วยซ้ำ”
“เฮ้ยๆ…”
“แต่ว่านะ ต่อให้พี่คริสโตเฟอร์จะคิดยังไงก็เถอะ ถ้าหนูยังไม่เชิญวิญญาณออก พี่คริสโตเฟอร์ห้ามปล่อยนิ้วจากแก้วเด็ดขาดเลยนะ”
“หมายความว่าไงล่ะนั่น? ห้ามเลิกเล่นกลางคันงั้นเหรอ?”
“เยปๆ เป็นหนึ่งในกฎแหละ”
สไปรท์คงมองว่าจากนิสัยของผมแล้ว คงมีโอกาสที่จะเบื่อหรือมองว่าไร้สาระและเลิกเล่นไปดื้อๆสินะ…
ผมขมวดคิ้ว
“ถ้าเอาออกขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“จะโดนผีเข้าน่ะสิ”
“…”
…ผีเข้า? แค่เอานิ้วออกน่ะนะ? ถ้าเป็นงั้นจริงก็อยากลองให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่าอย่างผมจะโดนผีเข้ารึเปล่า …หาความสนุกใส่ตัวอะนะ
และโดยส่วนตัว ต่อให้จะรู้จักการละเล่นแบบนี้ แต่ผมก็ไม่เคยเล่นมาก่อน แม้จะเป็นยุคที่มีผีสาง ผมก็คิดว่านี่น่าจะเป็นเรื่องหลอกลวงซะมากกว่า นึกภาพวิญญาณมาร่วมก๊วนเล่นอะไรแบบนี้ไม่ค่อยออกเท่าไหร่
ระหว่างเล่น คงต้องหาวิธียืนยันล่ะนะ…ว่ามีวิญญาณมาเล่นจริงๆ
พี่น้ำเอ่ย
“ทำตามที่น้องสไปรท์บอกเถอะนะ? น้องคริส”
“เฮ้อ…ก็ได้ๆ แค่อย่าเอานิ้วออกก่อนก็พอใช่มั้ย?”
ถึงยังไง เคสส่วนตัวเล็กๆของผมที่ได้จากพี่น้ำก็คือทำให้ยัยสไปรท์ขยาดผีถ้วยแก้วจนเลิกเล่นถาวร ดังนั้นต่อให้จะออกมาเป็นยังไง ผมก็ต้องเล่นด้วยให้ถึงที่สุดก่อนนั่นล่ะ
สไปรท์วางนิ้วลงบนแก้วเป็นคนสุดท้าย
“งั้นก็! เริ่มกันเล้ย!”
และการเล่นผีถ้วยแก้วครั้งแรกของผมก็เริ่มขึ้น
เคสที่ 14 เกมกระดาน (ผีถ้วยแก้ว) /มีต่อ