สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 23 เคสที่ 11 ตึกเรียนเก่า (3)
- Home
- All Mangas
- สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ
- ตอนที่ 23 เคสที่ 11 ตึกเรียนเก่า (3)
ถ้าจะให้สรุปคร่าวๆตอนนี้ ผมได้รับเคสจากชมรมเรียงแก้ว ประเด็นปัญหาก็คือ สมาชิกชมรมพบกับเงาคนกระโดดตึกจากดาดฟ้าตึกเรียนเก่า และยังเป็นข่าวลือที่สร้างความหวาดผวาให้นักเรียนในโรงเรียนอาคมจิตตวิทยาไม่น้อย
ผมก็ภาวนาให้ข่าวลือนั้นลงท้ายเป็นแค่การจัดฉากของใครสักคน แต่จากสถานการณ์ตรงหน้าก็ทำให้ทราบว่า นี่เป็นวิญญาณที่มาโดดตึกจริงๆ
แม้เด็กสาวคนนี้จะไม่ได้เศร้าหมองสมกับวิญญาณที่ถูกลงโทษ แต่จำนวนครั้งที่เธอต้องมากระโดดตึกซ้ำๆ เพื่อชดใช้ก็เหลืออีกตั้งสามสิบสองรอบ
เท่ากับว่าถ้าเธอจะโผล่ออกมาตอนสองทุ่มของทุกวัน แสดงว่ากว่าจะจบเรื่องนี้ก็ยังเหลือเวลาอีกตั้งเดือนนิดๆ
และผมก็ได้รับตำแหน่งประธานนักเรียนเพื่อแก้ปัญหาให้นักเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ ต่อให้สิ่งที่เห็นอยู่จะเป็นการลงโทษที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมก็ต้องขจัดปัญหาให้หมดไป หรืออย่างน้อยที่สุดก็ให้ทุเลาลง
เพราะเหตุนั้น …ผมจึงต้องเจรจากับยมทูต
เฮ้อ ปวดกบาลชะมัด
“…อีก …สามสิบ …สอง”
เสียงแหบแห้งของยมทูตดังขึ้นอีกครั้ง
“รู้แล้วน่าๆ! จะย้ำทำไมทุกรอบเนี่ย? ฉันเห็นหน้านายจนเบื่อแล้ว!”
เด็กสาวก็บ่นอย่างไม่สบอารมณ์
“เออนี่ ผมขอสอบถามหน่อยได้มั้ย?”
ผมเอ่ยอย่างสุภาพกับยมทูตชุดคลุมดำ
อีกฝ่ายยื่นหน้าที่มีแต่ควันเทาเข้ามาใกล้
“…อันใด…?”
“คือก็ไม่รู้หรอกนะว่าทำไมถึงให้มาโดดตรงนี้ แต่มันรบกวนนักเรียนคนอื่นนะ? รบกวนช่วยย้ายที่ให้หน่อยได้มั้ย? ไม่งั้นก็ส่งยัยนี่ไปสู่สุคติให้จบๆไปเลยก็ได้”
เป็นน้ำเสียงที่จะว่านอบน้อมก็ไม่เชิง อารมณ์เหมือนพูดอยู่กับลุงข้างบ้านที่ไม่ค่อยสนิทกันมากกว่า
และถ้อยคำนั้น ก็สร้างความไม่สบอารมณ์ให้ยมทูตมากพอดู
คมเคียวก่อเกิดที่กำมือที่สร้างจากควันเทา เคียวนั้นจรดที่ปลายคางผม
“วะ หว๋าย…”
“…คริสโตเฟอร์!?”
เด็กสาววิญญาณปิดปาก ส่วนดิวก็ตะโกนด้วยความกังวล
“…ข้าไม่มีสิทธิ์ปรับเปลี่ยนสถานที่ชดใช้กรรม”
“อ่า”
“…และเจ้าก็ไม่มีอำนาจสั่งข้า!”
ขู่ซะน่ากลัว ก็หมายถึงมุมมองของคนปกติล่ะนะ แต่สำหรับผมรู้สึกว่าจืดชืดไปหน่อย…
และที่สำคัญ สงสัยเจ้านี่จะเป็นยมทูตมือใหม่ล่ะมั้ง? ไม่ก็เป็นพวกเก๋าจัดที่ไม่กลัว ‘กฎระเบียบ’
หืม? กฎระเบียบที่ว่าคืออะไรน่ะเหรอ? เดี๋ยวจะพูดให้ฟังเดี๋ยวนี้แหละ
ถ้าให้นิยามสถานการณ์ตอนนี้ก็คงเป็น… ‘รุกฆาตล่ะ’
ผมจิ้มไปที่ปลายเคียว
“เอาเลขประจำตัวแกมาซะ”
“หา?”
“คริสโตเฟอร์?”
สองสาวที่อยู่กันคนละมุมออกอาการสงสัยพร้อมกัน
ผมพูดต่อ
“ได้เรียนอบรมมาบ้างมั้ยเนี่ย? ถึงแกจะเป็นยมทูต แต่เขามีข้อบังคับชัดเจนว่าห้ามข่มขู่คนเป็นไม่ใช่เรอะ?”
“………”
มีใครเคยเห็นยมทูตใบ้รับประทานบ้างรึเปล่า? เนี่ย มีอยู่ตรงหน้าผมตัวนึงพอดี
“ฉันไม่รู้นะว่าการลงโทษที่พนักงานทำตัวผิดข้อบังคับของประเทศนี้เป็นไง แต่แกก็คงไม่อยากถูกลงโทษใช่มั้ยล่ะ?”
“…อะ เอ่อ…”
ควันเทาเริ่มเสียรูปร่างตามความหวาดหวั่นที่เกิดขึ้น
“เพราะงั้นเอาเลขประจำตัวแกมาซะ ฉันจะเอาไปฟ้องหัวหน้าแกเดี๋ยวนี้แหละ …อ๋อ ถ้าจะเหลี่ยมให้เลขมั่วล่ะก็ ฉันเรียกคนรู้จักมาตอนนี้เลยก็ได้นะ? เอาไง?”
ยมทูตจับเคียวแน่น จนสุดท้ายก็ดึงเคียวออกพร้อมเกาศีรษะอย่างนอบน้อม
“…แหม …ข้าก็แค่ทำตามหน้าที่เอง มีอะไรก็ค่อยๆคุยกันก็ได้ ไม่ต้องถึงหัวหน้าข้าหรอก …นะ เนอะ?”
เสียงแหบแห้งเปลี่ยนกลายเป็นเสียงบ้าๆบอๆในพริบตา
“เลขประจำตัว”
“…ยะ อย่าแกล้งข้าสิ …ค่อยๆคุยกัน…”
“ตูบอกว่าให้เอาเลขประจำตัวมาไงเล่า!”
“…นี่ฮับ”
ผมก็กระชากบัตรประจำตัวการทำงานของยมทูตที่เป็นลักษณะคล้ายนามบัตรสีแดง
“ไหนดูสิ …พึ่งทำงานได้ไม่นานเองไม่ใช่เรอะ? อย่าบอกนะว่ายัยนี่เป็นงานแรกของแก?”
ผมป้ายนิ้วไปหาเด็กสาวโดดตึกที่กำลังทำหน้าฉงน
“ตามที่พูดเลยครับ …ข้ายังอ่อนประสบการณ์ อย่าเอาไปฟ้องเลยนะ ข้าไม่อยากโดนไล่ออก”
“โรแลนด์? นี่ชื่อแกเหรอ?”
“อะ อืม …ข้าโดนให้มาฝึกงานที่ไทยน่ะ”
ถึงว่าทำไมสภาพมันคุ้นๆ ที่แท้ก็ไม่ใช่ยมบาลแต่เป็นยมทูตจริงๆสินะ
“งั้นเหรอ? เสร็จธุระแล้ว จะไปไหนก็ไป เอานามบัตรแกคืนไปด้วย”
ผมพูดพร้อมโยนนามบัตรคืนอย่างไร้น้ำใจ
ยมทูตโรแลนด์ก็เอ่ยอย่างกล้าๆกลัวๆ
“อะ เอ่อ…ตกลงจะไปฟ้องหัวหน้าข้ารึเปล่า…?”
“ฟ้องเด่ะ”
“อย่านะ! ขอล่ะ! ข้าไม่อยากตกงาน! จะยอมทำให้ทุกอย่างเลย!”
“เห…ทำให้ได้ทุกอย่างเลยเหรอ?”
ผมหัวเราะในลำคอ
เด็กสาวเจ้ากรรมก็พึมพำ
“ตกลงใครเป็นยมทูตกันแน่เนี่ย?”
“ง่ำๆ …คริสโตเฟอร์ก็เป็นงี้แหละ”
แล้วทำไมหล่อนถึงไปนั่งกินขนมกับวิญญาณสบายใจเฉิบแบบนั้นล่ะเนี่ย? ถึงจะบอกว่าเดี๋ยวผมจัดการเองก็เถอะ แต่เห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิดไงชอบกล
เฮ้อ ช่างเจ้าพวกนั้นไปก่อนแล้วกัน
ผมกลับมาคุยกับยมทูตต่อ
“งั้นฉันจะไม่รายงานหัวหน้าแกก็ได้”
“อุ๊ย? จริงเหยอ!?”
เป็นยมทูตอย่าทำเสียงปัญญาอ่อนสิเฮ้ย เสียภาพลักษณ์หมด
“แลกกับแกช่วยส่งยัยนี่ไปสู่สุคติเลยได้มั้ย? ฉันปล่อยให้นักเรียนเห็นคนโดดตึกอีกเป็นเดือนไม่ได้”
“ทำงั้นไม่ได้หรอก …ส่งวิญญาณไปสุคติก่อนกำหนดน่ะ โทษมันหนักกว่าไล่ออกเลยนะครับ…”
“ไหนบอกยอมทุกอย่างไม่ใช่เรอะ?”
“มันก็ต้องมีขอบเขตนิดส์นุงส์…”
โรแลนด์จิ้มนิ้วเข้าออก
…เอาไงดีล่ะเนี่ย
ยัยวิญญาณฆ่าตัวตายนี่กว่าจะหมดบทลงโทษก็อีกเป็นเดือน ต่อให้ไม่นับว่าชมรมเรียงแก้วจะซ้อมไม่ไหว แต่จากที่พลอยพูดก่อนหน้านี้ก็เหมือนข่าวลือจะแพร่ไปสักพักแล้ว
ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ คงมีคนมาขอให้สภานักเรียนช่วยอีกหลายรอบแน่ๆ และผมก็คงจะตอบได้แค่ว่า ‘รออีกเดือนเดียวก็หายไปเอง ไม่ต้องใส่ใจหรอก!’
อืม คิดไงก็ทำงั้นไม่ได้แฮะ
ยมทูตกุมคางก่อนนึกขึ้นได้
“อ๋อ! ที่จริงข้าปรับเปลี่ยนสถานที่ให้ได้นะครับ! ยังไงเดิมทีลูกค้าหมายเลขหนึ่งของข้าก็ไม่ได้ฆ่าตัวตายที่นี่ด้วย ข้าก็แค่เลือกสถานที่ลงโทษเป็นตึกเรียนนี้นี่เอง”
นี่เล่นเรียกวิญญาณฆ่าตัวตายว่าลูกค้าเลยเรอะ …ศัพท์แสลงวงการยมทูตเหรอนั่น?
ผมหรี่ตา
“ไหนตอนแรกบอกไม่มีสิทธิ์เลือกสถานที่ไง?”
“ขู่ไงขู่! ถึงข้าจะทำงานมาไม่นาน แต่จะให้หงอกับคนเป็นๆก็ไม่ถูกหลักยมทูตใช่มั้ยล่า?”
“เข้าใจแล้วๆ งั้นช่วยเอาไปไกลๆหน่อย นี่ก็ต่างจังหวัดด้วย ไปหาเหวลึกๆตามภูเขาก็น่าจะมีสินะ?”
“…อืม ก็น่าจะได้นะครับ ที่ข้าเลือกตึกนี้ก็เพราะเห็นว่ามันร้างด้วยแหละ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
ไว้มีโอกาสเมื่อไหร่ ผมจะบอกให้ครูใหญ่ทุบตึกเรียนร้างบ้านี่ทิ้งซะเลย ไม่ได้ใช้งานอะไรแท้ๆ จะปล่อยทิ้งไว้ทำซากอะไรล่ะเนี่ย?
“เอ๋~! ต้องไปภูเขาเลยเหรอ? ไม่เอาด้วยหรอก! น่าเบื่อตายเลย!”
“นี่เธอ…มีนักโทษที่ไหนเขาเรื่องมากเรื่องสถานที่ลงโทษกันบ้างหา?”
“แต่ฉันชอบแรงกระแทกของพื้นที่นี่นี่นา!”
ตูล่ะอยากจะบ้า …นี่เถียงกับยมทูตเสร็จไม่พอ ยังต้องมาเถียงกับวิญญาณต่ออีกเหรอเนี่ย…
“เอาไงดีครับ?”
“เฮ้อ ได้พกแฟ้มประวัติของยัยนี่มารึเปล่า?”
“นี่ครับ”
ตามจริงไม่ต้องเห็นใจยัยนี่ก็ได้ แต่จะว่าไงดีล่ะ เห็นใส่ชุดนักเรียนไทยแบบนั้นก็รู้สึกตะหงิดใจชอบกล
ขอให้ไม่เป็นอย่างที่คิดนะ…
ผมพลิกหน้าประวัติของเด็กสาว และอ่านชื่อโรงเรียน
‘เคยศึกษาโรงเรียนอาคมจิตตวิทยา’
…นั่นไงเล่า
ผมคืนแฟ้มให้ยมทูต
“ให้ตายสิ งี้ก็เหมือนเป็นนักเรียนของโรงเรียนเราเลยไม่ใช่หรือไงกัน…”
จะปล่อยผ่านก็ไม่ได้ซะด้วย เพราะหน้าที่ผมคือช่วยเหลือนักเรียนทุกคนของโรงเรียนนี้… ต่อให้จะแค่ ‘เคยเป็น’ ก็เถอะ
“นี่ยมทูต”
“ครับ?”
“ถ้าแค่ย้ายตึกกับปรับช่วงเวลาลงโทษจะได้มั้ย?”
“ถ้างั้นก็จัดการง่ายกว่าด้วยครับ …แต่จะให้เป็นตึกไหนเหรอครับ?”
“ก็…”
+ +
อยู่ในช่วงสรุปเรื่องราว
เย็นวันถัดมา ผมก็อยู่ที่ห้องสภาตามเดิม แน่นอนว่าก่อนมาสภาก็ไปแจ้งเรื่องกับชมรมเรียงแก้วเรียบร้อย
“นี่คริสโตเฟอร์ …จะเอางี้จริงเหรอ…?”
“ทำไงได้ล่ะ ยัยนั่นเป็นนักเรียนโรงเรียนเรา ถึงจะจบไปหลายปีแล้ว หน้าที่ฉันก็ไม่เปลี่ยนอยู่ดี”
“…แต่ว่าแบบนี้ จะไม่หนักกว่าให้ไปอยู่ที่ตึกร้างเหมือนเดิมเหรอ…”
“อย่างน้อยก็ปรับช่วงเวลาลงโทษไปแล้ว แถมจะอยู่ใกล้หูใกล้ตาฉันมากกว่าด้วย”
“ถ้าคริสโตเฟอร์ว่างั้น…ฉันก็ไม่เถียงแล้วกัน”
ดิวก็พูดแค่นั้นและกินขนมต่อ
…ผมได้เจรจากับยมทูตว่าให้ปรับเวลาลงโทษของวิญญาณฆ่าตัวตายเป็นตอนเที่ยงคืนแทน เพราะคงไม่มีนักเรียนหรือชมรมไหนอยู่ดึกขนาดนั้น เพราะงั้นข่าวลือแปลกๆคงไม่มีแล้ว
และจะให้อยู่ที่ตึกเรียนร้างเหมือนเดิมก็ดูแลได้ยาก ยังเหลือเวลาลงโทษอีกตั้งเป็นเดือน
เพราะงั้นผมก็เลย…
“นี่คริสคริส! จะให้ฉันอยู่ที่นี่จริงเหรอ!?”
“อย่าเรียกว่าคริสคริส…”
“โห สมัยฉันยังเรียน ไม่มีอะไรแบบนี้เลยนะ! ห้องสภานักเรียนนี่กว๊างกว้าง!”
“เสียงดังชะมัด! อยู่เงียบๆหน่อยได้มั้ย!?”
“แหม! ก็ฉันไม่ได้คุยกับใครนานแล้วนี่นา! ก่อนหน้านี้ยังต้องพูดคนเดียวอยู่เลย ขอปลดปล่อยบ้างไม่ได้เหรอ!?”
ไอ้ที่พึมพำก่อนจะโดดตึกนั่นคือคุยกับตัวเองสินะ…น่าอนาถใจจริ๊ง
นั่นแหละ สุดท้ายผมเลยขอให้ยมทูตเปลี่ยนสถานที่ให้มาโดดที่ตึกชมรมแทน
นอกจากจะอยู่ใกล้สายตาและส้นเท้าผมแล้ว ยังตำหนิได้ง่าย บวกกับที่ย้ายเวลาลงโทษไปเป็นเที่ยงคืน จึงไม่สร้างความหวาดกลัวให้นักเรียนคนอื่นอีกต่อไป
แต่เพราะย้ายไปเที่ยงคืนนี่แหละ ยัยนี่ถึงได้มาขลุกอยู่ที่ห้องสภาแทน
“เธอปิดตัวตนตัวเองได้ไม่ใช่เรอะ? ค่อยโผล่ออกมาตอนเที่ยงคืนก็ได้มั้ง”
วิญญาณที่ถูกทำโทษจะมีฟังก์ชันลบตัวตนตัวเอง และสามารถตั้งเวลาเพื่อโผล่ออกมาได้ ตามปกติวิญญาณจำพวกนี้ก็จะโผล่ออกมาเฉพาะเวลาที่จะลงโทษตัวเอง
ก็อย่างที่จู่ๆ ยัยนี่ก็โผล่มาตอนสองทุ่มตรงพอดีนั่นแหละ
“ทำงั้นก็ได้อยู่หรอก! แต่รอๆเบื่อไม่มีอะไรทำก่อน! ช่วงนี้ก็ขอเล่นอยู่แถวๆนี้ก่อนแล้วกัน!”
“ให้ตายสิ ห้ามออกจากตึกชมรมก็แล้วกัน”
“ค่าๆ …ว่าแต่นายรู้เรื่องพวกนี้ดีจัง? เป็นยมทูตเหรอ?”
…ก็รู้กว่าคนทั่วไปจริงๆนั่นแหละ ระบบจัดการต่างๆของประเทศนี้ก็ไม่ค่อยต่างจากประเทศของผมเท่าไหร่ ดังนั้นผมจึงค่อนข้างรู้หลายๆอย่างเกี่ยวกับโลกหลังความตาย
ผมถอนหายใจตอบ
“ไม่ใช่ยมทูต …ซาตานต่างหาก”
“…อีกครึ่งก็เป็นอินคิวบัส”
“เรื่องนั้นไม่ต้องบอกก็ได้มั้ง…”
ผมตำหนิดิวที่พูดแทรกขึ้นมา
เด็กสาววิญญาณหัวเราะ
“ฮะฮะ! สนิทกันดีจังเนอะ! ฉันก็หวังว่าวันหนึ่งจะสนิทกับพวกนายได้บ้างเหมือนกัน!”
“ถ้างั้นก็บอกชื่อมาก่อนเถอะ”
“หมิงหมิง!”
“คนจีนเรอะ?”
“ไม่รู้เหมือนกัน! แม่ตั้งให้งี้!”
“งั้นก็หมิง”
“หมิงหมิง!”
“เออๆ …เธอก็อย่าสร้างความวุ่นวายหรืออย่าให้คนเห็นบ่อยๆล่ะ ฉันจัดการเรื่องโดดตึกไปแล้ว ถ้ามีข่าวลือว่าเห็นวิญญาณคอหักในตึกชมรมอีก ฉันคงต้องไล่เธอไปที่อื่น”
“อ๋อ…สภาพฉันมันสยองไปหน่อยสินะ!? จะรีเซ็ทให้เดี๋ยวนี้แหละ!”
หมิงหมิงดีดนิ้ว ก่อนที่ทั้งร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลจะกลับคืนสภาพเดิม
แม้แต่ชุดนักเรียนที่เปรอะเปื้อนก็สะอาดสะอ้าน
เด็กสาวใบหน้าสดใส ผิวสีแทน เส้นผมสั้น ไม่มีร่องรอยของสภาพยับเยินเหมือนเมื่อครู่
เผลอๆยังดูน่ารักด้วยซ้ำ
“ที่จริงก็ไม่อยากรีเซ็ทบ่อยๆหรอก! เพราะโดดทีนึงก็เหมือนต้องเจ็บตัวอีกรอบ แต่นี่เพราะคริสคริสขอมาหรอกนะ!”
“ก็บอกว่าอย่าเรียกคริสคริส…”
“ดิวดิวกินไรอยู่เหรอ? ฉันขอกินด้วยสิ!”
“…อะ อือ”
เธอเลิกสนใจผมและไปคุยกับดิวซะแล้ว
และแล้วสภานักเรียนก็วุ่นวายเพิ่มอีกหน่อย ได้วิญญาณฆ่าตัวตายที่มีกำหนดออกตัวทุกเที่ยงคืนเพิ่มมาหนึ่ง …อืม ต้องนับว่าเป็นสภาชิกสภามั้ยนะ?
หมิงหมิงเคี้ยวขนมพร้อมหันมาพูดกับผมที่โต๊ะประธาน
“นี่คริสคริส ถึงฉันจะอายุไม่เหมาะเป็นเด็กมอปลายก็เถอะ แต่ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะ ฉันก็เป็นสภานักเรียนเหมือนกัน!”
“ไม่ได้เป็น!”
“เอาเป็นตำแหน่งอะไรดี? เลขาเหมือนดิวดิวดีป่ะ? อยากทำงานกับดิวดิวอะ!”
“ลองเงียบปากให้ได้สักอาทิตย์แล้วฉันจะพิจารณาอีกที”
“หนึ่งอาทิตย์เหรอ? อืม…ก็ได้นะ”
ว่าง่ายซะงั้น
กลายเป็นได้สาวรุ่นพี่ที่ผมเห็นจากแฟ้มประวัติว่าอายุยี่สิบกลางๆเพิ่มมาซะงั้น
ก็ไม่รู้หรอกนะว่าไปฆ่าตัวตายที่ไหนมา แต่ทั้งกับที่เคยเรียนอยู่โรงเรียนอาคมจิตตวิทยา แถมเจ้าโรแลนด์ยังเลือกสถานที่ลงโทษเป็นตึกร้างของโรงเรียนนี้อีก
จะว่าบังเอิญได้มั้ยนะ…หรือว่าหมิงหมิงไปขอให้ยมทูตเลือกตึกของที่นี่แต่แรกรึเปล่า?
คงชอบโรงเรียนนี้น่าดูเลยล่ะมั้ง ขนาดชุดที่ใส่ยังเป็นเครื่องแบบนักเรียนด้วย
คิดไปคิดมา ผมก็ตัดสินใจโยนทิ้งไปจากสมอง เพราะยังไงก็จะได้เบื่อหน้าวิญญาณฆ่าตัวตายนี่แค่เดือนเดียวเท่านั้น
ระหว่างนี้ก็…ทนๆไปก่อนแล้วกัน
“อร่อยจัง!”
“บอกให้เงียบๆไงเล่า!”
เคสที่ 11 ตึกเรียนเก่า /จบ