สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 21 เคสที่ 11 ตึกเรียนเก่า (1)
- Home
- All Mangas
- สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ
- ตอนที่ 21 เคสที่ 11 ตึกเรียนเก่า (1)
“ช่วงนี้ชมรมพวกฉันต้องซ้อมช่วงดึกๆน่ะ แล้วพวกเด็กๆในชมรมก็ชอบพูดกันว่าเห็นอะไรแปลกๆบนดาดฟ้าจนไม่เป็นอันซ้อมกันเลยล่ะ”
เคสของวันนี้เริ่มด้วยเสียงพูดที่ดูเหนื่อยๆ จากเด็กนักเรียนที่มาขอให้สภานักเรียนช่วย ซึ่งจากที่มองแล้วเขาน่าจะอยู่มอหก แน่นอนว่าตอนนี้ก็อยู่ที่ห้องสภาอย่างทุกที
“อ่า ครับ”
“ง่ำๆ”
“อยากให้สภานักเรียนช่วยไปตรวจสอบให้หน่อย คืออีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะมีแข่งแล้วด้วย ถ้าเป็นยังงี้ต่อไป เผลอๆคงไม่ผ่านรอบคัดเลือกเลยด้วยซ้ำ”
“เข้าใจแล้วครับ …ขอสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหน่อยได้มั้ยครับ?”
“ได้สิ ถามมาได้เลย”
“ง่ำๆ”
ขณะผมกำลังคุยกับเจ้าของเคสอย่างแข็งขันที่โต๊ะรับแขก ยัยผีปอบก็เคี้ยวขนมไม่หยุดจนผมต้องส่งสายตาตำหนิ
“เฮ้ยดิว…”
“…งือ?”
เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม เส้นผมขาวสว่าง พร้อมด้วยเสื้อคลุมสีม่วงทับชุดนักเรียนก็เอียงคอ ส่วนลูกเจี๊ยบบนไหล่ก็เอียงคอตามด้วยเช่นกัน
“ไปกินที่อื่นได้มั้ย? ฉันคุยงานอยู่นะ”
ดิวฟังแล้วก็หันซ้ายหันขวา ก่อนจะส่ายศีรษะเบาๆ
ถึงโต๊ะรับแขกจะเป็นที่ไว้สำหรับคุยงาน แต่สมาชิกสภาคนอื่นๆก็ไม่มีโต๊ะเป็นของตัวเอง เธอคงไม่รู้จะไปนั่งกินที่ไหนสินะ…
ช่วยไม่ได้
“ไปนั่งโต๊ะฉันก่อนก็ได้”
“…อือ”
“อย่าทำเลอะล่ะ”
“…รู้น่า”
พอจัดการตัวป่วนเรียบร้อย ผมก็กลับมาคุยกับเจ้าของเคสต่อ
ผมหยิบสมุดจดเล่มน้อยจากกระเป๋าเสื้อพร้อมควงปากกา
“ดาดฟ้าที่เห็นอะไรแปลกๆนั่น ใช่ตึกเรียนหลักรึเปล่า?”
“ไม่ๆ หมายถึงตึกเรียนเก่าที่เลิกใช้ไปหลายปีน่ะ ไอ้ตึกที่มีต้นไม้ขึ้นรกๆ”
ผมฟังแล้วก็คิดตาม
หมายถึงอาคารเรียนเก่าที่แทบจะร้างแล้วนั่นน่ะนะ? ถึงอาจจะเห็นอะไรแปลกๆจริงๆก็เถอะ ต้องไปทำอีท่าไหนถึงได้ไปมองดาดฟ้าตึกที่ไม่ได้ใช้แล้วแบบนั้นกันล่ะเนี่ย?
“เอ่อ คือ…ช่วยตรวจสอบให้หน่อยได้มั้ย?”
เจ้าของเคสเด็กหนุ่มหัวหน้าชมรมอะไรสักอย่างเอ่ยถามขณะผมครุ่นคิด
“อะ อ๋อ ได้ครับๆ ว่าแต่อยู่ชมรมอะไรนะครับ? เดี๋ยวได้เรื่องแล้วจะไปบอกที่ชมรม”
กรณีที่เป็นเคสไม่ใหญ่มาก ผมก็จะแค่รับเคสไว้และพอทำเสร็จเรียบร้อย ก็จะไปหาเจ้าของเคสเพื่อแจ้งข่าวด้วยตัวเอง
ครั้งนี้ก็จะใช้วิธีนั้น
ไม่ต้องถึงกับต้องถามชื่อ แค่ได้ชื่อชมรมมา จากนั้นก็หาตัวไม่ยากหรอก…
“‘ชมรมเรียงแก้ว’น่ะ”
“หะ?”
“ชมรมเรียงแก้วน่ะ”
…เอาแล้วไง ชมรมบ้าอะไรอีกวะเนี่ย เริ่มจะสงสัยแล้วสิว่าชมรมเมากาวแบบนี้มันผ่านขั้นตอนการตั้งชมรมมาได้ยังไง?
วันนี้พลอยไม่อยู่ซะด้วย ที่อยู่ในสภาก็มีแค่ดิว
ส่วนอีกสามคนที่เหลือ ก็เดิมๆนั่นแหละ…
ผมเหลือบมองดิวที่นั่งอยู่โต๊ะประธาน ผมต้องการความช่วยเหลือสักหน่อย
“ง่ำๆ”
“จุ๊บจิ๊บ!”
อืม…ดูทรงน่าจะพึ่งพาอะไรไม่ได้
เมื่อเห็นว่าไม่มีที่พึ่ง แถมวันนี้ก็ไม่ได้มีแพลนจะยุบชมรมใคร ลงท้ายก็เลยตัดสินใจตามน้ำไปก่อน หรือก็คือรับเคสนี้แล้วก็ช่างมันประไร ว่าตกลงชมรมที่ว่าคือชมรมอะไรกันแน่
“โอเค… ชมรมตั้งแก้วสินะ? เดี๋ยวผมไปดูตึกที่ว่าให้วันนี้แหละครับ ได้เรื่องแล้วจะไปแจ้งที่ชมรมอีกที”
“ไม่ใช่ตั้งแก้ว เรียงแก้วต่างหาก”
เจ้าของเคสพูดขัด
ผมพยักหน้ายิ้ม
“ครับๆ นั่นแหละๆ”
“นี่นายไม่รู้จักใช่มั้ย?”
“…รู้จักสิครับ ก็ที่…เอ่อ …ตั้งแก้วให้สูงๆ?”
เจ้าของเคสฟังพร้อมกุมศีรษะอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
“…เป็นกีฬาเรียงแก้วที่จะใช้การแข่งแบบเดี่ยวหรือทีม เรียงแก้วโดยใช้รูปแบบเฉพาะ ตัดสินกันที่ใครใช้เวลาน้อยที่สุด …หรืออีกชื่อนึงก็ ‘แสตก’”
เสียงที่จู่ๆดังขึ้นข้างๆ ทำผมขมวดคิ้วถาม
“นี่เธอรู้จักด้วยเรอะ?”
“อืม …เคยเล่นนิดหน่อย”
ดิวตอบด้วยเสียงไม่คิดมาก
มีงานอดิเรกแบบนั้นด้วยเหรอ? นึกว่าตอนว่างๆจะเอาแต่กินนะเนี่ย?
“ง่ำๆ”
เธอก็พูดแค่นั้น และกลับไปสวาปามขนมที่โต๊ะประธานต่อ
ส่วนเจ้าของเคสก็ทำหน้างงๆ ก่อนดึงสติกลับมา
“กะ ก็ตามนั้นแหละ …ฉันก็พอเข้าใจอยู่หรอกว่าเป็นกีฬาที่ไม่ได้แพร่หลายเหมือนฟุตบอลหรือบาส แต่อย่างนายที่เป็นประธานก็ยังไม่รู้จักแบบนี้ ทำเอาประหลาดใจนิดหน่อย”
“ฮะฮะ… โทษทีครับ”
ผมละอยากหยิบรายชื่อชมรมในโรงเรียนนี้ให้ดูจริงๆ คิดว่ามีชมรมแปลกๆอยู่กี่ชมรมกัน? ถ้างบประมาณชมรมที่ผมตรวจทานไม่ได้ผิดปกติเหมือนตอนชมรมอนิเมะครั้งก่อน ผมก็ไม่เก็บมาใส่ใจหรอก
แล้วไอ้การเรียงแก้วนี่มันนับว่าเป็นกีฬาได้ด้วยเรอะ? ไม่เข้าใจจริงๆนะเนี่ย
แต่เอาเถอะ เคสรอบนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับชมรมอยู่แล้ว แค่ชมรมที่มาขอให้ช่วยเป็นชมรมเรียงแก้วก็เท่านั้น
ส่วนเนื้องานจริงๆก็คือไปที่ดาดฟ้าตึกเรียนเก่า เพื่อหาต้นตอของ ‘อะไรแปลกๆ’ ที่ว่า
“วันนี้น้องรองประธานไม่อยู่เหรอ?”
คำถามกะทันหันที่ได้ยิน ทำผมผงะไปเล็กน้อย
“พลอยเหรอครับ? วันนี้เธอออกไปทำเคสอื่นน่ะครับ ทำไมเหรอ?”
“เปล่าหรอก แค่น้องเขาน่ารักดีน่ะ ไหนๆก็มาสภานักเรียนทั้งทีก็อยากเห็นหน้าชัดๆ”
“เห…”
หมอนี่อยู่มอหกสินะ? ทำไมพวกรุ่นพี่ถึงชอบเหล่รุ่นน้องกันล่ะเนี่ย?
อีกอย่างพลอยเป็นสภาชิกสภา ผมไม่ยอมให้มีแฟนง่ายๆหรอก เสียภาพลักษณ์ชมรมแย่
ผมถอนหายใจ
“พอจะบอกได้มั้ยครับ อะไรแปลกๆที่ว่านี่คือ?”
“เห็นพูดกันว่าเป็นคนโดดลงมาจากดาดฟ้าน่ะ”
“ฆ่าตัวตายเหรอ?”
เจ้าของเคสทำหน้าประหลาดใจที่เห็นผมพูดคำนั้นออกมาอย่างไม่คิดมาก
ก็นะ จะตายแบบไหน ในสายตาผมมันก็เรื่องพื้นๆทั้งนั้นแหละ ไม่จำเป็นต้องเลี่ยงบาลีหรอก
“ไม่น่าใช่นะ …ตอนที่เห็นครั้งแรกก็พากันไปดูที่ด้านล่างตึกนั้นกันแล้ว ไม่เห็นมีศพหรืออะไรคล้ายๆกันเลย”
“ถ้างั้นก็อาจจะเป็นวิญญาณสินะครับ?”
“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ที่เห็นกันก็แค่สมาชิกชมรมคนอื่นๆ ฉันฟังต่อมาเฉยๆ …บางทีก็สงสัยว่าแต่งเรื่องเพื่อโดดซ้อมกันรึเปล่า เลยอยากให้สภานักเรียนไปตรวจสอบให้นี่ไง”
“แต่ถึงจะเป็นวิญญาณจริงๆก็เรื่องปกตินี่ครับ? ยิ่งกับโรงเรียนนี้แล้วด้วย จะมีของประมาณนั้นก็ไม่แปลกหรอกมั้ง?”
เจ้าของเคสกุมคาง
“สมาชิกชมรมของฉันน่ะ ถึงจะเป็นภูตผีแต่ก็กลัวเรื่องสยองขวัญกันหัวหด ยิ่งเห็นกันเต็มๆตาแบบนั้น ก็พากันขวัญหนีดีฟ่อจนไม่เป็นอันทำอะไรเลยล่ะ”
“ก็เลยเดือดร้อนไปถึงการแข่งในไม่กี่สัปดาห์นั่นด้วยสินะ…”
“อืม…”
เป็นสิ่งมีชีวิตลี้ลับแต่ดันกลัวผีนี่มันช่างเสียชาติเกิดจริงๆ หวังว่าสภาชิกสภานักเรียนคงไม่มีคนประเภทนั้นนะ
“เรื่องเกิดประมาณกี่โมงครับ?”
“สองทุ่มตรงของทุกวันน่ะ”
หืม? รู้เวลาแน่นอนขนาดนั้นเลยเรอะ? เริ่มจะตะหงิดใจขึ้นมาหน่อยๆแล้วสิ
ผมปิดสมุดจดที่บันทึกข้อมูลส่วนใหญ่จากการพูดคุยไว้เรียบร้อย
“งั้นเดี๋ยววันนี้ผมดูให้ พรุ่งนี้จะไปแจ้งที่ชมรมอีกทีครับ”
“ขอบใจมากนะ”
ว่าแล้วเจ้าของเคสก็ออกไปจากห้องสภา
ดิวก็รอสักพัก และกลับมานั่งที่โต๊ะรับแขกตามเดิม
“…เป็นไงบ้าง …คริสโตเฟอร์”
“คงต้องกลับดึกหน่อยนั่นแหละ ต่อให้ไปตอนนี้ก็ไม่น่าได้เรื่องอะไรอยู่ดี”
จะเห็นคนโดดตึกที่ว่านั่นทุกสองทุ่ม เพราะงั้นต่อให้ไปดูลาดเลาตอนนี้ก็คงไม่พบอะไรที่พอจะแก้ปัญหาได้
และก็ยังไม่รู้เลยว่าใช่คนโดดตึกจริงๆรึเปล่า ขนาดเจ้าของเคสก็ยังไม่แน่ใจเลยด้วย
“…ให้ฉันไปด้วยมั้ย?”
“เธอไม่รีบกลับบ้านเหรอ?”
“…ฉันไม่มีเคอร์ฟิวเหมือนพลอยน่ะ …แล้วก็อยากช่วยคริสโตเฟอร์ด้วย”
โอ้โห ซาบซึ้งจนน้ำตาแทบไหล
ไม่คิดเลยว่ายัยเลขานุการที่วันๆเอาแต่กินขนม จะมีความคิดที่มีประโยชน์แบบนี้ด้วย …ตายล่ะ จะร้องจริงๆนะเนี่ย…
“…คริสโตเฟอร์ …ร้องไห้เหรอ?”
“ปลาบปลื้มจนน้ำตาไหลต่างหากล่ะ”
“…รู้สึกเหมือนโดนดูถูกไงไม่รู้สิ …เจี๊ยบว่างั้นมั้ย?”
“จิ๊บๆ”
เจี๊ยบผงกศีรษะเบาๆ
เจ้าลูกเจี๊ยบตัวนี้มันฟังภาษาคนออกจริงๆสินะ…
“…กว่าจะถึงสองทุ่มก็อีกตั้งนาน จะหาอะไรทำฆ่าเวลาหรือกลับบ้านแล้วค่อยมาอีกทีดี?”
“…คริสโตเฟอร์สะดวกแบบไหน?”
“ฉันยังไงก็ได้ทั้งนั้นแหละ บ้านกับโรงเรียนก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่”
“…ฉันเอาตามที่คริสโตเฟอร์ตัดสินใจแล้วกัน”
เป็นสมาชิกสภาที่ว่าง่ายต่างจากพลอยลิบลับเลยแฮะ …คิดดูดีๆ หรือดิวจะเคารพผมที่เป็นประธานมากกว่าที่ผมคิดกันนะ?
แค่ส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยโยนงานให้เธอมากเท่าที่ควร จึงพาลไปคิดว่าเธอไม่ค่อยชอบทำอะไรซะงั้น
อืม เป็นความผิดที่เราเองสิเนี่ย? ดีล่ะ งั้นตอนนี้ก็เหลือสมาชิกไม่เอาอ่าวอีกแค่สองคนที่ผมต้องตบให้เข้าที่สินะเนี่ย …ไม่น่ายากๆ
หรือจะยากกันแน่หว่า? เอาจริงๆวันนี้พี่น้ำกับสไปรท์ก็หายหัวไปไหนก็ไม่รู้ ไม่เห็นจะแจ้งผมเลยสักคำ
“เดี๋ยวฉันบอกในไลน์กลุ่มสภาไว้ก่อนดีกว่า เผื่อจะมีใครมาช่วยเพิ่มอีกสักคน”
“…พี่ต้นเหรอ?”
“เจาะจงจังเลยนะ… ก็ถ้าพี่เขาว่างก็น่าจะมาช่วยนั่นแหละ”
ผมก็ส่งข้อความเข้ากลุ่มไลน์ โดยที่บอกประมาณว่าวันนี้ผมมีเคสที่ต้องอยู่โรงเรียนช่วงดึก
และที่พวกเขาตอบกลับมาก็แบบนี้…
‘วันนี้พี่ต้องไปเยี่ยมลุงที่โรงบาลน่ะ ขอโทษนะ น้องประธาน’
นั่นคือที่พี่ต้นตอบ
‘พี่ขอตอบแทนน้องสไปรท์ด้วยเลยแล้วกัน ตอนนี้พี่มางานหนังสือกับน้องสไปรท์แหละ คงไปช่วยไม่ได้น้า~’
ส่วนนั่นคือที่พี่น้ำตอบ …ขอให้เจริญๆนะ สองคนนั้น
‘เดี๋ยวฉันรีบกลับไปสภานะคะ!’
ส่วนคนสุดท้ายก็พลอย พอเห็นเป็นเรื่องงานก็ดูรีบขึ้นมาเลยแฮะ สมเป็นรองประธานดี
ผมถอนหายใจบอกดิว
“พี่ต้นติดธุระ พี่น้ำกับสไปรท์ไปงานหนังสือ ส่วนพลอยกำลังกลับมาสภา”
“…ของพี่น้ำกับน้องสไปรท์ …นั่นมันไม่ใช่ธุระไม่ใช่เหรอ?”
“เธอก็เริ่มจะเห็นถึงความไร้ประโยชน์ของสองคนแล้วสินะ?”
“…ขอไม่ออกความเห็นดีกว่า”
ดิวก็เหมือนจะเลี่ยงในจุดที่ควรเลี่ยงได้พอดิบพอดี ก็นั่นแหละ เธอเป็นเลขานุการ ไม่มีหน้าที่ต้องตำหนิการทำงานของสมาชิกสภาคนอื่นๆ
เป็นหน้าที่ผมที่ต้องจัดการให้เด็ดขาดล่ะนะ…
จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งอยู่นอกห้อง ก่อนที่ประตูจะถูกเปิด
“ประธานคะ!”
“อย่าวิ่งบนระเบียงสิ”
เด็กสาวนางรำรับคำพูดของผมพร้อมหอบหายใจเข้ามาในห้อง
“คะ คือที่บอกในไลน์…ที่ต้องอยู่โรงเรียนช่วงดึกน่ะค่ะ…”
“อะ อืม เป็นเคสจากชมรมเรียงแก้วน่ะ เห็นว่าเจออะไรแปลกๆที่ดาดฟ้าตึกเรียนเก่า ฉันเลยจะไปตรวจดูหน่อย”
“…หรือว่าจะหมายถึงที่เห็นคนโดดตึกรึเปล่าคะ!?”
“รู้ด้วยเหรอ?”
“ก็เป็นที่พูดถึงกันช่วงนี้น่ะค่ะ”
พึ่งรู้เลยนะเนี่ย…
แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบว่าทำไมพลอยถึงทำหน้าตื่นขนาดนั้นอยู่ดี
“ไปกับดิวแค่สองคนเหรอคะ?”
“ก็เห็นในไลน์กลุ่มแล้วนี่? คนอื่นๆติดธุระน่ะ”
“ของพี่น้ำกับน้องสไปรท์ นั่นมันไม่ใช่ธุระไม่ใช่เหรอคะ?”
…พูดเหมือนดิวเปี๊ยบ เหมือนโดนย้ำสองรอบให้ไปคิดบัญชีกับสองคนนั้นเลยแฮะ
ผมปัดมือ
“ก็ปกตินั่นแหละ ช่างๆไปเถอะ แต่ก็อย่างที่พูด…มีแค่ฉันกับดิว”
“ฉันก็อยากช่วยนะคะ …แต่ว่า…”
“เธอติดเคอร์ฟิวไม่ใช่เรอะ? ไม่ต้องห่วงหรอก แค่ฉันกับดิวก็เอาอยู่”
“…ปัญหาไม่ใช่เรื่องนั้นค่ะ…”
แล้วมันเรื่องไหนกันเล่า? นับวันยิ่งจะเริ่มไม่เข้าใจยัยผีนางรำนี่เข้าไปทุกที
ผมมองสีหน้าของพลอยที่คิดไม่ตกจนเหงื่อไหล ชฎาบนศีรษะหม่นหมองลงไปเล็กน้อย
“ขอพูดตรงๆเลยแล้วกันค่ะ เรื่องเคอร์ฟิวที่จริงจะโทรบอกคุณแม่ก็ได้ …แต่ฉันไม่ค่อยอยากช่วยเคสนี้เท่าไหร่เลยน่ะค่ะ…”
“หือ?”
ผมเอียงคอสงสัย ดิวที่อยู่ข้างๆก็เช่นกัน
พลอยกอดอก
“ไม่สิ ไม่สิ …ถ้าบอกแบบนั้นก็เหมือนฉันจะละเลยในหน้าที่ อ่า…ทำไงดีล่ะเนี่ย”
“นี่พลอย พูดกับตัวเองแบบนั้น ฉันก็ไม่เข้าใจหรอกว่าเธออยากสื่ออะไรกันแน่”
“อะ เอาเป็นว่าเคสนี้ฉันไม่ไหวจริงๆ! ประธานกับดิวก็สู้ๆนะคะ ขอโทษจริงๆค่ะ!!!”
ไม่ทันจะได้ถามอะไรต่อ พลอยก็หยิบกระเป๋าและจากไปทันที
ผมมองตามจนประตูห้องปิดลง
“นี่ฉันโดนโกรธอะไรอยู่รึเปล่านะ?”
ดิวส่ายศีรษะ
“…ไม่หรอก …รอบนี้คริสโตเฟอร์ไม่ผิด”
“จะบอกว่ารอบอื่นๆฉันผิดหรือไงฮึ?”
“…ฉันไม่ได้พูดนะ …คือพลอยเธอกลัวผีน่ะ”
“…”
สมาชิกสภาที่เป็นสิ่งมีชีวิตลี้ลับแต่กลับกลัวผี …อยู่ใกล้ตัวกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยแฮะ
แต่ก็ช่วยไม่ได้ ลงท้ายก็ต้องทำเคสนี้กับดิวสองคน
ส่วนที่พลอยทำหน้าตื่นขนาดนั้นก็คงอยากช่วยงานผมแต่ดันกลัวผีนั่นแหละ พลอยไม่เคยเกี่ยงงานสภาเกินงามซะด้วย เพราะงั้นความคิดเลยตีกันในหัวว่าควรจะอยู่ช่วยผมหรือหนีกลับบ้าน
บางมุมก็ดูน่ารักดี …แต่ก็อย่างที่เห็น สุดท้ายก็เลือกที่จะขอกลับบ้านอยู่ดี
เสียชาติเกิดจริงจริ๊ง…ยัยผีนางรำนั่น
ดิวแกะขนมอีกห่อ
“…สรุปจะรอที่นี่ …หรือกลับบ้าน?”
นั่นสินะ เมื่อกี้ยังไม่ได้ตอบเลย
ถ้าถามความเห็นผม ก็คิดว่าอย่างน้อยรอที่สภาก็ยังมีดิวเป็นเพื่อน ถ้าเทียบกันแล้วคงรู้สึกเบื่อน้อยกว่ากลับบ้าน
เพราะงั้น…
“รอที่นี่แล้วกัน เธอไม่ว่าอะไรใช่มั้ย?”
“…ตามที่คริสโตเฟอร์สะดวกเลย …แต่ขนมจะหมดแล้ว”
“ร้านคุณป้าก็น่าจะปิดแล้วด้วยสิ งั้นไปเซเว่นกันก่อนมั้ย? ”
“…ขี้เกียจเดิน”
“ฉันเอาจักรยานมา เธอซ้อนฉันไปก็ได้”
“…งั้นก็ได้”
ขี่จักรยานรับลมกับสาวรุ่นเดียวกัน คงฟังดูโรแมนติกล่ะมั้ง? แต่ก็อย่างที่ผมพูดทุกวี่ทุกวันนั่นแหละ ไม่ว่าจะผีไทยตัวไหน ผมก็ไม่สนใจหรอก
อีกอย่าง ผมไม่อยากให้ยัยผีปอบนี่หิวจนต้องกินลูกเจี๊ยบหรอกนะ แค่ครั้งนั้นก็ฝังใจพอดูแล้วล่ะ
“จิ๊บ!”
มีกันอยู่แค่นี้แล้วแกกำลังทักทายใครอยู่กันเนี่ย? เจ้าลูกเจี๊ยบนี่
เคสที่ 11 ตึกเรียนเก่า /มีต่อ