สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 18 เคสที่ 9 ว่าด้วยเรื่องเชื้อสายของลูกชายเจ้าแห่งนรก (1)
- Home
- All Mangas
- สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ
- ตอนที่ 18 เคสที่ 9 ว่าด้วยเรื่องเชื้อสายของลูกชายเจ้าแห่งนรก (1)
ฉันชื่อปภัสสร พาณิชย์กุล …แต่เพื่อนๆหรือสมาชิกในสภาจะเรียกกันแค่ ‘พลอย’ ที่เป็นชื่อเล่นค่ะ
คุณแม่เป็นผีนางรำ ส่วนคุณพ่อเป็นมนุษย์ธรรมดา
ตัวฉันจึงเรียกได้ว่ามีเชื้อสายของผีนางรำอยู่เต็มเปี่ยมเลยล่ะค่ะ! ก็เลือดแม่มันแรงนี่เนอะ!
ตามปกติจะใส่ชฎากับจอนหูมาเรียนด้วย ถ้าไม่ใส่ไว้เสียหน่อยจะเกิดอาการครั้นเนื้อครั้นตัวแปลกๆค่ะ
คือจากเครื่องประดับของดิฉันเนี่ย ถ้ามีชุดไทยใส่เมื่อไหร่ ก็สามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าพร้อมแสดงเต็มที่ ไม่มีความจำเป็นต้องหาพร็อพเพิ่มเติมเลยค่ะ
…ก็ไม่ได้จะแค่แนะนำตัวเฉยๆหรอกนะคะ ที่จริงวันนี้ก็เป็นวันหลังจากที่พี่ต้นเกือบจะโดนรุมกระทืบจากเด็กโรงเรียนอื่นจนตายค่ะ
แน่นอนว่าวันนี้พี่ต้นก็หยุดเรียนเพื่อไปรักษาตัว แต่สำหรับพวกฉันที่ไม่ได้บาดเจ็บอะไรจึงได้มาเรียนตามปกติ
ดิฉันก็ไม่ค่อยสันทัดความรุนแรงเสียด้วย พอเห็นพี่ต้นต้องเจ็บตัวเพราะโดนเด็กคนอื่นทำร้ายก็รู้สึกแย่นิดหน่อย
แต่ที่โกรธที่สุดก็คงเป็นตัวประธานเองนั่นแหละ
พูดถึงประธานแล้ว…ถึงฉันกับประธานและดิวจะอยู่มอห้าเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันเลยสักคน เพราะงั้นจะได้เจอกันก็จะเป็นตอนเวลาชมรม
และตอนนี้ก็ถึงเวลาชมรมที่รอคอย… ไม่สิๆ เราไม่ได้รออยู่สักหน่อย แต่เอาเป็นว่าถึงเวลาชมรมแล้วค่ะ!
บางทีประธานก็ยุ่งๆ จนฉันมาถึงห้องสภาก่อน แต่โดยรวมแล้วก็เหมือนสลับๆกันว่าใครมาก่อนมาหลัง
กระนั้น ประธานก็แค่อยากให้สมาชิกสภามาสภากันก็เท่านั้น ส่วนเรื่องจะสายหรือไม่ โดยส่วนตัวฉันคิดว่าเขาคงไม่ได้ซีเรียสเท่าไหร่
และสำหรับวันนี้ ฉันก็มาถึงห้องสภาก่อน
ฉันนั่งลงที่โต๊ะรับแขกราวกับเป็นที่ประจำตัว
“…ประธานช้าจังเลยนะ”
ถึงจะพูดว่ามาก่อน แต่นี่ก็เลยเวลาชมรมมานิดหน่อย ประธานคงติดธุระอะไรสักอย่างอยู่แน่ๆ ไม่งั้นก็คงไม่ช้าถึงขนาดนี้…
ฉันแตะแก้มเบาๆ
“…รู้สึกได้ยินเด็กห้องอื่นพูดว่าวันนี้มีคนแต่งตัวแปลกๆมาโรงเรียนด้วยสิ…”
พร้อมพึมพำกับตัวเอง
วันนี้ทั้งวัน แม้จะได้ยินนักเรียนคนอื่นพูดกันประมาณนั้น แต่ฉันก็ผ่านพ้นมาถึงช่วงเย็นโดยที่ไม่พบเจอสิ่งที่ว่านั่นเลย
หมายถึงชมรมวิจัยอนิเมะรึเปล่านะ?
แต่ชมรมนั้นก็คอสเพลย์กันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วด้วย น่าจะเห็นกันจนชินตา…เพราะงั้นก็ไม่น่าใช่
ฉันหยุดคิดพร้อมส่ายศีรษะจนชฎาเลื่อนเล็กน้อย
ไว้ประธานมาถึงเมื่อไหร่ค่อยลองถามดูแล้วกัน ประธานกับดิฉันอยู่กันคนละห้อง ถึงฉันจะไม่เห็นคนแต่งตัวแปลกๆที่ว่า แต่ถ้าเป็นประธานก็อาจจะเห็นก็ได้…
ครืด…!
“มาแล้วเหรอคะ!? ประ…ธาน…?”
คำพูดขาดช่วงเมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านหน้า
…ไอ้ที่เปิดประตูห้องสภาเข้ามานั่นคือตัวอะไรกันล่ะเนี่ย?
สิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงนั้นสวมเสื้อคลุมสีดำสนิทที่ห้อยสร้อยคอเครื่องหมายดาวหกแฉก คลุมยาวจนไม่เห็นเท้า และยังแขนเสื้อยาวจนไม่เห็นแม้แต่นิ้วมือ
อีกทั้งยังเป็นเสื้อคลุมแบบมีฮู้ดปิดหน้า และฮู้ดนั่นก็ปิดใบหน้าซะมิดจนเห็นแค่ความมืดด้านใน
“…”
ฉันจ้องอีกฝ่าย
…อาจจะเป็นคนมาขอให้ช่วยล่ะมั้ง?
พลางคิดเช่นนั้นก่อนกระแอมเพื่อปรับอารมณ์
“อะแฮ่มๆ! …มะ มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าคะ…?”
ชุดคลุมดำเอียงศีรษะช้าๆเหมือนไม่เข้าใจ แต่กิริยาท่าทางมองแล้วน่าขนลุกแปลกๆ
การแต่งกายของเขามันน่าขัดใจปนลำบากใจจัง…
ฉันพูดย้ำไปอีกครั้ง
“สภานักเรียนค่ะ…ถ้ามีอะไรให้สภาช่วยก็เข้ามานั่งก่อนสิคะ…”
ชุดคลุมดำยกมือขึ้น
“นี่ฉันเอง”
“คะ?”
พร้อมเอ่ยเช่นนั้นจนดิฉันสงสัย
จากนั้นเขาก็ชี้ที่ตัวเอง
“คริสโตเฟอร์ไง”
“…”
“ประธานนักเรียนคริสโตเฟอร์ ลูกซาตาน”
เขาแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ
คนแต่งตัวแปลกๆที่หมายถึงกันคือหมอนี่เองสินะ…
ถามจริงเถอะค่ะ ฉันก็พอรู้อยู่แล้วว่าคนในโรงเรียนนี้ที่แต่งตัวแปลกสุดก็คือประธาน มีเขาอยู่คนเดียวที่ไม่ใส่เครื่องแบบนักเรียนไทย
แต่ว่า…
“เกิดสมองกลับอะไรขึ้นมาคะ?”
นี่มันเกินระดับของคำว่า ‘แต่งตัวแปลกๆ’ ไปหลายขุมเลยล่ะ…
ชมรมอนิเมะยังไม่เว่อร์เท่านี้เลย
“ไม่ต้องมาด่ากันเลยนะ! ฉันก็มีเหตุผลของฉันเหมือนกันแหละน่า!”
ฟังจากเสียงก็คือประธานจริงๆนั่นล่ะ
ฉันถอนหายใจเบาๆ
“คอสเพลย์เหรอคะ?”
“ทำไมเหตุผลของเธอถึงมองว่าฉันเป็นพวกบ้าคอสเพลย์ไปได้ล่ะนั่น?”
“ก็เห็นช่วงหลังๆสนิทกับหัวหน้าชมรมวิจัยอนิเมะนี่คะ?”
“ไม่ได้สนิท! แค่บังเอิญเจอเฉยๆ! เมื่อวานเธอก็อยู่ด้วยไม่ใช่เรอะ!?”
“งั้นเหรอคะ?”
ว่าแล้วประธานก็ถอนหายใจแรงๆและไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง
ฉันเพ่งมองราวกับกำลังจ้องผู้กระทำผิด
“…ไม่คิดจะถอดออกหรือไงคะ?”
“ถ้าถอดได้ฉันทำไปนานแล้ว”
พูดอะไรกำกวมจัง วันนี้ประธานดูแปลกๆไปนิดหน่อยนะคะเนี่ย
“…แต่คงไม่เป็นไรหรอก ฉันใส่มาตั้งแต่เช้าแล้วก็ไม่เห็นมีใครว่าอะไร”
ที่ไม่ว่าอะไรเพราะคนอื่นเขาอึดอัดที่จะทักรึเปล่า? นี่เคยคิดถึงข้อนี้บ้างมั้ย?
อืม…สมาชิกสภาคนอื่นก็ยังไม่มากันเลย ถ้าตัดพี่ต้นที่กำลังรักษาตัว คนที่มีแนวโน้มจะมาห้องสภาได้มากที่สุดก็คือดิว…
ส่วนน้องสไปรท์กับพี่น้ำ ฉันขอละไว้ในฐานที่เข้าใจแล้วกันค่ะ
“…”
“…”
โอ้โห… พอมาอยู่กับคนที่แต่งตัวอย่างกับหลุดมาจากลัทธิโรคจิตแบบนี้ ก็ทำเอาบรรยากาศในห้องมาคุขึ้นมาเลย
…รู้อยู่หรอกว่าเป็นประธาน แต่น่าอึดอัดจริงๆนะเนี่ย……
“สวัสดีครับ! ผมมีเรื่องให้ช่วยนิด…หน่อย…”
จู่ๆก็มีคนเข้ามาขอให้ช่วย เรียกว่าเร็วกว่าทุกๆวันเลยล่ะค่ะ พึ่งเลิกเรียนได้เดี๋ยวเดียวเอง
ส่วนประธานที่เหมือนจะลืมไปแล้วว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหนก็ลุกขึ้น
“โอ้ว! เข้ามานั่งก่อนสิ!”
เด็กชายคนนั้นมองสิ่งมีชีวิตเสื้อคลุมดำด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“…ไว้ผมมาวันอื่นดีกว่าครับ…”
“เฮ้ย! ตอนนี้คิวว่างอยู่นะ! ดะ เดี๋ยวสิ!”
แม้ประธานจะรั้งไว้แค่ไหน สุดท้ายเด็กชายคนนั้นก็จากไปอย่างไร้เยื่อใย
“อะไรกันล่ะนั่น? เกิดลืมเรื่องที่อยากให้ช่วยรึไง?”
“…”
น้องเขาเล่นถ่อมาถึงห้องสภาแบบนั้น จู่ๆจะลืมเอากะทันหันได้ไงกัน? ไม่ใช่อัลไซเมอร์ซะหน่อย
ก่อนจะไปว่าร้ายคนอื่นช่วยชะโงกมองเงาตัวเองก่อนได้มั้ยคะ? คุณประธานนักเรียน
“แปลกชะมัด ว่ามั้ย? พลอย”
“นี่ประธานบ้าไปแล้วจริงๆใช่มั้ยคะ?”
ครืด…!
“หวัดดีค่า! หนูมีเรื่องขอให้ช่วยหน่อย…ค่ะ…”
“โอ้ว! เข้ามานั่งก่อนสิ!”
“…ไว้หนูมาวันอื่นดีกว่า…”
เด็กสาวรายที่สองก็มีปฎิกิริยาไม่ต่างจากคนแรกเลยสักนิด
ว่าก็ว่าเถอะ …ทำไมวันนี้คนมาขอให้ช่วยถึงเยอะผิดปกติแบบนี้ล่ะเนี่ย? และทำไมจังหวะเวลาถึงได้นรกแบบนี้กันนะ…
“…แปลกจริงๆนะเนี่ย”
นายก็หยุดพึมพำเหมือนไม่รู้เหตุผลที่พวกเขารีบออกไปทันทีสักทีได้มั้ยเนี่ย?
ครืด…!
“…สวัสดี”
คราวนี้ไม่ใช่นักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือ แต่เป็นสมาชิกสภาที่คุ้นหน้าคุ้นตา
ดิว เลขานุการที่ชอบใส่เสื้อกันหนาวสีม่วงนั่นเอง พร้อมด้วยลูกเจี๊ยบบนไหล่อีกหนึ่งตัว
เธอมองเข้ามาในห้องด้วยแววตาล่องลอย และจุดโฟกัสสายตาก็คือเจ้าชุดคลุมดำ
“โอ้ว! ไงดิว! มาช้าจังเลยนะ! เมื่อกี้มีเรื่องแปลกๆด้วย!”
ประธานทำเสียงกระตือรือร้น
ดิวหรี่ตามองก่อนผงกหัว
“…ขอกลับก่อน”
“สต๊อป!!”
“ที่ควรสต๊อปมันประธานต่างหากล่ะค้า!!”
ฉันที่ทนไม่ไหวจึงตะโกนออกไป
อยากจะบ้าตาย เจ้าลูกซาตานคนนี้เขาอ่านบรรยากาศไม่ออกหรือไง…
…สุดท้ายก็ลากเจ้าสิ่งมีชีวิตเสื้อคลุมดำมานั่งปรับความเข้าใจกันที่โต๊ะรับแขกจนได้ ดิวนั่งอยู่ฝั่งฉันพร้อมเพ่งมองไปยังประธานที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ดิวเอียงคอ
“…คริสโตเฟอร์”
“อะไร?”
“…สมองกลับไปแล้วเหรอ?”
“ทำไมคำพูดเธอมันเหมือนกับยัยพลอยเมื่อกี้เลยล่ะหา!?”
“เฮ้อ…”
…เหนื่อยใจจัง ทั้งๆที่เรียนเก่งแท้ๆ …นี่คงเป็นข้อพิสูจน์ว่าผลการเรียนไม่ได้วัดเรื่องระดับสติปัญญาสินะเนี่ย
อ๋อ ส่วนดิฉันก็มีผลการเรียนอยู่ในระดับสูงค่ะ ถึงจะไม่เท่าประธานแต่ก็ไม่เคยตกเลยสักวิชา
เรียกได้ว่าเป็นเด็กสาวที่เพียบพร้อมทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและมันสมองเลยล่ะค่ะ!
“วันนี้มีแต่เรื่องแปลกๆแฮะ”
“ที่แปลกมันประธานมากกว่ามั้งคะ? เล่นแต่งตัวบ้าอะไรก็ไม่รู้”
“น้อยๆหน่อยเถอะ เธอยังใส่ชฎามาเรียนเลยไม่ใช่เรอะ? ควรจะเคารพถึงชาติกำเนิดของแต่ละคนมั้ยล่ะ?”
“ส่วนคุณเป็นลูกซาตานไม่ใช่เหรอคะ? ดูยังไงที่เห็นตอนนี้ก็แค่พวกสมาชิกลัทธิคลั่งซาตานเท่านั้นเองค่ะ นี่พกกะโหลกสัตว์มาด้วยรึเปล่าเนี่ย?”
“จะบ้าเรอะ ความเชื่อที่ว่าใช้กะโหลกสัตว์ในการอัญเชิญซาตานมันไม่จริงสักหน่อย”
“แล้วต้องใช้อะไรคะ?”
ประธานครุ่นคิดก่อนตอบ
“อืม…นั่นสินะ วงเวทดาวหกแฉกกับเลือดมนุษย์สดๆสักหน่อยก็น่าจะได้”
“…”
หมอนี่เล่นพูดเรื่องน่าขนลุกออกมาได้หน้าตาเฉย บางมุมก็สมเป็นซาตานดีนะนั่น…
ฉันถอนหายใจก่อนเริ่มอธิบายให้ฟัง
“…นี่รู้ตัวมั้ยว่าที่คนอื่นเขาหนีไปแบบนั้น เพราะการแต่งตัวของประธาน?”
“เป็นงั้นเหรอ?”
“ยังจะกล้าถามอีกนะคะ”
“อืม…ไม่ค่อยเข้าใจแฮะ ความเห็นเธอก็มีอคติซะด้วยสิ ถามดิวแล้วกัน…ดิว! หยุดกินแล้วมาคุยก่อน”
เด็กสาวผีปอบหยุดมือกะทันหัน
“…งือ?”
“วันนี้ฉันแต่งตัวแปลกรึเปล่า?”
“…”
“…”
ถึงดิวจะเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง แต่ฉันก็พึ่งเคยเห็นเธอเงียบเป็นเป่าสากแบบนี้ครั้งแรกเลย…
เธอก้มหน้ากินขนมต่อโดยไม่ได้ตอบอะไร
ประธานเกาศีรษะ ไม่สิ เรียกว่าเกาหมวกมากกว่า
“ตอบยากขนาดนั้นเลยเรอะ?”
“…คริสโตเฟอร์ไปหาหมอดีมั้ย?”
“นั่งเงียบๆกินขนมไปเลยไป๊”
ประธานปัดมือไล่ดิว
ถ้าจะถามก็ต้องตอนนี้แหละ!
“ประธานคะ”
“หือ?”
“ทำไมต้องใส่ชุดแปลกๆนั่นมาด้วยล่ะคะ?”
“เอ่อ…จะว่าไงดี…”
ฉันขมวดคิ้วให้คำพูดอีกฝ่าย
ดูเหมือนจะมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่อาจจะบอกได้ยาก แต่ถ้าเป็นเรื่องลักษณะเฉพาะของซาตานล่ะก็…มีความจำเป็นอะไรถึงต้องใส่เสื้อคลุมแบบนั้นมาทั้งตัวด้วยล่ะเนี่ย?
ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัยจริงๆค่ะ
ประธานเกริ่นนำ
“คือ…ฉันเป็นลูกครึ่งน่ะ”
“???”
“…?”
เป็นหัวข้อที่ชวนให้อยากรู้จนดิวที่ถ้าเข้าโหมดกินขนมจะไม่สนใจอะไรยังเผยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
ฉันกุมคาง
“หมายถึง…เป็นลูกครึ่งซาตานกับมนุษย์ เหรอคะ?”
“ถ้าแค่นั้นก็ดีน่ะสิ”
“…ครึ่งซาตานกับควาย?”
“หล่อนรีบขอโทษแม่ฉันเดี๋ยวนี้เลยนะเฟ้ย”
คงเพราะเห็นวันนี้ประธานดูโง่กว่าทุกวันเลยเผลอพูดล้อเล่นจนลามไปถึงบุพการีเสียได้ ต้องขออภัย
ฉันผายมือพูดต่อ
“จะเป็นลูกครึ่งอะไรก็ตามแต่ แล้วเกี่ยวอะไรกับที่ใส่ชุดแปลกๆนั่นมาด้วยล่ะคะ?”
“นั่นสินะ แต่ถ้าอธิบายอย่างเดียวก็คงเข้าใจยาก งั้นก็…”
และทำท่าจะถลกหมวกฮู้ดขึ้น
ฉันยกมือห้ามไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อนค่ะ!”
“อะไรอีก?”
“ไม่ใช่เปิดมาแล้วหน้าตาประธานน่ากลัวกว่าเดิมนี่ฉันไม่เล่นด้วยนะคะ!?”
“น่ากลัวกว่าเดิมนี่พูดแรงไปแล้วนะ …เฮ้อ ก็ไม่ใช่อะไรเชิงๆนั้นหรอก แต่ว่าขอเตือนไว้หน่อยแล้วกัน…”
“คะ?”
“ทำใจให้แข็งๆเข้าไว้ล่ะ ทั้งสองคนเลย”
…ถึงจะเป็นคำเตือนจากลูกซาตานก็เถอะ แต่ก็บอกมาแล้วว่าไม่ใช่อะไรเชิงๆนั้น อย่างน้อยก็ตีความได้ว่าคงไม่เห็นอะไรที่น่ากลัวเกินจินตนาการ
ยิ่งทำให้ฉันสงสัยใคร่รู้มากไปกว่าเดิมเสียอีก ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับประธานกันแน่
ฉันยืดอกอย่างภาคภูมิใจ
“ประธานก็ไม่ใช่ผีสักหน่อย! ฉันไม่กลัวแน่ค่ะ!”
“หะ? เธอกลัวผีเหรอ?”
อุ๊ย…รู้สึกเหมือนหลุดด้านน่าอายของตัวเองไปซะแล้วสิ
ฉันหันหน้าหนี
“พะ พูดอะไรน่ะคะประธาน …ไม่เห็นเข้าใจเลย”
“หืม…”
ถึงจะไม่เห็นหน้า แต่ก็รู้สึกได้ว่าประธานกำลังหรี่ตามอง
ฉันรีบเร่งเพื่อเบี่ยงประเด็น
“หยุดพูดไร้สาระแล้วรีบๆถอดเถอะค่ะ!”
คำพูดคำจาสองแง่สองง่ามชอบกล ไม่ต้องไปใส่ใจนะคะ
“เออๆ รู้แล้วน่า”
วินาทีถัดมา ประธานก็ถอดหมวกออก
ในพริบตานั้นเอง ที่ราวกับรับรู้ถึงกลิ่นอายแปลกๆที่ชวนให้เคลิ้มเคลิบ
สิ่งที่อยู่ภายใต้ฮู้ดคลุมศีรษะนั้น ก็เป็นหน้าตาของประธานไม่มีสิ่งใดผิดเพี้ยน ดวงตาสีแดงเลือด เรือนผมสีชมพู เขาสีแดงสองอันบนศีรษะ
หน้าตาที่จัดอยู่ในเกณฑ์ที่ถ้าทำตัวดีๆกว่านี้ก็คงจะเนื้อหอมได้ไม่ยาก
ทั้งๆที่ควรจะมีแค่นั้น แต่ว่า…รู้สึกได้ถึงมนต์สเน่ห์บางอย่างจนหัวใจเต้นโครมคราม…กว่าทุกที…
“อะ…อึก…!”
ฉันกุมหน้าอก ขบริมฝีปากให้อารมณ์ไม่พึงประสงค์ที่พวยพุ่งขึ้น
จะว่าไงดีล่ะ…รู้สึกอยากเข้าไปกอดประธานตอนนี้เสียให้ได้เลยล่ะค่ะ
“เป็นไงบ้าง? เข้าใจรึยัง?”
แม้แต่เสียงก็ยังนุ่มลื่นสบายหู นี่ถ้ามาพูดใกล้ๆมีหวังขาดใจตายแน่…
“…อืม…?”
ส่วนดิวดูเหมือนจะไม่มีปฎิกิริยาอะไรเลยสักนิด ทำไมถึงมีแค่ฉันที่รู้สึกแปลกๆคนเดียวล่ะเนี่ย?
ประธานขยี้เส้นผมเบาๆ
“ที่จริงพวกเธอก็น่าจะเดาได้ไม่ใช่เหรอ? ซาตานที่ไหนจะมีผมสีชมพูกันเล่า? …หือ? ทำไมมานั่งตรงนี้เนี่ย? พลอย”
สูญเสียการควบคุมตัวไปครู่หนึ่ง รู้สึกตัวอีกทีก็ย้ายมานั่งข้างๆประธานซะอย่างนั้น
“อะ เอ่อ…ฝั่งนี้นั่งสบายกว่านี่คะ”
ไม่พอแค่นั้น ฉันยังเผลอคล้องแขนประธานและเบียดตัวเข้าไปใกล้อีก
“เฮ้อ ก็บอกว่าให้ทำใจแข็งๆไว้ไงเล่า ดูดิวเป็นตัวอย่างสิ…นี่ดิว รู้สึกอะไรบ้างมั้ย?”
“…รู้สึกว่าคริสโตเฟอร์หล่อกว่าเดิมล่ะมั้ง? …แต่ก็รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย”
อะ อ้าว? แสดงว่าดิวก็โดนผลกระทบอะไรสักอย่างของประธานเหมือนกันนี่นา? แล้วทำไมสภาพฉันกับดิวถึงได้ออกมาเป็นหน้ามือกับหลังมือแบบนี้ล่ะเนี่ย???
“งั้นน่าจะพอเข้าใจกันแล้วสินะ…”
สิ้นเสียง ประธานก็ใส่ฮู้ดคลุมศีรษะไว้ตามเดิม
เพียงแค่นั้น บรรยากาศตลบอบอวลอันน่าหลงใหลจากตัวประธานก็หายไปทันควัน
ที่อยู่ตรงนี้ก็แค่ประธานนักเรียนบ้าๆบอๆเท่านั้นเอง
“อะแฮ่ม! อะแฮ่ม!”
ฉันกระแอมและเขยิบออกห่างประธานทันที
ส่วนดิวก็ยังไม่มีปฎิกิริยาเช่นเดิม แต่ก็มองประธานด้วยความฉงนเล็กน้อย
ประธานผายมือ
“โอเคนะ? สรุปว่าฉันต้องใส่เจ้านี่ไปอีกสักพัก”
แล้วก็พูดเองเออเองแบบนั้น
ฉันรีบแทรกออกไป
“เดี๋ยวๆ แค่นั้นใครมันจะไปเข้าใจกันล่ะคะ?”
“พวกผีไทยเอ๊ย…”
…ก็รู้อยู่หรอกว่าพี่แกเป็นซาตาน แต่เล่นสบถแบบนั้นไม่ว่าใครได้ยินก็คงอยากจะตีให้ตายสักครั้งใช่มั้ยล่ะคะ?
ประธานผสานมือ
“คืองี้นะ การเป็นลูกครึ่งของอะไรสักอย่างน่ะ ทั้งความสามารถทั้งรูปลักษณ์มันก็จะเท่าๆกันทั่งสองฝั่งนั่นแหละ โดยส่วนใหญ่น่ะนะ”
“ค่ะๆ”
“ตามปกติความสามารถอีกฝั่งนึงของฉันที่ไม่ใช่ซาตาน ฉันก็จะควบคุมไม่ให้มันโผล่ออกมาเพื่อตัดความยุ่งยาก …แต่เธอจำเมื่อวานที่ฉันจัดการเด็กเกเรพวกนั้นได้มั้ย?”
“ใครจะลืมลงล่ะคะนั่น…”
…อย่างกับอยู่ในหนังสยองขวัญไม่มีผิด เมื่อคืนนอนฝันร้ายเลยล่ะ…
ประธานที่เข้าใจว่าฉันยังจำได้ก็พูดต่อ
“นั่นแหละๆ เพราะการที่ฉันใช้พลังฝั่งซาตานมากไปหน่อย ส่งผลให้ความเป็นซาตานอ่อนแรงลง …จนความสามารถฝั่งแม่ที่ฉันพยายามควบคุมเอาไว้ เกิดควบคุมไม่ได้ขึ้นมา”
“ความสามารถของแม่…งั้นเหรอ?”
“อืม”
เมื่อประธานตอบสั้นๆ ฉันก็แตะริมฝีปาก
หรือก็คือ เพราะใช้พลังซาตานมากเกินไป ตอนนี้พลังซาตานก็เลยอ่อนแรงลง ส่งผลให้ความสามารถฝั่งแม่ที่ประธานพยายามควบคุมนั้น เกิดควบคุมไม่ได้…
งั้นแสดงว่าปฎิกิริยาแปลกๆที่เกิดขึ้นกับฉันเมื่อครู่ มาจากความสามารถฝั่งแม่ของประธานสินะ?
ถ้าอย่างนั้น…
“แล้วแม่ของประธานเป็นภูตผีแบบไหนเหรอคะ?”
คำถามนั้นถูกตอบออกมาด้วยเสียงพูดของประธานนักเรียนที่เหนื่อยล้าอย่างสุดหัวใจ
“…ซัคคิวบัสน่ะ”
เคสที่ 9 ว่าด้วยเรื่องเชื้อสายของลูกชายเจ้าแห่งนรก (ซัคคิวบัส) /มีต่อ