สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1589 เข้าข้างพวกเดียวกัน
ตอนที่ 1589 เข้าข้างพวกเดียวกัน
……….
ดูจากการจัดทัพของต้าโจวเห็นได้ชัดว่าต้าโจวต้องการทำลายล้างต้าเยี่ยน
แม้ตอนที่มู่หรงลี่เห็นรายงานจะรู้สึกตกใจที่ต้าโจวสามารถจัดทัพมากมายขนาดนี้บุกมาต้าเยี่ยนในระยะเวลาสั้นๆ ได้ ทว่า เขาก็รู้สึกว่ามันสมควรแล้ว
มู่หรงลี่นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ จากนั้นสั่งให้คนนำข่าวนี้ไปให้เริ่นซื่อเจี๋ย พวกเขาจะได้เตรียมตัวเจรจากับต้าโจวถูก
เขาเคยเห็นว่าพี่น้องตระกูลไป๋สามัคคีกันมากเพียงใดตอนที่พี่สาวไป๋ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีของต้าโจว อีกทั้งได้ยินผู้อื่นกล่าวกันว่าพี่น้องตระกูลไป๋รักใคร่ปรองดองกันมาก
เริ่นซื่อเจี๋ยจะเดินทางไปพบพี่สาวไป๋โดยเร็วที่สุด ไม่ว่าผลสุดท้ายแล้วต้าเยี่ยนจะได้ยุติสงครามหรือตกเป็นเมืองขึ้นของต้าโจวก็ล้วนไม่เป็นอันใด ขอเพียงชาวบ้านได้มีชีวิตที่ดีกว่านี้โดยเร็วที่สุดก็พอ
แม้เขาไม่อยากกลายเป็นจักรพรรดิที่แคว้นดับสูญ ทว่า ตอนนี้ต้าเยี่ยนเผชิญกับปัญหามากมายเกินไป นอกเสียจากย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้ มิเช่นนั้นก็คงไม่มีทางแก้ไขอีกต่อไปแล้ว
วันที่สิบสาม เดือนสาม รัชศกหยวนเหอปีที่สาม ทูตของต้าเยี่ยนเดินทางไปถึงเมืองเติงเฟิง พวกเขาเข้าเฝ้าจักรพรรดินีต้าโจวเพื่อขอสงบศึก
ไป๋จิ่นจื้อสวมชุดเกราะยืนรอทูตของต้าเยี่ยนอยู่นอกค่ายทหาร เดิมทีนางคิดว่าผู้มาในครั้งนี้คือเซียวหรงเหยี่ยนพี่เขยของนาง ทว่า ผู้ที่มากลับไม่ใช่พี่เขย…แต่ถือว่าเป็นคนคุ้นเคยเช่นเดียวกัน
แม้จะถึงเดือนสามแล้ว ทว่า อากาศยังคงเย็นอยู่
เมื่อทูตของต้าเยี่ยนลงจากรถม้าก็สัมผัสถึงลมหนาวได้ทันที พวกเขากระชับเสื้อคลุมที่สวมอยู่แน่น พวกเขามองไปทางเกาอี้อ๋องที่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ตรงนั้นราวกับไม่รู้สึกเหน็บหนาวแม้แต่น้อย เมื่อเห็นดังนั้นพวกเขาจึงคลายมือที่กระชับเสื้อคลุมอยู่ออกและยืดตัวตรงทันที
เมื่อเห็นเริ่นซื่อเจี๋ยลงมาจากรถม้าไป๋จิ่นจื้อนิ่งงันไปเล็กน้อย จากนั้นยกมือคารวะเริ่นซื่อเจี๋ยยิ้มๆ “เริ่นเซียนเซิง สบายดีหรือไม่”
เริ่นซื่อเจี๋ยไม่เคยลืมว่าตอนนั้นเกาอี้อ๋องเป็นคนควบคุมตัวเขา ทว่า สุดท้ายกลับลืมเขาไปเสียสนิทจนเขาหิวโซอยู่หลายวัน
เริ่นซื่อเจี๋ยโค้งกายคำนับไป๋จิ่นจื้อ “คารวะเกาอี้อ๋อง ไม่น่าเชื่อว่าเกาอี้อ๋องจะยังจำบุคคลที่ไม่สำคัญอย่างกระหม่อมได้พ่ะย่ะค่ะ”
เริ่นซื่อเจี๋ยหยัดกายขึ้น จากนั้นกล่าวกับไป๋จิ่นจื้อยิ้มๆ “เกาอี้อ๋องสูงขึ้นมากพ่ะย่ะค่ะ”
“ตอนนี้เริ่นเซียนเซิงคือทูตของต้าเยี่ยนแล้ว ไม่ทราบว่าท่านมีตำแหน่งใดในราชสำนักต้าเยี่ยนกัน” ไป๋จิ่นจื้อยืนเอามือไพล่หลังมองไปทางเริ่นซื่อเจี๋ย
เสนาบดีกรมการคลังของต้าเยี่ยนก้าวไปด้านหน้า เขาทำความเคารพไป๋จิ่นจื้อแล้วเอ่ยขึ้น “ทูลเกาอี้อ๋อง ตอนนี้เริ่นเซียนเซิงยังไม่ได้รับตำแหน่งในราชสำนัก ทว่า เขาคือทูตคนสำคัญของต้าเยี่ยนพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋จิ่นจื้อขมวดคิ้วเล็กน้อย เสนาบดีกรมการคลังของต้าเยี่ยนผู้นี้รักพวกพ้องดีจริง นางแค่เอ่ยถามเริ่นซื่อเจี๋ยตามประสาเท่านั้น เสนาบดีกรมการคลังคิดว่านางกำลังดูถูกเริ่นซื่อเจี๋ยหรืออย่างไรกัน
ไป๋จิ่นจื้อไม่อยากเสียเวลาสนทนากับเสนาบดีกรมการคลัง นางจำได้ว่าคนผู้นี้เคยถูกฟ่านอวี้กานแกล้งตอนที่เดินทางไปยังต้าโจว เขาคงไม่ใช่คนมีไหวพริบสักเท่าใดนักดังนั้นนางจึงไม่ได้ใส่ใจเขาเท่าใด ไป๋จิ่นจื้อผายมือเชิญทูตของต้าเยี่ยนด้วยท่าทีจริงจัง “เชิญทูตต้าเยี่ยน…”
ทูตสามคนของต้าเยี่ยนเดินตามหลังไป๋จิ่นจื้อเขาไปในกระโจมที่ไป๋ชิงเหยียนอาศัยอยู่
กลางกระโจมมีฉากกั้นลายทิวทัศน์ขนาดใหญ่วางตั้งอยู่ พวกเขามองเห็นเงาของจักรพรรดินีไป๋ชิงเหยียนผ่านฉากกั้นอย่างเลือนราง
ไป๋ชิงเจวี๋ยนั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้างฉากกั้น เขากล่าวขึ้นยิ้มๆ อย่างไม่รีบร้อน “ทูตทั้งสามของต้าเยี่ยนได้โปรดเข้าใจ ซีผิงอ๋องยกทัพทหารห้าหมื่นนายมาดักซุ่มโจมตีขบวนเสด็จของจักรพรรดินีของพวกเราโดยไม่ส่งสาสน์ท้ารบมาก่อน แม้ทหารยอดฝีมือของพวกเราจะปกป้องฝ่าบาทจนรอดปลอยภัยมาได้ ทว่า ฝ่าบาททรงได้รับบาดเจ็บอยู่ดี ทรงถูกธนูยิงที่แขน ขาก็เกือบหักดังนั้นจึงไม่อาจนั่งสนทนากับพวกท่านได้ ทำได้เพียงพบพวกท่านผ่านฉากกั้นนี้เท่านั้น หวังว่าทุกท่านจะไม่ถือสา”
ทูตทั้งสามของต้าเยี่ยนรีบก้มหน้ารับคำ ทว่า ยังไม่ทันได้เอ่ยตอบก็ได้ยินไป๋ชิงเจวี๋ยกล่าวขึ้นต่อ “ทว่า ผู้สำเร็จราชการเป็นคนส่งท่านทั้งสามมาเจรจา เขาคงบอกเรื่องนี้กับทุกท่านแล้ว หวังว่าทุกท่านคงเข้าใจ”
“แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!” เสนาบดีกรมการคลังของต้าเยี่ยนรีบกล่าวขึ้น เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นในใจของเขา
แม้จงกั๋วอ๋องของต้าโจวจะอายุไม่มาก ทว่า บารมีของเขาเต็มเปี่ยม ทั้งๆ ที่กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ทว่า คนฟังกลับรู้สึกขนลุกชันไปทั้งร่าง
ไป๋ชิงเหยียนเห็นทูตทั้งสามของต้าเยี่ยนยังคงโค้งคำนับนางอยู่ในท่าเดิมจึงรู้สึกว่าพอควรแล้ว นางกล่าวขึ้น “เริ่นเซียนเซิงไม่ได้เจอกันนาน ท่านสบายดีหรือไม่”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงนึกถึง กระหม่อมสบายดีพ่ะย่ะค่ะ” เริ่นซื่อเจี๋ยเห็นโอกาสจึงรีบกล่าวต่อ “กระหม่อมทั้งสามมาเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพราะเรื่องการเจรจาสงบศึก จักรพรรดิต้าเยี่ยนของกระหม่อมไม่ได้เป็นคนสั่งให้ซีผิงอ๋องดักซุ่มโจมตีฝ่าบาท ทว่า ไม่ว่าอย่างไรซีผิงอ๋องก็คือคนของต้าเยี่ยน จักรพรรดิของกระหม่อมไม่อาจปฏิเสธความผิดนี้ได้ดังนั้นจึงให้พวกกระหม่อมนำสัญญาสงบศึกและสัญญาแบ่งดินแดนมาให้ฝ่าบาทเป็นการชดใช้ หวังว่าจักรพรรดินีต้าโจวจะทรงยอมยุติสงครามเพื่อเห็นแก่ชาวบ้านพ่ะย่ะค่ะ”
เสนาบดีกรมการคลังได้ยินเริ่นซื่อเจี๋ยกล่าวจบจึงรีบชูสัญญาขึ้นเหนือศีรษะ
“ช่างน่าสนใจจริงๆ” ไป๋จิ่นจื้อที่ยืนอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “เหตุใดแคว้นต้าเยี่ยนของพวกเจ้าจึงชอบนำชาวบ้านมาอ้างนัก! ตอนที่พวกเจ้าแทงข้างหลังต้าโจวจนต้าโจวยกทัพมาประชิดชายแดนต้าเยี่ยน พวกเจ้าก็มาบอกต้าโจวว่าเป็นความผิดของไทเฮา ไม่ใช่ความผิดของฝ่าบาทของพวกเจ้า ให้พี่หญิงใหญ่ของข้ายอมเดิมพันด้วยระบอบการปกครองเพื่อเห็นแก่ชาวบ้าน!”
ไป๋จิ่นจื้อแบมือทั้งสองข้างออก “ครั้งนี้คนต้าเยี่ยนดักซุ่มสังหารพี่หญิงใหญ่ของข้า! พวกเจ้าก็มาบอกว่าซีผิงอ๋องของพวกเจ้าทำไปโดยพลการ จักรพรรดิต้าเยี่ยนของพวกเจ้าไม่รู้เรื่องอันใดทั้งสิ้น ให้พี่หญิงใหญ่ของข้าเห็นแก่ชาวบ้านอีกครั้ง! จักรพรรดิต้าเยี่ยนของพวกเจ้าต้องไร้ความสามารถเพียงใดถึงได้ถูกคนในแคว้นหลอกถึงหลายครั้งถึงเพียงนี้ ต้าเยี่ยนของพวกเจ้าเกิดปัญหาขึ้นตลอดเวลา พี่หญิงใหญ่ของข้าไม่เห็นเคยเจอปัญหาที่ลูกน้องลอบโจมตีต้าเยี่ยนลับหลังนางบ้างเลย”
ความจริงไป๋จิ่นจื้อไม่ได้คิดตำหนิมู่หรงลี่ กลับกันนางยังรู้สึกนับถือมู่หรงลี่มากที่เขาแบกรับภาระที่ยิ่งใหญ่หลังสูญเสียบิดาไปได้ดีถึงเพียงนี้
ตอนที่อยู่ที่ต้าโจวไป๋จิ่นจื้อเคยไปมาหาสู่กับมู่หรงลี่บ่อยครั้ง นางรู้ดีว่ามู่หรงลี่เป็นเด็กใจกว้างและสติปัญญาแหลมคม
ที่นางกล่าวออกมาต่อหน้าทูตของต้าเยี่ยนเช่นนี้เป็นเพราะก่อนหน้านี้นางวางแผนกับพี่ชายเจ็ดไว้แล้วว่าจะทำตัวเป็นคนเลว
“เกาอี้อ๋องกล่าวมีเหตุ” ไป๋ชิงเจวี๋ยยิ้มออกมาน้อยๆ “ชาวบ้านคือเกราะกำบังชั้นดี ทว่า การที่ต้าเยี่ยนแทงข้างหลังต้าโจวหลายต่อหลายครั้งเช่นนี้แล้วนำชาวบ้านขึ้นมาอ้าง…เกรงว่าคงไม่ได้ผลเหมือนตอนแรกๆ อีกแล้ว ต้าโจวอยากให้ต้าเยี่ยนรับรู้ว่าแทนที่จะยกชาวบ้านขึ้นมาเป็นข้ออ้างหลังทำความผิด ไม่สู้คิดและทำเพื่อชาวบ้านให้มากกว่านี้ดีกว่า มีนักปราชญ์เคยกล่าวไว้ว่าควรทำในสิ่งที่ขอร้องให้คนอื่นทำให้ได้ด้วยตัวเองก่อน อย่าขอให้คนอื่นให้อภัยหากตัวเองยังทำไม่ได้”
“ทุกคนรับรู้ดีว่าฝ่าบาททรงรักและห่วงใยชาวบ้าน ดังนั้นต้าเยี่ยนจึงกล้าบังอาจยกเรื่องนี้มาขอให้ฝ่าบาทอภัยให้พ่ะย่ะค่ะ!” เริ่นซื่อเจี๋ยได้สติอย่างรวดเร็ว เขารีบกล่าวต่อทันทีที่ไป๋ชิงเจวี๋ยกล่าวจบ