สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1585 ทำสิ่งใดไม่ถูก
ตอนที่ 1585 ทำสิ่งใดไม่ถูก
……….
นางและอาลี่ถูกเซียวหรงเหยี่ยนและไป๋ชิงเหยียนหลอกปั่นหัวจนตามไม่ทันจริงๆ !
ทว่า บุตรชายผู้โง่เขลาของนางกลับเชื่อพวกเขาอย่างสนิทใจ
อาลี่เป็นเพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น บิดาของเขาด่วนจากไปเร็ว การที่เขาจะหลงเชื่อคำกล่าวของคนที่บิดาตัวเองไว้ใจก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด
ทว่า นางซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้วกลับโดนเซียวหรงเหยี่ยนหลอกเช่นเดียวกัน ช่างโง่ยิ่งนัก!
ในเมื่อนางถูกหลอกและทำผิดมาตั้งแต่แรก ต่อให้ตอนนี้สวรรค์จะเอาชีวิตของนางไปนางก็ต้องแก้ไขความผิดพลาดของตัวเองให้ได้ก่อนตาย นางจะปล่อยให้การเดิมพันระหว่างสองแคว้นดำเนินต่อไปไม่ได้เด็ดขาด
แม้บุตรชายของนางจะใจร้ายออกคำสั่งให้องครักษ์ลับสังหารนางหากนางหนีออกจากตำหนักพักผ่อน ทว่า สุดท้ายไทเฮาก็ไม่อยากเสียชีวิตลงต่อหน้าบุตรชายของตัวเองอยู่ดี
“ไทเฮา!”
“ไทเฮา!”
เหล่าเชื้อพระวงศ์รีบวิ่งมาดูอาการของไทเฮา พวกเขากลัวว่าไทเฮาจะจากไปก่อนที่จะทำเรื่องสำคัญสำเร็จ หนึ่งในนั้นตะโกนขึ้นเสียงดัง “ไทเฮาจะทรงเป็นอันใดไปไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงพระเยาว์ คนทรยศมู่หรงเหยี่ยนคิดแย่งชิงแคว้นต้าเยี่ยนของพวกเราไป ไทเฮาต้องทรงเข้มแข็งนะพ่ะย่ะค่ะ”
ที่เมื่อครู่เหล่าเชื้อพระวงศ์รีบร้อนประกาศให้ไทเฮาเป็นคนคุมอำนาจในราชสำนักก็เพราะพวกเขารู้ว่าไทเฮาได้รับบาดเจ็บหนัก พวกเขาอยากให้นางทำสิ่งสำคัญให้เสร็จก่อนที่จะสิ้นใจ
“ไม่ต้องตามหมอหลวงแล้ว ข้าไม่ได้เรื่องเอง!” ไทเฮากุมมือของอาลี่ไว้แน่น “อาลี่…อาลี่! แม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนจิตใจอ่อนโยน มีเมตตามาตั้งแต่เล็ก เจ้าเชื่อใจท่านอาเก้าของเจ้ามาก ทว่า อาลี่…เขาเปลี่ยนไปแล้ว เหตุใดเจ้าจึงต้องกุเรื่องว่าเสด็จพ่อของเจ้าเคยยกบัลลังก์ให้เขาขึ้นมาปกป้องเขาเช่นนี้ด้วย เซียวหรงเหยี่ยนไม่มีทางซาบซึ้งในน้ำใจของเจ้า การทำเช่นนี้มีแต่จะทำให้ผู้อื่นคิดว่าเจ้าได้บัลลังก์มาอย่างไม่ชอบธรรมเท่านั้น!”
เหล่าเชื้อพระวงศ์สีหน้าเปลี่ยนไปทันที มีคำกล่าวว่าผู้ใกล้ตายจะกล่าวแต่ความจริง…
ทว่า จักรพรรดิต้าเยี่ยนกุเรื่องนี้ขึ้นเพื่อปกป้องผู้สำเร็จราชการหรือไทเฮาอยากสังหารมู่หรงเหยี่ยนให้ได้จึงโกหกกันแน่
ทุกคนเดาไม่ออกจริงๆ
“เสด็จแม่!” มู่หรงลี่เห็นร่างกายที่อ่อนแอของมารดาก็ไม่รู้จะเถียงนางเช่นไรดี เขาพยายามควบคุมไม่ให้น้ำตาไหลออกมา จากนั้นกล่าวเสียงสะอื้น “ข้ากล่าวความจริง ท่านทราบดีว่าข้ากล่าวความจริง! เหตุใดถึงขนาดนี้แล้วท่านยังคิดใส่ร้ายท่านอาเก้าอีก ท่านอาเก้าทำทุกอย่างเพื่อต้าเยี่ยน ท่านไม่รู้หรือว่าเขาเสียสละเพื่อต้าเยี่ยนไปมากเท่าใด! ท่านเลิกใส่ร้ายท่านอาเก้าเถิดขอรับ เลิกเถิดขอรับ”
มู่หรงลี่เบนหน้าหนี เขาตะโกนขึ้นเสียงสะอื้นอย่างควบคุมไม่อยู่ “หมอหลวง รีบตามหมอหลวงเร็ว…”
นี่คือมารดาแท้ๆ ของมู่หรงลี่ มารดาของเขาดูแลและคุ้มครองเขาจนเติบใหญ่ แม้ต่อมานางจะทำผิด ทว่า ความรักที่นางเคยมอบให้เขาคือเรื่องจริง
แม้เขาจะเคยออกคำสั่งให้ทหารสังหารนาง ทว่า มู่หรงลี่ไม่เคยคิดเลยว่ามารดาของเขาจะสิ้นใจด้วยคำสั่งของเขา
เหตุใดสวรรค์ต้องโหดร้ายเช่นนี้ เหตุใดถึงให้มารดาของเขาเสียชีวิตเพราะคำสั่งของเขาต่อหน้าเขาเช่นนี้
ในฐานะจักรพรรดิของต้าเยี่ยนเขาไม่เห็นด้วยกับการกระทำทุกอย่างของไทเฮา ทว่า ในฐานะบุตรชาย…เขาจะปล่อยให้มารดาเสียชีวิตลงตรงหน้าเขาได้อย่างไรกัน
“อาลี่ เสด็จพ่อของเจ้ามีโอรสถึงสามองค์ เขาจะยกบัลลังก์ให้ท่านอาเก้าของเจ้าได้อย่างไรกัน” ไทเฮายังคงโกหกต่อไป ทว่า นางคิดว่านางทำถูกแล้ว นางกำลังปกป้องบัลลังก์ของสามีและลูกของนางอยู่ ไทเฮากล่าวต่ออย่างไม่รอให้มู่หรงลี่กล่าวสิ่งใดออกมาอีก “อาลี่ แม่ทนไม่ไหวแล้ว ฝากแผ่นดินต้าเยี่ยนไว้ที่เจ้าด้วย!”
“เสด็จแม่ เหตุใดต้องทำถึงเพียงนี้พ่ะย่ะค่ะ!”
ลำคอของมู่หรงลี่ร้อนผ่าว เขาเจ็บปวดกับการกระทำของมารดา สงสารท่านอาเก้า ความรู้สึกผิดและความหวาดกลัวตีกันอยู่ในใจของเขาจนเขาไม่รู้จะทำเช่นไรดี เขารู้สึกราวกับมีพายุพัดกระหน่ำอยู่ในร่างกายอวัยวะภายในของเขาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เหตุใดมารดาของเขาจึงไม่อยู่เฉยๆ อย่างที่เคยทำเมื่อก่อน ไม่ต้องเป็นไทเฮาของต้าเยี่ยน เป็นเพียงมารดาของเขาและพี่สะใภ้ของท่านอาเก้าก็พอ
เหตุใดเขาจึงทำให้แคว้นต้าเยี่ยนที่ท่านอาเก้าเคยมอบให้เขากลายเป็นเช่นนี้ไปได้
เหตุใดต้าเยี่ยนจึงไม่เป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนที่ต้าโจวเป็น!
หากคนต้าเยี่ยนรวมใจเป็นหนึ่ง พวกเขาอาจมีโอกาสชนะการเดิมพันในครั้งนี้ก็ได้
เหตุใดพวกเขาจึงไม่เข้าใจกันนะ…
ไม่ ไม่ใช่ไม่เข้าใจ ทว่า พวกเขาคิดถึงแค่ประโยชน์ที่พวกเขาจะเสียไปเท่านั้น ใต้หล้าจะสงบสุขหรือไม่ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับพวกเขาทั้งสิ้น!
หากเทียบกับราชวงศ์ใหม่ของต้าโจว ราชวงศ์ของต้าเยี่ยนเน่าเฟะมานานแล้ว ส่วนต้าโจวกลับกำจัดสิ่งที่อาจจะเน่าเฟะตั้งแต่แรกเริ่มจนสิ้นซากไปแล้ว!
มารดาของเขาคือหมากที่ถูกเชื้อพระวงศ์เหล่านี้หลอกใช้ พวกเขาหลอกใช้ความโลภของมารดาเขาดึงไทเฮาของต้าเยี่ยนมาเป็นพวก แม้ปากจะบอกว่าทำไปเพื่อต้าเยี่ยน ทว่า แท้จริงแล้วพวกเขาทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั้งสิ้น
โทสะที่เดือดดาลอยู่ในใจของมู่หรงลี่ค่อยๆ เย็นลง…
จู่ๆ มู่หรงลี่ก็รู้สึกว่าตัวเองคือจักรพรรดิที่แคว้นกำลังจะดับสูญ เป็นจักรพรรดิที่ทำสิ่งใดไม่ได้แม้แต่น้อย
เขาไม่รู้ว่าควรโทษที่ต้าโจวแข็งแกร่งเกินไปหรือควรโทษว่าภาระของต้าเยี่ยนมีมากเกินไป
มู่หรงลี่คิดว่าบิดาของเขาอาจรู้ว่าหากยกบัลลังก์ให้พวกเขาพี่น้องต้าเยี่ยนอาจมีจุดจบเช่นนี้ ดังนั้นบิดาจึงเลือกยกบัลลังก์ให้ท่านอาเก้าแทน
“พวกเราไม่ควรเดิมพันแคว้นต่อไปแล้ว มู่หรงเหยี่ยนก็ไม่ควรเป็นผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยนอีกต่อไป ต้าเยี่ยนของพวกเราไม่มีทางยอมแพ้ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำสงครามแน่นอน!” น้ำเสียงของไทเฮาแหบพร่าและอ่อนแรง
เมื่อเห็นมารดาของตัวเองยังคิดทำลายท่านอาเก้าทั้งๆ ที่ใกล้สิ้นใจเช่นนี้มู่หรงลี่จึงหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า
“เชื้อพระวงศ์ทุกท่าน จักรพรรดิยังทรงพระเยาว์ พวกท่านต้องช่วยกันดูแลและสนับสนุนเขา ทว่า พวกท่านอย่าลืมว่าเขาคือจักรพรรดิของพวกท่าน”
ผู้มีศักดิ์เป็นปู่ของมู่หรงลี่ก้มศีรษะคำนับไทเฮาทั้งน้ำตาราวกับเสียใจมาก “ไทเฮาทรงวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ พวกเราล้วนทำเพื่อต้าเยี่ยน ไม่เคยคิดล่วงเกินฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ! พวกเราแค่ไม่อยากทำผิดต่อบรรพบุรุษตระกูลมู่หรง ขอเพียงฝ่าบาททรงยอมยกเลิกการเดิมพันแคว้นกับต้าโจว นำทัพต้าเยี่ยนต่อสู้กับต้าโจวจนถึงที่สุด ไม่ว่าพวกกระหม่อมหรืออ๋องจากเมืองต่างๆ ก็ล้วนสนับสนุนฝ่าบาทอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อเห็นเหล่าเชื้อพระวงศ์พากันก้มศีรษะคำนับและกล่าวว่าพร้อมสนับสนุนฝ่าบาทไทเฮาจึงวางใจลง นางถอนหายใจยาวออกมา สติค่อยๆ ลดเลือนลง
ตอนที่สติของนางกำลังเลือนรางนางเหมือนเห็นคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาในตำหนักใหญ่ นางรู้สึกกังวลขึ้นทันที นางอยากมองให้ชัดว่าคนผู้นั้นคือผู้ใดก็ได้ยินเสียงเขากล่าวขึ้น
“แสดงว่าที่อ๋องตามเมืองต่างๆ ก่อความวุ่นวายขึ้นก็ล้วนเกี่ยวข้องกับเชื้อพระวงศ์ทุกคนสินะ”
เมื่อทุกคนเห็นผู้สำเร็จราชการเซียวหรงเหยี่ยนเดินตัวตรงเข้ามาในตำหนักจึงทำตัวไม่ถูกทันที พวกเขาไม่รู้ว่าควรคำนับเซียวหรงเหยี่ยนหรือไม่
ขุนนางที่อยู่ฝ่ายผู้สำเร็จราชการเห็นเซียวหรงเหยี่ยนกลับมาจึงใจชื้นขึ้นทันที พวกเขารีบตะโกนขึ้นเสียงดังลั่น “คารวะผู้สำเร็จราชการ ขอให้ผู้สำเร็จราชการทรงพระเจริญพันปี พันๆ ปีพ่ะย่ะค่ะ”
เหล่าขุนนางรีบหันไปก้มศีรษะคำนับเซียวหรงเหยี่ยน
ด้านนอกเกิดเสียงสู้รบขึ้นอีกครั้ง องครักษ์ที่เซียวหรงเหยี่ยนพามาล้อมตำหนักใหญ่สีทองไว้หมดแล้ว
เหล่าเชื้อพระวงศ์ได้ยินจึงหันไปมองตรงประตูทางเข้าตำหนักใหญ่ ดวงตาของผู้มีศักดิ์เป็นปู่ของมู่หรงลี่ไหววูบ เขามองไปทางผู้สำเร็จราชการเซียวหรงเหยี่ยนที่ยืนอยู่หน้าประตูตำหนักอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง